วันนี้ (14 ส.ค.2565) เจ้าหน้าที่กู้ฮุก 31 นครราชสีมา จุดอุดมทรัพย์ อ.วังน้ำเขียว ถ่ายคลิปวีดีโอขณะทีฝาก 10 รับ 100 xo ล่าสุด ฝาก 10 รับ 100 xo ล่าสุด
วันนี้ (14 มิ.ย.2565) นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คณะรัฐ มนตรี (ครม.) เห็นชอบให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์และนวัตกรรม (อว.) ดำเนินโครงการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมฐานร
วันนี้ ( 17 มี.ค.2568) ดร.สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ประธานทีดีอาร์ไอ ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว Somkiat Tangkitvanich แสดงความเห็นเรื่อง Entertainment Complex ว่า รัฐบาลกำลังเร่งผลักดันร่างกฎหมายการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex) ซึ่งผมขอเรียกง่ายๆ ว่า “ร่างกฎหมายกาสิโน” เพราะแม้รัฐบาลจะพยายามบอกว่ากาสิโนเป็นเพียงส่วนเดียวของสถานบันเทิงครบวงจร แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้แน่นอนว่าธุรกิจกาสิโนเป็นส่วนสำคัญที่สุดซึ่งขาดไม่ได้ในโครงการสถานบันเทิงครบวงจรดังกล่าว ดร.สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ประธานทีดีอาร์ไอ ดร.สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ประธานทีดีอาร์ไอ ประเด็นที่ผมเป็นห่วงก็คือ รัฐบาลพยายามผลักดันให้เกิดบ่อนกาสิโนขึ้นในประเทศไทย ในขณะที่ยังไม่มีข้อสรุปต่อแนวทางการดำเนินการในหลายเรื่องที่มีความสำคัญมาก ทั้งเรื่องการหารายได้จากธุรกิจกาสิโน และการป้องกันปัญหาสังคมต่างๆ ต่อให้เรายอมรับว่า การเปิดกาสิโนในประเทศไทยอาจก่อให้เกิดประโยชน์ในบางด้าน เช่น สร้างรายได้จากการท่องเที่ยวเข้าประเทศเพิ่ม ลดเงินทุนไหลออกจากการที่คนไทยออกไปเล่นพนันในต่างประเทศ และสร้างรายได้ให้แก่รัฐ การที่เราจะสามารถเก็บเกี่ยวประโยชน์ดังกล่าว โดยไม่สร้างปัญหาจากการก่ออาชญากรรมและการฟอกเงิน การติดพนันของประชาชนตลอดจนปัญหาสังคมต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นตามมาได้นั้น รัฐบาลก็จะต้องออกแบบโครงการนี้อย่างเหมาะสมบนพื้นฐานของการศึกษามาเป็นอย่างดี ปัญหาใหญ่ที่สุดของการจัดทำร่างกฎหมายกาสิโนของรัฐบาลคือ ยกร่างกฎหมายขึ้นมาโดยไม่มีแม้กระทั่งสิ่งที่เรียกว่า “รายงานการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ” (Feasibility Study) เลย ทั้งที่โครงการนี้เกี่ยวข้องกับเม็ดเงินมหาศาล และมีความเสี่ยงจะก่อให้เกิดปัญหาต่างๆ มากมายดังที่กล่าวมาข้างต้น เอกสารฉบับเดียวที่เปิดเผยต่อสาธารณะซึ่งดูใกล้เคียงกับรายงานการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการมากที่สุดคือ “รายงานของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex) เพื่อแก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมายและเพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจของประเทศ” ของสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งมีนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.การคลัง เป็นประธานคณะกรรมาธิการ แต่รายงานดังกล่าวก็ยังไม่ใกล้เคียงกับ Feasibility Study ที่ได้มาตรฐานเลย น่าตกใจมากที่รายงานดังกล่าวไม่ได้มีการวิเคราะห์ตลาดกาสิโนในภูมิภาคอย่างเป็นระบบเลย ไม่ว่าจะเป็นขนาดตลาดในภูมิภาค จุดอ่อน-จุดแข็งและตำแหน่ง (Positioning) ของประเทศต่างๆ ที่มีบริการกาสิโน และพฤติกรรมของนักพนันกลุ่มต่างๆ ทั้งที่ประเทศไทยจะต้องการดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างประเทศแข่งกับกาสิโนหลายแห่งในภูมิภาคที่เปิดบริการอยู่แล้ว และที่กำลังจะขยายขนาดขึ้นอีกในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นสิงคโปร์หรือญี่ปุ่น เมื่ออ่านรายงานของคณะกรรมาธิการดังกล่าว ผมไม่เห็นผลการศึกษาและการวิเคราะห์ตลาดธุรกิจกาสิโนในภูมิภาคในเชิงลึกเลย ไม่ว่าจะเป็นในมาเก๊า สิงคโปร์ มาเลเซีย และประเทศเพื่อนบ้าน ที่น่าตกใจก็คือ แม้รายงานดังกล่าวจะมีความเห็นของหน่วยงานต่างๆ โดยเฉพาะหน่วยงานภาครัฐ แต่ก็ไม่มีแหล่งข้อมูลและเอกสารอ้างอิงใดที่เป็นภาษาต่างประเทศเลยแม้แต่ฉบับเดียว ยกเว้น Cambridge Dictionary ซึ่งใช้อ้างอิงในการให้ความหมายของคำว่า Entertainment และ Complex เท่านั้น ซึ่งหมายความว่า ไทยจะเปิดกาสิโนโดยไม่ได้ศึกษาตลาดอย่างจริงจังเลย เมื่อไม่มีการศึกษาและการวิเคราะห์ตลาดธุรกิจกาสิโนในเชิงลึกแล้ว จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่า รายงานดังกล่าวไม่มีข้อสรุปว่า ประเทศไทยจะทำกาสิโนในลักษณะไหน เช่น จะทำกาสิโนระดับสูงเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวรายได้สูงจากต่างประเทศ หรือกาสิโนระดับมวลชนเพื่อลดการพนันผิดกฎหมายในประเทศ และจะมีผู้ประกอบการกาสิโนกี่รายในประเทศไทย จะสร้างรายได้ให้รัฐต่อปีเท่าใดและมาจากแหล่งใด (นอกจากกล่าวลอยๆ ว่าจะทำให้เกิดรายได้ปีละหลายหมื่นหรือแม้กระทั่งหลายแสนล้านบาท) และจะใช้มาตรการใดเพื่อลดผลกระทบในด้านลบหลายด้านที่เสี่ยงจะเกิดขึ้น เป็นต้น ที่น่าตกใจมากก็คือ แม้ไม่มีการศึกษาว่า ตลาดกาสิโนของไทยจะมีขนาดใหญ่เพียงใด และควรมีผู้ประกอบการกาสิโนกี่รายที่ได้รับใบอนุญาตให้แข่งขันกัน ร่างกฎหมายกาสิโนของรัฐบาลกลับสามารถกำหนดค่าธรรมเนียมใบอนุญาตได้ โดยกำหนดในอัตราคงที่ไม่เกิน 5 พันล้านบาทสำหรับอายุใบอนุญาต 30 ปี บวกกับค่าธรรมเนียมรายปีอีกปีละไม่เกิน 1 พันล้านบาท ดูเผินๆ ราคาใบอนุญาตที่กำหนดไว้อาจจะมาก เมื่อถ้าคิดดีๆ ก็จะพบความจริงที่ตรงกันข้าม เพราะค่าธรรมเนียมใบอนุญาตแต่ละใบต่อปีจะอยู่ประมาณ 1,167 ล้านบาท ซึ่งน่าจะต่ำมากเมื่อเทียบกับโอกาสในการแสวงหากำไรมหาศาลของผู้ได้ใบอนุญาต นอกจากนี้ในร่างกฎหมายของรัฐบาลไม่มีข้อกำหนดให้ผู้รับใบอนุญาตต้องแบ่งส่วนแบ่งรายได้เข้ารัฐ หรือที่เรียกว่า “ภาษีกาสิโน” เหมือนในต่างประเทศ เช่น สิงคโปร์ (แบ่งรายได้ 11-22% จากรายได้นักพนันทั่วไป และ 8-12% จากรายได้นักพนัน VIP ทำให้รัฐบาลได้รายได้ปีละเกือบ 3 หมื่นล้านบาท) ญี่ปุ่น (30% จากรายได้พนัน) หรือมาเก๊า (40% จากรายได้พนัน ทำให้รัฐบาลได้รายได้ปีละหลายแสนล้านบาท) ทั้งหมดนี้หมายความว่า หากผู้ประกอบการกาสิโนได้รายได้มาก ก็จะได้รายได้ไปเกือบหมดโดยแทบไม่ต้องแบ่งให้รัฐบาลเลย ทั้งหมดนี้แปลว่า หากไทยจะยอมให้มีกาสิโน 3-5 แห่ง รายได้จากกาสิโนที่จะเข้ารัฐ ก็จะอยู่ในระดับไม่เกินปีละ 3.3-5.5 พันล้านบาทเท่านั้น และต่อให้อ้างว่าจะสร้างรายได้ให้แก่การท่องเที่ยวในรูปแบบอื่นๆ ของประเทศด้วย ทุกวันนี้นักท่องเที่ยวต่างประเทศที่มาเที่ยวไทย ก็ตกปีละ 40 ล้านคนแล้ว นักท่องเที่ยวจากกาสิโนจะเพิ่มตัวเลขได้อีกเท่าไรกัน? ผลตอบแทนระดับนี้คุ้มไหมกับการที่เราต้องมาป้องกันและแก้ไขปัญหามากมายที่จะตามมา? ที่สำคัญร่างกฎหมายกาสิโนของรัฐบาลกำฝาก 10 รับ 100 xo ล่าสุด ฝาก 10 รับ 100 xo ล่าสุดหนดให้จัดสรรใบอนุญาตให้แก่ผู้ประกอบการโดยใช้วิธี “ประกวดนางงาม” (Beauty Contest) ซึ่งหมายถึงคัดเลือกโดยให้คะแนนหลายๆ ด้านตามหลักเกณฑ์ที่ฝ่ายการเมืองจะกำหนดขึ้นเหมือนการตัดสินประกวดนางงาม แทนที่จะแข่งขันกันด้วยการประมูล ซึ่งมีความโปร่งใสมากกว่า เพราะผู้ที่จะได้ใบอนุญาตจะต้องเสนอผลตอบแทนสูงที่สุดให้รัฐ ในทางตรงกันข้ามการใช้วิธี “ประกวดนางงาม” จะเสี่ยงต่อการที่ฝ่ายการเมืองสามารถใช้ดุลพินิจในการออกใบอนุญาตให้แก่ผู้ประกอบการบางราย และเกิด “เงินทอน” ซึ่งทำให้ประเทศเสียประโยชน์มหาศาล นอกจากนี้ ร่างกฎหมายยังไม่มีมาตรการป้องกันการฟอกเงินซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ของกาสิโนและแหล่งพนันทั่วโลกมาโดยตลอด แม้กระทั่งมาเก๊า ซึ่งก่อปัญหาจนทำให้รัฐบาลจีนในปัจจุบันพยายามเข้าไปควบคุมการฟอกเงินและการใช้เป็นช่องทางขนเงินออกจากประเทศ มาตรการเดียวที่มีในร่างกฎหมายก็คือให้เลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เป็นผู้แทนในคณะกรรมการนโยบายและคณะกรรมการบริหารเท่านั้น ทั้งนี้โดยมีอัตราค่าธรรมเนียมใบอนุญาตขั้นต่ำและเพิ่มให้มี “ภาษีกาสิโน” เป็นเปอร์เซ็นต์ของรายได้ด้วย โดยผู้ที่เสนอผลตอบแทนให้แก่รัฐสูงที่สุดจะได้ใบอนุญาต เมื่อรัฐบาลจะเอาร่างกฎหมายเข้าสู่การพิจารณาของสภา ผมยังอยากเห็นการนำเสนอแนวทางอย่างชัดเจนในการป้องกันปัญหาต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการป้องกันไม่ให้คนไทยติดพนัน การป้องกันอาชญากรรมและการฟอกเงินตลอดจนการลดผลกระทบจากปัญหาสังคมต่างๆ อย่าคิดทำโครงการใหญ่ที่มีความอ่อนไหวทางสังคม โดยอ้างอิงข้อมูลจากพจนานุกรม เพื่อหารายได้เข้ารัฐไม่กี่พันล้านบาทต่อปี และเปิดช่องว่างให้มีการใช้ดุลพินิจมากมายของฝ่ายการเมือง แล้วทิ้งปัญหาใหญ่ให้ประเทศไทยเลยครับ อ่านข่าว: "เงินบาท" ซื้อขาย 33.40-34 จับตาประชุมเฟดสัปดาห์นี้ “เศรษฐกิจฟื้นช้า” สัญญาณเตือน ฉุดความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดครั้งแรก รอบ 5 เดือน เงินเฟ้อสหรัฐฯ ต่ำกว่าคาด ดัน “ทองคำ”ปรับตัวขึ้น
วันนี้ (13 พ.ย.2565) รัฐบาลเชิญชวนประชาชนร่วมโหวตเมนูอาหารอนาคต ในงาน Plate to Planet จานนี้เพื่อสิ่
ฝาก 10 รับ 100 xo ล่าสุด ฝาก 10 รับ 100 xo ล่าสุด -Pengusaha Nilai RI Lebih Butuh Satgas Investasi Dibanding PHK
วันนี้ (14 ส.ค.2565) เจ้าหน้าที่กู้ฮุก 31 นครราชสีมา จุดอุดมทรัพย์ อ.วังน้ำเขียว ถ่ายคลิปวีดีโอขณะทีฝาก 10 รับ 100 xo ล่าสุด ฝาก 10 รับ 100 xo ล่าสุด
วันนี้ (14 มิ.ย.2565) นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คณะรัฐ มนตรี (ครม.) เห็นชอบให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์และนวัตกรรม (อว.) ดำเนินโครงการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมฐานร
วันนี้ ( 17 มี.ค.2568) ดร.สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ประธานทีดีอาร์ไอ ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว Somkiat Tangkitvanich แสดงความเห็นเรื่อง Entertainment Complex ว่า รัฐบาลกำลังเร่งผลักดันร่างกฎหมายการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex) ซึ่งผมขอเรียกง่ายๆ ว่า “ร่างกฎหมายกาสิโน” เพราะแม้รัฐบาลจะพยายามบอกว่ากาสิโนเป็นเพียงส่วนเดียวของสถานบันเทิงครบวงจร แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้แน่นอนว่าธุรกิจกาสิโนเป็นส่วนสำคัญที่สุดซึ่งขาดไม่ได้ในโครงการสถานบันเทิงครบวงจรดังกล่าว ดร.สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ประธานทีดีอาร์ไอ ดร.สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ประธานทีดีอาร์ไอ ประเด็นที่ผมเป็นห่วงก็คือ รัฐบาลพยายามผลักดันให้เกิดบ่อนกาสิโนขึ้นในประเทศไทย ในขณะที่ยังไม่มีข้อสรุปต่อแนวทางการดำเนินการในหลายเรื่องที่มีความสำคัญมาก ทั้งเรื่องการหารายได้จากธุรกิจกาสิโน และการป้องกันปัญหาสังคมต่างๆ ต่อให้เรายอมรับว่า การเปิดกาสิโนในประเทศไทยอาจก่อให้เกิดประโยชน์ในบางด้าน เช่น สร้างรายได้จากการท่องเที่ยวเข้าประเทศเพิ่ม ลดเงินทุนไหลออกจากการที่คนไทยออกไปเล่นพนันในต่างประเทศ และสร้างรายได้ให้แก่รัฐ การที่เราจะสามารถเก็บเกี่ยวประโยชน์ดังกล่าว โดยไม่สร้างปัญหาจากการก่ออาชญากรรมและการฟอกเงิน การติดพนันของประชาชนตลอดจนปัญหาสังคมต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นตามมาได้นั้น รัฐบาลก็จะต้องออกแบบโครงการนี้อย่างเหมาะสมบนพื้นฐานของการศึกษามาเป็นอย่างดี ปัญหาใหญ่ที่สุดของการจัดทำร่างกฎหมายกาสิโนของรัฐบาลคือ ยกร่างกฎหมายขึ้นมาโดยไม่มีแม้กระทั่งสิ่งที่เรียกว่า “รายงานการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ” (Feasibility Study) เลย ทั้งที่โครงการนี้เกี่ยวข้องกับเม็ดเงินมหาศาล และมีความเสี่ยงจะก่อให้เกิดปัญหาต่างๆ มากมายดังที่กล่าวมาข้างต้น เอกสารฉบับเดียวที่เปิดเผยต่อสาธารณะซึ่งดูใกล้เคียงกับรายงานการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการมากที่สุดคือ “รายงานของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex) เพื่อแก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมายและเพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจของประเทศ” ของสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งมีนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.การคลัง เป็นประธานคณะกรรมาธิการ แต่รายงานดังกล่าวก็ยังไม่ใกล้เคียงกับ Feasibility Study ที่ได้มาตรฐานเลย น่าตกใจมากที่รายงานดังกล่าวไม่ได้มีการวิเคราะห์ตลาดกาสิโนในภูมิภาคอย่างเป็นระบบเลย ไม่ว่าจะเป็นขนาดตลาดในภูมิภาค จุดอ่อน-จุดแข็งและตำแหน่ง (Positioning) ของประเทศต่างๆ ที่มีบริการกาสิโน และพฤติกรรมของนักพนันกลุ่มต่างๆ ทั้งที่ประเทศไทยจะต้องการดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างประเทศแข่งกับกาสิโนหลายแห่งในภูมิภาคที่เปิดบริการอยู่แล้ว และที่กำลังจะขยายขนาดขึ้นอีกในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นสิงคโปร์หรือญี่ปุ่น เมื่ออ่านรายงานของคณะกรรมาธิการดังกล่าว ผมไม่เห็นผลการศึกษาและการวิเคราะห์ตลาดธุรกิจกาสิโนในภูมิภาคในเชิงลึกเลย ไม่ว่าจะเป็นในมาเก๊า สิงคโปร์ มาเลเซีย และประเทศเพื่อนบ้าน ที่น่าตกใจก็คือ แม้รายงานดังกล่าวจะมีความเห็นของหน่วยงานต่างๆ โดยเฉพาะหน่วยงานภาครัฐ แต่ก็ไม่มีแหล่งข้อมูลและเอกสารอ้างอิงใดที่เป็นภาษาต่างประเทศเลยแม้แต่ฉบับเดียว ยกเว้น Cambridge Dictionary ซึ่งใช้อ้างอิงในการให้ความหมายของคำว่า Entertainment และ Complex เท่านั้น ซึ่งหมายความว่า ไทยจะเปิดกาสิโนโดยไม่ได้ศึกษาตลาดอย่างจริงจังเลย เมื่อไม่มีการศึกษาและการวิเคราะห์ตลาดธุรกิจกาสิโนในเชิงลึกแล้ว จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่า รายงานดังกล่าวไม่มีข้อสรุปว่า ประเทศไทยจะทำกาสิโนในลักษณะไหน เช่น จะทำกาสิโนระดับสูงเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวรายได้สูงจากต่างประเทศ หรือกาสิโนระดับมวลชนเพื่อลดการพนันผิดกฎหมายในประเทศ และจะมีผู้ประกอบการกาสิโนกี่รายในประเทศไทย จะสร้างรายได้ให้รัฐต่อปีเท่าใดและมาจากแหล่งใด (นอกจากกล่าวลอยๆ ว่าจะทำให้เกิดรายได้ปีละหลายหมื่นหรือแม้กระทั่งหลายแสนล้านบาท) และจะใช้มาตรการใดเพื่อลดผลกระทบในด้านลบหลายด้านที่เสี่ยงจะเกิดขึ้น เป็นต้น ที่น่าตกใจมากก็คือ แม้ไม่มีการศึกษาว่า ตลาดกาสิโนของไทยจะมีขนาดใหญ่เพียงใด และควรมีผู้ประกอบการกาสิโนกี่รายที่ได้รับใบอนุญาตให้แข่งขันกัน ร่างกฎหมายกาสิโนของรัฐบาลกลับสามารถกำหนดค่าธรรมเนียมใบอนุญาตได้ โดยกำหนดในอัตราคงที่ไม่เกิน 5 พันล้านบาทสำหรับอายุใบอนุญาต 30 ปี บวกกับค่าธรรมเนียมรายปีอีกปีละไม่เกิน 1 พันล้านบาท ดูเผินๆ ราคาใบอนุญาตที่กำหนดไว้อาจจะมาก เมื่อถ้าคิดดีๆ ก็จะพบความจริงที่ตรงกันข้าม เพราะค่าธรรมเนียมใบอนุญาตแต่ละใบต่อปีจะอยู่ประมาณ 1,167 ล้านบาท ซึ่งน่าจะต่ำมากเมื่อเทียบกับโอกาสในการแสวงหากำไรมหาศาลของผู้ได้ใบอนุญาต นอกจากนี้ในร่างกฎหมายของรัฐบาลไม่มีข้อกำหนดให้ผู้รับใบอนุญาตต้องแบ่งส่วนแบ่งรายได้เข้ารัฐ หรือที่เรียกว่า “ภาษีกาสิโน” เหมือนในต่างประเทศ เช่น สิงคโปร์ (แบ่งรายได้ 11-22% จากรายได้นักพนันทั่วไป และ 8-12% จากรายได้นักพนัน VIP ทำให้รัฐบาลได้รายได้ปีละเกือบ 3 หมื่นล้านบาท) ญี่ปุ่น (30% จากรายได้พนัน) หรือมาเก๊า (40% จากรายได้พนัน ทำให้รัฐบาลได้รายได้ปีละหลายแสนล้านบาท) ทั้งหมดนี้หมายความว่า หากผู้ประกอบการกาสิโนได้รายได้มาก ก็จะได้รายได้ไปเกือบหมดโดยแทบไม่ต้องแบ่งให้รัฐบาลเลย ทั้งหมดนี้แปลว่า หากไทยจะยอมให้มีกาสิโน 3-5 แห่ง รายได้จากกาสิโนที่จะเข้ารัฐ ก็จะอยู่ในระดับไม่เกินปีละ 3.3-5.5 พันล้านบาทเท่านั้น และต่อให้อ้างว่าจะสร้างรายได้ให้แก่การท่องเที่ยวในรูปแบบอื่นๆ ของประเทศด้วย ทุกวันนี้นักท่องเที่ยวต่างประเทศที่มาเที่ยวไทย ก็ตกปีละ 40 ล้านคนแล้ว นักท่องเที่ยวจากกาสิโนจะเพิ่มตัวเลขได้อีกเท่าไรกัน? ผลตอบแทนระดับนี้คุ้มไหมกับการที่เราต้องมาป้องกันและแก้ไขปัญหามากมายที่จะตามมา? ที่สำคัญร่างกฎหมายกาสิโนของรัฐบาลกำฝาก 10 รับ 100 xo ล่าสุด ฝาก 10 รับ 100 xo ล่าสุดหนดให้จัดสรรใบอนุญาตให้แก่ผู้ประกอบการโดยใช้วิธี “ประกวดนางงาม” (Beauty Contest) ซึ่งหมายถึงคัดเลือกโดยให้คะแนนหลายๆ ด้านตามหลักเกณฑ์ที่ฝ่ายการเมืองจะกำหนดขึ้นเหมือนการตัดสินประกวดนางงาม แทนที่จะแข่งขันกันด้วยการประมูล ซึ่งมีความโปร่งใสมากกว่า เพราะผู้ที่จะได้ใบอนุญาตจะต้องเสนอผลตอบแทนสูงที่สุดให้รัฐ ในทางตรงกันข้ามการใช้วิธี “ประกวดนางงาม” จะเสี่ยงต่อการที่ฝ่ายการเมืองสามารถใช้ดุลพินิจในการออกใบอนุญาตให้แก่ผู้ประกอบการบางราย และเกิด “เงินทอน” ซึ่งทำให้ประเทศเสียประโยชน์มหาศาล นอกจากนี้ ร่างกฎหมายยังไม่มีมาตรการป้องกันการฟอกเงินซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ของกาสิโนและแหล่งพนันทั่วโลกมาโดยตลอด แม้กระทั่งมาเก๊า ซึ่งก่อปัญหาจนทำให้รัฐบาลจีนในปัจจุบันพยายามเข้าไปควบคุมการฟอกเงินและการใช้เป็นช่องทางขนเงินออกจากประเทศ มาตรการเดียวที่มีในร่างกฎหมายก็คือให้เลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เป็นผู้แทนในคณะกรรมการนโยบายและคณะกรรมการบริหารเท่านั้น ทั้งนี้โดยมีอัตราค่าธรรมเนียมใบอนุญาตขั้นต่ำและเพิ่มให้มี “ภาษีกาสิโน” เป็นเปอร์เซ็นต์ของรายได้ด้วย โดยผู้ที่เสนอผลตอบแทนให้แก่รัฐสูงที่สุดจะได้ใบอนุญาต เมื่อรัฐบาลจะเอาร่างกฎหมายเข้าสู่การพิจารณาของสภา ผมยังอยากเห็นการนำเสนอแนวทางอย่างชัดเจนในการป้องกันปัญหาต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการป้องกันไม่ให้คนไทยติดพนัน การป้องกันอาชญากรรมและการฟอกเงินตลอดจนการลดผลกระทบจากปัญหาสังคมต่างๆ อย่าคิดทำโครงการใหญ่ที่มีความอ่อนไหวทางสังคม โดยอ้างอิงข้อมูลจากพจนานุกรม เพื่อหารายได้เข้ารัฐไม่กี่พันล้านบาทต่อปี และเปิดช่องว่างให้มีการใช้ดุลพินิจมากมายของฝ่ายการเมือง แล้วทิ้งปัญหาใหญ่ให้ประเทศไทยเลยครับ อ่านข่าว: "เงินบาท" ซื้อขาย 33.40-34 จับตาประชุมเฟดสัปดาห์นี้ “เศรษฐกิจฟื้นช้า” สัญญาณเตือน ฉุดความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดครั้งแรก รอบ 5 เดือน เงินเฟ้อสหรัฐฯ ต่ำกว่าคาด ดัน “ทองคำ”ปรับตัวขึ้น
วันนี้ (13 พ.ย.2565) รัฐบาลเชิญชวนประชาชนร่วมโหวตเมนูอาหารอนาคต ในงาน Plate to Planet จานนี้เพื่อสิ่