ความคืบหน้ากรณีสารแอมโมเนียรั่วไหลมาจากสายพานการผลิตโรงงานผลิตอาหารแช่แข็งส่งออกต่างประเทศ ต.ท่าข้าม อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ซึ่งรถพยาบาลฉุกเฉินจำนวนหลายคันเข้าอพยพช่วยเหลือแรงงานข้ามชาตินับร้อยคนออกจากโรงง
วันนี้ (11 เม.ย.2568) กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภ
วันนี้ (18 ม.ค.2567) สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เปิดเผยว่า ขณะนี้มีผู้ไม่หวังดีหรือมิจฉาชีพได้หลอกลวงประชาชน โดยเปิดลงทะเบียนบุคลากร ให้เข้าร่วมโครงการพัฒนาประเทศ เชิญชวนให้ลงทะเบียนแล
“ตอบตรง ๆ ผมว่ารัฐบาลไทยปัจจุบัน โดยเฉพาะนโยบายต่างประเทศ เคลื่อนตัวตามสถานการณ์โลก และสถานการณ์ในภูมิภาคไม่ทัน ผมว่าเราช้าไปนิดนึง ไม่ว่าจะโดยคิดช้าหรือปฏิบัติช้า” เป็นคำอธิบายของศาสตราจารย์ ดร.สุรชาติ บำรุงสุข ผู้เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และความมั่นคง กับ “สุทธิชัย หยุ่น”ในรายการคุยนอกกรอบ โดยวิเคราะห์เรื่องนโยบายต่างประเทศของไทยต่อประเทศเพื่อนบ้าน ประเดิมที่นโยบายต่างประเทศของไทยในรัฐบาลของ "พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา" กับรัฐบาล "เศรษฐา ทวีสิน" โดย ศ.สุรชาติ บอกว่า หลังรัฐประหารเมียนมาในปี 2564 จนถึงการสิ้นสุดอำนาจของรัฐบาลชุดดังกล่าว ได้เห็นภาพความสัมพันธ์ใกล้ชิด และความชัดเจนของไทยมากขึ้น เมื่ออา เซียนออกมติ 5 ข้อ ทำให้ทุกคนมีความหวังว่า ไทยจะเป็นตัวขับเคลื่อนยุติความขัดแย้งอย่างสันติ แต่กลายเป็นว่าไทยฉีกตัวออกมา ซึ่งเรียกสภาวะแบบนี้ว่า "เรากำลังกลายเป็นเด็กเกเรในอาเซียน" ส่งผลไม่ดีต่อไทย ต่อมาเมื่อเข้าสู่ยุครัฐบาล "เศรษฐา ทวีสิน" ทุกคนต่างมีความหวัง แต่เนื่องด้วยสถานการณ์สงครามหนักขึ้น "ปฏิบัติการ 1027 หรือ 27 ตุลา 2566" เริ่มเปลี่ยนโฉมหน้าสงคราม การเมืองในเมียนมาจริง ๆ โดยเฉพาะหลังปีใหม่ 2567 ยิ่งเห็นชัดเจนขึ้นเมื่อ 30 กว่าเมืองต้องสูญเสียเมืองให้กับฝ่ายต่อต้านรัฐบาล …เมื่อถามว่า รัฐบาล "เศรษฐา ทวีสิน" ไม่ค่อยพูดถึงนโยบายต่างประเทศ และเมื่อลงไป 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ นายกเศรษฐาฯบอก ไม่พูดถึงปัญหา พูดเรื่องโอกาสเท่านั้น ถ้าวิธีคิดนี้นำมาใช้ในเรื่องเมียนมา จะเป็นไปได้ไหม… ศ.สุรชาติ กล่าวว่า เป็นเรื่องยาก เพราะสถานการณ์จริงคือ ปัญหาไม่ใช่โอกาส ผนวกกับเสียงของคนภาคใต้ที่ยังมองไม่เห็นความชัดเจนทิศทางของรัฐบาล ฉะนั้นปัญหาเมียนมา ก็คงไม่ต่างกัน แม้ว่าวันนี้จะมีหน่วยงานตามแนวชายแดน แต่ทุกคนก็ยังรู้สึกว่า คนที่อยู่ตามแนวชายแดนรู้ดีว่า หน่วยงานไทย ทำงานสเปะสะปะ ไม่มีนโยบายกลางที่เป็นเอกภาพ พอเป็นแบบนี้ หน่วยงานปฏิบัติก็ทสม คร sbobet 365ำตาม อย่าง นโยบายต่างประเทศของไทย ปัจจุบันกำลังทำตามอำเภอใจ ทำให้หลายหน่วยงานมีปัญหา ขณะที่สภาความมั่นคงแห่งชาติ จะต้องเป็นหน่วยงานที่ประสานความมั่นคง แต่หลังจากรัฐประหาร ปี 2549 และ ปี 2557 สภาความมั่นคงถูกทำลายสภาพภายในไปหมด กลายเป็นโครงสร้างทหารเข้าไปยึด สิ่งสำคัญคือทหารที่เข้ามา ไม่ใช่เพราะความสามารถ แต่มาจากการจัดสรรตำแหน่งในส่วนของกระทรวงกลาโหมที่ไม่ลงตัว ด้วยตัวสภาความมั่นคงก็มีปัญหาภายในอยู่แล้ว พอมาเจอสภาวะหลังรัฐประหาร กลายเป็นหน่วยงานที่ไม่สามารถมีบทบาทนำ ไม่รู้ว่าควรทำหรือไม่ควรทำอะไร ศ. สุรชาติ ยืนยันว่า ไทยมีศักยภาพและโอกาสที่จะเป็น "Peace Broker" เพื่อยุติสงครามเมียนมา เนื่องด้วยมีชายแดนติดกันยาวถึง 2,400 กิโลเมตร โดยเฉพาะในขณะนี้ประชากรเมียนมาอพยพเข้ามาหลายหมื่นคน และส่วนใหญ่เป็นครอบครัวที่มีฐานะทางเศรษฐกิจที่เข้ามาอาศัยในคอนโดใน กทม. ดังนั้นรัฐบาลจะต้องวางแผนและต้องคิด …เมื่อถามว่า ทั้งกลุ่มต่อต้านรัฐบาล SAC ทั้งมีคนมองว่าทหารใกล้ชิดกับทางทหารมากขึ้น บทบาททำให้ยากต่อการทำงานในรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ หากเป็นยุคนี้น่าจะมีภาพลักษณ์ที่ดีขึ้นหรือไม่ ทำไมไม่ฉวยโอกาสนี้… ศ.สุรชาติ ยอมรับว่า เป็นสิ่งที่คิดไว้เหมือนกัน แต่ก็ต้องเข้าใจว่าปัญหานี้เป็นเหมือนพันธะที่ไม่จบ "ทั้งพันธะทางใจ - พันธะในการปฏิบัติ" อีกทั้งสิ่งที่เราเห็นเรียกว่า "พลวัตรสงคราม" มีพลวัตรการเมืองคู่ขนาน จึงเรียกปรากฎการณ์สงครามการเมืองในเมียนมารอบนี้ว่า "ปรากฎการณ์สามก๊ก" คือ SAC , NUG (รัฐบาลฝ่ายประชาธิปไตย) และ EAO (กองกำลังติดอาวุธ) โจทย์นี้ถือเป็นบทบาทกระทรวงต่างประเทศ ที่ไม่ใช่เพียงคิดอย่างเดียว ต้องทำให้เห็นความมั่นคงคู่ขนานไปพร้อมกันด้วย ไม่ใช่เพียงแค่การไปยืนถ่ายรูปเพื่อออกสื่อเท่านั้น ศ.ดร.สุรชาติ กล่าวว่า ในโลกสมัยใหม่เขาไม่เอาทหารมาทำสงคราม เขาเอาทหารมาเป็นคนช่วยจัดการ แต่จะใช้หน่วยงานพลเรือนที่ดูเป็นกลาง เพื่อให้เกิดความมั่นใจทั้งฝ่ายผู้รับ และประเทศที่เป็นปัญหา ผู้รับและตัวรัฐบาลที่เป็นปัญหาก็จะไม่หวาดระแวง แต่พอเราเอาทหารเข้าไปเกี่ยว ก็จะเกิดปัญหาและคำถามตามมา วันนี้หากรัฐบาลตัดสินใจว่าเรื่องเมียนมาเป็นเรื่องใหญ่ รัฐบาลไทยอยากแสดงบทบาท ศ.สุรชาติ มองว่า “จะต้องคิดใหม่ทำใหม่” ถ้าไม่คิดใหม่ทำใหม่กับปัญหาเมียนมา จะไม่สามารถเริ่มได้ เนื่องด้วยมีแบบแผนที่ใช้ยึดถือเป็นแนวทางปฏิบัติผูกมัดตามข้อตกลงที่ไทยมีกับ SAC บางอย่าง ...เมื่อถามว่ากองทัพ และกระทรวงการต่างประเทศ ได้มีสายเชื่อมตรงต่อกับสามฝ่ายนี้หรือไหม.. ศ.สุรชาติ มองว่า มีแบบกระท่อนกระแท่น เนื่องด้วย NUG มีความน้อยใจ เพราะรู้สึกว่า รัฐบาลไทยไม่ให้ความสำคัญ มีท่าทีไม่ค่อยอยากคุย ส่วนฝ่าย EAO กำลังมีปัญหาในตัวเนื่องจากหลากหลายกลุ่มมาก ไม่รู้ว่าจะคุยกับใครจะคุยกับกลุ่มไหนได้ รวมถึงความใกล้ชิดกับกะเหรี่ยง KNU ที่ได้มีการทำแผนเสนอ แต่ไทยไม่เอา กลับไปจับมือ BJF ซึ่งเป็นกะเหรี่ยงอีกกลุ่มที่ใกล้ชิดกับรัฐบาลทหารคือ SAC เดิม แต่ปัญหาก็คือ BJF มีประวัติเดิมที่เป็นปัญหา ภาพที่เห็นในตอนนี้มองว่าฝ่ายต่อต้านเริ่มได้เปรียบมากขึ้น การเจรจาในบทบาท "Peace Broker" จะยากขึ้นพี่น้องชนกลุ่มน้อยเริ่มชนะมากขึ้น เขาเริ่มไม่รู้สึกอยากคุย เขาอยากรบ เพราะวันนี้ฮึกเหิม ก็เหมือนกับหลักสงครามธรรมดา ในสนามรบใครมีอำนาจต่อรองสูงกว่า จะไม่อยากเจรจา ฝ่ายที่เสียเปรียบอยู่อาจจะอยากเจรจา และเป็นที่รับทราบกันว่า ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เงื่อนไขสงครามที่ดีที่สุดคือการรบในฤดูแล้ง แต่ก็ไม่สามารถตอบได้ว่าจะเป็นเหตุการณ์ที่ชี้ขาดสงครามหรือไม่ แต่จะเป็นหัวเลี้ยวหัวต่อที่ใหญ่ที่สุด … หากภาพแบบนี้เห็นว่าฝ่ายต่อต้านรัฐบาล เริ่มได้เปรียบมากขึ้นเรื่อย ๆ ทางกองทัพของ “พลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่าย” จะยอมลดเงื่อนไขหรือไม่… "ไม่ลด" ศ.สุรชาติ กล่าวและเปรียบให้เห็นภาพเหมือนกับปัญหาสงครามในยูเครน แม้ว่ารัสเซียจะเสียกำลังพลไปกว่า 3 แสนคน รวมถึงยุทโธปกรณ์ต่างๆ แต่รัสเซียก็ยังไม่ยอมหยุด เพราะยังมีกำลังอาวุธที่รบได้ต่อ เฉกเช่นกองทัพเมียนมาแต่เดิมใหญ่เป็นอันดับสองในภูมิภาค แม้ว่าในขณะจะตกมาอยู่อันดับที่ 4 แต่ในส่วนของยุทโธปกรณ์ จำนวนคน ยังรบต่อได้ สิ่งสำคัญก่อนที่ประเทศไทยจะเป็น "Peace Broker" จะต้องคุยกับสหรัฐอเมริกา, จีน, สหภาพยุโรป, ญี่ปุ่น, อินเดีย และออสเตรเลีย เนื่องจากประเทศไทยยังถือฉันทามติ 5 ข้อ ที่ต้องทำตามรวมทั้งต้องไม่ทิ้งบทบาทลาวในฐานะประธาน ศ.สุรชาติ บอกว่า หากย้อนกลับไปในอดีต หลายกรณีที่เป็นความขัดแย้งในภูมิภาค ประเทศไทยมีบทบาทไปเป็นคนกลางเจรจาได้สำเร็จ ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ "มาเลเซีย ทะเลาะกับ อินโดนีเซีย" "วันนี้ผมรู้สึกว่ามรดกความสำเร็จทางการทูตของไทย มันหายไปจากความทรงจำ แล้วก็กลายเป็นการทูตที่เกาะสายเดียว เกาะกระแสเดียว เราคิดไม่เป็น" นักวิชาการด้านความมั่นคงทิ้งท้าย รายการคุยนอกกรอบ โดย สุทธิชัย หยุ่น ทุกวันพฤหัสบดี เวลา 21.30-22.00 น.ที่สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส
“ตอบตรง ๆ ผมว่ารัฐบาลไทยปัจจุบัน โดยเฉพาะนโยบายต่างประเทศ เคลื่อนตัวตามสถานการณ์โลก และสถานการณ์ในภูมิภาคไม่ทัน ผมว่าเราช้าไปนิดนึง ไม่ว่าจะโดยคิดช้าหรือปฏิบัติช้า” เป็นคำอธิบายของศาสตราจารย์ ดร.สุรชา
- สม คร sbobet 365
- วิธี โกง ตู้ สล็อตjoker coมาเฟีย 9999
- รับ เครดิต ฟรี ทุก ค่าย
- red lady slot
- bet arena
- mega888เครดิตฟรีM98บอลวันนี้แมนยู