เร่งตามจับ "แก๊งอุ้มรีดเงินชาวจีน" ขอหมายจับเพิ่มอีก 3 คน

วันนี้ (13 พ.ค.2564) ภายหลังจากช่วงเช้าที่ผ่านมา นายนรเศรษฐ์ นาหนองตูม ทนายความจากศูนย์ทนายเพื่อสิทธิมนุษยชน เปิดเผยผ่านเฟซบุ๊กว่า นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือ ไมค์ ติดเชื้อ COVID-19 ในเรือนจำ ล่าสุด นายนร

วันนี้ (15 ธ.ค.2566) นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา เปิดเผยว่า กรมฯ ประกาศขึ้นทะ

วันนี้ ( 5 มี.ค. 2568) เว็บไซต์ “ฮั่วเซ่งเฮง” วิเคราะห์ ราคาทองปรับขึ้นแรงต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 โดยเพิ่มขึ้น +25 ดอลลาร์ เม็ดเงินลงทุนยังไหลเข้าทองคำและเทขายหุ้นทั่วโลกจากสงครามการค้าโลกรุนแรง หลังจาก

นางเอ (นามสมมติ) อายุ 69 ปี ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 10 ม.ค.ที่ผ่านมา รับสายโทรศัพท์เบอร์แปลก บอกว่าผู้เสียหายส่งของผิดกฎหมายผ่านบริษัทขนส่งแห่งหนึ่งไปยังประเทศจีน เป็นพาสปอร์ต 7 เล่ม และบัตรเอทีเอ็ม 15 ใบ และขณะนี้จับผู้ที่ซัดทอดมายังผู้เสียหายได้แล้ว ผู้เสียหายต้องมาดำเนินการชี้แจง ที่ สภ.เชียงใหม่ หากไม่สะดวกจะช่วยดำเนินการแทนให้ นอกจากนี้ ยังอ้างว่าจะให้คุยผ่านสารวัตรตำรวจ สภ.เชียงใหม่ ซึ่งก็คือหนึ่งในแก๊งมิจฉาชีพที่สร้างโปรไฟล์หลอกผู้เสียหายให้เชื่อถือ โดยมิจฉาชีพจะเพิ่มเพื่อนมาทางไลน์ และโทรกลับมายังผู้เสียหาย ระหว่างที่พูดคุยจะพยายามถามถึงข้อมูลส่วนตัว ให้ผู้เสียหายอยู่คนเดียว และข่มขู่หากมีบุคคลอื่นอยู่ด้วยระหว่างคุยจะทำให้รูปคดีในชั้นศาลเสียหาย จากนั้นมิจฉาชีพจะถามถึงจำนวนเงินในบัญชีว่ามีจำนวนเท่าไร หากบอกยอดเงินกลับไปจะเข้าเป้าหมายทันที กรณีนี้ผู้เสียหายตอบกลับไป มิจฉาชีพจึงบอกให้โอนเงินจำนวน 3 ล้านบาท มาตรวจสอบก่อน เมื่อตรวจสอบแล้วจะโอนกลับ ขณะที่ผู้เสียหายได้ ตั้งการโอนเงินไว้ครั้งละไม่เกิน 700,000 บาท ความพยายามของมิจฉาชีพยังไม่หยุด โดยให้นางเอโอนเงินไปครั้งละ 699,999 บาท จำนวน 4 ครั้ง ชื่อบัญชีปลายทาง คือ นายณัฐวัฒน์ โสลมัย และครั้งที่ 5 โอนอีก 600,000 บาท ใช้เวลาในการพูดคุย 1 ชั่วโมง 44 นาทีและใช้เวลาในการโอนเงินเพียง 12 นาที สูญเงินไปกว่า 3 ล้านบาท ภายหลังผู้เสียหายแจ้งความที่ สภ.รัตนาธิเบศร์ ตำรวจโทรศัพท์ไปหาเจ้าของบัญชีธนาคาร พบว่า มารดาของนายณัฐวัฒน์ เจ้าของบัญชี เป็นผู้รับสาย บอกว่าลูกชายอายุ 15 ปี ไม่ได้เรียนหนังสือ และตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าไปอยู่ที่ไหน ไม่เพียงกรณีนี้เท่านั้น ในโลกออนไลน์ยังพบว่ามีอีกหลายคนที่ถูกแก๊งมิจฉาชีพ โทรมาในลักษณะนี้ แต่ส่วนใหญ่ไหวตัวทัน ไม่หลงเชื่อ เนื่องจากพฤufabet19ติการณ์ที่ทำมีลักษณะเดียวกัน ที่ในโซเชียลมีเดียมีการแชร์ไว้เตือนภัย คือ บอกว่าส่งของไปประเทศจีนและเรียกเงินตรวจสอบ นี่จึงเป็นอีกวิธีที่มิจฉาชีพใช้หลอก และต้องถามกลับถึงความปลอดภัย โดยเฉพาะเบอร์โทรศัพท์ ชื่อนามสกุล ที่มักถูกล้วงข้อมูลและไปอยู่ในมือของมิจฉาชีพได้อย่างไรกัน

นางเอ (นามสมมติ) อายุ 69 ปี ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 10 ม.ค.ที่ผ่านมา รับสายโทรศัพท์เบอร์แปลก บอกว่าผู้เสียหายส่งของผิดกฎหมายผ่านบริษัทขนส่งแห่งหนึ่งไปยังประเทศจีน เป็นพาสปอร์ต 7 เล่ม และบัตร