วันนี้ (25 ก.พ.2568) กรณีมีมติคณะกรรมการคดีพิเศษจะเชิญตัวแทนจากสำนักงาน กกต. เข้าให้ข้อมูลและชี้แจงเ1️สมัคร เกม โจ๊ก เกอร์
วันนี้ (3 มี.ค.2564) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการผ่อนปรนมาตรการในช่วงเทศกาลสงกรานต์ว่า ขณะนี้ไม่ได้มีการปิดกั้นการเดินทางแล้ว พบว่าช่วงวันหยุดยาว 3 วัน ก็มีกา
วันนี้ (20 ธ.ค.2565) คณะกรรมาธิการสอบสวนกรณีเหตุบุกอาคารรัฐสภาสหรัฐฯ 6 ม.ค.2021 ตัดสินใจเสนอเรื่องต่อกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ เพื่อพิจารณาดำเนินคดีกับโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดี ในคดีอาญาภายใต้ข้อกล่าวหาว่ามีส่วนร่วมและอยู่เบื้องหลังเหตุความไม่สงบดังกล่าว การสอบสวนที่ดำเนินมา 1 ปีครึ่ง ความเคลื่อนไหวครั้งนี้แม้จะเป็นในเชิงสัญลักษณ์ เนื่องจากทางคณะกรรมาธิการไม่มีอำนาจดำเนินคดีทางกฎหมาย แต่นับว่ามีความสำคัญเนื่องจากเมื่อกลางเดือนที่แล้ว ทรัมป์เพิ่งจะประกาศตัวลงชิงชัยในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีอีกสมัย ซึ่งจะเกิดขึ้นในปี 2024 และหากกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ตัดสินใจเดินหน้าดำเนินคดีจริง ผลอาจไปถึงขั้นการตัดสิทธิ์ให้ทรัมป์หมดคุณสมบัติการดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้ในอนาคต สำหรับข้อสรุปของคณะกรรมาธิการสอบสวนกรณีเหตุบุกอาคารรัฐสภาสหรัฐฯ ระบุว่า โดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธบดีสหรัฐฯ สมควรถูกตั้งข้อหาที่เกี่ยวข้องกับเหตุบุกอาคารรัฐสภา เมื่อวันที่ 6 ม.ค.2021 โดยทางคณะกรรมาธิการ ระบุว่า อดีตผู้นำสหรัฐฯ ยุยงปลุกปั่นกลุ่มผู้สนับสนุน และให้การช่วยเหลือ ส่งเสริมผู้ก่อความไม่สงบในการละเมิดกฎหมายหลายต่อหลายข้อ ใจความสำคัญในการแถลงสรุปรายงานต่อกรณีนี้ ระบุว่า เหตุการณ์ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อ 6 ม.ค.2021 จะเกิดขึ้นไม่ได้เลยหากไม่มีทรัมป์เป็นปัจจัย ทางคณะกรรมาธิการที่ประกอบไปด้วยสมาชิกจากพรรคเดโมแครต 7 คน และรีพับลิกัน 2 คน ลงความเห็นว่า มีหลักฐานเพียงพอที่จะเอาผิดทรัมป์ใน 4 ข้อหา ได้แก่ 1.ขัดขวางกระบวนการของรัฐ 2.สมรู้ร่วมคิดในการกระทำการฉ้อฉลต่อชาติ 3.สมรู้ร่วมคิดในการกล่าวหรือแจ้งข้อความที่เป็นเท็จ 4.ข้อหาผลักดัน ช่วยเหลือสนับสนุนส่งเสริมการก่อความไม่สงบ ข้อสรุปนี้มีขึ้นหลังการสอบสวนที่ดำเนินมายาวนานถึง 18 เดือน ถึงเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงสุดท้ายของวาระการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของทรัมป์ สำหรับ 4 ข้อหา ที่คณะกรรมาธิการสอบสวนกรณีเหตุบุกอาคารรัฐสภาสหรัฐฯแนะให้กร1️สมัคร เกม โจ๊ก เกอร์ะทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ เดินหน้าดำเนินคดีอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ 1. ข้อหาขัดขวางกระบวนการของรัฐ ฐานความผิดนี้กำหนดให้การกระทำใด ๆ ที่ขัดขวาง ใช้อิทธิพลหรือหน่วงเหนี่ยว กระบวนการใด ๆ ของรัฐ หรือพยายามกระทำการดังกล่าว ถือเป็นความผิดอาญา ทางคณะกรรมาธิการแนะให้ดำเนินคดีในข้อหานี้เนื่องจากทรัมป์จงใจยับยั้งกระบวนการรับรองผลการเลือกตั้งของสภาคองเกรส 2. สมรู้ร่วมคิดในการกระทำการฉ้อฉลต่อชาติสหรัฐฯ ความผิดฐานนี้หมายถึงการที่บุคคล 2 คนขึ้นไปสมรู้ร่วมคิดกันก่อการคุกคามสหรัฐฯ ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง หรือหลอกลวงรัฐ หรือหน่วยงานใด ๆ ของรัฐ ซึ่ง คณะกรรมาธิการเชื่อว่า ทรัมป์ร่วมมือกับบุคคลอื่น ๆ เพื่อเตะถ่วงการปฏิบัติหน้าที่ของรัฐบาลสหรัฐฯ และสร้างความเข้าใจผิดแก่ประชาชนเรื่องผลการเลือกตั้ง พ.ย.2020 3. สมรู้ร่วมคิดในการกล่าวหรือแจ้งข้อความที่เป็นเท็จเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ปกปิด ให้ข้อมูลเท็จหรือแจ้งข้อความหรือเอกสารเท็จทั้งที่ตระหนักดีว่าไม่เป็นความจริง ถือเป็นการกระทำความผิดอาญา โดยคณะกรรมาธิการอ้างว่าทรัมป์และผู้สนับสนุนวางแผนจะพลิกผลการเลือกตั้งในรัฐสมรภูมิสำคัญ 7 รัฐ เพื่อให้ทรัมป์ชนะเลือกตั้ง 4. ข้อหาก่อความไม่สงบ ข้อหานี้เกี่ยวกับความผิดฐานยุยงปลุกปั่น ช่วยเหลือ หรือมีส่วนร่วมในการก่อความไม่สงบ หรือต่อต้านต่อทางการสหรัฐฯ โดยคณะกรรมาธิการอ้างว่า ทรัมป์ส่งเสริมให้ผู้สนับสนุนเดินทางไปยังกรุงวอชิงตัน เพื่้อก่อความวุ่นวาย และระหว่างที่เกิดความรุนแรงขึ้น ทรัมป์ก็ไม่ได้พยายามกระทำการใด ๆ เพื่อหยุดยั้ง ย้อนเหตุการณ์หลังจากการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 8 พ.ย.2020 ทรัมป์ชิงเก้าอี้ไบเดน ผลออกมาว่าทรัมป์แพ้ แต่เขายืนยันว่า ถูกโกง และในวันที่ 6 ม.ค.2021 ซึ่งสภาสหรัฐฯ มีกำหนดจะรับรองผลการเลือกตั้ง เกิดเหตุที่ไม่มีใครคาดคิด เมื่อกลุ่มผู้สนับสนุนทรัมป์บุกเข้าไปในอาคาร ทำลายข้าวของ สร้างความเสียหาย และทำให้มีผู้เสียชีวิต มีผู้ที่ถูกจับกุมในเหตุวันนั้นมากกว่า 900 คน ตามข้อมูลล่าสุดจากกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ขณะที่ทรัมป์ปราศรัยอยู่บนเวทีที่ห่างออกไปไม่ไกลจากที่เกิดเหตุ แต่ข้อหนึ่งที่ทางคณะกรรมาธิการหยิบยกมาเป็นเหตุผลในการผลักดันการดำเนินคดีทรัมป์ คือเขาไม่พยายามยับยั้งผู้สนับสนุน ให้ยุติการใช้ความรุนแรง แต่กลับเพิกเฉยอยู่นาน กระทั่งเมื่อเวลาผ่านไประยะหนึ่ง ผู้นำสหรัฐฯ ในขณะนั้นจึงออกปากขอความสงบ และแทบจะในทันทีที่ทรัมป์ส่งสารดังกล่าวออกไป ผู้ก่อเหตุส่วนหนึ่งยุติการก่อความรุนแรงแทบจะในทันที ทั้งนี้ ข้อสรุปและข้อเสนอของคณะกรรมาธิการสอบสวนในวันนี้ไม่มีผลบังคับใช้ทางกฎหมาย และกระทรวงยุติธรรมมีอำนาจตัดสินใจในขั้นสุดท้ายว่าจะดำเนินคดีต่ออดีตผู้นำสหรัฐฯ และพวกพ้องหรือไม่ แต่ข้อสรุปนี้อาจเป็นตัวผลักดันให้กับการสืบสวนคดีอาญาที่ อัยการพิเศษกำลังดำเนินการต่อทรัมป์และบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องอยู่ได้ รวมทั้งอาจจะมีผลทางการเมืองมากกว่าทางกฎหมาย คณะกรรมการสอบสวนชุดนี้จะยุติบทบาทของตนลงในวันที่ 3 ม.ค.ที่จะมาถึง เมื่อพรรครีพับลิกันจะขึ้นมาเป็นผู้นำเสียงข้างมากในสภาล่างสหรัฐฯ แทน
“เชเฟอร์” หวั่นแข้งหลักเจ็บหายไม่ทันเจอซาอุดิอาระเบีย “วินฟรีด เชเฟอร์” โค้ชทีมชาติไทย กังวลเรื่องอา
1️สมัคร เกม โจ๊ก เกอร์
วันนี้ (25 ก.พ.2568) กรณีมีมติคณะกรรมการคดีพิเศษจะเชิญตัวแทนจากสำนักงาน กกต. เข้าให้ข้อมูลและชี้แจงเ1️สมัคร เกม โจ๊ก เกอร์
วันนี้ (3 มี.ค.2564) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการผ่อนปรนมาตรการในช่วงเทศกาลสงกรานต์ว่า ขณะนี้ไม่ได้มีการปิดกั้นการเดินทางแล้ว พบว่าช่วงวันหยุดยาว 3 วัน ก็มีกา
วันนี้ (20 ธ.ค.2565) คณะกรรมาธิการสอบสวนกรณีเหตุบุกอาคารรัฐสภาสหรัฐฯ 6 ม.ค.2021 ตัดสินใจเสนอเรื่องต่อกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ เพื่อพิจารณาดำเนินคดีกับโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดี ในคดีอาญาภายใต้ข้อกล่าวหาว่ามีส่วนร่วมและอยู่เบื้องหลังเหตุความไม่สงบดังกล่าว การสอบสวนที่ดำเนินมา 1 ปีครึ่ง ความเคลื่อนไหวครั้งนี้แม้จะเป็นในเชิงสัญลักษณ์ เนื่องจากทางคณะกรรมาธิการไม่มีอำนาจดำเนินคดีทางกฎหมาย แต่นับว่ามีความสำคัญเนื่องจากเมื่อกลางเดือนที่แล้ว ทรัมป์เพิ่งจะประกาศตัวลงชิงชัยในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีอีกสมัย ซึ่งจะเกิดขึ้นในปี 2024 และหากกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ตัดสินใจเดินหน้าดำเนินคดีจริง ผลอาจไปถึงขั้นการตัดสิทธิ์ให้ทรัมป์หมดคุณสมบัติการดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้ในอนาคต สำหรับข้อสรุปของคณะกรรมาธิการสอบสวนกรณีเหตุบุกอาคารรัฐสภาสหรัฐฯ ระบุว่า โดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธบดีสหรัฐฯ สมควรถูกตั้งข้อหาที่เกี่ยวข้องกับเหตุบุกอาคารรัฐสภา เมื่อวันที่ 6 ม.ค.2021 โดยทางคณะกรรมาธิการ ระบุว่า อดีตผู้นำสหรัฐฯ ยุยงปลุกปั่นกลุ่มผู้สนับสนุน และให้การช่วยเหลือ ส่งเสริมผู้ก่อความไม่สงบในการละเมิดกฎหมายหลายต่อหลายข้อ ใจความสำคัญในการแถลงสรุปรายงานต่อกรณีนี้ ระบุว่า เหตุการณ์ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อ 6 ม.ค.2021 จะเกิดขึ้นไม่ได้เลยหากไม่มีทรัมป์เป็นปัจจัย ทางคณะกรรมาธิการที่ประกอบไปด้วยสมาชิกจากพรรคเดโมแครต 7 คน และรีพับลิกัน 2 คน ลงความเห็นว่า มีหลักฐานเพียงพอที่จะเอาผิดทรัมป์ใน 4 ข้อหา ได้แก่ 1.ขัดขวางกระบวนการของรัฐ 2.สมรู้ร่วมคิดในการกระทำการฉ้อฉลต่อชาติ 3.สมรู้ร่วมคิดในการกล่าวหรือแจ้งข้อความที่เป็นเท็จ 4.ข้อหาผลักดัน ช่วยเหลือสนับสนุนส่งเสริมการก่อความไม่สงบ ข้อสรุปนี้มีขึ้นหลังการสอบสวนที่ดำเนินมายาวนานถึง 18 เดือน ถึงเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงสุดท้ายของวาระการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของทรัมป์ สำหรับ 4 ข้อหา ที่คณะกรรมาธิการสอบสวนกรณีเหตุบุกอาคารรัฐสภาสหรัฐฯแนะให้กร1️สมัคร เกม โจ๊ก เกอร์ะทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ เดินหน้าดำเนินคดีอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ 1. ข้อหาขัดขวางกระบวนการของรัฐ ฐานความผิดนี้กำหนดให้การกระทำใด ๆ ที่ขัดขวาง ใช้อิทธิพลหรือหน่วงเหนี่ยว กระบวนการใด ๆ ของรัฐ หรือพยายามกระทำการดังกล่าว ถือเป็นความผิดอาญา ทางคณะกรรมาธิการแนะให้ดำเนินคดีในข้อหานี้เนื่องจากทรัมป์จงใจยับยั้งกระบวนการรับรองผลการเลือกตั้งของสภาคองเกรส 2. สมรู้ร่วมคิดในการกระทำการฉ้อฉลต่อชาติสหรัฐฯ ความผิดฐานนี้หมายถึงการที่บุคคล 2 คนขึ้นไปสมรู้ร่วมคิดกันก่อการคุกคามสหรัฐฯ ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง หรือหลอกลวงรัฐ หรือหน่วยงานใด ๆ ของรัฐ ซึ่ง คณะกรรมาธิการเชื่อว่า ทรัมป์ร่วมมือกับบุคคลอื่น ๆ เพื่อเตะถ่วงการปฏิบัติหน้าที่ของรัฐบาลสหรัฐฯ และสร้างความเข้าใจผิดแก่ประชาชนเรื่องผลการเลือกตั้ง พ.ย.2020 3. สมรู้ร่วมคิดในการกล่าวหรือแจ้งข้อความที่เป็นเท็จเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ปกปิด ให้ข้อมูลเท็จหรือแจ้งข้อความหรือเอกสารเท็จทั้งที่ตระหนักดีว่าไม่เป็นความจริง ถือเป็นการกระทำความผิดอาญา โดยคณะกรรมาธิการอ้างว่าทรัมป์และผู้สนับสนุนวางแผนจะพลิกผลการเลือกตั้งในรัฐสมรภูมิสำคัญ 7 รัฐ เพื่อให้ทรัมป์ชนะเลือกตั้ง 4. ข้อหาก่อความไม่สงบ ข้อหานี้เกี่ยวกับความผิดฐานยุยงปลุกปั่น ช่วยเหลือ หรือมีส่วนร่วมในการก่อความไม่สงบ หรือต่อต้านต่อทางการสหรัฐฯ โดยคณะกรรมาธิการอ้างว่า ทรัมป์ส่งเสริมให้ผู้สนับสนุนเดินทางไปยังกรุงวอชิงตัน เพื่้อก่อความวุ่นวาย และระหว่างที่เกิดความรุนแรงขึ้น ทรัมป์ก็ไม่ได้พยายามกระทำการใด ๆ เพื่อหยุดยั้ง ย้อนเหตุการณ์หลังจากการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 8 พ.ย.2020 ทรัมป์ชิงเก้าอี้ไบเดน ผลออกมาว่าทรัมป์แพ้ แต่เขายืนยันว่า ถูกโกง และในวันที่ 6 ม.ค.2021 ซึ่งสภาสหรัฐฯ มีกำหนดจะรับรองผลการเลือกตั้ง เกิดเหตุที่ไม่มีใครคาดคิด เมื่อกลุ่มผู้สนับสนุนทรัมป์บุกเข้าไปในอาคาร ทำลายข้าวของ สร้างความเสียหาย และทำให้มีผู้เสียชีวิต มีผู้ที่ถูกจับกุมในเหตุวันนั้นมากกว่า 900 คน ตามข้อมูลล่าสุดจากกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ขณะที่ทรัมป์ปราศรัยอยู่บนเวทีที่ห่างออกไปไม่ไกลจากที่เกิดเหตุ แต่ข้อหนึ่งที่ทางคณะกรรมาธิการหยิบยกมาเป็นเหตุผลในการผลักดันการดำเนินคดีทรัมป์ คือเขาไม่พยายามยับยั้งผู้สนับสนุน ให้ยุติการใช้ความรุนแรง แต่กลับเพิกเฉยอยู่นาน กระทั่งเมื่อเวลาผ่านไประยะหนึ่ง ผู้นำสหรัฐฯ ในขณะนั้นจึงออกปากขอความสงบ และแทบจะในทันทีที่ทรัมป์ส่งสารดังกล่าวออกไป ผู้ก่อเหตุส่วนหนึ่งยุติการก่อความรุนแรงแทบจะในทันที ทั้งนี้ ข้อสรุปและข้อเสนอของคณะกรรมาธิการสอบสวนในวันนี้ไม่มีผลบังคับใช้ทางกฎหมาย และกระทรวงยุติธรรมมีอำนาจตัดสินใจในขั้นสุดท้ายว่าจะดำเนินคดีต่ออดีตผู้นำสหรัฐฯ และพวกพ้องหรือไม่ แต่ข้อสรุปนี้อาจเป็นตัวผลักดันให้กับการสืบสวนคดีอาญาที่ อัยการพิเศษกำลังดำเนินการต่อทรัมป์และบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องอยู่ได้ รวมทั้งอาจจะมีผลทางการเมืองมากกว่าทางกฎหมาย คณะกรรมการสอบสวนชุดนี้จะยุติบทบาทของตนลงในวันที่ 3 ม.ค.ที่จะมาถึง เมื่อพรรครีพับลิกันจะขึ้นมาเป็นผู้นำเสียงข้างมากในสภาล่างสหรัฐฯ แทน
“เชเฟอร์” หวั่นแข้งหลักเจ็บหายไม่ทันเจอซาอุดิอาระเบีย “วินฟรีด เชเฟอร์” โค้ชทีมชาติไทย กังวลเรื่องอา