พ ริ ต ตี้ เคียว ปี 2

วันนี้ (20 ธ.ค.2566) นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยว่า ป.ป.ช.มีมติชี้มูล 2 คดี โดยคดีแรกชี้มูลความผิดนายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ อดีตผู้อำน
กรณี พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (รมว.ทส.) แสดง
วันนี้ (20 ธ.ค.2566) นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยว่า ป.ป.ช.มีมติชี้มูล 2 คดี โดยคดีแรกชี้มูลความผิดนายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ, น.ส.ประนอม คงพิกุล ผู้อำนวยการกองพุทธศาสนสถาน และนายวตสวัตติ์ กิตติธีระสิทธิ์ หรือนายสงกรานต์ สาทาวงศ์ ผู้อำนวยการส่วนบูรณะพัฒนาวัดและการศาสนาสงเคราะห์ ทั้งนี้ มีมูลความผิดทางอาญา คดีทุจริตเงินทอนวัด วัดตำหนัก วัดโพธิ์ทอง และวัดจงกลณี จ.พระนครศรีอยุธยา โดยเรียกรับเงินทอนร้อยละ 90 ของเงินอุดหนุนวัดในปี 2556 อ้างว่าเป็นการส่งคืนสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เพื่อนำไปใช้ในกิจการอื่นและสนับสนุนวัดในถิ่นทุรกันดารในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ คณะกรรมการ ป.ป.ช.พิจารณาแล้ว มีมติแต่ละสำนวนคดี ดังนี้ การกระทำของนายนพรัตน์ มีมูลความผิดอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 และมาตรา 157 ประกอบมาตรา 83 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย ป.ป.ช. พ.ศ.2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 123/1 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 และมีมูลความผิดวินัยอย่างร้ายแรง ส่วน น.ส.ประนอม และนายวสวัตติ์ มีมูลความผิดอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 ประกอบมาตรา 86 และมาตรา 157 พ ริ ต ตี้ เคียว ปี 2ประกอบมาตรา 83 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย ป.ป.ช. พ.ศ.2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 123/1 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 และมีมูลความผิดวินัยอย่างร้ายแรง ทั้งนี้ ให้ส่งรายงานสำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน สำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และคำวินิจฉัยไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีเขตอำนาจ และส่งรายงานสำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน และคำวินิจฉัยไปยังผู้บังคับบัญชา เพื่อดำเนินการทางวินัย ตามฐานความผิดดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 91 (1) (2) และมาตรา 98 แล้วแต่กรณีต่อไป โดยให้แจ้งผู้บังคับบัญชาดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจเพื่อให้มีการชดใช้ค่าเสียหาย ตามพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ.2539 ด้วย นอกจากนี้ ยังชี้มูลความผิดนายนพรัตน์ และพวก ในคดีทุจริตเงินทอนวัดปีงบประมาณ 2557 ที่มีการจัดสรรให้วัดในพื้นที่ภาคกลางจำนวน 5 สำนวนคดี มูลค่าความเสียหาย 28,000,000 บาท ประกอบไปด้วยเงินอุดหนุนการบูรณะและปฏิสังขรณ์วัดที่ประสบวินาศภัย วัดห้วยจระเข้ จ.นครปฐม จำนวน 4,000,000 บาท, วัดใหญ่ จ.สมุทรปราการ จำนวน 4,000,000 บาท, วัดเพลง กรุงเทพมหานคร จำนวน 5,000,000 บาท, วัดเกาะแก้วอรุณคาม จำนวน 5,000,000 บาท และวัดกลางเหนือ จ.สมุทรสงคราม จำนวน 10,000,000 บาท อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง พศ.ไม่ย้าย"ประนอม คงพิกุล" ถูกสอบเงินอุดหนุนวัด-อ้างรอชี้มูลความผิด ป.ป.ช.ชี้อดีตข้าราชการ พศ.ผิดวินัยร้ายแรง ทุจริตเงินทอนวัด
วันนี้ (11 ธ.ค.2567) ความคืบหน้าหลัง น.ส.รักชนก ศรีนอก หรือ ไอซ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร พรรคประชาชน เดินทางมาศาลอาญารัชดา ตามนัดเพื่อฟังคำสั่งเพิกถอนการประกันตัว คดีดูหมิ่นสถาบันหมายเลขดำ อ