เมื่อวันที่ 22 เม.ย.2568 อินเดียภายใต้การนำของ นายกรัฐมนตรี นเรนทรา โมดี ประกาศระงับ สนธิสัญญาแม่น้ำสินธุ ซึ่งเป็นข้อตกลงแบ่งปันน้ำกับปากีสถานที่มีอายุกว่า 60 ปี การตัดสินใจนี้เกิดขึ้นหลังเหตุการณ์กรา
วันนี้ (22 พ.ค.2564) กลุ่มผู้ค้าสลากกินแบ่งรัฐบาลใน จ.ขอนแก่น เข้าพบพนักงานสอบสวนตำรวจภูธรขอนแก่น เพ
วันนี้ (11 พ.ย.2567) ศูนย์ข้อมูลคุณภาพอากาศกรุงเทพมหานคร (กทม.) รายงานสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร เมื่อเวลา 07.00 น. ค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมงของฝุ่น PM2.5 ตรวจวัดได้ 29.1-54 ไมโครกรัม/ลูกบา
เมื่อวันที่ 22 เม.ย.2568 อินเดียภายใต้การนำของ นายกรัฐมนตรี นเรนทรา โมดี ประกาศระงับ สนธิสัญญาแม่น้ำสินธุ ซึ่งเป็นข้อตกลงแบ่งปันน้ำกับปากีสถานที่มีอายุกว่า 60 ปี การตัดสินใจนี้เกิดขึ้นหลังเหตุการณ์กราดยิงในแคชเมียร์ที่คร่าชีวิตนักท่องเที่ยว 26 คน ซึ่งอินเดียกล่าวหาว่าปากีสถานอยู่เบื้องหลัง การยกเลิกสนธิสัญญาครั้งนี้ไม่เพียงข่มขู่เส้นชีวิตด้านการเกษตรและพลังงานของปากีสถาน แต่ยังจุดชนวนให้เกิดความขัดแย้งที่อาจลุกลามเป็นวิกฤตระดับภูมิภาค ก่อนจะเข้าใจความร้ายแรงของสถานการณ์นี้ ไทยพีบีเอสออนไลน์ชวนย้อนกลับไปดูจุดกำเนิดของความขัดแย้งระหว่างอินเดียและปากีสถานที่หยั่งรากลึกตั้งแต่ยุคแบ่งแยกดินแดน ความขัดแย้งระหว่างอินเดียและปากีสถานเริ่มต้นในปี 2490 เมื่อ "อังกฤษ" ถอนตัวจากการเป็นเจ้าอาณานิคมและแบ่งดินแดนเป็น 2 ชาติตามศาสนา อินเดียส่วนใหญ่เป็นชาวฮินดู ส่วนปากีสถานเป็นมุสลิม แต่ภายในพื้นที่ชมพูทวีปนั้น ยังมี "รัฐมหาราชา" อีกจำนวนมาก ซึ่งทุกรัฐมีสิทธิ์เลือกที่จะรวมตัวกับใครก็ได้ แล้วแต่จำนวนประชากรส่วนใหญ่ในรัฐที่นับถือศาสนาฮินดู หรือ อิสลาม "แคว้นแคชเมียร์" ซึ่งอยู่ทางเหนือของพื้นที่อินเดียและปากีสถาน แคชเมียร์ มีประชากรส่วนใหญ่เป็นมุสลิม แต่ปกครองโดยมหาราชา "ฮารี ซิงห์" ที่นับถือฮินดู หลังการประกาศอิสรภาพของปากีสถานและอินเดียที่ห่างกันเพียง 1 วัน แคชเมียร์เป็นเพียงรัฐมหาราชารัฐเดียวที่อยากเป็นเอกราช ปกครองตนเอง จุดนี้จึงกลายเป็นจุดเริ่มต้นข้อพิพาท ประชากรส่วนใหญ่ของแคชเมียร์เป็นมุสลิม จึงต้องการรวมตัวเข้ากับปากีสถาน และกองทัพปากีสถานก็ส่งกองกำลังติดอาวุธเข้าร่วมก่อการประท้วง ในขณะนั้น ฮารี ซิงห์ ผู้นับถือฮินดู จึงตัดสินใจเข้าขอความร่วมมือจากอินเดียในปี 2490 เพราะถูกรุกรานจากกลุ่มติดอาวุธที่ได้รับการสนับสนุนจากปากีสถาน นำไปสู่สงครามอินเดีย-ปากีสถานครั้งแรก (2490-2491) ฮารี ซิงห์ มหาราชารัฐแคชเชียร์ ฮารี ซิงห์ มหาราชารัฐแคชเชียร์ ผลคือ สหประชาชาติ ต้องเข้ามาเป็นคนกลางไกล่เกลี่ย และส่งผลให้ดินแดนแคชเมียร์ถูกแบ่งโดย Line of Control (LoC) อินเดียควบคุม 2 ใน 3 ของแคชเมียร์และปากีสถานควบคุมส่วนที่เหลือ ทั้ง 2 ชาติยังคงอ้างสิทธิ์เหนือแคชเมียร์ทั้งหมด นำไปสู่สงครามใหญ่ 3 ครั้ง (2508, 2514, 2542) และการปะทะย่อย ๆ อย่างต่อเนื่อง "แคว้นแคชเมียร์" ไม่เพียงเป็นประเด็นด้านดินแดน แต่ยังมีความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์และทรัพยากร แม่น้ำสายหลักของลุ่มน้ำสินธุ เช่น แม่น้ำสินธุ เจลัม และเชนับ ซึ่งไหลผ่านแคชเมียร์ฝั่งอินเดีย เป็นแหล่งน้ำสำคัญของปากีสถาน การควบคุมแคชเมียร์จึงหมายถึงการควบคุมน้ำ ซึ่งเป็นเส้นชีวิตของทั้ง 2 ชาติ โดยเฉพาะปากีสถานที่พึ่งพาน้ำเหล่านี้ในการเกษตรและพลังงาน เมื่อวันที่ 22 เม.ย.2568 กลุ่มติดอาวุธโจมตีนักท่องเที่ยวในเมืองปาฮาลกัม หุบเขาไบซารัน รัฐจัมมูและแคชเมียร์ ฝั่งอินเดีย สังหารนักท่องเที่ยว 26 คน นับเป็นการโจมตีพลเรือนที่รุนแรงที่สุดในอินเดียนับตั้งแต่เหตุการณ์มุมไบในปี 2551 กลุ่ม The Resistance Front (TRF) ซึ่งอินเดียเชื่อว่าได้รับการสนับสนุนจากปากีสถาน อ้างความรับผิดชอบ โดยระบุว่าไม่พอใจการตั้งถิ่นฐานของ "คนนอก" ในแคชเมียร์ อินเดียระบุว่ามือปืน 3 คน เป็นสมาชิกของ Lashkar-e-Taiba ซึ่งมีฐานในปากีสถาน และกล่าวหาปากีสถานว่าอยู่เบื้องหลังการโจมตี ปากีสถานปฏิเสธข้อกล่าวหาและยืนยันว่าให้การสนับสนุนเพียงด้านการทูตและศีลธรรมแก่ชาวแคชเมียร์ เมืองปาฮาลกัม หุบเขาไบซารัน รัฐจัมมูและแคชเมียร์ เมืองปาฮาลกัม หุบเขาไบซารัน รัฐจัมมูและแคชเมียร์ อ่านข่าว : กลุ่มมือปืนโจมตีนักท่องเที่ยวในแคชเมียร์ เสียชีวิตกว่า 20 คน เหตุการณ์กราดยิงจุดชนวนให้อินเดียตอบโต้อย่างแข็งกร้าว รัฐบาลของนายกฯ นเรนทรา โมดี ประกาศระงับ "สนธิสัญญาแม่น้ำสินธุ (Indus Waters Treaty)" ซึ่งลงนามในปี 2503 และเป็นข้อตกลงสำคัญในการแบ่งปันน้ำระหว่าง 2 ชาติ การตัดสินใจนี้ถือเป็นการยกระดับความตึงเครียดครั้งใหญ่ เนื่องจากแม่น้ำสินธุและสาขาย่อยเป็นแหล่งน้ำหลักของปากีสถาน ซึ่งพึ่งพาน้ำเหล่านี้ในการเกษตร การชลประทาน และการผลิตไฟฟ้า นอกจากนี้ อินเดียยังปิดจุดผ่านแดนหลักนวกาห์-อัตตารี ระงับวีซาพิเศษสำหรับชาวปากีสถาน และขับเจ้าหน้าที่ทูตปากีสถานออกจากนิวเดลี ทางด้านปากีสถานตอบโต้ด้วยการปิดน่านฟ้า ระงับการค้าทั้งหมด และขับเจ้าหน้าที่ทูตอินเดียออก พร้อมเตือนว่าการตัดน้ำของอินเดียถือเป็น "การก่อสงคราม" อ่านข่าว : "อินเดีย" ลดระดับสัมพันธ์ "ปากีสถาน" หลังเหตุโจมตีแคชเมียร์ "แคชเมียร์" มีความสำคัญต่อชาติทั้ง 2 คือ อินเดีย และ ปากีสถาน ไม่เพียงเพราะดินแดน แต่ยังเพราะเป็นต้นกำเนิดของแม่น้ำในลุ่มน้ำสินธุ แม่น้ำสินธุ เจลัม และเชนับ ซึ่งไหลจากเทือกเขาหิมาลัยในแคชเมียร์ฝั่งอินเดียลงสู่ปากีสถาน รองรับความต้องการน้ำของปากีสถานถึงร้อยละ 80 โดยเฉพาะในแคว้นปัญจาบ ซึ่งเป็น "ตะกร้าข้าว" ของชาติ การเกษตรของปากีสถาน ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 24 ของ GDP ขึ้นอยู่กับน้ำจากแม่น้ำเหล่านี้ ในขณะที่อินเดียใช้แม่น้ำเหล่านี้ในการผลิตไฟฟ้าพลังน้ำและชลประทานในแคชเมียร์ การควบคุมแคชเมียร์จึงเป็นการควบคุมทรัพยากรน้ำที่มีค่ามหาศาล สนธิสัญญาแม่น้ำสินธุ ลงนามเมื่อวันที่ 19 ก.ย.2503 ผ่านการไกล่เกลี่ยของธนาคารโลก เพื่อแก้ไขข้อพิพาทเรื่องน้ำหลังการแบ่งแยกในปี 2490 ข้อตกลงนี้แบ่งการใช้แม่น้ำในลุ่มน้ำสินธุ 6 สาย ได้แก่ สินธุ เจลัม เชนับ ราวี เบียส และสุตเลช ดังนี้ อินเดีย ได้รับสิทธิ์ควบคุมแม่น้ำตะวันออก 3 สาย (ราวี เบียส สุตเลช) ซึ่งให้ปริมาณน้ำประมาณ 33 ล้านเอเคอร์-ฟุตต่อปี (MAF) คิดเป็นร้อยละ 20 ของปริมาณน้ำทั้งหมดในลุ่มน้ำ อินเดียสามารถใช้แม่น้ำตะวันตก เพื่อการเกษตรที่ไม่ใช้การชลประทาน เช่น การเพาะปลูกที่พึ่งพาน้ำฝน และการผลิตไฟฟ้าพลังน้ำแบบ "run-of-river" (ไม่กักเก็บน้ำ) โดยต้องไม่รบกวนการไหลของน้ำไปยังปากีสถาน ปากีสถาน ได้รับสิทธิ์ควบคุมแม่น้ำตะวันตก 3 สาย (สินธุ เจลัม เชนับ) ซึ่งให้ปริมาณน้ำประมาณ 135 MAF คิดเป็นร้อยละ 80 ของปริมาณน้ำทั้งหมด ปากีสถานสามารถใช้แม่น้ำตะวันออกได้ในช่วงเปลี่ยนผ่านจนกว่าการพัฒนาระบบชลประทานในแม่น้ำตะวันตกจะเสร็จสเว็บ slot xoสล็อตมบูรณ์ แคชเมียร์ แคชเมียร์ สนธิสัญญากำหนดให้ตั้ง "คณะกรรมาธิการแม่น้ำสินธุถาวร (Permanent Indus Commission)" ซึ่งประกอบด้วยตัวแทนจากทั้ง 2 ชาติ เพื่อตรวจสอบการปฏิบัติตามสนธิสัญญาและแก้ไขข้อพิพาท หากคณะกรรมาธิการไม่สามารถตกลงกันได้ จะมีการแต่งตั้งผู้เชี่ยวชาญที่เป็นกลางหรือส่งเรื่องไปยัง ศาลอนุญาโตตุลาการ ซึ่งบริหารโดยธนาคารโลก ในอดีต สนธิสัญญานี้ รอดพ้นจากสงครามอินเดีย-ปากีสถานมาแล้ว 3 ครั้ง (2508, 2514, 2542) และความตึงเครียดนับครั้งไม่ถ้วน จึงถือได้ว่าเป็น 1 ในข้อตกลงน้ำที่ประสบความสำเร็จที่สุดในโลก การระงับสนธิสัญญาแม่น้ำสินธุโดยอินเดียอาจนำไปสู่ผลกระทบร้ายแรงต่อปากีสถานและความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ชาติ ที่เห็นได้อย่างชัดเจนคือ "วิกฤตการเกษตรในปากีสถาน" เพราะพึ่งพาน้ำจากแม่น้ำสินธุ เจลัม และเชนับในการชลประทาน ที่น่ากังวลมากที่สุดคือ ทั้ง 2 ชาติ เป็นมหาอำนาจนิวเคลียร์ โดยอินเดียมีหัวรบนิวเคลียร์ประมาณ 130-140 หัว และปากีสถานมี 140-150 หัว ความขัดแย้งที่ลุกลามอาจมีผลกระทบร้ายแรงในระดับโลก แต่แม้การประกาศระงับสนธิสัญญาแม่น้ำสินธุ เพื่อตอบโต้ปากีสถาน แต่อินเดียก็หนีไม่พ้นที่ต้องร่วมรับชะตากรรมเช่นกัน การกักเก็บน้ำอาจช่วยเพิ่มการชลประทานและพลังงานในรัฐจัมมูและแคชเมียร์ แต่จะเพิ่มความตึงเครียดในแคชเมียร์ ซึ่งมีกลุ่มแบ่งแยกดินแดนอยู่แล้ว สงครามอินเดีย-ปากีสถาน ครั้งที่ 1 สงครามอินเดีย-ปากีสถาน ครั้งที่ 1 การระงับสนธิสัญญาแม่น้ำสินธุโดยอินเดีย หลังเหตุการณ์กราดยิงในแคชเมียร์ ได้เปลี่ยนข้อตกลงสันติภาพให้กลายเป็นจุดชนวนของ "สงครามน้ำ" ระหว่างอินเดียและปากีสถาน แคชเมียร์ ซึ่งเป็นทั้งต้นกำเนิดของความขัดแย้งและแหล่งน้ำสำคัญ ยังคงเป็นหัวใจของปัญหา อนาคตของทั้ง 2 ชาติขึ้นอยู่กับว่าพวกเขาจะหาทางออกทางการทูตได้หรือไม่ ท่ามกลางความเสี่ยงของวิกฤตด้านมนุษยธรรมและความขัดแย้งที่อาจลุกลามไปทั่วโลก ที่มา : World Bank. "Indus Waters Treaty." BBC News. "Kashmir Attack and India-Pakistan Tensions." Al Jazeera. "India Suspends Indus Waters Treaty : What It Means for Pakistan."The Hindu. "India’s Decision to Suspend Indus Waters Treaty : Strategic Implications." อ่านข่าวอื่น : ครม.เคาะงบ 400 ล้าน ดำเนิน 9 โครงการ 3 จังหวัดอีสานตอนบน 4,440 โรงเรียน ใช้หลักสูตรใหม่ปฐมวัย–ประถมต้น ภาคเรียน 1 ปี 68
วันนี้ ( 2 ธ.ค.2567) เว็บไซต์ "ฮั่วเซ่งเฮง" ภาพรวมความเคลื่อนไหวที่ผ่านมา สัปดาห์ก่อนราคาทองคำลงแรง จากที่อิสราเอลและกลุ่มฮิซบอลเลาะห์บรรลุข้อตกลงหยุดยิง และเงินเฟ้อ Core PCE เร่งตัวสูงขึ้น อย่างไรก็ต
- เว็บ slot xoสล็อต
- ฝาก 30 รับ 100 วอ เลท pg
- ผล การ แข่งขัน ยูโร 2021
- joker ฝาก วอ เลตสล็อต xo 168
- 89 สล็อตpg44 slot
- เว็บ บอล ฟรี เครดิต ไม่ ต้อง ฝาก