วันนี้ (24 เม.ย.2565) นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ผู้สม

วันนี้ (26 ม.ค.2564) กรรมาธิการยุโรปด้านสุขภาพและความปลอดภัยอาหาร ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้บริษัทแอสตราเซเนกาชี้แจงแผนการจัดส่งวัคซีน COVID-19 อย่างละเอียด หลังจากการหารือเมื่อวันที่ 25 ม.ค.ที่ผ่านมา ไ
วันนี้ (5 ก.พ.2564) นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน กล่าวถึงความคืบหน้าในการจ่ายเงินเยียวยาประชาชนที่อยู่ในระบบประกันสังคมมาตรา 33 ว่า ขณะนี้สามารถสรุปหลักเกณฑ์จะจ่ายเม็ดเงินจำนวน 4,000 บาท ภายใต้โครงการ
"ติ๊ง" เสียงเตือนข้อความโทรศัพท์มือถือดังขึ้นกลางดึก เวลา 23.16 น. พนักงานออฟฟิศสาวคนหนึ่งอ่านข้อความ "ALERT! บัตรของท่านถูกระงับการใช้จ่ายผ่านอินเตอร์เน็ตชั่วคราว เนื่องจากพบรายการที่น่าสงสัย กรุณายืนยันความถูกต้องของรายการผ่านทาง Email ของท่าน หรือติดต่อศูนย์บริการสมาชิกบัตร" เธอรู้สึกกังวลว่า มิจฉาชีพใช้ยอดเงินในบัตรเครดิตแล้วหรือไม่ จึงรีบโทรไปยังธนาคารเจ้าของบัตรทันที พร้อมสอบถามสาเหตุ เจ้าหน้าที่ระบุว่า พบการใช้จ่ายต้องสงสัย เป็นการซื้อโฆษณาผ่านทางเฟซบุ๊ก ยอดเงิน 814 บาท จึงระงับการใช้ และยังไม่มีการหักเงินในบัตร คาดว่า มิจฉาชีพสุ่มหมายเลข 16 หลักหน้าบัตรเครดิต หรือนำข้อมูลมาจากการใช้จ่ายซื้อสินค้าออนไลน์ เมื่อเธอเกือบเป็นผู้เสียหายยืนยันว่า ไม่ได้เป็นคนทำธุรกรรมดังกล่าว ธนาคารจเดลิ นิ ว ส์ กีฬาึงออกบัตรใหม่ให้ทันที เช่นเดียวกับ สกลศักดิ์ บำรุงศรี ข้าราชการหน่วยงานแห่งหนึ่ง ระบุว่า ตนเองได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ บริษัทบัตรเครดิตแห่งหนึ่ง ว่า จะระงับบัตรเครดิต เนื่องจากพบว่า มีผู้พยายามเข้ารหัสบัตรเครดิต เพื่อซื้อโฆษณาในเฟซบุ๊กโดยเหตุเกิดเมื่อประมาณช่วงปลายเดือน ก.ค. และเจ้าหน้าที่ได้โทรศัพท์มาแจ้ง เมื่อวันที่ 3 ส.ค.ที่ผ่านมา จากนั้นทางบริษัทบัตรเครดิต ได้ส่งบัตรเครดิตใบใหม่มาให้ และเปลี่ยนรหัสบัตรใหม่แล้ว ขณะนี้อยากทราบว่า ข้อมูลบัตรเครดิตของตนเองนั้นหลุดไปถึงมิจฉาชีพที่พยายามเข้ารหัสบัตรของตนเองได้อย่างไร เนื่องจากการใช้บัตรเครดิตจะผูกไว้กับร้านค้าออนไลน์เจ้าดังแห่งหนึ่ง ระบบไลน์แรบบิท และใช้งานในลักษณะทั่วไปคือ การชำระค่าสินค้าอุปโภคและบริโภคทั่วไปที่ห้างสรรพสินค้า และเติมน้ำมัน ไทยพีบีเอสออนไลน์ สัมภาษณ์ พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รอง ผบก.ปอท. ในฐานะ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยืนยันว่า การแฮกบัตรเครดิตไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะสถาบันการเงินมีระบบการป้องกัน หากแฮกง่ายจะเสียความเชื่อมั่นจากลูกค้า จึงต้องระมัดระวังมากที่สุด แต่ขณะนี้มิจฉาชีพ หรือการก่ออาชญากรรมทางเทคโนโลยีมีเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์ COVID-19 เนื่องจากประชาชนจำนวนมากทำงานที่บ้าน (Work From Home) และเข้าถึงสื่อออนไลน์มากขึ้น เพิ่มช่องทางการเข้าถึงของกลุ่มคนดังกล่าว ข้อมูลจากกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-9 ส.ค.2564 พบผู้เสียหายถูกโกงผ่านแอปพลิเคชันเฟซบุ๊กมากที่สุด 881 ราย รองลงมาแอปพลิเคชันไลน์ 232 ราย อินสตราแกรม 79 ราย 5 อันดับแรกเป็นภัยออนไลน์จากการด่าทอ-ไซเบอร์บูลลี่ 534 ราย, แฮกข้อมูล 431 ราย, หลอกลวงขายของออนไลน์ 407 ราย, แอปพลิเคชันหลอกให้กู้เงินออนไลน์ และไฮบริด สแกม ขณะนี้ประชาชนมีการเข้าถึงโซเชียลมีเดียจำนวนมาก ประกอบกับสถานการณ์การเมืองที่ร้อนแรง รวมทั้งความเห็นต่างทางการเมือง ทำให้พบความผิดเกี่ยวกับการด่าทอและไซเบอร์บูลลี่ เป็นอันดับ 1 มีการดำเนินคดี 534 ราย แฮกเกอร์พยายามแฮกข้อมูลและลวงยืมเงิน ส่วนใหญ่เกิดจากการใช้รหัสที่คาดเดาง่าย เช่น เบอร์โทรศัพท์ เมื่อมิจฉาชีพรู้เบอร์โทรศัพท์แล้วเข้าใช้งานแอปพลิเคชั่นโซเซียลของผู้เสียหายได้ ก็เปลี่ยนรหัสและยึดบัญชีผู้ใช้ทันที ส่วนอีกกรณีเป็นการล่อลวงแบบฟิชชิ่ง (Phishing) ใช้ประโยคและแนบลิงก์ให้เข้าไปกรอก Username และ Password ส่วนใหญ่พบในรูปแบบการแจกของ และ Gift voucher ยกตัวอย่างก่อนหน้านี้ฟิชชิ่ง อ้างกาแฟเจ้าดังแจกเงินคนละ 10,000 บาทสู้โควิด, ครบรอบบริษัทนาฬิกาและรถยนต์ยี่ห้อดัง แจก Gift voucher ผู้เสียหายจึงหลงเชื่อและคลิ๊กลิงก์เข้าไปกรอก Username และ Password ของแอปพลิเคชันเฟซบุ๊กและไลน์ หวังรับเงินหรือของรางวัล เดือนที่แล้วการแฮกแซงมาเป็นอันดับ 2 สะท้อนภัยการเข้าถึงข้อมูลที่มิชอบมากขึ้น มิจฉาชีพจะแฝงตัวเป็นพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ โกงด้วยการสั่งสินค้าแล้วไม่ส่ง โฆษณาเกินจริง ไม่ตรงสรรพคุณ และได้สินค้าไม่เหมือนกับที่สั่งไป ขณะนี้พบว่า มีการเขียนโปรแกรมและเปิดร้านขายสินค้าในเฟซบุ๊ก ติดต่อกับผู้ซื้อผ่านทางแชทบอท ใช้ภาพโฆษณาสินค้าที่สวยงาม แต่เมื่อผู้ซื้อได้รับสินค้าแล้วพบว่า ไม่มีคุณภาพและไม่สามารถขอคืนเงินได้ อีก 1 สินค้าที่พบการร้องเรียนบ่อย คือ ยาฟ้าทะลายโจร เนื่องจากเป็นที่ต้องการของประชาชนในช่วงนี้ ขอให้ตรวจสอบข้อมูลสินค้าที่ได้รับการรับรองจาก อย.ก่อนซื้อ แนะนำ 3 อย่า 1.อย่าไว้ใจ ตรวจสอบข้อมูลร้านค้า ชื่อผู้ค้า เลขบัญชี หมายเลขโทรศัพท์ นำไปค้นหาใน google โดยพิมพ์คำว่า "โกง" ไปด้วย หากมีประวัติก็แสดงว่าร้านดังกล่าวเป็นมิจฉาชีพ 2.อย่าโลภ อย่าเห็นแก่การชักชวนลงทุน อย่าอยากได้ของถูกเกินจริง และ 3. อย่าละเลยข้อมูลข่าวสาร เพื่อให้รู้เท่าทันภัยออนไลน์ แอปพลิเคชันหลอกให้กู้เงินออนไลน์ แบ่งเป็น 2 รูปแบบ คือ 1.หลอกให้ผู้เสียหายโอนเงินค่าธรรมเนียม ดอกเบี้ยงวดแรก ก่อนรับเงิน เมื่อโอนเงินแล้วมิจฉาชีพจะปิดทุกช่องทางการติดต่อ 2.แอปพลิเคชันจากจีน มีนายทุนจีนจ้างคนไทยมาเป็นพนักงานทำลิงก์แนบข้อความ เช่น แจกเงิน 1 แสนบาท, เงินเข้าบัญชีแล้ว 1 แสนบาท และกู้วงเงินสูง กู้ง่าย เมื่อผู้เสียหายกดลิงก์เข้าไปดู จะให้กด "ยอมรับ" การเข้าถึงรายชื่อผู้ติดต่อในโทรศัพท์ จากนั้นจะให้ทำเรื่องกู้เงิน แต่ได้เงินจริงเพียงร้อยละ 60 ยกตัวอย่างกู้ 10,000 บาท ได้รับโอนเงินจริง 6,000 บาท ส่วนอีก 4,000 อ้างว่าเป็นค่าดำเนินการ ค่าดอกเบี้ย แต่เมื่อผู้เสียหายรู้สึกถูกเอาเปรียบและจะขอยกเลิกก็ทำไม่ได้ โดยมิจฉาชีพให้เวลาหาเงินมาคืนภายใน 5-7 วัน ส่วนใหญ่ผู้เสียหายจะหาเงินคืนไม่ทัน ต่อมาคนไทยที่รับหน้าที่เป็นพนักงาน จะโทรศัพท์ติดตามทวงเงิน ใช้วิธีทั้งด่าทอ ดูหมิ่น ข่มขู่ ที่สำคัญจะส่ง SMS ไปยังรายชื่อติดต่อในโทรศัพท์ ทั้งครอบครัว เพื่อน เพื่อนร่วมงาน ในเชิงประจานผู้เสียหาย กู้เงินแล้วไม่คืน อ้างว่า ผู้เสียหายแจ้งชื่อบุคคลในรายชื่อดังกล่าวเป็นคนค้ำประกัน หากไม่คืนเงินจะติดเครดิตบูโร ไม่สามารถทำธุรกรรมอะไรได้ จนบางคนหลงเชื่อและยอมจ่ายหนี้แทนให้ ถือว่าปั่นป่วนในระดับหนึ่ง ไฮบริด สแกม (Hybrid Scam) พัฒนามาจากโรแมนซ์ สแกม จากเดิมเป็นกลุ่มคนผิวสีใช้รูปโปรไฟล์ปลอมเป็นชาวยุโรป ตะวันออกกลาง หลอกให้ผู้เสียหายรักแล้วอ้างว่าได้รับมรดก จะส่งของมาให้ ป่วย หรือต้องใช้เงินลงทุน แล้วให้ผู้เสียหายโอนเงิน แต่ไฮบริด สแกม มิจฉาชีพชาวจีน ใช้โปรไฟล์อ้างเป็นชาวเกาหลี ญี่ปุ่น สิงคโปร์ ไต้หวัน จุดเริ่มต้นหลอกให้รัก ก่อนชวนให้ลงทุนผ่านแอปพลิเคชันปลอมที่เขียนขึ้นมา เทรดเงินดิจิทัลอย่างคริปโต ต่อมาผู้เสียหายไว้ใจและลงทุนด้วย ช่วงแรกได้รับเงินจริง บางคนเพิ่มการลงทุนเป็นหลักสิบล้าน แต่เมื่อจะนำเงินออกจากบัญชี แอปฯ จะระบุว่า ต้องจ่ายค่าภาษี ค่าธรรมเนียม และอื่น ๆ 20-30 % สำหรับการเลือกเหยื่อนั้น โรแมนซ์ สแกม จะเลือกหญิงอายุ 40 ปีขึ้นไป ลักษณะมีฐานะทางการเงินดี ส่วนไฮบริด สแกม จะเลือกคนที่อายุ 30 ปีขึ้นไป เข้าใจการลงทุน การเงิน หรือมีบัญชีโมบายแบงค์กิ้ง โอนเงินได้เองทันที ทั้งนี้ แนะนำว่าอย่ารับเพื่อนแปลกหน้า หรือรับเพื่อนในออนไลน์อย่างระมัดระวังด้วยการตรวจสอบก่อน ระวังบัญชีอวตาร ใช้รูปคนอื่น รวมทั้งตรวจสอบการโพสต์ ที่ต้องเกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวัน เที่ยว กินอาหาร และมีเพื่อน ญาติพี่น้อง มากดไลค์และคอมเม้นต์ ส่วนบัญชีอวตารจะไม่ค่อยมีความเคลื่อนไหว หรือเป็นเพียงการนำข่าวมาโพสต์ ลิงก์อาหารอร่อย แต่ไม่มีคนมาคอมเม้นต์ นอกจากนี้ รอง ผบก.ปอท. ยังขอให้ประชาชนระมัดระวังเรื่องของเฟกส์นิว เนื่องจากมีการส่งข้อมูลข่าวสารผ่านโซเซียลมีเดีย ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับ COVID-19 เช่น คลัสเตอร์โควิด ยา และวัคซีน ขอให้ตรวจสอบข้อมูลจากสื่อมวลชนที่เชื่อถือได้ กรณีที่ได้แชร์ข่าวปลอมไปแล้ว โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวข้องกับบุคคล และอาจมีการฟ้องร้องดำเนินคดีได้ ให้รีบลบ หรือยกเลิกข้อความเพื่อไม่ให้เกิดความสับสนในวงกว้าง
วันนี้ (20 ต.ค.2566) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร รองประธานกรรมการยุทธศาสตร์ ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ร่วมเปิดง
วันนี้ (28 ต.ค.2567) คณะกรรมการตัดสินรางวัลวรรณกรรมสร้างสรรค์ยอดเยี่ยมแห่งอาเซียน (ซีไรต์) ประจำปีพุ
"ติ๊ง" เสียงเตือนข้อความโทรศัพท์มือถือดังขึ้นกลางดึก เวลา 23.16 น. พนักงานออฟฟิศสาวคนหนึ่งอ่านข้อควา
"ติ๊ง" เสียงเตือนข้อความโทรศัพท์มือถือดังขึ้นกลางดึก เวลา 23.16 น. พนักงานออฟฟิศสาวคนหนึ่งอ่านข้อความ "ALERT! บัตรของท่านถูกระงับการใช้จ่ายผ่านอินเตอร์เน็ตชั่วคราว เนื่องจากพบรายการที่น่าสงสัย กรุณายืนยันความถูกต้องของรายการผ่านทาง Email ของท่าน หรือติดต่อศูนย์บริการสมาชิกบัตร" เธอรู้สึกกังวลว่า มิจฉาชีพใช้ยอดเงินในบัตรเครดิตแล้วหรือไม่ จึงรีบโทรไปยังธนาคารเจ้าของบัตรทันที พร้อมสอบถามสาเหตุ เจ้าหน้าที่ระบุว่า พบการใช้จ่ายต้องสงสัย เป็นการซื้อโฆษณาผ่านทางเฟซบุ๊ก ยอดเงิน 814 บาท จึงระงับการใช้ และยังไม่มีการหักเงินในบัตร คาดว่า มิจฉาชีพสุ่มหมายเลข 16 หลักหน้าบัตรเครดิต หรือนำข้อมูลมาจากการใช้จ่ายซื้อสินค้าออนไลน์ เมื่อเธอเกือบเป็นผู้เสียหายยืนยันว่า ไม่ได้เป็นคนทำธุรกรรมดังกล่าว ธนาคารจเดลิ นิ ว ส์ กีฬาึงออกบัตรใหม่ให้ทันที เช่นเดียวกับ สกลศักดิ์ บำรุงศรี ข้าราชการหน่วยงานแห่งหนึ่ง ระบุว่า ตนเองได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ บริษัทบัตรเครดิตแห่งหนึ่ง ว่า จะระงับบัตรเครดิต เนื่องจากพบว่า มีผู้พยายามเข้ารหัสบัตรเครดิต เพื่อซื้อโฆษณาในเฟซบุ๊กโดยเหตุเกิดเมื่อประมาณช่วงปลายเดือน ก.ค. และเจ้าหน้าที่ได้โทรศัพท์มาแจ้ง เมื่อวันที่ 3 ส.ค.ที่ผ่านมา จากนั้นทางบริษัทบัตรเครดิต ได้ส่งบัตรเครดิตใบใหม่มาให้ และเปลี่ยนรหัสบัตรใหม่แล้ว ขณะนี้อยากทราบว่า ข้อมูลบัตรเครดิตของตนเองนั้นหลุดไปถึงมิจฉาชีพที่พยายามเข้ารหัสบัตรของตนเองได้อย่างไร เนื่องจากการใช้บัตรเครดิตจะผูกไว้กับร้านค้าออนไลน์เจ้าดังแห่งหนึ่ง ระบบไลน์แรบบิท และใช้งานในลักษณะทั่วไปคือ การชำระค่าสินค้าอุปโภคและบริโภคทั่วไปที่ห้างสรรพสินค้า และเติมน้ำมัน ไทยพีบีเอสออนไลน์ สัมภาษณ์ พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รอง ผบก.ปอท. ในฐานะ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยืนยันว่า การแฮกบัตรเครดิตไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะสถาบันการเงินมีระบบการป้องกัน หากแฮกง่ายจะเสียความเชื่อมั่นจากลูกค้า จึงต้องระมัดระวังมากที่สุด แต่ขณะนี้มิจฉาชีพ หรือการก่ออาชญากรรมทางเทคโนโลยีมีเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์ COVID-19 เนื่องจากประชาชนจำนวนมากทำงานที่บ้าน (Work From Home) และเข้าถึงสื่อออนไลน์มากขึ้น เพิ่มช่องทางการเข้าถึงของกลุ่มคนดังกล่าว ข้อมูลจากกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-9 ส.ค.2564 พบผู้เสียหายถูกโกงผ่านแอปพลิเคชันเฟซบุ๊กมากที่สุด 881 ราย รองลงมาแอปพลิเคชันไลน์ 232 ราย อินสตราแกรม 79 ราย 5 อันดับแรกเป็นภัยออนไลน์จากการด่าทอ-ไซเบอร์บูลลี่ 534 ราย, แฮกข้อมูล 431 ราย, หลอกลวงขายของออนไลน์ 407 ราย, แอปพลิเคชันหลอกให้กู้เงินออนไลน์ และไฮบริด สแกม ขณะนี้ประชาชนมีการเข้าถึงโซเชียลมีเดียจำนวนมาก ประกอบกับสถานการณ์การเมืองที่ร้อนแรง รวมทั้งความเห็นต่างทางการเมือง ทำให้พบความผิดเกี่ยวกับการด่าทอและไซเบอร์บูลลี่ เป็นอันดับ 1 มีการดำเนินคดี 534 ราย แฮกเกอร์พยายามแฮกข้อมูลและลวงยืมเงิน ส่วนใหญ่เกิดจากการใช้รหัสที่คาดเดาง่าย เช่น เบอร์โทรศัพท์ เมื่อมิจฉาชีพรู้เบอร์โทรศัพท์แล้วเข้าใช้งานแอปพลิเคชั่นโซเซียลของผู้เสียหายได้ ก็เปลี่ยนรหัสและยึดบัญชีผู้ใช้ทันที ส่วนอีกกรณีเป็นการล่อลวงแบบฟิชชิ่ง (Phishing) ใช้ประโยคและแนบลิงก์ให้เข้าไปกรอก Username และ Password ส่วนใหญ่พบในรูปแบบการแจกของ และ Gift voucher ยกตัวอย่างก่อนหน้านี้ฟิชชิ่ง อ้างกาแฟเจ้าดังแจกเงินคนละ 10,000 บาทสู้โควิด, ครบรอบบริษัทนาฬิกาและรถยนต์ยี่ห้อดัง แจก Gift voucher ผู้เสียหายจึงหลงเชื่อและคลิ๊กลิงก์เข้าไปกรอก Username และ Password ของแอปพลิเคชันเฟซบุ๊กและไลน์ หวังรับเงินหรือของรางวัล เดือนที่แล้วการแฮกแซงมาเป็นอันดับ 2 สะท้อนภัยการเข้าถึงข้อมูลที่มิชอบมากขึ้น มิจฉาชีพจะแฝงตัวเป็นพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ โกงด้วยการสั่งสินค้าแล้วไม่ส่ง โฆษณาเกินจริง ไม่ตรงสรรพคุณ และได้สินค้าไม่เหมือนกับที่สั่งไป ขณะนี้พบว่า มีการเขียนโปรแกรมและเปิดร้านขายสินค้าในเฟซบุ๊ก ติดต่อกับผู้ซื้อผ่านทางแชทบอท ใช้ภาพโฆษณาสินค้าที่สวยงาม แต่เมื่อผู้ซื้อได้รับสินค้าแล้วพบว่า ไม่มีคุณภาพและไม่สามารถขอคืนเงินได้ อีก 1 สินค้าที่พบการร้องเรียนบ่อย คือ ยาฟ้าทะลายโจร เนื่องจากเป็นที่ต้องการของประชาชนในช่วงนี้ ขอให้ตรวจสอบข้อมูลสินค้าที่ได้รับการรับรองจาก อย.ก่อนซื้อ แนะนำ 3 อย่า 1.อย่าไว้ใจ ตรวจสอบข้อมูลร้านค้า ชื่อผู้ค้า เลขบัญชี หมายเลขโทรศัพท์ นำไปค้นหาใน google โดยพิมพ์คำว่า "โกง" ไปด้วย หากมีประวัติก็แสดงว่าร้านดังกล่าวเป็นมิจฉาชีพ 2.อย่าโลภ อย่าเห็นแก่การชักชวนลงทุน อย่าอยากได้ของถูกเกินจริง และ 3. อย่าละเลยข้อมูลข่าวสาร เพื่อให้รู้เท่าทันภัยออนไลน์ แอปพลิเคชันหลอกให้กู้เงินออนไลน์ แบ่งเป็น 2 รูปแบบ คือ 1.หลอกให้ผู้เสียหายโอนเงินค่าธรรมเนียม ดอกเบี้ยงวดแรก ก่อนรับเงิน เมื่อโอนเงินแล้วมิจฉาชีพจะปิดทุกช่องทางการติดต่อ 2.แอปพลิเคชันจากจีน มีนายทุนจีนจ้างคนไทยมาเป็นพนักงานทำลิงก์แนบข้อความ เช่น แจกเงิน 1 แสนบาท, เงินเข้าบัญชีแล้ว 1 แสนบาท และกู้วงเงินสูง กู้ง่าย เมื่อผู้เสียหายกดลิงก์เข้าไปดู จะให้กด "ยอมรับ" การเข้าถึงรายชื่อผู้ติดต่อในโทรศัพท์ จากนั้นจะให้ทำเรื่องกู้เงิน แต่ได้เงินจริงเพียงร้อยละ 60 ยกตัวอย่างกู้ 10,000 บาท ได้รับโอนเงินจริง 6,000 บาท ส่วนอีก 4,000 อ้างว่าเป็นค่าดำเนินการ ค่าดอกเบี้ย แต่เมื่อผู้เสียหายรู้สึกถูกเอาเปรียบและจะขอยกเลิกก็ทำไม่ได้ โดยมิจฉาชีพให้เวลาหาเงินมาคืนภายใน 5-7 วัน ส่วนใหญ่ผู้เสียหายจะหาเงินคืนไม่ทัน ต่อมาคนไทยที่รับหน้าที่เป็นพนักงาน จะโทรศัพท์ติดตามทวงเงิน ใช้วิธีทั้งด่าทอ ดูหมิ่น ข่มขู่ ที่สำคัญจะส่ง SMS ไปยังรายชื่อติดต่อในโทรศัพท์ ทั้งครอบครัว เพื่อน เพื่อนร่วมงาน ในเชิงประจานผู้เสียหาย กู้เงินแล้วไม่คืน อ้างว่า ผู้เสียหายแจ้งชื่อบุคคลในรายชื่อดังกล่าวเป็นคนค้ำประกัน หากไม่คืนเงินจะติดเครดิตบูโร ไม่สามารถทำธุรกรรมอะไรได้ จนบางคนหลงเชื่อและยอมจ่ายหนี้แทนให้ ถือว่าปั่นป่วนในระดับหนึ่ง ไฮบริด สแกม (Hybrid Scam) พัฒนามาจากโรแมนซ์ สแกม จากเดิมเป็นกลุ่มคนผิวสีใช้รูปโปรไฟล์ปลอมเป็นชาวยุโรป ตะวันออกกลาง หลอกให้ผู้เสียหายรักแล้วอ้างว่าได้รับมรดก จะส่งของมาให้ ป่วย หรือต้องใช้เงินลงทุน แล้วให้ผู้เสียหายโอนเงิน แต่ไฮบริด สแกม มิจฉาชีพชาวจีน ใช้โปรไฟล์อ้างเป็นชาวเกาหลี ญี่ปุ่น สิงคโปร์ ไต้หวัน จุดเริ่มต้นหลอกให้รัก ก่อนชวนให้ลงทุนผ่านแอปพลิเคชันปลอมที่เขียนขึ้นมา เทรดเงินดิจิทัลอย่างคริปโต ต่อมาผู้เสียหายไว้ใจและลงทุนด้วย ช่วงแรกได้รับเงินจริง บางคนเพิ่มการลงทุนเป็นหลักสิบล้าน แต่เมื่อจะนำเงินออกจากบัญชี แอปฯ จะระบุว่า ต้องจ่ายค่าภาษี ค่าธรรมเนียม และอื่น ๆ 20-30 % สำหรับการเลือกเหยื่อนั้น โรแมนซ์ สแกม จะเลือกหญิงอายุ 40 ปีขึ้นไป ลักษณะมีฐานะทางการเงินดี ส่วนไฮบริด สแกม จะเลือกคนที่อายุ 30 ปีขึ้นไป เข้าใจการลงทุน การเงิน หรือมีบัญชีโมบายแบงค์กิ้ง โอนเงินได้เองทันที ทั้งนี้ แนะนำว่าอย่ารับเพื่อนแปลกหน้า หรือรับเพื่อนในออนไลน์อย่างระมัดระวังด้วยการตรวจสอบก่อน ระวังบัญชีอวตาร ใช้รูปคนอื่น รวมทั้งตรวจสอบการโพสต์ ที่ต้องเกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวัน เที่ยว กินอาหาร และมีเพื่อน ญาติพี่น้อง มากดไลค์และคอมเม้นต์ ส่วนบัญชีอวตารจะไม่ค่อยมีความเคลื่อนไหว หรือเป็นเพียงการนำข่าวมาโพสต์ ลิงก์อาหารอร่อย แต่ไม่มีคนมาคอมเม้นต์ นอกจากนี้ รอง ผบก.ปอท. ยังขอให้ประชาชนระมัดระวังเรื่องของเฟกส์นิว เนื่องจากมีการส่งข้อมูลข่าวสารผ่านโซเซียลมีเดีย ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับ COVID-19 เช่น คลัสเตอร์โควิด ยา และวัคซีน ขอให้ตรวจสอบข้อมูลจากสื่อมวลชนที่เชื่อถือได้ กรณีที่ได้แชร์ข่าวปลอมไปแล้ว โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวข้องกับบุคคล และอาจมีการฟ้องร้องดำเนินคดีได้ ให้รีบลบ หรือยกเลิกข้อความเพื่อไม่ให้เกิดความสับสนในวงกว้าง
“วรวีร์” เตรียมฟ้องผู้ให้ข้อมูลสื่อเยอรมนี-อังกฤษ ทำเสียชื่อเสียง “วรวีร์” นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศ