ความคืบหน้ากรณีดาราชื่อดัง "เอส" กันตพงศ์ บำรุงรัก

จากกันด้วยดีหรือไม่ ไม่มีใครรู้ แต่ก่อนหน้าที่ "กฤษฎิ์ ชีวะธรรมานนท์" สส.ชลบุรี เขต 6 พรรคประชาชนจะตัดสินใจแถลงข่าวลาออกจากพรรคฯ แต่เมื่อวันที่ 9 พ.ค. ที่ผ่านมา "ยอดชาย พึ่งพร" สส.ชลบุรี เขต 9 พรรคประ
ความคืบหน้าเหตุเหยียบกันในงานฉลองเทศกาลฮาโลวีนที่ย่านอิแทวอนในกรุงโซลของเกาหลีใต้ เมื่อเวลาประมาณ 22.20 น. ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งเร็วกว่าเวลาในประเทศไทย 2 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่ทยอยนำร่างผู้เสียชีวิตมายังโ
คร่ำหวอดในแวดวงธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจอัญมณีและการส่งออกมายาวนาน ก่อนเข้ามาโลดแล่นในวงการเมือง ในตำแหน่งที่ปรึกษาสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน เป็นนายทุนเบื้องหลังหลายพรรคการเมือง ก่อนจะมายุติที่พรรคเพื่อไทย และลิ้มรสตำแหน่งเสนาบดีครั้งแรกของชีวิต "รมช.การคลัง" สมัยรัฐบาลสมัคร สุนทรเวช ปี 2551 ก่อนจะร่วมทีมเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย จากผลงาน"ดีเบต"โครงการรับจำนำข้าวตันละ 1,5000 บาท กับโครงการประกันราคาข้าวของพรรคประชาธิปัตย์ ก่อนเข้ามานั่งเก้าอี้รัฐมนตรีว่ากระทรวงพลังงานในรัฐบาล "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" และข้ามห้วยมานั่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ในยุครัฐบาล "แพรทองธาร ชินวัตร" ถือว่า ไม่ธรรมดา เชี่ยวชาญทั้ง การค้าการลงทุน การเจรจา และการเมือง นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ “ไทยพีบีเอสออนไลน์” สัมภาษณ์พิเศษ นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ถึงทิศทางการทำงานในกระทรวงที่ต้องดูแล ปัญหาปากท้องของประชาชน การเจรจาการค้า แผนการผลักดันการส่งออก รวมถึงการรับมือกับปัจจัยภายนอกที่ไม่สามารถควบคุมได้โดยเฉพาะนโนบายด้านการค้ากับประเทศสรัฐฯที่มีนโยบายจะกีดกันทางการค้ากับประเทศที่ได้ดุลการค้ามากขึ้น หลังจากเข้ามานั่งทำงานครบ 3 เดือน และเดินสายพาสินค้าไปไปเปิดตลาดยังต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า ไทยเตรียมความพร้อมสำหรับนโยบายการค้ากับสหรัฐฯที่เป็นประเทศคู่ค้าอันดับ1ของไทย และการที่สหรัฐฯมีประธานาธิบดีคนใหม่อย่าง นาย โดนัล ทรัมป์ ที่มาพร้อมกับนโยบาย America First ได้สั่งการให้หน่วยงานเกี่ยวข้องติดตาม สถานการณ์ นโยบาย และแนวโน้มการค้าที่อาจส่งผลกระทบไทยอย่างใกล้ชิด เฝ้าระวังปริมาณนำเข้า/ส่งออก พร้อมใช้มาตรการ/เครื่องมือทางการค้า เพื่อรับมืออย่าง เหมาะสมและปกป้องผู้ประกอบการไทย รวมถึงแสวงหาโอกาสส่งออกเพื่อทดแทนสินค้าที่สหรัฐฯ นำเข้าจากจีน โครงสร้างส่งออกสินค้า ไทยและจีนใกล้เคียงกัน โดยเฉพาะกลุ่มอาหารและสินค้าเกษตร ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และคอมพิวเตอร์ ชิ้นส่วนยานยนต์ และเครื่องใช้ไฟฟ้า นอกจากนี้ มีแผนจะเร่งเจรจา FTA ใหม่ ๆ และเร่งสรุปผลการเจรจาที่ค้างอยู่ เช่น FTA ไทย -EFTA ที่บรรลุข้อตกลงแล้ว FTA ไทย-EU และอาเซียน-แคนาดา ที่จะผลักดันการเจรจายกระดับ FTA ที่มีอยู่ให้ทันสมัย และอำนวยความสะดวกการค้า รวมทั้งผลักดันให้ผู้ประกอบการใช้สิทธิพิเศษทางการค้า รมว.พาณิชย์กล่าวอีกว่า การที่สหรัฐฯมีมาตรการขึ้นภาษี10-60% ประเทศที่มีดุลการ โดยเฉพาะจีนที่อาจจะถูกเก็บภาษีสูงถึง 60% นั้น เป็นโอกาสที่ไทยจะส่งออกสินค้าทดแทน เนื่องจากไทยและจีนอยู่บนตำแหน่งห่วงโซ่อุปทาน เป็นฐานการผลิตและส่งออกสินค้าสำเร็จรูปที่คล้ายกัน และการที่จีนย้ายฐานการผลิต (Relocation) เพื่อลดความเสี่ยงจากมาตรการทางการค้า จะเป็นโอกาสของไทยในการดึงดูดการลงทุนในอุตสาหกรรมที่ไทยเชี่ยวชาญ เช่น ยานยนต์ อาหารและ เกษตรแปรรูป “การย้ายฐานการผลิตจากจีน เพื่อหลบเลี่ยงภาษีด้วยการส่งออกผ่านไทยอาจทำให้ไทยเสี่ยง ต่อการถูกตรวจสอบแหล่งกำเนิดสินค้าอย่างเข้มงวดขึ้นจากสหรัฐฯ อาจถูกไต่สวนและใช้ มาตรการตอบโต้การหลบเลี่ยงมาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุน ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการไทยที่มีการส่งออกสินค้าในรายการ เดียวกัน จึงควรมีมาตรการตรวจสอบเรื่องแหล่งกำเนิดสินค้าที่เข้มงวด ป้องกัน การสวมสิทธิไม่ให้เกิดผลกระทบทางลบต่อการส่งออกของไทย” รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า ได้สั่งการให้ทูตพาณิชย์ที่ประจำอยู่ 58 แห่งทั่วโลก เตรียมความพร้อมของสินค้าไทย พัฒนานวัตกรรมและเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้า เพื่อรักษาความสามารถทางการแข่งขัน รวมถึงติดตามนโยบายและแนวโน้มการใช้มาตรการทางการค้าของประเทศคู่ค้า/คู่แข่งอย่าง ใกล้ชิด เพื่อปรับตัวได้ทันท่วงที เช่น ควบคุมคุณภาพและมาตรฐานสินค้านำเข้า กำหนดอัตราภาษีหรือโควตาสำหรับสินค้า นำเข้าที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่ออุตสาหกรรมภายในประเทศ การบังคับใช้มาตรการ ตอบโต้การทุ่มตลาด (Anti-dumping) มาตรการตอบโต้การอุดหนุน (Countervailing Duty) และมาตรการปกป้องการนำเข้าสินค้าที่เพิ่มขึ้น (Safeguard Measure) เป็นต้น นายพิชัย กล่าวว่า ไทยและสหรัฐ เป็นหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์ที่สำคัญ ซึ่งไทยพร้อมร่วมมือกับสหรัฐ ในการส่งเสริมความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุน ระหว่างกัน โดยฝ่ายไทยได้ขอให้สหรัฐ พิจารณาการต่ออายุโครงการ GSP ซึ่งสิ้นสุดไปเมื่อปี 2563 เนื่องจากจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการของทั้ง 2 ประเทศ ซึ่งสหรัฐรับที่จะนำกลับมาดำเนินการให้ไทยรวมทั้งได้ขอให้สหรัฐอเมริกาปลดไทยออกจากบัญชีประเทศที่ต้องจับตามอง (Watch List) ด้านทรัพย์สินทางปัญญาซึ่งสหรัฐฯรับปากที่จะรีบดำเนินการให้เพราะไทยได้ทำตามที่สหรัฐต้องการเนื่องจากจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการของทั้งสองประเทศ ซึ่งสหรัฐรับที่จะนำกลับมาดำเนินการให้ไทย เช่นกัน ปี 2566 สหรัฐฯ เป็นคู่ค้าสำคัญอันดับที่ 2 ของไทย รองจากจีน โดยมีมูลค่าการค้ารวม 67,659.89 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยสหรัฐ เป็นตลาดส่งออกอันดับ 1 ของไทย มีมูลค่าการส่งออกไปยังสหรัฐ 48,352.79 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์ยาufabet1 20 รับ 100 ฝาก 10 รับ 100 วอ เลท joker ล่าสุด 2564ง เครื่องโทรสาร โทรศัพท์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ อุปกรณ์กึ่งตัวนำ ทรานซิสเตอร์ และไดโอด อัญมณีและเครื่องประดับ รถยนต์และส่วนประกอบ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ ขณะที่สหรัฐ เป็นแหล่งนำเข้าลำดับ 3 ของไทย มีมูลค่าการนำเข้าจากสหรัฐฯ 19,307.10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สินค้านำเข้าสำคัญ ได้แก่ น้ำมันดิบ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เคมีภัณฑ์ ก๊าซธรรมชาติ แผงวงจรไฟฟ้า เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ ส่วนประกอบและอุปกรณ์ยานยนต์ เครื่องมือเครื่องใช้เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์การแพทย์ รมว.พาณิชย์กล่าวว่า การส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารปี 2568 คาดขยายตัวต่อเนื่อง ตามเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัว ขณะที่ การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมยังคงขยายตัวจากความต้องการลงทุนพัฒนา โครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับเทคโนโลยีดิจิทัลและปัญญาประดิษฐ์ (AI) และสนับสนุน ความต้องการสินค้าที่เกี่ยวข้องในกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์อาทิ แผ่นวัสดุสารกึ่งตัวนำ (Wafer) และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์รวมถึงการเติบโตธุรกิจ Data Center ส่งผลดีต่อความต้องการใช้ ฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ และการย้ายฐานการผลิตของจีนจากปัญหาสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีนที่มีแนวโน้มรุนแรงขึ้น ซึ่งส่งผลดีต่อสินค้าที่จีนลงทุนในไทย เช่น อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า แผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ (PCB) และของเล่น ขณะที่ภาคบริการไม่ว่าจะเป็น ร้านอาหารไทย สปา ค้าส่งค้าปลีก อุตสาหกรรมดิจิทัล ธุรกิจสื่อบันเทิง-เกม (Digital Content) ธุรกิจการศึกษายังคขยายตัวซึ่งการใช้ Soft Power เข้าไปสนับสนุนกิจกรรม ทั้งท่องเที่ยว เทศกาล กีฬา อาหาร ภาพยนตร์ ดนตรี ศิลปะ หนังสือ เกม ออกแบบแฟชั่น เพื่อผลักดันสินค้าไทยขยายตัวอย่างต่อเนื่อง นอกจากจะมีภารกิจเรงรัดการส่งออกให้ได้ตามเป้าแล้ว กระทรวงพาณิชย์ยังมีมาตรารดูแลค่าครองชีพประชาชนในประเทศที่รัฐบาลให้ความสำคัญ ในรูปแบบโครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจที่กระทรวงพาณิชย์ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัด Campaign ลดราคาสินค้า 5 เดือน ตั้งแต่เดือน ก.ย. 67 - ม.ค. 68 ในการลดรายจ่ายประชาชน และสร้างรายได้เน้นผู้ประกอบการรายเล็กและ SMEs นอกจากนี้จัดโปรโมชันสินค้าราคาพิเศษ ผ่านร้านธงฟ้า ร้านชุมชน กว่า 140,000 ร้านค้า คาดลดค่าครองชีพประชาชนได้ 14,400 ล้านบาท กิจกรรมกระตุ้นเศรษฐกิจลดค่าครองชีพ “พาณิชย์ลดราคา New Year 2025” และจัดงานจำหน่ายสินค้าช่วง 16-18 ธ.ค. 67 คาดลดค่าครองชีพ 3,600 ล้านบาท นอกจากยังมีมาตการ สุขกายสบายกระเป๋า ที่ทำต่อเนืองมาตั้งแต่เดือนต.ค. 67 - ม.ค. 68) ซึ่งเป็นแพ็กเกจ ตรวจสุขภาพประจำปี, แพ็กเกจวัคซีนไข้หวัดใหญ่/ ไข้เลือดออก/ มะเร็งปากมดลูก/ แพ็กเกจคลอดบุตร รวมถึง MOU สมาคมโรงพยาบาลเอกชน แสดงรายละเอียดรายการยาและค่ายาก่อนชำระเงิน ซึ่งเป็นการเพิ่มทางเลือกให้ผู้รับบริการในโรงพยาบาลเอกชน มีสิทธิเลือกซื้อยานอกลดภาระค่าใช้จ่ายด้านค่ารักษาพยาบาล ขณะที่มาตราการช่วยเหลือเกษตรกร โดยเฉพาะพืชเกษตร ได้แก่ ผลไม้ พืชสามหัว และพืชผัก ซึ่งมีเกษตรกรกว่า 1.44 ล้านครัวเรือน ผลผลิตกว่า 8.24 ล้านตัน รวมทั้งขยายพืชรองให้ครอบคลุมมากขึ้น เพื่อให้เกษตรกร สามารถแข่งขันในตลาดปัจจุบัน และมีรายได้เพิ่มขึ้น ทั้งหมดนี้ เป็นเพียงส่วนหนึ่งของภารกิจเร่งด่วนปีนี้ และปี 2568ที่รมว.พาณิชย์จะต้องทำอย่างต่อเนื่องภายใต้สถานการณ์การค้าโลกที่ยังคงไม่นิ่งและปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังไม่คลี่คลาย ถือว่าเป็นงานใหญ่วัดฝีมือนายพิชัย นริพทะพันธุ์ ว่าจะฝ่าฟันอุปสรรคดังกล่างได้อย่างไร อ่านข่าว: ศึกสิบทิศ “ข้าวไทย” 2568 “สต็อก” โลกล้น เขย่าธุรกิจวงการค้า โยนหินถามทาง "ปรับ VAT 15%" รีดภาษีประชาชน ทางตันรัฐบาล “ไทย” มิตรแท้ทุกประเทศ “สหรัฐฯ” ขุมทรัพย์ ขยายส่งออกไทย
วันนี้ (22 มิ.ย.2567) นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระ
วันนี้ (4 มิ.ย.2567) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงจุดยืน
วันนี้ (26 มิ.ย.2567) นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (
คร่ำหวอดในแวดวงธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจอัญมณีและการส่งออกมายาวนาน ก่อนเข้ามาโลดแล่นในวงการเมือง ในตำแหน่งที่ปรึกษาสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน เป็นนายทุนเบื้องหลังหลายพรรคการเมือง ก่อนจะมายุติที่พรรคเพื่อไทย และลิ้มรสตำแหน่งเสนาบดีครั้งแรกของชีวิต "รมช.การคลัง" สมัยรัฐบาลสมัคร สุนทรเวช ปี 2551 ก่อนจะร่วมทีมเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย จากผลงาน"ดีเบต"โครงการรับจำนำข้าวตันละ 1,5000 บาท กับโครงการประกันราคาข้าวของพรรคประชาธิปัตย์ ก่อนเข้ามานั่งเก้าอี้รัฐมนตรีว่ากระทรวงพลังงานในรัฐบาล "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" และข้ามห้วยมานั่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ในยุครัฐบาล "แพรทองธาร ชินวัตร" ถือว่า ไม่ธรรมดา เชี่ยวชาญทั้ง การค้าการลงทุน การเจรจา และการเมือง นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ “ไทยพีบีเอสออนไลน์” สัมภาษณ์พิเศษ นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ถึงทิศทางการทำงานในกระทรวงที่ต้องดูแล ปัญหาปากท้องของประชาชน การเจรจาการค้า แผนการผลักดันการส่งออก รวมถึงการรับมือกับปัจจัยภายนอกที่ไม่สามารถควบคุมได้โดยเฉพาะนโนบายด้านการค้ากับประเทศสรัฐฯที่มีนโยบายจะกีดกันทางการค้ากับประเทศที่ได้ดุลการค้ามากขึ้น หลังจากเข้ามานั่งทำงานครบ 3 เดือน และเดินสายพาสินค้าไปไปเปิดตลาดยังต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า ไทยเตรียมความพร้อมสำหรับนโยบายการค้ากับสหรัฐฯที่เป็นประเทศคู่ค้าอันดับ1ของไทย และการที่สหรัฐฯมีประธานาธิบดีคนใหม่อย่าง นาย โดนัล ทรัมป์ ที่มาพร้อมกับนโยบาย America First ได้สั่งการให้หน่วยงานเกี่ยวข้องติดตาม สถานการณ์ นโยบาย และแนวโน้มการค้าที่อาจส่งผลกระทบไทยอย่างใกล้ชิด เฝ้าระวังปริมาณนำเข้า/ส่งออก พร้อมใช้มาตรการ/เครื่องมือทางการค้า เพื่อรับมืออย่าง เหมาะสมและปกป้องผู้ประกอบการไทย รวมถึงแสวงหาโอกาสส่งออกเพื่อทดแทนสินค้าที่สหรัฐฯ นำเข้าจากจีน โครงสร้างส่งออกสินค้า ไทยและจีนใกล้เคียงกัน โดยเฉพาะกลุ่มอาหารและสินค้าเกษตร ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และคอมพิวเตอร์ ชิ้นส่วนยานยนต์ และเครื่องใช้ไฟฟ้า นอกจากนี้ มีแผนจะเร่งเจรจา FTA ใหม่ ๆ และเร่งสรุปผลการเจรจาที่ค้างอยู่ เช่น FTA ไทย -EFTA ที่บรรลุข้อตกลงแล้ว FTA ไทย-EU และอาเซียน-แคนาดา ที่จะผลักดันการเจรจายกระดับ FTA ที่มีอยู่ให้ทันสมัย และอำนวยความสะดวกการค้า รวมทั้งผลักดันให้ผู้ประกอบการใช้สิทธิพิเศษทางการค้า รมว.พาณิชย์กล่าวอีกว่า การที่สหรัฐฯมีมาตรการขึ้นภาษี10-60% ประเทศที่มีดุลการ โดยเฉพาะจีนที่อาจจะถูกเก็บภาษีสูงถึง 60% นั้น เป็นโอกาสที่ไทยจะส่งออกสินค้าทดแทน เนื่องจากไทยและจีนอยู่บนตำแหน่งห่วงโซ่อุปทาน เป็นฐานการผลิตและส่งออกสินค้าสำเร็จรูปที่คล้ายกัน และการที่จีนย้ายฐานการผลิต (Relocation) เพื่อลดความเสี่ยงจากมาตรการทางการค้า จะเป็นโอกาสของไทยในการดึงดูดการลงทุนในอุตสาหกรรมที่ไทยเชี่ยวชาญ เช่น ยานยนต์ อาหารและ เกษตรแปรรูป “การย้ายฐานการผลิตจากจีน เพื่อหลบเลี่ยงภาษีด้วยการส่งออกผ่านไทยอาจทำให้ไทยเสี่ยง ต่อการถูกตรวจสอบแหล่งกำเนิดสินค้าอย่างเข้มงวดขึ้นจากสหรัฐฯ อาจถูกไต่สวนและใช้ มาตรการตอบโต้การหลบเลี่ยงมาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุน ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการไทยที่มีการส่งออกสินค้าในรายการ เดียวกัน จึงควรมีมาตรการตรวจสอบเรื่องแหล่งกำเนิดสินค้าที่เข้มงวด ป้องกัน การสวมสิทธิไม่ให้เกิดผลกระทบทางลบต่อการส่งออกของไทย” รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า ได้สั่งการให้ทูตพาณิชย์ที่ประจำอยู่ 58 แห่งทั่วโลก เตรียมความพร้อมของสินค้าไทย พัฒนานวัตกรรมและเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้า เพื่อรักษาความสามารถทางการแข่งขัน รวมถึงติดตามนโยบายและแนวโน้มการใช้มาตรการทางการค้าของประเทศคู่ค้า/คู่แข่งอย่าง ใกล้ชิด เพื่อปรับตัวได้ทันท่วงที เช่น ควบคุมคุณภาพและมาตรฐานสินค้านำเข้า กำหนดอัตราภาษีหรือโควตาสำหรับสินค้า นำเข้าที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่ออุตสาหกรรมภายในประเทศ การบังคับใช้มาตรการ ตอบโต้การทุ่มตลาด (Anti-dumping) มาตรการตอบโต้การอุดหนุน (Countervailing Duty) และมาตรการปกป้องการนำเข้าสินค้าที่เพิ่มขึ้น (Safeguard Measure) เป็นต้น นายพิชัย กล่าวว่า ไทยและสหรัฐ เป็นหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์ที่สำคัญ ซึ่งไทยพร้อมร่วมมือกับสหรัฐ ในการส่งเสริมความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุน ระหว่างกัน โดยฝ่ายไทยได้ขอให้สหรัฐ พิจารณาการต่ออายุโครงการ GSP ซึ่งสิ้นสุดไปเมื่อปี 2563 เนื่องจากจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการของทั้ง 2 ประเทศ ซึ่งสหรัฐรับที่จะนำกลับมาดำเนินการให้ไทยรวมทั้งได้ขอให้สหรัฐอเมริกาปลดไทยออกจากบัญชีประเทศที่ต้องจับตามอง (Watch List) ด้านทรัพย์สินทางปัญญาซึ่งสหรัฐฯรับปากที่จะรีบดำเนินการให้เพราะไทยได้ทำตามที่สหรัฐต้องการเนื่องจากจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการของทั้งสองประเทศ ซึ่งสหรัฐรับที่จะนำกลับมาดำเนินการให้ไทย เช่นกัน ปี 2566 สหรัฐฯ เป็นคู่ค้าสำคัญอันดับที่ 2 ของไทย รองจากจีน โดยมีมูลค่าการค้ารวม 67,659.89 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยสหรัฐ เป็นตลาดส่งออกอันดับ 1 ของไทย มีมูลค่าการส่งออกไปยังสหรัฐ 48,352.79 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์ยาufabet1 20 รับ 100 ฝาก 10 รับ 100 วอ เลท joker ล่าสุด 2564ง เครื่องโทรสาร โทรศัพท์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ อุปกรณ์กึ่งตัวนำ ทรานซิสเตอร์ และไดโอด อัญมณีและเครื่องประดับ รถยนต์และส่วนประกอบ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ ขณะที่สหรัฐ เป็นแหล่งนำเข้าลำดับ 3 ของไทย มีมูลค่าการนำเข้าจากสหรัฐฯ 19,307.10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สินค้านำเข้าสำคัญ ได้แก่ น้ำมันดิบ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เคมีภัณฑ์ ก๊าซธรรมชาติ แผงวงจรไฟฟ้า เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ ส่วนประกอบและอุปกรณ์ยานยนต์ เครื่องมือเครื่องใช้เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์การแพทย์ รมว.พาณิชย์กล่าวว่า การส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารปี 2568 คาดขยายตัวต่อเนื่อง ตามเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัว ขณะที่ การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมยังคงขยายตัวจากความต้องการลงทุนพัฒนา โครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับเทคโนโลยีดิจิทัลและปัญญาประดิษฐ์ (AI) และสนับสนุน ความต้องการสินค้าที่เกี่ยวข้องในกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์อาทิ แผ่นวัสดุสารกึ่งตัวนำ (Wafer) และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์รวมถึงการเติบโตธุรกิจ Data Center ส่งผลดีต่อความต้องการใช้ ฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ และการย้ายฐานการผลิตของจีนจากปัญหาสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีนที่มีแนวโน้มรุนแรงขึ้น ซึ่งส่งผลดีต่อสินค้าที่จีนลงทุนในไทย เช่น อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า แผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ (PCB) และของเล่น ขณะที่ภาคบริการไม่ว่าจะเป็น ร้านอาหารไทย สปา ค้าส่งค้าปลีก อุตสาหกรรมดิจิทัล ธุรกิจสื่อบันเทิง-เกม (Digital Content) ธุรกิจการศึกษายังคขยายตัวซึ่งการใช้ Soft Power เข้าไปสนับสนุนกิจกรรม ทั้งท่องเที่ยว เทศกาล กีฬา อาหาร ภาพยนตร์ ดนตรี ศิลปะ หนังสือ เกม ออกแบบแฟชั่น เพื่อผลักดันสินค้าไทยขยายตัวอย่างต่อเนื่อง นอกจากจะมีภารกิจเรงรัดการส่งออกให้ได้ตามเป้าแล้ว กระทรวงพาณิชย์ยังมีมาตรารดูแลค่าครองชีพประชาชนในประเทศที่รัฐบาลให้ความสำคัญ ในรูปแบบโครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจที่กระทรวงพาณิชย์ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัด Campaign ลดราคาสินค้า 5 เดือน ตั้งแต่เดือน ก.ย. 67 - ม.ค. 68 ในการลดรายจ่ายประชาชน และสร้างรายได้เน้นผู้ประกอบการรายเล็กและ SMEs นอกจากนี้จัดโปรโมชันสินค้าราคาพิเศษ ผ่านร้านธงฟ้า ร้านชุมชน กว่า 140,000 ร้านค้า คาดลดค่าครองชีพประชาชนได้ 14,400 ล้านบาท กิจกรรมกระตุ้นเศรษฐกิจลดค่าครองชีพ “พาณิชย์ลดราคา New Year 2025” และจัดงานจำหน่ายสินค้าช่วง 16-18 ธ.ค. 67 คาดลดค่าครองชีพ 3,600 ล้านบาท นอกจากยังมีมาตการ สุขกายสบายกระเป๋า ที่ทำต่อเนืองมาตั้งแต่เดือนต.ค. 67 - ม.ค. 68) ซึ่งเป็นแพ็กเกจ ตรวจสุขภาพประจำปี, แพ็กเกจวัคซีนไข้หวัดใหญ่/ ไข้เลือดออก/ มะเร็งปากมดลูก/ แพ็กเกจคลอดบุตร รวมถึง MOU สมาคมโรงพยาบาลเอกชน แสดงรายละเอียดรายการยาและค่ายาก่อนชำระเงิน ซึ่งเป็นการเพิ่มทางเลือกให้ผู้รับบริการในโรงพยาบาลเอกชน มีสิทธิเลือกซื้อยานอกลดภาระค่าใช้จ่ายด้านค่ารักษาพยาบาล ขณะที่มาตราการช่วยเหลือเกษตรกร โดยเฉพาะพืชเกษตร ได้แก่ ผลไม้ พืชสามหัว และพืชผัก ซึ่งมีเกษตรกรกว่า 1.44 ล้านครัวเรือน ผลผลิตกว่า 8.24 ล้านตัน รวมทั้งขยายพืชรองให้ครอบคลุมมากขึ้น เพื่อให้เกษตรกร สามารถแข่งขันในตลาดปัจจุบัน และมีรายได้เพิ่มขึ้น ทั้งหมดนี้ เป็นเพียงส่วนหนึ่งของภารกิจเร่งด่วนปีนี้ และปี 2568ที่รมว.พาณิชย์จะต้องทำอย่างต่อเนื่องภายใต้สถานการณ์การค้าโลกที่ยังคงไม่นิ่งและปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังไม่คลี่คลาย ถือว่าเป็นงานใหญ่วัดฝีมือนายพิชัย นริพทะพันธุ์ ว่าจะฝ่าฟันอุปสรรคดังกล่างได้อย่างไร อ่านข่าว: ศึกสิบทิศ “ข้าวไทย” 2568 “สต็อก” โลกล้น เขย่าธุรกิจวงการค้า โยนหินถามทาง "ปรับ VAT 15%" รีดภาษีประชาชน ทางตันรัฐบาล “ไทย” มิตรแท้ทุกประเทศ “สหรัฐฯ” ขุมทรัพย์ ขยายส่งออกไทย
คร่ำหวอดในแวดวงธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจอัญมณีและการส่งออกมายาวนาน ก่อนเข้ามาโลดแล่นในวงการเมือง