UID: 02610

วันนี้ (11 ธ.ค.2567) กลุ่มผู้เสียหายกว่า 70 คน พร้อมนางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็

กทม.เตรียมแผนรับมือน้ำท่วม กทม.เตรียมรับมือมวลน้ำขนาดใหญ่ก่อนระบายลงสู่อ่าวไทย เพื่อจัดการน้ำไม่ให้เ

กทม.เตรียมแผนรับมือน้ำท่วม กทม.เตรียมรับมือมวลน้ำขนาดใหญ่ก่อนระบายลงสู่อ่าวไทย เพื่อจัดการน้ำไม่ให้เข้าท่วมพื้นที่ กทม.เตรียมแผนรับมือน้ำท่วม    น้ำจากเขื่อนเจ้าพระยาจำนวน 3,709 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ที่ปล่อยลงมาในวันนี้ (19 ก.ย.) ถูกผันออกไปฝั่งตะวันออกและฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา ทำให้มีปริมาณน้ำไหลเข้ากรุงเทพมหานครที่ประตูระบายน้ำบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยาจำนวน 2,946 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งกรุงเทพมหานครมีแผนป้องกันน้ำท่วม ทั้ง 3 ด้าน โดยน้ำเหนือที่จะผ่านแม่น้ำเจ้าพระยา จะระบายออกทะเลโดยตรง รวมทั้งมีประตูระบายน้ำคลองลัดโพธิ์ อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ ไหลลงสู่อ่าวไทย ได้อย่างรวดเร็วเพราะช่วยลดระยะทางการไหลของน้ำจาก18 กิโลเมตร เหลือเพียง 600 เมตร และลดเวลาการระบายน้ำจากเดิม 5 ชั่วโมง เหลือเพียง 10 นาทีเท่านั้น   ส่วนน้ำเหนือที่ผันออกทางฝั่งตะวันออกของกทม. จะมีคลองระพีพัฒน์ เป็นปราการด่านแรก จากนั้นน้ำจะถูกผันเข้าสู่ประตูระบายน้ำพระนารายณ์ ที่อำเภอท่าเรือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ผ่านประตูระบายน้ำปลายคลอง 13 ผ่านเขตหนองจอก มีนบุรี ลาดกระบัง ก่อนไหลออกสู่ทะเลที่จังหวัดสมุทรปราการ ขณะที่ทางฝั่งตะวันตกน้ำจะถูกผันลงสู่แม่น้ำท่าจีน โดยมีคลองมหาสวัสดิ์ จังหวัดนนทบุรี ทำหน้าที่เชื่อมน้ำเข้าสู่ระบบและออกทะเลที่จังหวัดสมุทรสาคร      ทั้งนี้หากน้ำเหนือเกิดล้นพนังกั้่นแม่น้ำเจ้าพระยา เอ่อล้นเข้าท่วมพื้นที่ชั้นใน ทางกรุงเทพมหานครมีแผนรับมือเช่นกัน โดยกรุงเทพฯชั้นในฝั่งตะวันออกจะระบายน้ำผ่านคลองหลักๆ อย่าง คลองประเวศบุรีรมย์ คลองแสนแสบ คลองมหานาค คลองสามเสน เข้าสู่อุโมงค์ยักษ์พระราม 9 - รามคำแหง ซึ่งมีเส้นผ่าศูนย์กลาง 5 เมตร และมีความยาว 5 กิโลเมตร ซึ่งสามารถระบายน้ำได้มากถึง 60 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เทียบเท่ากับการระบายน้ำออกจากสระว่ายน้ำขนาดมาตรฐาน 4 สระ ภายในเวลาไม่ถึง 1 วินาที ส่งผลให้การระบายน้ำท่วมขังใน 6 เขต ได้แก่ ลาดพร้าว วังทองหลาง บางกะปิ ห้วยขวาง บึงกุ่ม และสะพานสูง ครอบคลุมพื้นที่ 50 ตามรางกิโลเมตร ถูกระบายออกไปยังสถานีสูบน้ำที่พระโขนง ซึ่งสามารถระบายน้ำได้ 4 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน ก่อนออกสู่อ่าวไทย   ขณะที่ฝั่งตะวันตกจะระบายน้ำผ่านคลองทวีวัฒนา เลียบไปตัดคลองภาษีเจริญ ลงสู่แก้มลิงสนามชัย ที่คลองราชมนตรี ซึ่งน้ำบางส่วนก็ไหลสู่คลองดาวคะนอง คลองชักพระ คลองบางกอกใหญ่ ซึ่งสามารถระบายน้ำได้ 2 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน       ส่วนมวลน้ำที่ผ่านแม่น้ำเจ้าพระยา กรุงเทพมหานครมีสถานีสูบน้ำจำนวน 33 แห่ง ตั้งรับรอบพื้นที่และบริเวณคลองพื้นที่ติดแม่น้ำเจ้าพระยา รวมถึงสถานีสูบน้ำขนาดใหญ่อีก 8 แห่ง คือ สถานีสูบน้ำสามเสน บางซื่อ พระราม 4 เทเวศร์ กรุงเกษม ช่องนนทรี พระโขนง และคลองเตย ผสานการทำงานกับประตูระบายน้ำอีกกว่า 200 แห่ง เพื่อไม่ให้น้ำเข้าท่วมพื้นที่ชั้นในของกทม. นอกจากนี้ยังมีแผนป้องกันน้าท่วมโดยการใช้พื้นที่ลุ่ม ทำเป็นแก้มลิงอีก 21 แห่ง เพื่อกักเก็บน้ำชั่วคราวได้เกือบ 13 ล้านลูกบาศก์เมตร แม้ว่ากรุงเทพมหานครจะมีระบบการระบายน้ำโดยการผันน้ำออกสู่พื้นที่ต่างๆ เพื่อกันไม่ให้น้ำเข้าท่วมพื้นที่ แต่ก็ต้องเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด เนื่องจากกรมอุตุนิยมวิทยารายงานว่าในช่วงระหว่างวันที่ 20-23 กันยายนนี้ จะมีฝนตกเพิ่มมากขึ้นและมีฝนตกหนักมากในบางพื้นที่ รวมถึง ต้องเฝ้าติดตามระดับน้ำทะเลหนุนสูงในช่วงวัน-เวลาดังกล่าวด้วย    น้ำจากเขื่อนเจ้าพระยาจำนวน 3,709 ลูกบาศกคุณ ฉุย ฟัน ธง์เมตรต่อวินาที ที่ปล่อยลงมาในวันนี้ (19 ก.ย.) ถูกผันออกไปฝั่งตะวันออกและฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา ทำให้มีปริมาณน้ำไหลเข้ากรุงเทพมหานครที่ประตูระบายน้ำบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยาจำนวน 2,946 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งกรุงเทพมหานครมีแผนป้องกันน้ำท่วม ทั้ง 3 ด้าน โดยน้ำเหนือที่จะผ่านแม่น้ำเจ้าพระยา จะระบายออกทะเลโดยตรง รวมทั้งมีประตูระบายน้ำคลองลัดโพธิ์ อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ ไหลลงสู่อ่าวไทย ได้อย่างรวดเร็วเพราะช่วยลดระยะทางการไหลของน้ำจาก18 กิโลเมตร เหลือเพียง 600 เมตร และลดเวลาการระบายน้ำจากเดิม 5 ชั่วโมง เหลือเพียง 10 นาทีเท่านั้น   ส่วนน้ำเหนือที่ผันออกทางฝั่งตะวันออกของกทม. จะมีคลองระพีพัฒน์ เป็นปราการด่านแรก จากนั้นน้ำจะถูกผันเข้าสู่ประตูระบายน้ำพระนารายณ์ ที่อำเภอท่าเรือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ผ่านประตูระบายน้ำปลายคลอง 13 ผ่านเขตหนองจอก มีนบุรี ลาดกระบัง ก่อนไหลออกสู่ทะเลที่จังหวัดสมุทรปราการ ขณะที่ทางฝั่งตะวันตกน้ำจะถูกผันลงสู่แม่น้ำท่าจีน โดยมีคลองมหาสวัสดิ์ จังหวัดนนทบุรี ทำหน้าที่เชื่อมน้ำเข้าสู่ระบบและออกทะเลที่จังหวัดสมุทรสาคร      ทั้งนี้หากน้ำเหนือเกิดล้นพนังกั้่นแม่น้ำเจ้าพระยา เอ่อล้นเข้าท่วมพื้นที่ชั้นใน ทางกรุงเทพมหานครมีแผนรับมือเช่นกัน โดยกรุงเทพฯชั้นในฝั่งตะวันออกจะระบายน้ำผ่านคลองหลักๆ อย่าง คลองประเวศบุรีรมย์ คลองแสนแสบ คลองมหานาค คลองสามเสน เข้าสู่อุโมงค์ยักษ์พระราม 9 - รามคำแหง ซึ่งมีเส้นผ่าศูนย์กลาง 5 เมตร และมีความยาว 5 กิโลเมตร ซึ่งสามารถระบายน้ำได้มากถึง 60 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เทียบเท่ากับการระบายน้ำออกจากสระว่ายน้ำขนาดมาตรฐาน 4 สระ ภายในเวลาไม่ถึง 1 วินาที ส่งผลให้การระบายน้ำท่วมขังใน 6 เขต ได้แก่ ลาดพร้าว วังทองหลาง บางกะปิ ห้วยขวาง บึงกุ่ม และสะพานสูง ครอบคลุมพื้นที่ 50 ตามรางกิโลเมตร ถูกระบายออกไปยังสถานีสูบน้ำที่พระโขนง ซึ่งสามารถระบายน้ำได้ 4 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน ก่อนออกสู่อ่าวไทย   ขณะที่ฝั่งตะวันตกจะระบายน้ำผ่านคลองทวีวัฒนา เลียบไปตัดคลองภาษีเจริญ ลงสู่แก้มลิงสนามชัย ที่คลองราชมนตรี ซึ่งน้ำบางส่วนก็ไหลสู่คลองดาวคะนอง คลองชักพระ คลองบางกอกใหญ่ ซึ่งสามารถระบายน้ำได้ 2 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน       ส่วนมวลน้ำที่ผ่านแม่น้ำเจ้าพระยา กรุงเทพมหานครมีสถานีสูบน้ำจำนวน 33 แห่ง ตั้งรับรอบพื้นที่และบริเวณคลองพื้นที่ติดแม่น้ำเจ้าพระยา รวมถึงสถานีสูบน้ำขนาดใหญ่อีก 8 แห่ง คือ สถานีสูบน้ำสามเสน บางซื่อ พระราม 4 เทเวศร์ กรุงเกษม ช่องนนทรี พระโขนง และคลองเตย ผสานการทำงานกับประตูระบายน้ำอีกกว่า 200 แห่ง เพื่อไม่ให้น้ำเข้าท่วมพื้นที่ชั้นในของกทม. นอกจากนี้ยังมีแผนป้องกันน้าท่วมโดยการใช้พื้นที่ลุ่ม ทำเป็นแก้มลิงอีก 21 แห่ง เพื่อกักเก็บน้ำชั่วคราวได้เกือบ 13 ล้านลูกบาศก์เมตร แม้ว่ากรุงเทพมหานครจะมีระบบการระบายน้ำโดยการผันน้ำออกสู่พื้นที่ต่างๆ เพื่อกันไม่ให้น้ำเข้าท่วมพื้นที่ แต่ก็ต้องเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด เนื่องจากกรมอุตุนิยมวิทยารายงานว่าในช่วงระหว่างวันที่ 20-23 กันยายนนี้ จะมีฝนตกเพิ่มมากขึ้นและมีฝนตกหนักมากในบางพื้นที่ รวมถึง ต้องเฝ้าติดตามระดับน้ำทะเลหนุนสูงในช่วงวัน-เวลาดังกล่าวด้วย

เป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงอีกครั้งกรณีการรื้อฟื้นสร้าง "เขื่อนแก่งเสือเต้น" กั้นแม่น้ำยมป้องกันน้ำท่วม