ข้อมูลจากเพจเฟสบุ๊ก Lao-China Railway ระบุว่า รถไฟ

กรมศิลฯรื้อถอนสิ่งก่อสร้างใหม่ในวัดกัลยาฯ หลังจากวัดรื้อโบราณสถานที่ขึ้นทะเบียนไว้แล้ว กรมศิลปากรนำกำลังเข้ารื้อถอนสิ่งปลูกสร้างใหม่ ที่วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร หลังจากกรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณ
“กรมศิลปากร แต่ง 2 เพลงเพิ่ม ถวายอาลัย “เจ้าฟ้าเพชรรัตนฯ” “กรมศิลปากร แต่ง 2 เพลงเพิ่ม ถวายอาลัย “เจ้าฟ้าเพชรรัตนฯ” นายสถาพร นิยมทอง ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านดุริยางค์สากล สำนักการสังคีต กรมศิลปากร กล่าวว
ด้วยพระปรีชาสามารถและพระอุตสาหะของ พระเจ้าลูกยาเธอ กรมหมื่นราชบุรีดิเรกฤทธิ์ (พระอิสริยยศในขณะนั้น) ทรงช่วยแปลต้นร่างที่เขียนเป็นภาษาฝรั่งเศสและอังกฤษมาเป็นภาษาไทย ทำให้ประเทศไทยมีประมวลกฎหมายของไทยฉบับแรก คือ ประมวลกฎหมายลักษณะอาญา ร.ศ. 127 ซึ่งใช้เวลาร่างทั้งสิ้น 11 ปี (ตั้งแต่ปี 2450-2451) และพระองค์เจ้ารพีฯ ยังทรงมีบทบาทสำคัญในประมวลกฎหมายฉบับอื่นๆ อีกมากมาย อีกทั้งทรงมีพระดำริว่า ประมวลกฎหมายลักษณะอาญา ร.ศ. 127 ประมวลกฎหมายลักษณะอาญา ร.ศ. 127 จึงทรงสถาปนาโรงเรียนสอนกฎหมาย สังกัดกระทรวงยุติธรรม เพื่อให้โอกาสแก่ประชาชนทั้งหลายมีโอกาสรับการศึกษากฎหมาย รวมถึงยังทรงเป็นกรรมการในคณะกรรมการ "ศาลกรรมการฎีกา" ซึ่งเป็นศาลสูงสุดของประเทศ ที่ต่อมาได้กลายเป็นศาลฎีกาในปัจจุบัน ในสมัยพระองค์เจ้ารพีฯ การปฏิรูปงานศาล เป็นสิ่งจำเป็นต่อสยามประเทศเป็นอย่างมาก เนื่องด้วยอำนาจตุลาการขาดอิสระถูกแทรกแซงโดยอำนาจบริหาร มีการทุจริตการตัดสินคดี เกิดวิกฤตการณ์เรื่องเอกราชทางการศาล ชาวต่างชาติไม่ยอมขึ้นศาลไทย แต่กลับตั้งศาลกงสุลพิจารณาตัดสินคดีคนในชาติของตนเอง พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ เพื่อทำให้การยุติธรรมสามารถทัดเทียมกับนานาอารยประเทศ และเป็นที่ยอมรับของต่างประเทศ พระองค์เจ้ารพีฯ ทรงพัฒนาระบบงานยุติธรรมทั้งระบบ และมีการจัดทำประมวลกฎหมายเป็นลายลักษณ์อักษรดังกล่าวมาแล้ว เพื่อให้ศาลสามารถตัดสินคดีได้รวดเร็วยิ่งขึ้นและสามารถตัดสินคดีโดยปราศจากการแทรกแซงของฝ่ายปกครอง พระองค์เจ้ารพีฯ ทรงเอาพระทัยใส่คุณสมบัติของบุคคลผู้ทีสล็อต ไม่ ต้อง ฝาก ก่อน ไม่ ต้อง แชร์่จะมาเป็นผู้พิพากษาเป็นพิเศษ พระองค์ทรงยึดมั่นว่าความซื่อสัตย์สุจริตเป็นอุดมคติสำคัญยิ่งกว่ากิจส่วนตัวใดๆ ทรงตักเตือนผู้พิพากษาเสมอมาว่า "อย่ากินสินบน" ระบบศาลตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 มาตรา 3 บัญญัติว่า ตามบทบัญญัติดังกล่าวได้แบ่งอำนาจอธิปไตยออกเป็น 3 ทาง โดยพระมหากษัตริย์ทรงใช้อำนาจตุลาการทางศาล เท่ากับทรงมอบให้ศาลเป็นผู้ใช้อำนาจตุลาการซึ่งเป็นอำนาจในการวินิจฉัย ชี้ขาดข้อพิพาทที่เกิดขึ้นเป็นคดีมาสู่ศาล ทั้งเป็นหน้าที่ของศาลที่จะต้องปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวให้สำเร็จ ลุล่วงไปตามหลักนิติธรรม โดยรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย กำหนดให้มี 4 ศาล คือ ศาลรัฐธรรมนูญเป็นกลไกหลักสำคัญในการทำหน้าที่ตีความรัฐธรรมนูญ ว่ากฎหมายใดจะขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญมิได้ ศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจหน้าที่พิทักษ์รัฐธรรมนูญ การคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชน การคุ้มครองประโยชน์สาธารณะ และการธำรงรักษาไว้ซึ่งการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เมื่อมีข้อโต้แย้งเกี่ยวกับความชอบด้วยรัฐธรรมนูญของกฎหมายหรือเรื่องการกระทำ การปฏิบัติตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญขึ้น และเป็นคดีเข้าสู่ศาลรัฐธรรมนูญโดยนำบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญมาใช้บังคับกับข้อเท็จจริงในแต่ละกรณี ซึ่งคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญมีผลผูกพันกับทุกองค์กร ศาลรัฐธรรมนูญ ศาลรัฐธรรมนูญ ตามมาตรา 200 กำหนดให้ศาลรัฐธรรมนูญ ประกอบด้วย ประธานศาลรัฐธรรมนูญ 1 คน ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญอื่นอีก 8 คน ซึ่งพระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งตามคำแนะนำของวุฒิสภา ได้แก่ ด้วยองค์ประกอบของ องค์คณะศาลรัฐธรรมนูญทั้ง 9 คนนั้น มีเพียง 3 คนที่เป็น "ผู้พิพากษา" ดังนั้นจึงเป็นที่มา ที่คำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ จะไม่ใช้คำว่า "คำพิพากษา" แต่จะใช้คำว่า "คำวินิจฉัย หรือ คำสั่ง" แทน เพราะผู้ตัดสินมิใช่ผู้พิพากษาทั้งองค์คณะ และคำวินิจัยของศาลรัฐธรรมนูญนั้น ไม่สามารถใช้หลักจารีตประเพณี หยิบยกเอาคำตัดสินในอดีต หรือคำพิพากษาฎีกาในอดีต เป็นบรรทัดฐานเฉกเช่นเดียวกับคำพิพากษาของศาลยุติธรรมได้ เนื่องจาก ศาลรัฐธรรมนูญจะตัดสินบนหลักของรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันที่บังคับใช้เท่านั้น เป็นศาลที่จัดตั้งขึ้นใหม่ตามรัฐธรรมนูญฉบับ 2540 มาตรา 276 และมีการจัดตั้งขึ้นตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2542 มีฐานะเทียบเท่าศาลยุติธรรมและมีอำนาจหน้าที่พิจารณาพิพากษา "คดีปกครอง" เช่น คดีพิพาทระหว่างหน่วยงานของรัฐกับเอกชน และ รัฐต่อรัฐ ทั้งนี้เพื่อปกป้องคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชนและเพื่อสร้างบรรทัดฐานที่ถูกต้องในการปฏิบัติราชการ ศาลปกครองออกเป็น 2 ชั้น คือ ศาลปกครอง ศาลปกครอง ตามรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 194 บัญญัติว่า ศาลปกครองเป็นศาลที่มีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีทั้งปวง เว้นแต่คดีที่รัฐธรรมนูญหรือกฎหมายบัญญัติให้อยู่ในอำนาจของศาลอื่น โดยที่ศาลปกครองจะตัดสินคดีทั่วๆ ไป ที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันของประชาชนมากที่สุด ศาลประเภทนี้เป็นศาลเก่าแก่ที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ และเป็นศาลที่ทุกประเทศทั่วโลกมี ในขณะที่ศาลรัฐธรรมนูญ ศาลปกครอง ไม่ได้มีในทุกประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกาที่มีเพียงศาลยุติธรรมเท่านั้น ศาลยุติธรรมแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ศาลยุติธรรม ศาลยุติธรรม ศาลยุติธรรมแบ่งออกเป็น 3 ชั้น ศาลฎีกา ศาลอุทธรณ์ หรือศาลชั้นต้น ออกเป็นแผนกหรือหน่วยงานที่เรียกชื่ออย่างอื่นให้มีผู้พิพากษาหัวหน้าแผนกหรือผู้พิพากษาหัวหน้าหน่วยงานที่เรียกชื่ออย่างอื่น แผนกหรือหน่วยงานละ 1 คน เช่น ในศาลฎีกา มีการตั้งแผนกคดีแรงงาน, แผนกคดีล้มละลาย, และแผนกคดีเยาวชนและครอบครัว, แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เป็นต้น ตามมาตรา 199 บัญญัติว่า ศาลทหารมีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีอาญาที่ผู้กระทำความผิดเป็นบุคคลซึ่งอยู่ในอำนาจศาลทหารและคดีอื่น ทั้งนี้ตามที่กฎหมายบัญญัติ การจัดตั้ง วิธีพิจารณาคดี และการดำเนินงานของศาลทหาร ตลอดจนการแต่งตั้งและการให้ตุลาการศาลทหารพ้นจากตำแหน่ง ให้เป็นไปตามที่กฎหมายบัญญัติ ศาลทหาร ศาลทหาร ตั้งแต่ปี 2434 รัชกาลที่ 5 ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ปรับปรุงเรื่องการศาลทั้งหมด โดยตั้งกระทรวงยุติธรรมขึ้น และรวบรวมศาลต่างๆ เข้ามาสังกัดกระทรวงยุติธรรมจนหมดสิ้นทุกศาล ยกเว้นแต่เพียงศาลทหารเพียงศาลเดียวที่ยังคงให้สังกัดกระทรวงกลาโหมอยู่ตามเดิม ศาลทหารมี 2 ประเภท คือ ที่มา : ระบบศาลตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 และพระธรรมนูญศาลยุติธรรม, สถาบันวิจัยและพัฒนารพีพัฒนศักดิ์, สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ อ่าน : 7 สิงหาคม "วันรพี" พระบิดาแห่งกฎหมายไทย
10 วันสุดท้าย ก่อนการเลือกตั้ง นายก อบต. และสมาชิกสภา อบต. อาจเรียกได้ว่า เป็นโค้งสุดท้ายของการหาเสี
ด้วยพระปรีชาสามารถและพระอุตสาหะของ พระเจ้าลูกยาเธอ กรมหมื่นราชบุรีดิเรกฤทธิ์ (พระอิสริยยศในขณะนั้น)
วันนี้ (8 พ.ย.2564) เมื่อเวลา 05.37 น. กองเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา รายงานว่า เกิดแผ่นดิน
ด้วยพระปรีชาสามารถและพระอุตสาหะของ พระเจ้าลูกยาเธอ กรมหมื่นราชบุรีดิเรกฤทธิ์ (พระอิสริยยศในขณะนั้น) ทรงช่วยแปลต้นร่างที่เขียนเป็นภาษาฝรั่งเศสและอังกฤษมาเป็นภาษาไทย ทำให้ประเทศไทยมีประมวลกฎหมายของไทยฉบับแรก คือ ประมวลกฎหมายลักษณะอาญา ร.ศ. 127 ซึ่งใช้เวลาร่างทั้งสิ้น 11 ปี (ตั้งแต่ปี 2450-2451) และพระองค์เจ้ารพีฯ ยังทรงมีบทบาทสำคัญในประมวลกฎหมายฉบับอื่นๆ อีกมากมาย อีกทั้งทรงมีพระดำริว่า ประมวลกฎหมายลักษณะอาญา ร.ศ. 127 ประมวลกฎหมายลักษณะอาญา ร.ศ. 127 จึงทรงสถาปนาโรงเรียนสอนกฎหมาย สังกัดกระทรวงยุติธรรม เพื่อให้โอกาสแก่ประชาชนทั้งหลายมีโอกาสรับการศึกษากฎหมาย รวมถึงยังทรงเป็นกรรมการในคณะกรรมการ "ศาลกรรมการฎีกา" ซึ่งเป็นศาลสูงสุดของประเทศ ที่ต่อมาได้กลายเป็นศาลฎีกาในปัจจุบัน ในสมัยพระองค์เจ้ารพีฯ การปฏิรูปงานศาล เป็นสิ่งจำเป็นต่อสยามประเทศเป็นอย่างมาก เนื่องด้วยอำนาจตุลาการขาดอิสระถูกแทรกแซงโดยอำนาจบริหาร มีการทุจริตการตัดสินคดี เกิดวิกฤตการณ์เรื่องเอกราชทางการศาล ชาวต่างชาติไม่ยอมขึ้นศาลไทย แต่กลับตั้งศาลกงสุลพิจารณาตัดสินคดีคนในชาติของตนเอง พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ เพื่อทำให้การยุติธรรมสามารถทัดเทียมกับนานาอารยประเทศ และเป็นที่ยอมรับของต่างประเทศ พระองค์เจ้ารพีฯ ทรงพัฒนาระบบงานยุติธรรมทั้งระบบ และมีการจัดทำประมวลกฎหมายเป็นลายลักษณ์อักษรดังกล่าวมาแล้ว เพื่อให้ศาลสามารถตัดสินคดีได้รวดเร็วยิ่งขึ้นและสามารถตัดสินคดีโดยปราศจากการแทรกแซงของฝ่ายปกครอง พระองค์เจ้ารพีฯ ทรงเอาพระทัยใส่คุณสมบัติของบุคคลผู้ทีสล็อต ไม่ ต้อง ฝาก ก่อน ไม่ ต้อง แชร์่จะมาเป็นผู้พิพากษาเป็นพิเศษ พระองค์ทรงยึดมั่นว่าความซื่อสัตย์สุจริตเป็นอุดมคติสำคัญยิ่งกว่ากิจส่วนตัวใดๆ ทรงตักเตือนผู้พิพากษาเสมอมาว่า "อย่ากินสินบน" ระบบศาลตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 มาตรา 3 บัญญัติว่า ตามบทบัญญัติดังกล่าวได้แบ่งอำนาจอธิปไตยออกเป็น 3 ทาง โดยพระมหากษัตริย์ทรงใช้อำนาจตุลาการทางศาล เท่ากับทรงมอบให้ศาลเป็นผู้ใช้อำนาจตุลาการซึ่งเป็นอำนาจในการวินิจฉัย ชี้ขาดข้อพิพาทที่เกิดขึ้นเป็นคดีมาสู่ศาล ทั้งเป็นหน้าที่ของศาลที่จะต้องปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวให้สำเร็จ ลุล่วงไปตามหลักนิติธรรม โดยรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย กำหนดให้มี 4 ศาล คือ ศาลรัฐธรรมนูญเป็นกลไกหลักสำคัญในการทำหน้าที่ตีความรัฐธรรมนูญ ว่ากฎหมายใดจะขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญมิได้ ศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจหน้าที่พิทักษ์รัฐธรรมนูญ การคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชน การคุ้มครองประโยชน์สาธารณะ และการธำรงรักษาไว้ซึ่งการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เมื่อมีข้อโต้แย้งเกี่ยวกับความชอบด้วยรัฐธรรมนูญของกฎหมายหรือเรื่องการกระทำ การปฏิบัติตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญขึ้น และเป็นคดีเข้าสู่ศาลรัฐธรรมนูญโดยนำบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญมาใช้บังคับกับข้อเท็จจริงในแต่ละกรณี ซึ่งคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญมีผลผูกพันกับทุกองค์กร ศาลรัฐธรรมนูญ ศาลรัฐธรรมนูญ ตามมาตรา 200 กำหนดให้ศาลรัฐธรรมนูญ ประกอบด้วย ประธานศาลรัฐธรรมนูญ 1 คน ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญอื่นอีก 8 คน ซึ่งพระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งตามคำแนะนำของวุฒิสภา ได้แก่ ด้วยองค์ประกอบของ องค์คณะศาลรัฐธรรมนูญทั้ง 9 คนนั้น มีเพียง 3 คนที่เป็น "ผู้พิพากษา" ดังนั้นจึงเป็นที่มา ที่คำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ จะไม่ใช้คำว่า "คำพิพากษา" แต่จะใช้คำว่า "คำวินิจฉัย หรือ คำสั่ง" แทน เพราะผู้ตัดสินมิใช่ผู้พิพากษาทั้งองค์คณะ และคำวินิจัยของศาลรัฐธรรมนูญนั้น ไม่สามารถใช้หลักจารีตประเพณี หยิบยกเอาคำตัดสินในอดีต หรือคำพิพากษาฎีกาในอดีต เป็นบรรทัดฐานเฉกเช่นเดียวกับคำพิพากษาของศาลยุติธรรมได้ เนื่องจาก ศาลรัฐธรรมนูญจะตัดสินบนหลักของรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันที่บังคับใช้เท่านั้น เป็นศาลที่จัดตั้งขึ้นใหม่ตามรัฐธรรมนูญฉบับ 2540 มาตรา 276 และมีการจัดตั้งขึ้นตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2542 มีฐานะเทียบเท่าศาลยุติธรรมและมีอำนาจหน้าที่พิจารณาพิพากษา "คดีปกครอง" เช่น คดีพิพาทระหว่างหน่วยงานของรัฐกับเอกชน และ รัฐต่อรัฐ ทั้งนี้เพื่อปกป้องคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชนและเพื่อสร้างบรรทัดฐานที่ถูกต้องในการปฏิบัติราชการ ศาลปกครองออกเป็น 2 ชั้น คือ ศาลปกครอง ศาลปกครอง ตามรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 194 บัญญัติว่า ศาลปกครองเป็นศาลที่มีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีทั้งปวง เว้นแต่คดีที่รัฐธรรมนูญหรือกฎหมายบัญญัติให้อยู่ในอำนาจของศาลอื่น โดยที่ศาลปกครองจะตัดสินคดีทั่วๆ ไป ที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันของประชาชนมากที่สุด ศาลประเภทนี้เป็นศาลเก่าแก่ที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ และเป็นศาลที่ทุกประเทศทั่วโลกมี ในขณะที่ศาลรัฐธรรมนูญ ศาลปกครอง ไม่ได้มีในทุกประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกาที่มีเพียงศาลยุติธรรมเท่านั้น ศาลยุติธรรมแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ศาลยุติธรรม ศาลยุติธรรม ศาลยุติธรรมแบ่งออกเป็น 3 ชั้น ศาลฎีกา ศาลอุทธรณ์ หรือศาลชั้นต้น ออกเป็นแผนกหรือหน่วยงานที่เรียกชื่ออย่างอื่นให้มีผู้พิพากษาหัวหน้าแผนกหรือผู้พิพากษาหัวหน้าหน่วยงานที่เรียกชื่ออย่างอื่น แผนกหรือหน่วยงานละ 1 คน เช่น ในศาลฎีกา มีการตั้งแผนกคดีแรงงาน, แผนกคดีล้มละลาย, และแผนกคดีเยาวชนและครอบครัว, แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เป็นต้น ตามมาตรา 199 บัญญัติว่า ศาลทหารมีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีอาญาที่ผู้กระทำความผิดเป็นบุคคลซึ่งอยู่ในอำนาจศาลทหารและคดีอื่น ทั้งนี้ตามที่กฎหมายบัญญัติ การจัดตั้ง วิธีพิจารณาคดี และการดำเนินงานของศาลทหาร ตลอดจนการแต่งตั้งและการให้ตุลาการศาลทหารพ้นจากตำแหน่ง ให้เป็นไปตามที่กฎหมายบัญญัติ ศาลทหาร ศาลทหาร ตั้งแต่ปี 2434 รัชกาลที่ 5 ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ปรับปรุงเรื่องการศาลทั้งหมด โดยตั้งกระทรวงยุติธรรมขึ้น และรวบรวมศาลต่างๆ เข้ามาสังกัดกระทรวงยุติธรรมจนหมดสิ้นทุกศาล ยกเว้นแต่เพียงศาลทหารเพียงศาลเดียวที่ยังคงให้สังกัดกระทรวงกลาโหมอยู่ตามเดิม ศาลทหารมี 2 ประเภท คือ ที่มา : ระบบศาลตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 และพระธรรมนูญศาลยุติธรรม, สถาบันวิจัยและพัฒนารพีพัฒนศักดิ์, สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ อ่าน : 7 สิงหาคม "วันรพี" พระบิดาแห่งกฎหมายไทย
วันนี้ (7 ก.พ.2568) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตำรวจกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.