Home
|
เล่น บา คา ร่า ผ่าน มือ ถือ

วันนี้ (22 ส.ค.2566) การประชุมรัฐสภา วาระพิจารณาให

เล่น บา คา ร่า ผ่าน มือ ถือ

วันนี้ (26 มิ.ย.2564) เวลา 02.00 น. ตำรวจ สน.ทองหล่อ เข้าตรวจสอบภายในสถานบันเทิง ซีเครส สตอรี่ ซอยสุขุมวิท 22 หลังพบว่ามีการลักลอบเปิดให้นักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติเข้าไปใช้บริการ รวมทั้งจำหน่ายเคร

วันนี้ (17 ธ.ค.2565) สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย ได้จัดประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2565 เพื่อเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารและนายกสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย สมัยที่ 13 โดยที่ประชุมกรรมการบริหารมีมติเลื

นักวิชาการท้วงข้อมูลเวทีค.3 โรงไฟฟ้าเทพา ท่าเรือทำชายฝั่งกัดเซาะ-ก่อมลพิษสัตว์ทะเล นักวิชาการท้วงเล่น บา คา ร่า ผ่าน มือ ถือข้อมูลโรงไฟฟ้าเทพา ระบุหลายประเด็นส่งผลกระทบสิ่งแวดล้อมและชุมชน เช่น กรณีน้ำน้ำทะเลไปหล่อเย็น จะส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศ ส่วนการป้องกันเพรียงเกาะที่เสาท่าเรือน้ำลึก สารเคมีที่ใช้จะส่งผลกระทบต่อสัตว์น้ำที่เลี้ยงในกระชังอย่างแน่นอน เหมือนกับโรงฟ้าจะนะ นักวิชาการท้วงข้อมูลเวทีค.3 โรงไฟฟ้าเทพา ท่าเรือทำชายฝั่งกัดเซาะ-ก่อมลพิษสัตว์ทะเล วันนี้ (28 ก.ค.2558) ดร.สมพร ช่วยอารีย์ อาจารย์คณะวิทยาศาตร์และเทคโนโลยีมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี เปิดเผยภายหลังการเข้าร่วมรับฟังและแสดงความคิดเห็นในเวทีรับฟังความเห็นเพื่อทบทวนร่างรายงานผลประทบด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพครั้งสุดท้าย (ค.3) โครงการท่าเทียบเรือโรงไฟฟ้าเทพา จ.สงขลา ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)ว่า ในการจัดเวทีตั้งแต่ค.1จนถึงค.3 ควรมีความรอบคอบมากกว่านี้ เช่น ควรมีค.0ก่อน เพื่อให้ความรู้กับประชาชน และเมื่อรับฟังความคิดเห็นในเวทีค.1แล้ว ในการจัดเวทีค.2 ซึ่งเป็นการแบ่งกลุ่มย่อยก็ควรดำเนินการให้ครอบคลุมประชาชนทุกกลุ่ม ซึ่งขั้นตอนนี้ในเวทีที่เทพาจัดรวบรัดเกินไป เพราะใช้เวลาเพียง 9 เดือนก็จัดเวทีค.3 ทั้งๆ ที่ยังมีความขัดแย้งในพื้นที่อยู่ ขณะเดียวกันในเวทีค.3 ที่จัดขึ้นในครั้งนี้ไม่แตกต่างจากเวทีค.1 สักเท่าไหร่ ดร.สมพรกล่าวว่า ในเวทีครั้งนี้ตนได้สอบถามในหลายประเด็นคือ 1.เรื่องการกัดเซาะชายฝั่ง เพราะดูตามแผนที่ผู้จัดทำเขียนนั้น เชื่อว่าจะส่งผลกระทบต่อการกัดเซาะชายฝั่งแน่นอน โดยแนวกันคลื่นที่วางแผนที่ระบุว่า ใช้ดูดน้ำทะเลเพื่อหล่อเย็นนั้น จะส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศ ซึ่งมีตัวอย่างให้เห็นคือท่าเทียบเรือสงขลา 2.นักวิชาการที่ทำ HIA หรือ EHIA ส่วนใหญ่ไม่ได้อยู่กับชาวบ้านไปตลอด เมื่อทำเสร็จก็กลับไป ในอนาคตหากชาวบ้านมีปัญหาจะหันหน้าไปพึ่งใคร 3.การดูดน้ำถ้ามีการป้องกันเพรียงไม่ให้เกาะก็ต้องใช้สารเคมี ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อปลาในกระชัง ซึ่งเคยเกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้มาแล้วในโรงไฟฟ้าจะนะ 4.การปล่อยน้ำเย็นลงไปในทะเลจะส่งผลกระทบเป็นทอดๆ 5.ควรมีการเก็บรวบรวมข้อมูลเอาไว้เพื่อเป็นตัวเปรียบเทียบว่าในอนาคตชาวบ้านยังจะมีความสุขอยู่หรือไม่ 7.ควรมีคณะกรรมการขึ้นมาติดตาม EIAและEHIA “การที่ผมตั้งคำถามต่างๆ ออกไป ไม่ได้หมายความว่า ผมยอมรับให้มีการตั้งโรงไฟฟ้าถ่านหินที่เทพา เพราะผมพูดเอาไว้ตั้งแต่วันแรกแล้วว่า เราควรมีทางเลือกอื่นอีก เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ ยิ่งโรงงานแห่งนี้ผลิตไฟฟ้าถึง 2,200 เมกะวัตต์ ใหญ่เป็นลำดับต้นๆ ของเอเชีย ยิ่งต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ” ดร.สมพร กล่าว ติดตามข่าวสารผ่านแฟนเพจเฟซบุ๊ค ไทยพีบีเอสออนไลน์ https://www.facebook.com/ThaiPBSNews?ref=hl วันนี้ (28 ก.ค.2558) ดร.สมพร ช่วยอารีย์ อาจารย์คณะวิทยาศาตร์และเทคโนโลยีมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี เปิดเผยภายหลังการเข้าร่วมรับฟังและแสดงความคิดเห็นในเวทีรับฟังความเห็นเพื่อทบทวนร่างรายงานผลประทบด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพครั้งสุดท้าย (ค.3) โครงการท่าเทียบเรือโรงไฟฟ้าเทพา จ.สงขลา ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)ว่า ในการจัดเวทีตั้งแต่ค.1จนถึงค.3 ควรมีความรอบคอบมากกว่านี้ เช่น ควรมีค.0ก่อน เพื่อให้ความรู้กับประชาชน และเมื่อรับฟังความคิดเห็นในเวทีค.1แล้ว ในการจัดเวทีค.2 ซึ่งเป็นการแบ่งกลุ่มย่อยก็ควรดำเนินการให้ครอบคลุมประชาชนทุกกลุ่ม ซึ่งขั้นตอนนี้ในเวทีที่เทพาจัดรวบรัดเกินไป เพราะใช้เวลาเพียง 9 เดือนก็จัดเวทีค.3 ทั้งๆ ที่ยังมีความขัดแย้งในพื้นที่อยู่ ขณะเดียวกันในเวทีค.3 ที่จัดขึ้นในครั้งนี้ไม่แตกต่างจากเวทีค.1 สักเท่าไหร่ ดร.สมพรกล่าวว่า ในเวทีครั้งนี้ตนได้สอบถามในหลายประเด็นคือ 1.เรื่องการกัดเซาะชายฝั่ง เพราะดูตามแผนที่ผู้จัดทำเขียนนั้น เชื่อว่าจะส่งผลกระทบต่อการกัดเซาะชายฝั่งแน่นอน โดยแนวกันคลื่นที่วางแผนที่ระบุว่า ใช้ดูดน้ำทะเลเพื่อหล่อเย็นนั้น จะส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศ ซึ่งมีตัวอย่างให้เห็นคือท่าเทียบเรือสงขลา 2.นักวิชาการที่ทำ HIA หรือ EHIA ส่วนใหญ่ไม่ได้อยู่กับชาวบ้านไปตลอด เมื่อทำเสร็จก็กลับไป ในอนาคตหากชาวบ้านมีปัญหาจะหันหน้าไปพึ่งใคร 3.การดูดน้ำถ้ามีการป้องกันเพรียงไม่ให้เกาะก็ต้องใช้สารเคมี ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อปลาในกระชัง ซึ่งเคยเกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้มาแล้วในโรงไฟฟ้าจะนะ 4.การปล่อยน้ำเย็นลงไปในทะเลจะส่งผลกระทบเป็นทอดๆ 5.ควรมีการเก็บรวบรวมข้อมูลเอาไว้เพื่อเป็นตัวเปรียบเทียบว่าในอนาคตชาวบ้านยังจะมีความสุขอยู่หรือไม่ 7.ควรมีคณะกรรมการขึ้นมาติดตาม EIAและEHIA “การที่ผมตั้งคำถามต่างๆ ออกไป ไม่ได้หมายความว่า ผมยอมรับให้มีการตั้งโรงไฟฟ้าถ่านหินที่เทพา เพราะผมพูดเอาไว้ตั้งแต่วันแรกแล้วว่า เราควรมีทางเลือกอื่นอีก เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ ยิ่งโรงงานแห่งนี้ผลิตไฟฟ้าถึง 2,200 เมกะวัตต์ ใหญ่เป็นลำดับต้นๆ ของเอเชีย ยิ่งต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ” ดร.สมพร กล่าว ติดตามข่าวสารผ่านแฟนเพจเฟซบุ๊ค ไทยพีบีเอสออนไลน์ https://www.facebook.com/ThaiPBSNews?ref=hl

เมื่อวันที่ 19 ธ.ค.2567 วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย แถลงข่าวทางโทรทัศน์ตอบคำถามประชาชนและส

นักวิชาการท้วงข้อมูลเวทีค.3 โรงไฟฟ้าเทพา ท่าเรือทำชายฝั่งกัดเซาะ-ก่อมลพิษสัตว์ทะเล นักวิชาการท้วง%ke

วันนี้ (7 ก.พ. 2566) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าในคดีอดีตแอดมิน เว็บพนันออนไลน์ ถูกอุ้มทำร้ายร่างกา

นักวิชาการท้วงข้อมูลเวทีค.3 โรงไฟฟ้าเทพา ท่าเรือทำชายฝั่งกัดเซาะ-ก่อมลพิษสัตว์ทะเล นักวิชาการท้วงเล่น บา คา ร่า ผ่าน มือ ถือข้อมูลโรงไฟฟ้าเทพา ระบุหลายประเด็นส่งผลกระทบสิ่งแวดล้อมและชุมชน เช่น กรณีน้ำน้ำทะเลไปหล่อเย็น จะส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศ ส่วนการป้องกันเพรียงเกาะที่เสาท่าเรือน้ำลึก สารเคมีที่ใช้จะส่งผลกระทบต่อสัตว์น้ำที่เลี้ยงในกระชังอย่างแน่นอน เหมือนกับโรงฟ้าจะนะ นักวิชาการท้วงข้อมูลเวทีค.3 โรงไฟฟ้าเทพา ท่าเรือทำชายฝั่งกัดเซาะ-ก่อมลพิษสัตว์ทะเล วันนี้ (28 ก.ค.2558) ดร.สมพร ช่วยอารีย์ อาจารย์คณะวิทยาศาตร์และเทคโนโลยีมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี เปิดเผยภายหลังการเข้าร่วมรับฟังและแสดงความคิดเห็นในเวทีรับฟังความเห็นเพื่อทบทวนร่างรายงานผลประทบด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพครั้งสุดท้าย (ค.3) โครงการท่าเทียบเรือโรงไฟฟ้าเทพา จ.สงขลา ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)ว่า ในการจัดเวทีตั้งแต่ค.1จนถึงค.3 ควรมีความรอบคอบมากกว่านี้ เช่น ควรมีค.0ก่อน เพื่อให้ความรู้กับประชาชน และเมื่อรับฟังความคิดเห็นในเวทีค.1แล้ว ในการจัดเวทีค.2 ซึ่งเป็นการแบ่งกลุ่มย่อยก็ควรดำเนินการให้ครอบคลุมประชาชนทุกกลุ่ม ซึ่งขั้นตอนนี้ในเวทีที่เทพาจัดรวบรัดเกินไป เพราะใช้เวลาเพียง 9 เดือนก็จัดเวทีค.3 ทั้งๆ ที่ยังมีความขัดแย้งในพื้นที่อยู่ ขณะเดียวกันในเวทีค.3 ที่จัดขึ้นในครั้งนี้ไม่แตกต่างจากเวทีค.1 สักเท่าไหร่ ดร.สมพรกล่าวว่า ในเวทีครั้งนี้ตนได้สอบถามในหลายประเด็นคือ 1.เรื่องการกัดเซาะชายฝั่ง เพราะดูตามแผนที่ผู้จัดทำเขียนนั้น เชื่อว่าจะส่งผลกระทบต่อการกัดเซาะชายฝั่งแน่นอน โดยแนวกันคลื่นที่วางแผนที่ระบุว่า ใช้ดูดน้ำทะเลเพื่อหล่อเย็นนั้น จะส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศ ซึ่งมีตัวอย่างให้เห็นคือท่าเทียบเรือสงขลา 2.นักวิชาการที่ทำ HIA หรือ EHIA ส่วนใหญ่ไม่ได้อยู่กับชาวบ้านไปตลอด เมื่อทำเสร็จก็กลับไป ในอนาคตหากชาวบ้านมีปัญหาจะหันหน้าไปพึ่งใคร 3.การดูดน้ำถ้ามีการป้องกันเพรียงไม่ให้เกาะก็ต้องใช้สารเคมี ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อปลาในกระชัง ซึ่งเคยเกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้มาแล้วในโรงไฟฟ้าจะนะ 4.การปล่อยน้ำเย็นลงไปในทะเลจะส่งผลกระทบเป็นทอดๆ 5.ควรมีการเก็บรวบรวมข้อมูลเอาไว้เพื่อเป็นตัวเปรียบเทียบว่าในอนาคตชาวบ้านยังจะมีความสุขอยู่หรือไม่ 7.ควรมีคณะกรรมการขึ้นมาติดตาม EIAและEHIA “การที่ผมตั้งคำถามต่างๆ ออกไป ไม่ได้หมายความว่า ผมยอมรับให้มีการตั้งโรงไฟฟ้าถ่านหินที่เทพา เพราะผมพูดเอาไว้ตั้งแต่วันแรกแล้วว่า เราควรมีทางเลือกอื่นอีก เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ ยิ่งโรงงานแห่งนี้ผลิตไฟฟ้าถึง 2,200 เมกะวัตต์ ใหญ่เป็นลำดับต้นๆ ของเอเชีย ยิ่งต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ” ดร.สมพร กล่าว ติดตามข่าวสารผ่านแฟนเพจเฟซบุ๊ค ไทยพีบีเอสออนไลน์ https://www.facebook.com/ThaiPBSNews?ref=hl วันนี้ (28 ก.ค.2558) ดร.สมพร ช่วยอารีย์ อาจารย์คณะวิทยาศาตร์และเทคโนโลยีมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี เปิดเผยภายหลังการเข้าร่วมรับฟังและแสดงความคิดเห็นในเวทีรับฟังความเห็นเพื่อทบทวนร่างรายงานผลประทบด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพครั้งสุดท้าย (ค.3) โครงการท่าเทียบเรือโรงไฟฟ้าเทพา จ.สงขลา ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)ว่า ในการจัดเวทีตั้งแต่ค.1จนถึงค.3 ควรมีความรอบคอบมากกว่านี้ เช่น ควรมีค.0ก่อน เพื่อให้ความรู้กับประชาชน และเมื่อรับฟังความคิดเห็นในเวทีค.1แล้ว ในการจัดเวทีค.2 ซึ่งเป็นการแบ่งกลุ่มย่อยก็ควรดำเนินการให้ครอบคลุมประชาชนทุกกลุ่ม ซึ่งขั้นตอนนี้ในเวทีที่เทพาจัดรวบรัดเกินไป เพราะใช้เวลาเพียง 9 เดือนก็จัดเวทีค.3 ทั้งๆ ที่ยังมีความขัดแย้งในพื้นที่อยู่ ขณะเดียวกันในเวทีค.3 ที่จัดขึ้นในครั้งนี้ไม่แตกต่างจากเวทีค.1 สักเท่าไหร่ ดร.สมพรกล่าวว่า ในเวทีครั้งนี้ตนได้สอบถามในหลายประเด็นคือ 1.เรื่องการกัดเซาะชายฝั่ง เพราะดูตามแผนที่ผู้จัดทำเขียนนั้น เชื่อว่าจะส่งผลกระทบต่อการกัดเซาะชายฝั่งแน่นอน โดยแนวกันคลื่นที่วางแผนที่ระบุว่า ใช้ดูดน้ำทะเลเพื่อหล่อเย็นนั้น จะส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศ ซึ่งมีตัวอย่างให้เห็นคือท่าเทียบเรือสงขลา 2.นักวิชาการที่ทำ HIA หรือ EHIA ส่วนใหญ่ไม่ได้อยู่กับชาวบ้านไปตลอด เมื่อทำเสร็จก็กลับไป ในอนาคตหากชาวบ้านมีปัญหาจะหันหน้าไปพึ่งใคร 3.การดูดน้ำถ้ามีการป้องกันเพรียงไม่ให้เกาะก็ต้องใช้สารเคมี ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อปลาในกระชัง ซึ่งเคยเกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้มาแล้วในโรงไฟฟ้าจะนะ 4.การปล่อยน้ำเย็นลงไปในทะเลจะส่งผลกระทบเป็นทอดๆ 5.ควรมีการเก็บรวบรวมข้อมูลเอาไว้เพื่อเป็นตัวเปรียบเทียบว่าในอนาคตชาวบ้านยังจะมีความสุขอยู่หรือไม่ 7.ควรมีคณะกรรมการขึ้นมาติดตาม EIAและEHIA “การที่ผมตั้งคำถามต่างๆ ออกไป ไม่ได้หมายความว่า ผมยอมรับให้มีการตั้งโรงไฟฟ้าถ่านหินที่เทพา เพราะผมพูดเอาไว้ตั้งแต่วันแรกแล้วว่า เราควรมีทางเลือกอื่นอีก เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ ยิ่งโรงงานแห่งนี้ผลิตไฟฟ้าถึง 2,200 เมกะวัตต์ ใหญ่เป็นลำดับต้นๆ ของเอเชีย ยิ่งต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ” ดร.สมพร กล่าว ติดตามข่าวสารผ่านแฟนเพจเฟซบุ๊ค ไทยพีบีเอสออนไลน์ https://www.facebook.com/ThaiPBSNews?ref=hl

ซ้อมแผนกู้ภัยพิบัติอาเซียน จากสถิติที่ผ่านมามีผู้ป่วยฉุกเฉินหรือผู้ประสบภัยมักจะเสียชีวิตภายหลังเกิด