วันที่ 3 ก.พ.2565 เพจเฟซบุ๊กท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ

วันนี้ (30 ธ.ค.2566) นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนากล้าประเมินผลการทำงานของรัฐบาล 3 เดือนว่า รัฐบาลพยายามทำงานในสิ่งที่สัญญากับประชาชนไว้ตอนเลือกตั้ง โดยเฉพาะปัญหาเฉพาะหน้า เช่น เศรษฐกิจระยะ
วันนี้ (2 พ.ค.2566) กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข รายงานว่าตัวเลขผู้ป่วยโควิด-19 ในประเทศไทย สัปดาห์ที่ 17 ระหว่างวันที่ 23-29 เม.ย.นี้ ผู้ป่วยรักษาตัวในโรงพยาบาล 1,811 คน เฉลี่ยรายวัน 258 คนต่อวัน รว
วันนี้ (30 ธ.ค.2566) นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนากล้าประเมินผลการทำงานของรัฐบาล 3 เดือนว่า รัฐบาลพยายามทำงานในสิ่งที่สัญญากับประชาชนไว้ตอนเลือกตั้ง โดยเฉพาะปัญหาเฉพาะหน้า เช่น เศรษฐกิจระยะสั้น การตรึงราคาค่าไฟ ค่าน้ำมัน หนี้นอกและในระบบเพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพของประชาชนให้ดี มองว่ารัฐบาลทำได้ดี แต่สำหรับปีหน้าคงต้องโฟกัสเรื่องของรายได้ประเทศและรายได้ประชาชน รัฐบาลไปเชิญชวนการลงทุนไว้มาก แต่เราจะได้เงินได้งานเพิ่มขึ้นมา จากการลงทุนที่ไปเชิญชวนอย่างไร หรือการส่งออกที่ติดลบ ปีหน้าจะหาตลาดเพื่อการส่งออก นำรายได้เข้าประเทศ หรือการท่องเที่ยวปีนี้มีนักท่องเที่ยว 27 ล้านคน ปีหน้าทำอย่างไรให้ได้ 40 ล้านคน ถ้าทำได้เราก็กลับมาอยู่จุดเดิมก่อนเกิดโควิด นายสุวัจน์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังควรทำอะไรที่ถาวรให้กับประเทศ เช่น การปรับโครงสร้างต่างๆ ได้แก่ พลังงาน ตอนนี้รัฐบาลแก้ปัญหาค่าไฟเฉพาะหน้า แต่ถ้าปรับโครงสร้างทั้งการผลิตและการใช้พลังงานหมุนเวียน การหาแหล่งก๊าซเป็นของตัวเองจะเป็นเรื่องที่ถาวรและเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน การปรับโครงสร้างภาคการเกษตร อุตสาหกรรมรถยนต์ที่กำลังเปลี่ยนป็นรถยนต์ไฟฟ้า และโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น EEC แลนด์บริดจ์ รถไฟฟ้าความเร็วสูง มอเตอร์เวย์ จะต่อยอดอย่างไร แต่รัฐบาลต้องระวังเรื่องตัวเลขหนี้สาธารณะในขณะนี้ 62% แม้ยังไม่ทราบว่าโครงการดิจิทัลวอลเล็ตจะเกิดขึ้นเมื่อไร แต่ถ้าเกิดขึ้นกแจก เครดิต ฟรี กด รับ เอง 2564 แจก เครดิต ฟรี กด รับ เอง 2564็อาจจะทำให้ตัวเลขหนี้สาธรณะสูงขึ้นถึง 65-66% หนี้ภาคประชาชนตอนนี้กว่า 90% รัฐบาลต้องระมัดระวังและสร้างเสถียรภาพทางการคลังเพื่อให้เกิดความมั่นใจ หากนโยบายการผลักดันนโยบายการหารายได้ชัดเจน จีดีพีก็จะโต หนี้ต่างๆ จะลดลง ตลาดหุ้นก็จะกลับมาคึกคัก นอกจากนี้ นายสุวัจน์ ยังกล่าวถึงนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต ว่าเป็นส่วนหนึ่งของการกระตุ้นเศรษฐกิจ และน่าจะเพิ่มจีดีพีได้อีกประมาณครึ่งเปอร์เซ็นต์ ปีหน้าจีดีพีอาจจะอยู่ที่ประมาณ 3% แต่ถ้ามีนโยบายนี้ก็อาจจะเพิ่มเป็น 3.5% และขอย้ำว่าสิ่งที่ต้องควบคุมหนี้สาธารณะตอนนี้ห้าแสนล้านบาท หากมีการกู้เงินเพิ่มอีกก็จะทำให้สูงกว่า 62% แม้ไม่เกิน 70% แต่นักลงทุนและนักวิเคราะห์ก็จะมอง ดังนั้นรัฐบาลต้องหามาตรการหารายได้เพิ่มให้กับประเทศในระยะยาวควบคู่กันไป การท่องเที่ยวดีขึ้น การส่งออกดีขึ้น การปรับโครงสร้างต่างๆ เพื่อให้บาลานซ์ตัวเลขที่ทำให้เกิดความมั่นใจเสถียรภาพการคลังของประเทศ แต่มองว่าการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยเงินถึงห้าแสนล้านบาทย่อมมีความรุนแรงที่ทำให้เศรษฐกิจกระเตื้องขึ้นได้ และถ้าติดเรื่องข้อกฎหมายคิดว่ารัฐบาลต้องมีมาตรการสำรองที่เทียบเคียงได้กับดิจิทัลวอลเล็ต “ดิจิทัลวอลเล็ตบอกประชาชนไว้ก็ต้องทำและก็เป็นนโยบายของรัฐบาล เพียงแต่ต้องมีความรอบคอบในเรื่องของความถูกต้องของขั้นตอนต่างๆ คือ การตีความทางกฎหมายของกฤษฎีกา แต่โดยภาพรวมก็มีผลดีต่อระบบเศรษฐกิจ เพียงแต่ว่าระมัดระวังที่มาและหนี้สาธารณะที่เกิดขึ้นให้อยู่ในเกณฑ์ที่ยังมีเสถียรภาพในด้านการคลังอยู่” นายสุวัจน์ กล่าว เมื่อถามถึงคำแนะนำแก่นายกรัฐมนตรี นายสุวัจน์ กล่าวว่า เวลาไม่รอท่า ตอนนี้นายกรัฐมนตรีต้องโฟกัสในการหารายได้ ใช้ประสบการณ์ในทางธุรกิจ ความได้เปรียบและเสถียรภาพทางการเมือง ผลักดันให้งานเรียบร้อย เพราะปีหน้าจะเป็นปีที่ท้าทายในเรื่องเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตามปัจจัยต่างๆ ก็เป็นใจเพราะส่งออกปีนี้ติดลบ แต่ปีหน้าเศรษฐกิจโลกจะดีขึ้น ดอกเบี้ยขาลง เงินเฟ้อลดลง ดังนั้นเศรษฐกิจไทยโดยพื้นฐานย่อมจะต้องดีขึ้น ตัวเลขการส่งออกที่ติดลบปีหน้าก็ต้องเป็นบวก นักท่องเที่ยวก็ต้องเพิ่มขึ้น และถ้ามีการลงทุนเพิ่มก็จะยิ่งขับเคลื่อนจีดีพี หนี้ต่างๆจะเบาลง ส่วนเรื่องการเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรีของพรรคแกนนำ น่าจะยังไม่มีอะไร เพราะ สว. ยังอยู่ ดังนั้นการเปลี่ยนตัวจึงไม่ใช่เรื่องง่าย อะไรยากๆ คงไม่ทำในช่วงนี้และไม่ใช่การเปลี่ยนผ่านที่ราบรื่น อ่านข่าวอื่นๆ : "ชัยธวัช" เตือนรัฐบาลอย่าให้ "ทักษิณ" เป็นน้ำผึ้งหยดเดียว นำสู่วิกฤตศรัทธา
กรณีกระแสดรามาลิงทำลายป้ายป้ายขับไล่ลิงออกจากเมืองลพบุรี หลังชาวบ้านประท้วงหน่วยงานรัฐ ขับไล่ลิงออกจ
วันนี้ (2 พ.ย.2564) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นักวิจัยด้านสิ่งแวดล้อมหลายคนเห็นตรงกันว่า หากจะลดการปล่อยก
วันนี้ ( 6 พ.ค.) กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.
วันนี้ (30 ธ.ค.2566) นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนากล้าประเมินผลการทำงานของรัฐบาล 3 เดือนว่า รัฐบาลพยายามทำงานในสิ่งที่สัญญากับประชาชนไว้ตอนเลือกตั้ง โดยเฉพาะปัญหาเฉพาะหน้า เช่น เศรษฐกิจระยะสั้น การตรึงราคาค่าไฟ ค่าน้ำมัน หนี้นอกและในระบบเพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพของประชาชนให้ดี มองว่ารัฐบาลทำได้ดี แต่สำหรับปีหน้าคงต้องโฟกัสเรื่องของรายได้ประเทศและรายได้ประชาชน รัฐบาลไปเชิญชวนการลงทุนไว้มาก แต่เราจะได้เงินได้งานเพิ่มขึ้นมา จากการลงทุนที่ไปเชิญชวนอย่างไร หรือการส่งออกที่ติดลบ ปีหน้าจะหาตลาดเพื่อการส่งออก นำรายได้เข้าประเทศ หรือการท่องเที่ยวปีนี้มีนักท่องเที่ยว 27 ล้านคน ปีหน้าทำอย่างไรให้ได้ 40 ล้านคน ถ้าทำได้เราก็กลับมาอยู่จุดเดิมก่อนเกิดโควิด นายสุวัจน์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังควรทำอะไรที่ถาวรให้กับประเทศ เช่น การปรับโครงสร้างต่างๆ ได้แก่ พลังงาน ตอนนี้รัฐบาลแก้ปัญหาค่าไฟเฉพาะหน้า แต่ถ้าปรับโครงสร้างทั้งการผลิตและการใช้พลังงานหมุนเวียน การหาแหล่งก๊าซเป็นของตัวเองจะเป็นเรื่องที่ถาวรและเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน การปรับโครงสร้างภาคการเกษตร อุตสาหกรรมรถยนต์ที่กำลังเปลี่ยนป็นรถยนต์ไฟฟ้า และโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น EEC แลนด์บริดจ์ รถไฟฟ้าความเร็วสูง มอเตอร์เวย์ จะต่อยอดอย่างไร แต่รัฐบาลต้องระวังเรื่องตัวเลขหนี้สาธารณะในขณะนี้ 62% แม้ยังไม่ทราบว่าโครงการดิจิทัลวอลเล็ตจะเกิดขึ้นเมื่อไร แต่ถ้าเกิดขึ้นกแจก เครดิต ฟรี กด รับ เอง 2564 แจก เครดิต ฟรี กด รับ เอง 2564็อาจจะทำให้ตัวเลขหนี้สาธรณะสูงขึ้นถึง 65-66% หนี้ภาคประชาชนตอนนี้กว่า 90% รัฐบาลต้องระมัดระวังและสร้างเสถียรภาพทางการคลังเพื่อให้เกิดความมั่นใจ หากนโยบายการผลักดันนโยบายการหารายได้ชัดเจน จีดีพีก็จะโต หนี้ต่างๆ จะลดลง ตลาดหุ้นก็จะกลับมาคึกคัก นอกจากนี้ นายสุวัจน์ ยังกล่าวถึงนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต ว่าเป็นส่วนหนึ่งของการกระตุ้นเศรษฐกิจ และน่าจะเพิ่มจีดีพีได้อีกประมาณครึ่งเปอร์เซ็นต์ ปีหน้าจีดีพีอาจจะอยู่ที่ประมาณ 3% แต่ถ้ามีนโยบายนี้ก็อาจจะเพิ่มเป็น 3.5% และขอย้ำว่าสิ่งที่ต้องควบคุมหนี้สาธารณะตอนนี้ห้าแสนล้านบาท หากมีการกู้เงินเพิ่มอีกก็จะทำให้สูงกว่า 62% แม้ไม่เกิน 70% แต่นักลงทุนและนักวิเคราะห์ก็จะมอง ดังนั้นรัฐบาลต้องหามาตรการหารายได้เพิ่มให้กับประเทศในระยะยาวควบคู่กันไป การท่องเที่ยวดีขึ้น การส่งออกดีขึ้น การปรับโครงสร้างต่างๆ เพื่อให้บาลานซ์ตัวเลขที่ทำให้เกิดความมั่นใจเสถียรภาพการคลังของประเทศ แต่มองว่าการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยเงินถึงห้าแสนล้านบาทย่อมมีความรุนแรงที่ทำให้เศรษฐกิจกระเตื้องขึ้นได้ และถ้าติดเรื่องข้อกฎหมายคิดว่ารัฐบาลต้องมีมาตรการสำรองที่เทียบเคียงได้กับดิจิทัลวอลเล็ต “ดิจิทัลวอลเล็ตบอกประชาชนไว้ก็ต้องทำและก็เป็นนโยบายของรัฐบาล เพียงแต่ต้องมีความรอบคอบในเรื่องของความถูกต้องของขั้นตอนต่างๆ คือ การตีความทางกฎหมายของกฤษฎีกา แต่โดยภาพรวมก็มีผลดีต่อระบบเศรษฐกิจ เพียงแต่ว่าระมัดระวังที่มาและหนี้สาธารณะที่เกิดขึ้นให้อยู่ในเกณฑ์ที่ยังมีเสถียรภาพในด้านการคลังอยู่” นายสุวัจน์ กล่าว เมื่อถามถึงคำแนะนำแก่นายกรัฐมนตรี นายสุวัจน์ กล่าวว่า เวลาไม่รอท่า ตอนนี้นายกรัฐมนตรีต้องโฟกัสในการหารายได้ ใช้ประสบการณ์ในทางธุรกิจ ความได้เปรียบและเสถียรภาพทางการเมือง ผลักดันให้งานเรียบร้อย เพราะปีหน้าจะเป็นปีที่ท้าทายในเรื่องเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตามปัจจัยต่างๆ ก็เป็นใจเพราะส่งออกปีนี้ติดลบ แต่ปีหน้าเศรษฐกิจโลกจะดีขึ้น ดอกเบี้ยขาลง เงินเฟ้อลดลง ดังนั้นเศรษฐกิจไทยโดยพื้นฐานย่อมจะต้องดีขึ้น ตัวเลขการส่งออกที่ติดลบปีหน้าก็ต้องเป็นบวก นักท่องเที่ยวก็ต้องเพิ่มขึ้น และถ้ามีการลงทุนเพิ่มก็จะยิ่งขับเคลื่อนจีดีพี หนี้ต่างๆจะเบาลง ส่วนเรื่องการเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรีของพรรคแกนนำ น่าจะยังไม่มีอะไร เพราะ สว. ยังอยู่ ดังนั้นการเปลี่ยนตัวจึงไม่ใช่เรื่องง่าย อะไรยากๆ คงไม่ทำในช่วงนี้และไม่ใช่การเปลี่ยนผ่านที่ราบรื่น อ่านข่าวอื่นๆ : "ชัยธวัช" เตือนรัฐบาลอย่าให้ "ทักษิณ" เป็นน้ำผึ้งหยดเดียว นำสู่วิกฤตศรัทธา
ยังจับต้นชนปลายไม่ถูก หลังเกิดกระแส เสือเฒ่าบ้านริมคลอง “อาเหลิม” ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง อดีตหัวหน้าพ