จากกรณีเกิดเหตุไฟไหม้ บริษัทมาบตาพุด แทงค์ เทอร์มินอล จำกัด ซึ่งตั้งอยู่บริเวณนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด
วันนี้ (23 ต.ค.2567) ศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ (SWOC) กรมชลคา สิ โน ไม่ โกงประทาน เปิดเผยว่า ฝนที่ตกหนักในพื้นที่ตอนบนของลุ่มน้ำเจ้าพระยา บริเวณ จ.นครสวรรค์ กำแพงเพชร ส่งผลให้มีปริมาณน้ำท่าสะสมในลำน้ำสาขาแ
วันนี้ (23 ต.ค.2567) ศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ (SWOC) กรมชลคา สิ โน ไม่ โกงประทาน เปิดเผยว่า ฝนที่ตกหนักในพื้นที่ตอนบนของลุ่มน้ำเจ้าพระยา บริเวณ จ.นครสวรรค์ กำแพงเพชร ส่งผลให้มีปริมาณน้ำท่าสะสมในลำน้ำสาขาและแม่น้ำสายหลักเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเมื่อเวลา 07.00 น. ที่สถานี C.2 อ.เมือง จ.นครสวรรค์ มีปริมาณน้ำไหลผ่านในอัตรา 1,766 ลบ.ม./วินาที และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้มีปริมาณน้ำไหลลงเหนือเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มสูงขึ้นอยู่ในระดับ + 17.21 ม.รทก. กรมชลประทาน รับน้ำเข้าระบบชลประทานทั้ง 2 ฝั่งของแม่น้ำเจ้าพระยาในอัตราที่เหมาะสม เพื่อไม่ให้กระทบต่อพื้นที่ชุมชนเนื่องจากยังคงมีฝนตกในระยะนี้ พร้อมทยอยปรับเพิ่มการระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยาแบบขั้นบันได ในอัตรา 1,550 ลบ.ม./วินาที ซึ่งจะส่งผลให้พื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกั้นน้ำบริเวณคลองโผงเผง จ.อ่างทอง คลองบางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา และ ต.หัวเวียง อ.เสนา ต.ลาดชิด ต.ท่าดินแดง อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา (แม่น้ำน้อย) ปริมาณน้ำเพิ่มสูงขึ้นจากปัจจุบันประมาณ 10-20 เซนติเมตร ทั้งนี้ กรมชลประทาน จะบริหารจัดการน้ำและควบคุมปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยาให้อยู่ในเกณฑ์ดังกล่าวอย่างเต็มศักยภาพ เพื่อช่วยลดผลกระทบที่เกิดกับประชาชนให้ได้มากที่สุด และขอให้ประชาชนติดตามข่าวสารสถานการณ์น้ำและการแจ้งเตือนจากหน่วยงานทางราชการอย่างใกล้ชิด เนื่องจากยังคงมีฝนในระยะนี้ อาจส่งผลให้มีปริมาณน้ำเพิ่มมากขึ้นอีก ซึ่งหากมีความจำเป็นต้องปรับเพิ่มการระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มขึ้น จะแจ้งให้ทราบเป็นระยะต่อไป ทั้งนี้คาดการณ์ระดับน้ำแม่น้ำเจ้าพระยาตอนล่าง 3 วันล่วงหน้า 23-25 ต.ค.2567 น้ำทะเลหนุนสูง วันนี้ - 24 ต.ค.2567 พื้นที่เสี่ยง จ.สมุทรปราการ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรสาคร นครปฐม และ สมุทรสงคราม ขอให้เฝ้าระวังน้ำเอ่อล้นตลิ่งในพื้นที่ลุ่มต่ำนอกแนวคันกั้นน้ำ อ่านข่าว : จับตาพายุโซนร้อน "จ่ามี" เคลื่อนตัวใกล้เวียดนาม อาจกระทบไทย สภาพอากาศวันนี้ "อีสาน" อุณหภูมิลดลง 1-3 องศา กทม.เจอฝน 40%
สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) ร่วมกับ สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) องค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต (อบจ.ภูเก็ต) มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต และหน่วยงานภาคีเครือข