วันนี้ (22 มี.ค.2565) คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย เปิดเผยเนื่องในโอกาสครบรอบเล่นพนันออนไลน์ โดนจับไหมวิเคราะห์บอลอินเตอร์มิลานวันนี้
วันนี้ (16 ก.ย.2565) รศ.วรศักดิ์ มหัทธโนบล อดีต ผอ.ศูนย์จีนศึกษา จุฬาฯ วิเคราะห์ในรายการ Newsroom Daily รายการออนไลน์ทางไทยพีบีเอส ถึงการเยือนประเทศอุซเบกิสถาน ของ สี จิ้นผิง ผู้นำจีน และ วลาดิเมียร์
เครียดมากไปไม่ใช่แค่ปวดหัว แต่มันทำให้ "อ้วน" ได้ด้วย! เวลาร่างกายเราเจอกับความเครียดหนัก ๆ สมองจะสั่งให้หลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอลออกมา เพื่อเตรียมพร้อมให้เราสู้กับปัญหา แต่พอเครียดบ่อย ๆ ฮอร์โมนตัวนี้ก็พุ่งกระฉูดจนเกินไป และแทนที่จะช่วยให้ร่างกายสมดุล กลับทำให้ระบบเผาผลาญรวนไปหมด ไขมันที่ควรจะถูกใช้ กลายเป็นสะสมแน่น ๆ ที่หน้าท้องแบบไม่ทันตั้งตัว ยิ่งไปกว่านั้น คอร์ติซอลยังเล่นเกมกับสมองเรา ทำให้เราอยากกินของหวาน ๆ มัน ๆ ตลอดเวลา เครียดทีไรก็ต้องพึ่งขนมหวานหรือชานมแก้เซ็ง พอนานเข้าไขมันก็พุ่งไม่หยุด และที่หนักกว่านั้นคือไขมันพวกนี้ส่วนใหญ่ไปสะสมตรงท้อง ซึ่งเสี่ยงสุด ๆ ต่อโรคเรื้อรังต่าง ๆ ไม่ใช่แค่เรื่องรูปร่างที่เปลี่ยนไป แต่สุขภาพโดยรวมก็แย่ตามไปด้วยถ้าไม่รีบจัดการ! รู้ไหมว่าทุกครั้งที่มนุษย์เครียด ร่างกายจะเปิดโหมด "สู้หรือหนี" หรือที่เรียกว่า Fight or Flight Response ซึ่งเป็นกลไกที่วิวัฒนาการมาจากยุคบรรพบุรุษมนุษย์ถ้ำ เมื่อก่อนมนุษย์ยุคหินต้องเจอเรื่องชวนหัวใจวายตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นสัตว์นักล่าที่พร้อมจะจู่โจม หรือสภเล่นพนันออนไลน์ โดนจับไหมวิเคราะห์บอลอินเตอร์มิลานวันนี้าพอากาศโหด ๆ ร่างกายเลยต้องมีระบบเตรียมพร้อมให้ "ลุย" กับอันตรายเหล่านี้ เมื่อสมองจับสัญญาณว่ามีภัย ระบบประสาทจะสั่งให้ปล่อยฮอร์โมน 2 ตัวหลัก "อะดรีนาลิน และ คอร์ติซอล" เพื่อช่วยให้ร่างกายพร้อมสู้เต็มที่ เช่น ทำให้หัวใจเต้นเร็วขึ้น ส่งเลือดไปกล้ามเนื้อเยอะ ๆ น้ำตาลในเลือดพุ่งสูงขึ้นเพื่อเติมพลังทันที แบบถ้าต้องวิ่งหนีเสือหรือสู้กับแมมมอธ ก็พร้อมบวกเต็มร้อย! แต่พอโลกเปลี่ยนมาถึงยุคปัจจุบัน มนุษย์ไม่ต้องหนีเสือหรือออกล่าสัตว์เหมือนในอดีตอีกต่อไป แต่ปัญหา คือ สมองยังมองความเครียดในชีวิตปัจจุบันเป็นภัยคุกคามเหมือนเดิม ไม่ว่าจะเป็นงานที่กองเป็นภูเขา การเรียนที่กดดัน หรือดรามาชีวิตป้าข้างบ้าน ร่างกายก็ยังตอบสนองเหมือนกับว่าเรากำลังเผชิญหน้าเสือโคร่งตัวใหญ่ ผลก็คือ "คอร์ติซอล" พุ่งกระฉูด แต่แทนที่เราจะได้วิ่งสู้หนีเพื่อใช้พลังงาน ร่างกายกลับต้องนั่งอยู่กับโต๊ะเรียน โต๊ะทำงาน หรือจมอยู่บนโซฟา นานวันเข้ากลไกนี้ก็พาให้ระบบเผาผลาญรวน ไขมันสะสมที่พุง สุขภาพจิตก็เริ่มแย่ แถมบางคนยังเครียดจนเสพติดความรู้สึก "พร้อมสู้" แบบไม่รู้ตัว จนร่างกายทำงานผิดปกติ คอร์ติซอล (Cortisol) ฟังชื่อแล้วดูเท่ ๆ แต่ถ้าหลั่งมากเกินไป ก็กลายเป็นวายร้ายที่ทำให้หลายคนพุงป่องแบบไม่รู้ตัว กลไกการหลั่งคอร์ติซอลเกิดขึ้นเมื่อเวลาที่ร่างกายเราเครียด คอร์ติซอลจะถูกปล่อยออกมาจากต่อมหมวกไตทันที เหมือนเป็นตัวช่วยฉุกเฉินที่ทำให้เราพร้อมสู้กับปัญหา หน้าที่หลักของคอร์ติซอล คือ ช่วยให้ร่างกายปรับตัวในระยะสั้น เพิ่มพลังงานและความพร้อมเพื่อรับมือกับความเครียด แต่ถ้าร่างกายเผชิญกับความเครียดเรื้อรัง ระดับคอร์ติซอลก็จะสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เช่นในบางคน ความเครียดไม่ได้เป็นเพียงแค่ปฏิกิริยาชั่วคราวต่อสถานการณ์ที่ยากลำบาก แต่กลับกลายเป็น "ความเสพติด" โดยที่พวกเขาอาจรู้ตัวก็ดี ไม่รู้ตัวก็ดี จะทำให้ร่างกายปรับตัวให้คุ้นชินกับระดับคอร์ติซอลที่สูงอยู่ตลอดเวลา เมื่อร่างกายหลั่งคอร์ติซอลในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง สมองจะเริ่มสร้างความเชื่อมโยงระหว่างความเครียดกับการหลั่งฮอร์โมนนี้ บางครั้งทำให้เกิดความรู้สึก "กระปรี้กระเปร่า" หรือ "พร้อมต่อสู้" จนกลายเป็นวงจรที่ทำให้บางคนเสพติดความเครียดโดยไม่รู้ตัว ผลที่ตามมาคือ พุง! คอร์ติซอลจะกระตุ้นให้ร่างกายสะสมไขมัน หลายคนที่รู้สึกว่าพุงออกง่ายเกินไป ทั้ง ๆ ที่ก็กินอาหารไม่ได้เยอะมากมาย อาจต้องนึกถึง "คอร์ติซอล" ไว้ก่อนความเครียดเรื้อรังทำให้คอร์ติซอลหลั่งออกมาเยอะเกินไป ซึ่งส่งผลให้ร่างกายสะสมไขมันบริเวณหน้าท้องและลำตัวส่วนกลางโดยเฉพาะที่เรียกว่า ไขมันอวัยวะภายใน (Visceral Fat) ซึ่งไม่ใช่แค่ทำให้รูปร่างเปลี่ยน แต่ยังเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ เบาหวาน และหลอดเลือดสมองอีกด้วย ข้อมูลของสมาคมโรคอ้วนในสหรัฐฯ (Obesity Society) พบว่าคนที่มีระดับคอร์ติซอลสูงนาน ๆ จะมีไขมันหน้าท้องเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 30 เมื่อเทียบกับคนที่คอร์ติซอลอยู่ในระดับปกติ ผลการวิจัยในปี 2566 จากวารสาร Journal of Clinical Endocrinology & Metabolism ระบุว่า คนที่มีคอร์ติซอลสูงเสี่ยงอ้วนมากขึ้นถึงร้อยละ 21 โดยเฉพาะในกลุ่มคนที่อายุมากกว่า 35 ปี อีกทั้งยังพบว่าร้อยละ 70 ของคนที่เครียดนานเกิน 6 เดือน มีน้ำหนักเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด สำหรับในประเทศไทย สถิติจากกรมอนามัยปี 2565 บอกว่ากว่าร้อยละ 45 ของคนที่มีภาวะอ้วน เกี่ยวข้องกับความเครียดในชีวิตประจำวัน เช่น ความกดดันจากที่ทำงานหรือปัญหาในครอบครัว นอกจากนี้ การสำรวจคนทำงานในกรุงเทพฯ ยังพบว่าคนที่มีระดับคอร์ติซอลสูงมีความเสี่ยงเป็นโรคอ้วนมากกว่าคนทั่วไปถึง 2 เท่า คอร์ติซอลไม่ได้แค่ทำให้พุงป่อง แต่มันยังทำลายสุขภาพในหลายด้าน เช่น เพิ่มความดันโลหิตทำให้เสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด กดภูมิคุ้มกันทำให้ร่างกายอ่อนแอ ติดเชื้อง่าย รวมไปจนถึงนอนหลับยาก ยิ่งนอนน้อย คอร์ติซอลก็ยิ่งเพิ่ม วนไปในวงจรความเครียดที่ไม่มีที่สิ้นสุด อยากให้คอร์ติซอลอยู่ในระดับสมดุลต้องเริ่มจากการจัดการ "ความเครียด" ให้ดี ลองหาเวลาทำสิ่งที่ช่วยให้ใจสงบ เช่น นั่งสมาธิ หายใจลึก ๆ หรือฟังเพลงโปรดบ้าง งานวิจัยบอกว่าการพักผ่อนจิตใจแค่วันละ 10-15 นาที ก็ช่วยลดระดับคอร์ติซอลได้เยอะ แถมยังทำให้รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น อีกอย่างที่ช่วยได้คือ "การดูแลร่างกาย" ให้แข็งแรง เช่น นอนหลับให้เพียงพอ (อย่างน้อย 7-8 ชม./วัน) ออกกำลังกายเบา ๆ อย่างเดินเล่นหรือโยคะ จะช่วยลดฮอร์โมนเครียดได้แบบธรรมชาติ และอย่าลืมกินอาหารที่มีประโยชน์ เน้นผัก ผลไม้ และโปรตีนดี ๆ เพื่อลดการอักเสบในร่างกาย จัดตารางชีวิตให้สมดุล หยุดทำงานบ้าง ชีวิตดีขึ้นแน่นอน อ่านข่าวอื่น : สายดื่มระวัง! แอลกอฮอล์ทุกหยด เสี่ยง "มะเร็ง" ทุกคน เริ่มวันแรก Easy E-Receipt 2.0 ช้อปสินค้าลดหย่อนภาษี อร่อยเต็มเปี่ยมโซเดียมเต็มคำ เตือนก่อน "ไตพัง" ปรับเปลี่ยนการกิน
วันนี้ (8 พ.ค.2565) นายธีระ วรรณสิทธิ์ นักวิ่งจาก จ.ระยอง ถึงกับน้ำตาไหล หลังวิ่งเข้าเส้นชัยในเวลา 3
เล่นพนันออนไลน์ โดนจับไหมวิเคราะห์บอลอินเตอร์มิลานวันนี้ -Surat Yasin Ayat 82 untuk Rezeki
วันนี้ (22 มี.ค.2565) คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย เปิดเผยเนื่องในโอกาสครบรอบเล่นพนันออนไลน์ โดนจับไหมวิเคราะห์บอลอินเตอร์มิลานวันนี้
วันนี้ (16 ก.ย.2565) รศ.วรศักดิ์ มหัทธโนบล อดีต ผอ.ศูนย์จีนศึกษา จุฬาฯ วิเคราะห์ในรายการ Newsroom Daily รายการออนไลน์ทางไทยพีบีเอส ถึงการเยือนประเทศอุซเบกิสถาน ของ สี จิ้นผิง ผู้นำจีน และ วลาดิเมียร์
เครียดมากไปไม่ใช่แค่ปวดหัว แต่มันทำให้ "อ้วน" ได้ด้วย! เวลาร่างกายเราเจอกับความเครียดหนัก ๆ สมองจะสั่งให้หลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอลออกมา เพื่อเตรียมพร้อมให้เราสู้กับปัญหา แต่พอเครียดบ่อย ๆ ฮอร์โมนตัวนี้ก็พุ่งกระฉูดจนเกินไป และแทนที่จะช่วยให้ร่างกายสมดุล กลับทำให้ระบบเผาผลาญรวนไปหมด ไขมันที่ควรจะถูกใช้ กลายเป็นสะสมแน่น ๆ ที่หน้าท้องแบบไม่ทันตั้งตัว ยิ่งไปกว่านั้น คอร์ติซอลยังเล่นเกมกับสมองเรา ทำให้เราอยากกินของหวาน ๆ มัน ๆ ตลอดเวลา เครียดทีไรก็ต้องพึ่งขนมหวานหรือชานมแก้เซ็ง พอนานเข้าไขมันก็พุ่งไม่หยุด และที่หนักกว่านั้นคือไขมันพวกนี้ส่วนใหญ่ไปสะสมตรงท้อง ซึ่งเสี่ยงสุด ๆ ต่อโรคเรื้อรังต่าง ๆ ไม่ใช่แค่เรื่องรูปร่างที่เปลี่ยนไป แต่สุขภาพโดยรวมก็แย่ตามไปด้วยถ้าไม่รีบจัดการ! รู้ไหมว่าทุกครั้งที่มนุษย์เครียด ร่างกายจะเปิดโหมด "สู้หรือหนี" หรือที่เรียกว่า Fight or Flight Response ซึ่งเป็นกลไกที่วิวัฒนาการมาจากยุคบรรพบุรุษมนุษย์ถ้ำ เมื่อก่อนมนุษย์ยุคหินต้องเจอเรื่องชวนหัวใจวายตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นสัตว์นักล่าที่พร้อมจะจู่โจม หรือสภเล่นพนันออนไลน์ โดนจับไหมวิเคราะห์บอลอินเตอร์มิลานวันนี้าพอากาศโหด ๆ ร่างกายเลยต้องมีระบบเตรียมพร้อมให้ "ลุย" กับอันตรายเหล่านี้ เมื่อสมองจับสัญญาณว่ามีภัย ระบบประสาทจะสั่งให้ปล่อยฮอร์โมน 2 ตัวหลัก "อะดรีนาลิน และ คอร์ติซอล" เพื่อช่วยให้ร่างกายพร้อมสู้เต็มที่ เช่น ทำให้หัวใจเต้นเร็วขึ้น ส่งเลือดไปกล้ามเนื้อเยอะ ๆ น้ำตาลในเลือดพุ่งสูงขึ้นเพื่อเติมพลังทันที แบบถ้าต้องวิ่งหนีเสือหรือสู้กับแมมมอธ ก็พร้อมบวกเต็มร้อย! แต่พอโลกเปลี่ยนมาถึงยุคปัจจุบัน มนุษย์ไม่ต้องหนีเสือหรือออกล่าสัตว์เหมือนในอดีตอีกต่อไป แต่ปัญหา คือ สมองยังมองความเครียดในชีวิตปัจจุบันเป็นภัยคุกคามเหมือนเดิม ไม่ว่าจะเป็นงานที่กองเป็นภูเขา การเรียนที่กดดัน หรือดรามาชีวิตป้าข้างบ้าน ร่างกายก็ยังตอบสนองเหมือนกับว่าเรากำลังเผชิญหน้าเสือโคร่งตัวใหญ่ ผลก็คือ "คอร์ติซอล" พุ่งกระฉูด แต่แทนที่เราจะได้วิ่งสู้หนีเพื่อใช้พลังงาน ร่างกายกลับต้องนั่งอยู่กับโต๊ะเรียน โต๊ะทำงาน หรือจมอยู่บนโซฟา นานวันเข้ากลไกนี้ก็พาให้ระบบเผาผลาญรวน ไขมันสะสมที่พุง สุขภาพจิตก็เริ่มแย่ แถมบางคนยังเครียดจนเสพติดความรู้สึก "พร้อมสู้" แบบไม่รู้ตัว จนร่างกายทำงานผิดปกติ คอร์ติซอล (Cortisol) ฟังชื่อแล้วดูเท่ ๆ แต่ถ้าหลั่งมากเกินไป ก็กลายเป็นวายร้ายที่ทำให้หลายคนพุงป่องแบบไม่รู้ตัว กลไกการหลั่งคอร์ติซอลเกิดขึ้นเมื่อเวลาที่ร่างกายเราเครียด คอร์ติซอลจะถูกปล่อยออกมาจากต่อมหมวกไตทันที เหมือนเป็นตัวช่วยฉุกเฉินที่ทำให้เราพร้อมสู้กับปัญหา หน้าที่หลักของคอร์ติซอล คือ ช่วยให้ร่างกายปรับตัวในระยะสั้น เพิ่มพลังงานและความพร้อมเพื่อรับมือกับความเครียด แต่ถ้าร่างกายเผชิญกับความเครียดเรื้อรัง ระดับคอร์ติซอลก็จะสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เช่นในบางคน ความเครียดไม่ได้เป็นเพียงแค่ปฏิกิริยาชั่วคราวต่อสถานการณ์ที่ยากลำบาก แต่กลับกลายเป็น "ความเสพติด" โดยที่พวกเขาอาจรู้ตัวก็ดี ไม่รู้ตัวก็ดี จะทำให้ร่างกายปรับตัวให้คุ้นชินกับระดับคอร์ติซอลที่สูงอยู่ตลอดเวลา เมื่อร่างกายหลั่งคอร์ติซอลในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง สมองจะเริ่มสร้างความเชื่อมโยงระหว่างความเครียดกับการหลั่งฮอร์โมนนี้ บางครั้งทำให้เกิดความรู้สึก "กระปรี้กระเปร่า" หรือ "พร้อมต่อสู้" จนกลายเป็นวงจรที่ทำให้บางคนเสพติดความเครียดโดยไม่รู้ตัว ผลที่ตามมาคือ พุง! คอร์ติซอลจะกระตุ้นให้ร่างกายสะสมไขมัน หลายคนที่รู้สึกว่าพุงออกง่ายเกินไป ทั้ง ๆ ที่ก็กินอาหารไม่ได้เยอะมากมาย อาจต้องนึกถึง "คอร์ติซอล" ไว้ก่อนความเครียดเรื้อรังทำให้คอร์ติซอลหลั่งออกมาเยอะเกินไป ซึ่งส่งผลให้ร่างกายสะสมไขมันบริเวณหน้าท้องและลำตัวส่วนกลางโดยเฉพาะที่เรียกว่า ไขมันอวัยวะภายใน (Visceral Fat) ซึ่งไม่ใช่แค่ทำให้รูปร่างเปลี่ยน แต่ยังเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ เบาหวาน และหลอดเลือดสมองอีกด้วย ข้อมูลของสมาคมโรคอ้วนในสหรัฐฯ (Obesity Society) พบว่าคนที่มีระดับคอร์ติซอลสูงนาน ๆ จะมีไขมันหน้าท้องเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 30 เมื่อเทียบกับคนที่คอร์ติซอลอยู่ในระดับปกติ ผลการวิจัยในปี 2566 จากวารสาร Journal of Clinical Endocrinology & Metabolism ระบุว่า คนที่มีคอร์ติซอลสูงเสี่ยงอ้วนมากขึ้นถึงร้อยละ 21 โดยเฉพาะในกลุ่มคนที่อายุมากกว่า 35 ปี อีกทั้งยังพบว่าร้อยละ 70 ของคนที่เครียดนานเกิน 6 เดือน มีน้ำหนักเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด สำหรับในประเทศไทย สถิติจากกรมอนามัยปี 2565 บอกว่ากว่าร้อยละ 45 ของคนที่มีภาวะอ้วน เกี่ยวข้องกับความเครียดในชีวิตประจำวัน เช่น ความกดดันจากที่ทำงานหรือปัญหาในครอบครัว นอกจากนี้ การสำรวจคนทำงานในกรุงเทพฯ ยังพบว่าคนที่มีระดับคอร์ติซอลสูงมีความเสี่ยงเป็นโรคอ้วนมากกว่าคนทั่วไปถึง 2 เท่า คอร์ติซอลไม่ได้แค่ทำให้พุงป่อง แต่มันยังทำลายสุขภาพในหลายด้าน เช่น เพิ่มความดันโลหิตทำให้เสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด กดภูมิคุ้มกันทำให้ร่างกายอ่อนแอ ติดเชื้อง่าย รวมไปจนถึงนอนหลับยาก ยิ่งนอนน้อย คอร์ติซอลก็ยิ่งเพิ่ม วนไปในวงจรความเครียดที่ไม่มีที่สิ้นสุด อยากให้คอร์ติซอลอยู่ในระดับสมดุลต้องเริ่มจากการจัดการ "ความเครียด" ให้ดี ลองหาเวลาทำสิ่งที่ช่วยให้ใจสงบ เช่น นั่งสมาธิ หายใจลึก ๆ หรือฟังเพลงโปรดบ้าง งานวิจัยบอกว่าการพักผ่อนจิตใจแค่วันละ 10-15 นาที ก็ช่วยลดระดับคอร์ติซอลได้เยอะ แถมยังทำให้รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น อีกอย่างที่ช่วยได้คือ "การดูแลร่างกาย" ให้แข็งแรง เช่น นอนหลับให้เพียงพอ (อย่างน้อย 7-8 ชม./วัน) ออกกำลังกายเบา ๆ อย่างเดินเล่นหรือโยคะ จะช่วยลดฮอร์โมนเครียดได้แบบธรรมชาติ และอย่าลืมกินอาหารที่มีประโยชน์ เน้นผัก ผลไม้ และโปรตีนดี ๆ เพื่อลดการอักเสบในร่างกาย จัดตารางชีวิตให้สมดุล หยุดทำงานบ้าง ชีวิตดีขึ้นแน่นอน อ่านข่าวอื่น : สายดื่มระวัง! แอลกอฮอล์ทุกหยด เสี่ยง "มะเร็ง" ทุกคน เริ่มวันแรก Easy E-Receipt 2.0 ช้อปสินค้าลดหย่อนภาษี อร่อยเต็มเปี่ยมโซเดียมเต็มคำ เตือนก่อน "ไตพัง" ปรับเปลี่ยนการกิน
วันนี้ (8 พ.ค.2565) นายธีระ วรรณสิทธิ์ นักวิ่งจาก จ.ระยอง ถึงกับน้ำตาไหล หลังวิ่งเข้าเส้นชัยในเวลา 3