slotxo allbetmsport168
วานนี้ (3 มี.ค.2564) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายก
฿55023
บาท7
ห้องนอน
71
ห้องน้ำ
820
ตร.ม.
฿ 8134
/ ตารางเมตร
slotxo allbetmsport168
วันนี้ (30 พ.ค.2565) สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า
UID: 46328
วันนี้ (9 ต.ค.2567) นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) กล่าวว่า เพ
ยอดจองบ้านและคอนโดมีเนียมที่เกิดขึ้นใหม่ลดลงอย่างต่อเนื่อง หลังจากสถานการณ์ผ่านพ้นจนถึงปัจจุบัน สะท้
ยอดจองบ้านและคอนโดมีเนียมที่เกิดขึ้นใหม่ลดลงอย่างต่อเนื่อง หลังจากสถานการณ์ผ่านพ้นจนถึงปัจจุบัน สะท้อนให้เห็นว่ากำลังซื้อของผู้บริโภคหดตัวลง เนื่องจากสถาบันการเงินทุกแห่งคุมเข้มในการปล่อยสินเชื่อ ลามถึงบ้านมือสองที่ปิดประกาศขายทิ้งราคาถูก ยังคงค้างเติ่งอยู่ในระบบ จนเกิดปัญหาที่เรียกว่า "โอเวอร์ ซัพพลาย" หลังจากหนี้เสียเริ่มลุกลามไปยังตลาดกลุ่มบน แม้หลายฝ่ายยังมองว่า การชะลอตัวครั้งนี้เป็นปัญหาชั่วคราวในระยะสั้นแต่ก็เริ่มมีข้อถกเถียงกันมากขึ้นว่าหรือภาคอสังหาริมทรัพย์ไทยกำลังอยู่ในวิกฤตอีกครั้ง พร้อมเรียกร้องมาตรการสนับสนุนจากภาครัฐ ที่เริ่มทยอยออกมาไม่ว่าจะเป็น มาตรการลดภาษี(Loan to value ratio :LTV) ของธนาคารประเทศไทย (ธปท.) ศูนย์วิจัยเกียรตินาคินภัทร (KKP Research )วิเคราะห์สถานการณ์อสังหาริมทรัพย์ไทยในปีนี้ว่า การชะลอตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ กำลังสะท้อนภาพปัญหาเชิงโครงสร้างของภาคอสังหาริมทรัพย์มากกว่าจะเป็นปัญหาชั่วคราวและจะรุนแรงยาวนานกว่าที่หลายฝ่ายประเมินไว้ ซึ่งมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ออกมาอาจช่วยไม่ได้มากนัก ขณะที่การปรับตัวของผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่โดยธรรมชาติปรับตัวได้ช้ากว่าการเปลี่ยนแปลงของตลาด ปัจจุบันปริมาณที่อยู่อาศัยใหม่ยังคงทยอยออกมาจากโครงการเปิดตัวใหม่ที่ขยายตัวในช่วง 2 ไตรมาสแรกของปี 2566 และคาดว่าจะยังมีอุปทานใหม่ที่กำลังก่อสร้างและทยอยออกมาอย่างต่อเนื่องหลังจากนี้ ทำให้การระบายอสังหาริมทรัพย์ส่วนเกินอาจต้องใช้ระยะเวลามากกว่า 6 ปี KKP Research วิเคราะห์อีกว่า อุปสงค์ที่อาจซบเซามากกว่าที่หลายฝ่ายคาด แม้ว่าการเติบโตของเศรษฐกิจตามการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ประมาณ 2.6%-2.7% ถือว่าอยู่ในระดับต่ำมาตลอดตั้งแต่หลังโควิด-19 ที่เติบโตได้เฉลี่ยมากกว่า 3% ยิ่งกว่านั้น ตัวเลขเศรษฐกิจ (GDP) อาจไม่สะท้อนภาพเศรษฐกิจและอุปสงค์ที่แท้จริงได้ นับตั้งแต่จากโควิด-19 เศรษฐกิจไทยเติบโตได้จากภาคท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวเป็นหลัก ขณะที่ภาคเศรษฐกิจอื่น โดยเฉพาะในภาคการผลิตกลับเป็นตัวฉุดเศรษฐกิจที่หดตัวติดต่อกันมา 9 ไตรมาส ปัญหาหนี้ครัวเรือนที่สูงเป็นประวัติการณ์ จนทำให้ฐานะทางการเงินของครัวเรือนเปราะบาง (Household balance sheet recession) หากย้อนกลับไปตั้งแต่ช่วงก่อนวิกฤตต้มยำกุ้งจะพบว่าราคาบ้านสะท้อนถึงการบริโภคโดยรวมเพิ่มขึ้นไปพร้อม ๆ กับหนี้คงค้างของภาคเอกชนและครัวเรือน (Debt-fueled consumption) แต่สิ่งที่แตกต่างกันระหว่างปัจจุบันและอดีต คือ ในอดีตราคาบ้าน (และการบริโภคโดยรวม) ถูกผลักดันจากหนี้ของบริษัทเอกชนจนแตะจุดสูงสุดที่ระดับเกือบ 180% ของ GDP ก่อนเกิดเป็นวิกฤต ขณะที่ในปัจจุบันราคาบ้านกลับถูกผลักดันจากหนี้ของภาคครัวเรือนเป็นหลัก โดยหนี้ครัวเรือนเพิ่มขึ้นจากประมาณ 60% ในช่วงปี 1997 มามากกว่า 90% ในปัจจุบัน ยิ่งไปกว่านั้น คือ หนี้ครัวเรือนต่อ GDP อาจเป็นการประเมินกำลังซื้อของภาคครัวเรือนที่ดีเกินจริง เนื่องจากการเติบโตของ GDP ในระยะ 10 ปีหลัง ไม่ได้ส่งผ่านไปยัง ค่าจ้าง หรือกำลังซื้อของภาคครัวเรือน โดยตั้งแต่ปี2556จนถึงปี2567 เศรษฐกิจไทยเติบได้เฉลี่ย 3.5% ต่อปี ขณะที่ค่าจ้างเฉลี่ยเติบโตได้เพียง 1.6% ศูนย์วิจัยเกียรตินาคินภัทร มองว่าภาระหนี้ครัวเรือนที่สูงในระดับนี้กดดันกำลังซื้อของภาคครัวเรือนอย่างมาก โดยเฉพาะอสังหาริมทรัพย์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ขณะเดียวกันภาคธนาคารระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะในกลุ่มตลาดบ้านราคาปานกลาง-ล่าง ศูนย์วิจัยเกียรตินาคินภัทร ประเมินว่าระดับราคาบ้านจะปรับตัวลดลงตามกลไกตลาดในที่สุด แลslotxo allbetmsport168ะอาจสร้างแรงกระเพื่อมที่รุนแรงและยาวนานกว่าที่หลายฝ่ายคาดไว้ แม้ว่าปัจจุบันราคาของภาคอสังหาริมทรัพย์ยังไม่มีสัญญาณว่าจะปรับลดลงอย่างชัดเจน แต่สิ่งที่น่ากังวล คือ อัตราการทำกำไรขั้นต้นของกลุ่มอุตสาหกรรมผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ลดลงต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา สะท้อนว่ากำลังมีการแข่งขันด้านราคาที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น หรือ การประเมินราคาของภาคธนาคารที่เริ่มชะลอตัวตามแนวโน้มราคาซื้อขายที่แท้จริงของตลาดในภาพรวม ทั้งนี้ภาคครัวเรือนไทย เริ่มเข้าสู่วัฏจักรการลดหนี้ (Deleveraging cycle) ตั้งแต่ปลายปี2564จากภาระหนี้ที่สูงขึ้นและความสามารถในการชำระหนี้ที่ลดลง สินเชื่อที่อยู่อาศัยหดตัวและหนี้เสียเริ่มปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้การปล่อยสินเชื่อของภาคธนาคารที่เป็นปัจจัยขับเคลื่อนหลักหดตัวลดในรอบ 20 ปีและยังมีแนวโน้มจะหดตัวลงต่อเนื่องต่อไปอีกและจะกดดันราคาบ้านให้ปรับตัวลงตาม หลังจากฟองสบู่ราคาบ้านญี่ปุ่นแตกในปี 1990 สินเชื่อบ้านญี่ปุ่นเริ่มหดตัวอย่างรุนแรงและกดดันให้ราคาบ้านทั้งใหม่และมือสองลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งก่อให้เกิด Negative wealth effect กล่าวคือ ราคาบ้านที่ปรับลดลงทำให้มูลค่าของหลักประกันและความมั่งคั่งของครัวเรือนลดลง รวมถึง การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ การหดตัวของประชากรญี่ปุ่นในระยะยาวและการที่คนรุ่นใหม่เลือกจะสร้างครอบครัวลดลง (Household formation) ซึ่งนำไปสู่การเปลี่ยนทิศทางตลาดอสังหาริมทรัพย์ของญี่ปุ่นเป็นขาลงอย่างชัดเจนจนไม่สามารถฟื้นตัวสู่ระดับเดิมได้ สำหรับประเทศไทยมีทิศทางในระยะยาวอาจเดินรอยตามญี่ปุ่นเนื่องจาก โครง สร้างประชากรช่วงอายุ 25-65 ปี ซึ่งเป็นกลุ่มขับเคลื่อนหลักในภาคอสังหา ริมทรัพย์เริ่มเปลี่ยนเป็นทิศทางขาลง จึงมีแนวโน้มส่งผลให้อุปสงค์การซื้อที่อยู่อาศัยมีทิศทางชะลอตัวในระยะข้างหน้า นอกจากนี้ แรงซื้อต่างชาติยังมีข้อจำกัดด้านกฎหมายอยู่ “ยังเร็วไปที่จะสรุปว่าภาคอสังหาริมทรัพย์ไทยจะเดินตาม ทศวรรษที่สูญหาย ของญี่ปุ่น เนื่องจากจุดเริ่มต้นปัญหาของไทยไม่ได้เริ่มจากการเก็งกำไรในภาคอสังหาริมทรัพย์เหมือนญี่ปุ่นที่ในที่สุดนำไปสู่เหตุการณ์ฟองสบู่แตกจนเป็นวิกฤตเศรษฐกิจ แต่เศรษฐกิจไทยจะค่อย ๆ เข้าสู่ภาวะซบเซาอย่างค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งอีกทางหนึ่ง นับเป็นการเปิดโอกาสในการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจได้มากกว่า” สำหรับมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ออกมา มองว่ามาตรการเพิ่มเกณฑ์สัดส่วนสินเชื่อต่อมูลค่าบ้าน (Loan to Value: LTV) อาจมีส่วนพยุงภาคอสังหาริมทรัพย์ในระยะสั้นแค่บางส่วน แต่ในระยะยาวคงไม่สามารถพลิกฟื้นภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ซบเซาจากปัญหาเชิงโครงสร้างที่กล่าวถึงก่อนหน้านี้ได้ คาดว่ามาตรการ LTV จะส่งผลให้ ช่วยพยุงภาคอสังหาริมทรัพย์ราคาสูง โดยผู้กู้ในกลุ่มรายได้สูงและมีเครดิตที่ดีอยู่จะสามารถซื้อที่อยู่อาศัยได้โดยใช้เงินดาวน์น้อยลง อสังหาริมทรัพย์กลุ่มราคากลาง-ล่างอาจไม่ได้รับอานิสงส์มากนัก เนื่องจากธนาคารยังระมัดระวังการปล่อยสินเชื่อกับลูกค้ากลุ่มนี้ตามแนวโน้มรายได้และเศรษฐกิจที่ไม่ฟื้นตัวชัดเจนไม่ว่าจะมีมาตรการ LTV หรือไม่ก็ตาม นอกจากนี้ หากราคาบ้านมีแนวโน้มลดลงอย่างชัดเจนจะส่งผลให้ภาคธนาคารเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น เนื่องจากความเสี่ยงมูลค่าหลักประกันเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งอาจสร้างความเสียหายมหาศาลหากการผิดชำระหนี้เกิดขึ้น อย่างไรก็ดี การปรับเกณฑ์ LTV อาจจะช่วยให้ลูกค้าบางส่วนกล้าจะยื่นขอกู้มากขึ้นและทำให้ธนาคารสามารถเข้าถึงลูกหนี้ที่ยังมีเครดิตดีอยู่ได้เพิ่มขึ้น แม้ว่า มาตรการระยะสั้นมีความจำเป็นในการช่วยพยุงความเชื่อมั่นของภาคอสังหาริมทรัพย์ แต่ทางออกในระยะยาว มองว่ามี 2 แนวทาง คือ การยกระดับรายได้ของประชาชน ซึ่งจะช่วยแก้ไขปัญหาทั้งเรื่องหนี้ครัวเรือนและภาคอสังหาริมทรัพย์ซบเซาไปพร้อม ๆ กัน เศรษฐกิจที่ฟื้นตัว รายได้ที่เพิ่มขึ้นอย่างยั่งยืนจะช่วยภาระหนี้ของครัวเรือนลดลง ธนาคารมีความมั่นใจที่จะปล่อยสินเชื่อมากขึ้น และนโยบายแรงงานต่างชาติและการถือครองอสังหาริมทรัพย์ที่ต้องทบทวนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ เกิดน้อย โตต่ำ ของไทย โดยเฉพาะการส่งเสริมแรงงานทักษะสูงจากทั่วโลกให้เข้ามาในประเทศ ซึ่งสิทธิในการถือครองอสังหาริมทรัพย์ถือเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญในการดึงดูด แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องหาทางรับมือกับข้อกังวลของการเปิดเสรีให้ชาวต่างชาติมาถือครองอสังหาริมทรัพย์ที่สำคัญ เช่น การทำให้คนไทยมีต้นทุนที่แพงขึ้นในการเข้าถึงอสังหาริมทรัพย์และที่ดิน ภาครัฐไม่ควรเปิดเสรีอย่างไร้ข้อจำกัด ควรมีมาตรการหรือกำหนดหลักเกณฑ์อย่างเป็นระบบเกี่ยวกับประเภท จำนวน ระยะเวลา หรือพื้นที่ที่ชาวต่างชาติสามารถเข้ามาถือครองอสังหาริมทรัพย์ได้ หรือการเก็บภาษีถือครองของต่างชาติกับกลุ่มที่ไม่ใช่แรงงานทักษะสูงเป็นรายปี หรือตามมูลค่าอสังหาริมทรัพย์ เหมือนกับสิงคโปร์ที่กำหนดภาษีการซื้อ 60% ของราคาบ้านหากเป็นชาวต่างชาติ ซึ่งเป็นการสร้างรายได้แก่ภาครัฐอีกทางหนึ่ง ขณะเดียวกัน ภาครัฐอาจลงทุนหรืออุดหนุนกลุ่มคนไทยที่มีรายได้น้อยให้เข้าถึงอสังหาริมทรัพย์ในราคาที่ไม่แพงจนเกินไปได้มากขึ้น แน่นอนว่าการดำเนินการมาตรการต่าง ๆ ต้องศึกษาชั่งน้ำหนักข้อดีและข้อเสียอย่างถี่ถ้วน ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว มีการกำหนดเป้าหมายเชิงนโยบายและหลักเกณฑ์ที่ชัดเจน พร้อมรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในวงกว้างอย่างรอบด้านและครบถ้วน คงต้องติดตามว่า ภาคอสังหาฯที่เคยเป็นหนึ่งในเครื่องยนต์ผลักดันเศรษฐกิจไทยจะฟื้นกลับมารุ่งเรืองเหมือนในอดีต ซึ่งคิดเป็น 10% ของ GDP และจ้างงาน 2.5 – 3.0 ล้านคน หรือ 6-7% ของกำลังแรงงานทั้งหมด หากรัฐบาลปล่อยให้ภาคอสังหาฯปรับตัวโดยไม่มีมาตรการช่วยเหลือเลยอาจสร้างผลกระทบต่อเศรษฐกิจในวงกว้างมากกว่าในระยะสั้น อ่านข่าว: สคฝ.เผยปี 67 "คนไทยส่วนใหญ่" มีเงินฝากต่ำกว่า 1 ล้านบาท "ทุเรียน" ยังครองแชมป์ส่งออก 2 เดือนนำรายได้เข้าไทยกว่า 4 พันล้านบาท เจาะตลาด“ข้าวอินทรีย์” สนค.ชี้ปี 77 มูลค่าพุ่ง 4.05 แสนล้าน โตรับเทรนด์โลก
ในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา บราซิลพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ เพิ่มขึ้นมากกว่า 78,000 คน และมีผู้เสียชีวิต 2,
วันนี้ (9 ต.ค.2567) นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) กล่าวว่า เพ
ยอดจองบ้านและคอนโดมีเนียมที่เกิดขึ้นใหม่ลดลงอย่างต่อเนื่อง หลังจากสถานการณ์ผ่านพ้นจนถึงปัจจุบัน สะท้
ยอดจองบ้านและคอนโดมีเนียมที่เกิดขึ้นใหม่ลดลงอย่างต่อเนื่อง หลังจากสถานการณ์ผ่านพ้นจนถึงปัจจุบัน สะท้อนให้เห็นว่ากำลังซื้อของผู้บริโภคหดตัวลง เนื่องจากสถาบันการเงินทุกแห่งคุมเข้มในการปล่อยสินเชื่อ ลามถึงบ้านมือสองที่ปิดประกาศขายทิ้งราคาถูก ยังคงค้างเติ่งอยู่ในระบบ จนเกิดปัญหาที่เรียกว่า "โอเวอร์ ซัพพลาย" หลังจากหนี้เสียเริ่มลุกลามไปยังตลาดกลุ่มบน แม้หลายฝ่ายยังมองว่า การชะลอตัวครั้งนี้เป็นปัญหาชั่วคราวในระยะสั้นแต่ก็เริ่มมีข้อถกเถียงกันมากขึ้นว่าหรือภาคอสังหาริมทรัพย์ไทยกำลังอยู่ในวิกฤตอีกครั้ง พร้อมเรียกร้องมาตรการสนับสนุนจากภาครัฐ ที่เริ่มทยอยออกมาไม่ว่าจะเป็น มาตรการลดภาษี(Loan to value ratio :LTV) ของธนาคารประเทศไทย (ธปท.) ศูนย์วิจัยเกียรตินาคินภัทร (KKP Research )วิเคราะห์สถานการณ์อสังหาริมทรัพย์ไทยในปีนี้ว่า การชะลอตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ กำลังสะท้อนภาพปัญหาเชิงโครงสร้างของภาคอสังหาริมทรัพย์มากกว่าจะเป็นปัญหาชั่วคราวและจะรุนแรงยาวนานกว่าที่หลายฝ่ายประเมินไว้ ซึ่งมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ออกมาอาจช่วยไม่ได้มากนัก ขณะที่การปรับตัวของผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่โดยธรรมชาติปรับตัวได้ช้ากว่าการเปลี่ยนแปลงของตลาด ปัจจุบันปริมาณที่อยู่อาศัยใหม่ยังคงทยอยออกมาจากโครงการเปิดตัวใหม่ที่ขยายตัวในช่วง 2 ไตรมาสแรกของปี 2566 และคาดว่าจะยังมีอุปทานใหม่ที่กำลังก่อสร้างและทยอยออกมาอย่างต่อเนื่องหลังจากนี้ ทำให้การระบายอสังหาริมทรัพย์ส่วนเกินอาจต้องใช้ระยะเวลามากกว่า 6 ปี KKP Research วิเคราะห์อีกว่า อุปสงค์ที่อาจซบเซามากกว่าที่หลายฝ่ายคาด แม้ว่าการเติบโตของเศรษฐกิจตามการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ประมาณ 2.6%-2.7% ถือว่าอยู่ในระดับต่ำมาตลอดตั้งแต่หลังโควิด-19 ที่เติบโตได้เฉลี่ยมากกว่า 3% ยิ่งกว่านั้น ตัวเลขเศรษฐกิจ (GDP) อาจไม่สะท้อนภาพเศรษฐกิจและอุปสงค์ที่แท้จริงได้ นับตั้งแต่จากโควิด-19 เศรษฐกิจไทยเติบโตได้จากภาคท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวเป็นหลัก ขณะที่ภาคเศรษฐกิจอื่น โดยเฉพาะในภาคการผลิตกลับเป็นตัวฉุดเศรษฐกิจที่หดตัวติดต่อกันมา 9 ไตรมาส ปัญหาหนี้ครัวเรือนที่สูงเป็นประวัติการณ์ จนทำให้ฐานะทางการเงินของครัวเรือนเปราะบาง (Household balance sheet recession) หากย้อนกลับไปตั้งแต่ช่วงก่อนวิกฤตต้มยำกุ้งจะพบว่าราคาบ้านสะท้อนถึงการบริโภคโดยรวมเพิ่มขึ้นไปพร้อม ๆ กับหนี้คงค้างของภาคเอกชนและครัวเรือน (Debt-fueled consumption) แต่สิ่งที่แตกต่างกันระหว่างปัจจุบันและอดีต คือ ในอดีตราคาบ้าน (และการบริโภคโดยรวม) ถูกผลักดันจากหนี้ของบริษัทเอกชนจนแตะจุดสูงสุดที่ระดับเกือบ 180% ของ GDP ก่อนเกิดเป็นวิกฤต ขณะที่ในปัจจุบันราคาบ้านกลับถูกผลักดันจากหนี้ของภาคครัวเรือนเป็นหลัก โดยหนี้ครัวเรือนเพิ่มขึ้นจากประมาณ 60% ในช่วงปี 1997 มามากกว่า 90% ในปัจจุบัน ยิ่งไปกว่านั้น คือ หนี้ครัวเรือนต่อ GDP อาจเป็นการประเมินกำลังซื้อของภาคครัวเรือนที่ดีเกินจริง เนื่องจากการเติบโตของ GDP ในระยะ 10 ปีหลัง ไม่ได้ส่งผ่านไปยัง ค่าจ้าง หรือกำลังซื้อของภาคครัวเรือน โดยตั้งแต่ปี2556จนถึงปี2567 เศรษฐกิจไทยเติบได้เฉลี่ย 3.5% ต่อปี ขณะที่ค่าจ้างเฉลี่ยเติบโตได้เพียง 1.6% ศูนย์วิจัยเกียรตินาคินภัทร มองว่าภาระหนี้ครัวเรือนที่สูงในระดับนี้กดดันกำลังซื้อของภาคครัวเรือนอย่างมาก โดยเฉพาะอสังหาริมทรัพย์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ขณะเดียวกันภาคธนาคารระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะในกลุ่มตลาดบ้านราคาปานกลาง-ล่าง ศูนย์วิจัยเกียรตินาคินภัทร ประเมินว่าระดับราคาบ้านจะปรับตัวลดลงตามกลไกตลาดในที่สุด แลslotxo allbetmsport168ะอาจสร้างแรงกระเพื่อมที่รุนแรงและยาวนานกว่าที่หลายฝ่ายคาดไว้ แม้ว่าปัจจุบันราคาของภาคอสังหาริมทรัพย์ยังไม่มีสัญญาณว่าจะปรับลดลงอย่างชัดเจน แต่สิ่งที่น่ากังวล คือ อัตราการทำกำไรขั้นต้นของกลุ่มอุตสาหกรรมผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ลดลงต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา สะท้อนว่ากำลังมีการแข่งขันด้านราคาที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น หรือ การประเมินราคาของภาคธนาคารที่เริ่มชะลอตัวตามแนวโน้มราคาซื้อขายที่แท้จริงของตลาดในภาพรวม ทั้งนี้ภาคครัวเรือนไทย เริ่มเข้าสู่วัฏจักรการลดหนี้ (Deleveraging cycle) ตั้งแต่ปลายปี2564จากภาระหนี้ที่สูงขึ้นและความสามารถในการชำระหนี้ที่ลดลง สินเชื่อที่อยู่อาศัยหดตัวและหนี้เสียเริ่มปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้การปล่อยสินเชื่อของภาคธนาคารที่เป็นปัจจัยขับเคลื่อนหลักหดตัวลดในรอบ 20 ปีและยังมีแนวโน้มจะหดตัวลงต่อเนื่องต่อไปอีกและจะกดดันราคาบ้านให้ปรับตัวลงตาม หลังจากฟองสบู่ราคาบ้านญี่ปุ่นแตกในปี 1990 สินเชื่อบ้านญี่ปุ่นเริ่มหดตัวอย่างรุนแรงและกดดันให้ราคาบ้านทั้งใหม่และมือสองลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งก่อให้เกิด Negative wealth effect กล่าวคือ ราคาบ้านที่ปรับลดลงทำให้มูลค่าของหลักประกันและความมั่งคั่งของครัวเรือนลดลง รวมถึง การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ การหดตัวของประชากรญี่ปุ่นในระยะยาวและการที่คนรุ่นใหม่เลือกจะสร้างครอบครัวลดลง (Household formation) ซึ่งนำไปสู่การเปลี่ยนทิศทางตลาดอสังหาริมทรัพย์ของญี่ปุ่นเป็นขาลงอย่างชัดเจนจนไม่สามารถฟื้นตัวสู่ระดับเดิมได้ สำหรับประเทศไทยมีทิศทางในระยะยาวอาจเดินรอยตามญี่ปุ่นเนื่องจาก โครง สร้างประชากรช่วงอายุ 25-65 ปี ซึ่งเป็นกลุ่มขับเคลื่อนหลักในภาคอสังหา ริมทรัพย์เริ่มเปลี่ยนเป็นทิศทางขาลง จึงมีแนวโน้มส่งผลให้อุปสงค์การซื้อที่อยู่อาศัยมีทิศทางชะลอตัวในระยะข้างหน้า นอกจากนี้ แรงซื้อต่างชาติยังมีข้อจำกัดด้านกฎหมายอยู่ “ยังเร็วไปที่จะสรุปว่าภาคอสังหาริมทรัพย์ไทยจะเดินตาม ทศวรรษที่สูญหาย ของญี่ปุ่น เนื่องจากจุดเริ่มต้นปัญหาของไทยไม่ได้เริ่มจากการเก็งกำไรในภาคอสังหาริมทรัพย์เหมือนญี่ปุ่นที่ในที่สุดนำไปสู่เหตุการณ์ฟองสบู่แตกจนเป็นวิกฤตเศรษฐกิจ แต่เศรษฐกิจไทยจะค่อย ๆ เข้าสู่ภาวะซบเซาอย่างค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งอีกทางหนึ่ง นับเป็นการเปิดโอกาสในการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจได้มากกว่า” สำหรับมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ออกมา มองว่ามาตรการเพิ่มเกณฑ์สัดส่วนสินเชื่อต่อมูลค่าบ้าน (Loan to Value: LTV) อาจมีส่วนพยุงภาคอสังหาริมทรัพย์ในระยะสั้นแค่บางส่วน แต่ในระยะยาวคงไม่สามารถพลิกฟื้นภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ซบเซาจากปัญหาเชิงโครงสร้างที่กล่าวถึงก่อนหน้านี้ได้ คาดว่ามาตรการ LTV จะส่งผลให้ ช่วยพยุงภาคอสังหาริมทรัพย์ราคาสูง โดยผู้กู้ในกลุ่มรายได้สูงและมีเครดิตที่ดีอยู่จะสามารถซื้อที่อยู่อาศัยได้โดยใช้เงินดาวน์น้อยลง อสังหาริมทรัพย์กลุ่มราคากลาง-ล่างอาจไม่ได้รับอานิสงส์มากนัก เนื่องจากธนาคารยังระมัดระวังการปล่อยสินเชื่อกับลูกค้ากลุ่มนี้ตามแนวโน้มรายได้และเศรษฐกิจที่ไม่ฟื้นตัวชัดเจนไม่ว่าจะมีมาตรการ LTV หรือไม่ก็ตาม นอกจากนี้ หากราคาบ้านมีแนวโน้มลดลงอย่างชัดเจนจะส่งผลให้ภาคธนาคารเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น เนื่องจากความเสี่ยงมูลค่าหลักประกันเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งอาจสร้างความเสียหายมหาศาลหากการผิดชำระหนี้เกิดขึ้น อย่างไรก็ดี การปรับเกณฑ์ LTV อาจจะช่วยให้ลูกค้าบางส่วนกล้าจะยื่นขอกู้มากขึ้นและทำให้ธนาคารสามารถเข้าถึงลูกหนี้ที่ยังมีเครดิตดีอยู่ได้เพิ่มขึ้น แม้ว่า มาตรการระยะสั้นมีความจำเป็นในการช่วยพยุงความเชื่อมั่นของภาคอสังหาริมทรัพย์ แต่ทางออกในระยะยาว มองว่ามี 2 แนวทาง คือ การยกระดับรายได้ของประชาชน ซึ่งจะช่วยแก้ไขปัญหาทั้งเรื่องหนี้ครัวเรือนและภาคอสังหาริมทรัพย์ซบเซาไปพร้อม ๆ กัน เศรษฐกิจที่ฟื้นตัว รายได้ที่เพิ่มขึ้นอย่างยั่งยืนจะช่วยภาระหนี้ของครัวเรือนลดลง ธนาคารมีความมั่นใจที่จะปล่อยสินเชื่อมากขึ้น และนโยบายแรงงานต่างชาติและการถือครองอสังหาริมทรัพย์ที่ต้องทบทวนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ เกิดน้อย โตต่ำ ของไทย โดยเฉพาะการส่งเสริมแรงงานทักษะสูงจากทั่วโลกให้เข้ามาในประเทศ ซึ่งสิทธิในการถือครองอสังหาริมทรัพย์ถือเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญในการดึงดูด แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องหาทางรับมือกับข้อกังวลของการเปิดเสรีให้ชาวต่างชาติมาถือครองอสังหาริมทรัพย์ที่สำคัญ เช่น การทำให้คนไทยมีต้นทุนที่แพงขึ้นในการเข้าถึงอสังหาริมทรัพย์และที่ดิน ภาครัฐไม่ควรเปิดเสรีอย่างไร้ข้อจำกัด ควรมีมาตรการหรือกำหนดหลักเกณฑ์อย่างเป็นระบบเกี่ยวกับประเภท จำนวน ระยะเวลา หรือพื้นที่ที่ชาวต่างชาติสามารถเข้ามาถือครองอสังหาริมทรัพย์ได้ หรือการเก็บภาษีถือครองของต่างชาติกับกลุ่มที่ไม่ใช่แรงงานทักษะสูงเป็นรายปี หรือตามมูลค่าอสังหาริมทรัพย์ เหมือนกับสิงคโปร์ที่กำหนดภาษีการซื้อ 60% ของราคาบ้านหากเป็นชาวต่างชาติ ซึ่งเป็นการสร้างรายได้แก่ภาครัฐอีกทางหนึ่ง ขณะเดียวกัน ภาครัฐอาจลงทุนหรืออุดหนุนกลุ่มคนไทยที่มีรายได้น้อยให้เข้าถึงอสังหาริมทรัพย์ในราคาที่ไม่แพงจนเกินไปได้มากขึ้น แน่นอนว่าการดำเนินการมาตรการต่าง ๆ ต้องศึกษาชั่งน้ำหนักข้อดีและข้อเสียอย่างถี่ถ้วน ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว มีการกำหนดเป้าหมายเชิงนโยบายและหลักเกณฑ์ที่ชัดเจน พร้อมรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในวงกว้างอย่างรอบด้านและครบถ้วน คงต้องติดตามว่า ภาคอสังหาฯที่เคยเป็นหนึ่งในเครื่องยนต์ผลักดันเศรษฐกิจไทยจะฟื้นกลับมารุ่งเรืองเหมือนในอดีต ซึ่งคิดเป็น 10% ของ GDP และจ้างงาน 2.5 – 3.0 ล้านคน หรือ 6-7% ของกำลังแรงงานทั้งหมด หากรัฐบาลปล่อยให้ภาคอสังหาฯปรับตัวโดยไม่มีมาตรการช่วยเหลือเลยอาจสร้างผลกระทบต่อเศรษฐกิจในวงกว้างมากกว่าในระยะสั้น อ่านข่าว: สคฝ.เผยปี 67 "คนไทยส่วนใหญ่" มีเงินฝากต่ำกว่า 1 ล้านบาท "ทุเรียน" ยังครองแชมป์ส่งออก 2 เดือนนำรายได้เข้าไทยกว่า 4 พันล้านบาท เจาะตลาด“ข้าวอินทรีย์” สนค.ชี้ปี 77 มูลค่าพุ่ง 4.05 แสนล้าน โตรับเทรนด์โลก
ในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา บราซิลพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ เพิ่มขึ้นมากกว่า 78,000 คน และมีผู้เสียชีวิต 2,
สิ่งอำนวยความสะดวก
การตกแต่ง
เครื่องปรับอากาศ
ชั้นบน
เตาอบ/ไมโครเวฟ
ความสะดวกโดยรอบ
กล้องวงจรปิด
เครืองปรับอากาศ
โถงรอลิฟท์ร้านอาหาร
ทางเข้าหลัก
ยอดสินเชื่อโดยประมาณ
รายละเอียดสินเชื่อ
ยอดสินเชื่อที่ต้องชำระต่อเดือนโดยประมาณ
฿ 0 / เดือน
฿ 0 เงินต้น
฿ 0 ดอกเบี้ย
ค่าใช้จ่ายที่อาจต้องมีเบื้องต้น
เงินดาวน์ทั้งหมด
฿ 0
เงินดาวน์
จำนวนสินเชื่อ ฿ 0 ในอัตรา 0% ของสินเชื่อต่อราคาบ้าน (Loan-to-value)
วันนี้ (3 พ.ย.2565) กรมทางหลวงชนบท (ทช.) เชิญชวนปร

วันนี้ (7 ก.พ.2568) คณาจารย์สาขาวิชานิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี ออกแถลงการณ์เรื่อง “สนับสนุนบทบาทกำกับดูแลกิจการสื่อสารและพิทักษ์ผลประโยชน์สาธารณะของกสทช” โดยมีสาระสำคัญ เพื่อ
ดูรายละเอียดโครงการคำถามที่พบบ่อย
วันนี้ (10 ต.ค.65) เมื่อเวลา 14.00 น.ที่ผ่านมา ที่อาคารสโมสรพนักงานเทศบาลเมืองพะเยา ต.เวียง อ.เมืองพ
กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมง ของวันที่ 8 พ.ค.2566 ประเทศไทยตอนบนมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดย
วันนี้ (16 ม.ค.2568) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท OPPO และ Realme จะต้องดำเนินการลบแอปพลิเคชันกู้เงิน
การเสวนาเรื่อง "นโยบายการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ กับการปรับตัวในภาคเกษตร” จัดขึ้นที่บ้านสวนซุมแซง อ.กัน
วันนี้ (19 ธ.ค.67) เพจเฟซบุ๊ก หน่วยกู้ภัยสว่างศรีวิไลฯ จ.บึงกาฬ รายงานว่า ตำรวจได้รับแจ้งเหตุ ชายใช้
ค้นหาประกาศอื่นรอบๆ ทุ่งพญาไท
จากสิ่งที่คุณค้นหา คุณอาจจะสนใจตัวเลือกต่อไปนี้
pg slot99 ทาง เข้า