"แกงขี้เหล็ก" เมนูอาหารไทยที่อยู่คู่ครัวเรือนทุกภูมิภาคมานานแสนนาน ตั้งแต่เหนือจรดใต้ ไม่ว่าจะเป็นงานบุญ งานเทศกาล หรือมื้ออาหารในครอบครัว แกงขี้เหล็กมักปรากฏตัวในฐานะเมนูดาวเด่นที่มีทั้งรสชาติเฉพาะตั

"แกงขี้เหล็ก" เมนูอาหารไทยที่อยู่คู่ครัวเรือนทุกภูมิภาคมานานแสนนาน ตั้งแต่เหนือจรดใต้ ไม่ว่าจะเป็นงานบุญ งานเทศกาล หรือมื้ออาหารในครอบครัว แกงขี้เหล็กมักปรากฏตัวในฐานะเมนูดาวเด่นที่มีทั้งรสชาติเฉพาะตัวและคุณค่าทางโภชนาการ ตามข้อมูลจากวิกิพีเดออนไลน์ 888ทดลอง เล่น เกม สล็อต เกม สมัคร ฟรี ได้ เงินีย แกงขี้เหล็กเป็นแกงกะทิที่ใช้ ใบ ดอกอ่อน ของต้นขี้เหล็ก (Senna siamea) เป็นส่วนผสมหลัก ผสมผสานกับเนื้อสัตว์ เช่น ปลาย่างหรือหมูย่าง เครื่องแกงที่โขลกรวมพริกแห้ง หอม กระเทียม ข่า ตะไคร้ กระชาย และกะปิ และยังมีสูตรแกงขี้เหล็กอร่อยอีกแบบ ด้วยการไม่ใส่กะทิ แต่ใช้ปลาร้าเพิ่มความหอมและรสเค็มแทน ความพิเศษของแกงขี้เหล็กไม่ได้อยู่แค่รสชาติ แต่ยังเป็นการสะท้อนภูมิปัญญาไทยในการใช้ผักพื้นบ้านที่มีคุณสมบัติทางยา ตามบทความจากคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล การเตรียมแกงขี้เหล็กต้องผ่านขั้นตอนพิถีพิถัน เช่น การต้มใบและดอกขี้เหล็กเพื่อลดความขมและกำจัดสารที่อาจเป็นพิษ ซึ่งเป็นวิธีที่สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น ทำให้เมนูนี้ไม่เพียงอร่อยแต่ยังปลอดภัยและดีต่อสุขภาพ การที่แกงขี้เหล็กยังคงได้รับความนิยมในชุมชนชนบทและเริ่มกลับมาฮิตในเมือง แสดงให้เห็นถึงพลังของอาหารพื้นบ้านที่ไม่เคยล้าสมัย ใบและดอกขี้เหล็กมีรสขม แต่เมื่อปรุงเป็นแกงแล้ว รสชาตินั้นกลายเป็นความกลมกล่อมที่ลงตัว ที่สำคัญมากกว่านั้นคือคุณค่าทางโภชนาการที่อัดแน่น ใบขี้เหล็กมี โปรตีน วิตามินบี 2 และ ธาตุเหล็กสูง ซึ่งช่วยบำรุงเลือดและป้องกันภาวะโลหิตจาง นอกจากนี้ยังมีแคลเซียมและฟอสฟอรัสที่ช่วยเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง หากใช้ดอกอ่อนขี้เหล็ก จะได้ วิตามินเอ ในปริมาณสูง ซึ่งดีต่อสายตาและระบบภูมิคุ้มกัน ส่วนใยอาหารในใบขี้เหล็กช่วยกระตุ้นการขับถ่าย ทำหน้าที่เป็นยาระบายอ่อน ๆ และดูดซับสารพิษในลำไส้ จากแหล่งข้อมูลของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ดอกขี้เหล็กมี วิตามินซีสูงถึง 484 มก. ต่อ 100 กรัม ซึ่งมากกว่าผักผลไม้ไทยหลายชนิด ทำให้เป็นแหล่งวิตามินซีชั้นยอดที่ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันและลดระยะเวลาเป็นหวัด เว็บไซต์ Medthai ระบุว่า ขี้เหล็กมีสาร "บาราคอล" (Baracol) ที่มีฤทธิ์กล่อมประสาทและเป็นยานอนหลับอ่อน ๆ ช่วยให้หลับสบาย อย่างไรก็ตาม การบริโภคต้องปรุงให้ถูกวิธี โดยต้มใบขี้เหล็กและเทน้ำทิ้ง 2-3 ครั้งเพื่อลดความขมและสารที่อาจเป็นอันตรายต่อตับ สารอาหารในใบขี้เหล็ก ธรรมชาติที่สร้างมาเพื่อฟื้นฟูร่างกาย ได้แก่ ช่วงเปลี่ยนฤดู โดยเฉพาะหน้าร้อนเข้าหน้าฝน หน้าฝนเข้าหน้าหนาว อากาศที่เริ่มเย็นลง อาจทำให้ร่างกายปรับตัวไม่ทัน ส่งผลให้ป่วยง่าย โดยเฉพาะปัญหาเกี่ยวกับ ระบบทางเดินหายใจ ระบบทางเดินอาหาร และผิวหนัง กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข แนะนำให้บริโภคอาหารร้อน ปรุงสุกใหม่ และใช้ผักพื้นบ้านตามฤดูกาล เช่น ดอกขี้เหล็กและยอดมะขาม ซึ่งอุดมไปด้วยวิตามินซีที่ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันและต้านโรคหวัด แกงขี้เหล็กจึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม เพราะนอกจากวิตามินซีแล้ว ยังมีเครื่องเทศรสเผ็ดร้อน เช่น ข่า ตะไคร้ และพริก ที่ช่วยกระตุ้นระบบไหลเวียนเลือด ทำให้ร่างกายอบอุ่น ในมุมมองสากล WHO ระบุว่า การบริโภคอาหารที่มีวิตามินและแร่ธาตุสูง เช่น วิตามินซีและธาตุเหล็ก ช่วยลดความรุนแรงของการติดเชื้อในร่างกาย ซึ่งสอดคล้องกับคุณสมบัติของแกงขี้เหล็ก นอกจากนี้ การศึกษาจากศูนย์นวัตกรรมการแพทย์แผนไทย (TTMIC) ระบุว่า ผักใบเขียวอย่างขี้เหล็กมีคลอโรฟิลและไฟเบอร์ ช่วยลดการอักเสบของผิวและบำรุงระบบทางเดินอาหาร ทำให้แกงขี้เหล็กเป็นเมนูที่ครอบคลุมทั้งการป้องกันหวัดและดูแลสุขภาพผิวในช่วงอากาศเย็น สรรพคุณ "แกงขี้เหล็ก" ตามตำราแพทย์แผนไทย การปรุงแกงขี้เหล็กให้อร่อยและปลอดภัยต้องอาศัยความพิถีพิถัน ข้อมูลจาก Greenery.org การเตรียมใบขี้เหล็กต้องเริ่มจากการเลือกยอดอ่อนหรือใบขนาดกลาง นำไปต้มในน้ำเกลือเพื่อลดความขม แล้วเทน้ำทิ้ง 2-3 ครั้ง จากนั้นบีบให้แห้งก่อนนำไปแกง วิธีนี้ไม่เพียงลดรสขม แต่ยังกำจัดสารที่อาจเป็นพิษต่อตับ เช่น สารในกลุ่มโครโมน ซึ่งหากบริโภคในปริมาณมากหรือไม่ปรุงให้ถูกวิธี อาจทำให้ตับอักเสบได้ ยายมาลี วัย 70 ปี ผู้ชื่นชอบการทำอาหารพื้นบ้านทั่วไป แนะนำการลดความขมใบขี้เหล็กแบบง่าย ๆ ที่ทำกันเองได้ทุกบ้าน และเป็นภูมิปัญญาชาวบ้านที่คิดค้นกันมานานหลายสิบปี ในหลายพื้นที่ของประเทศไทย ก็ยังมีการทำแกงขี้เหล็กแบบไม่ใส่กะทิ แต่เพิ่มความหอมด้วยน้ำปลาร้าและสมุนไพร เช่น ใบมะกรูดและข่า ทำให้ได้รสชาติที่จัดจ้านและอบอุ่น ส่วนสูตรทั่วไปที่มีกะทิ ต้องโขลกเครื่องแกงให้ละเอียดและเคี่ยวกะทิให้แตกมันเล็กน้อยเพื่อเพิ่มความมันกลมกล่อม การปรุงที่ถูกวิธีไม่เพียงทำให้แกงอร่อย แต่ยังคงคุณค่าทางโภชนาการไว้ครบถ้วน เพื่อให้แกงขี้เหล็กเป็นส่วนหนึ่งของสุขภาพที่ดีอย่างยั่งยืน กรมอนามัยแนะนำให้ยึด โภชนบัญญัติ 9 ประการ เช่น รับประทานอาหารครบ 5 หมู่ กินร่วมกับข้าวกล้องหรือข้าวไรซ์เบอร์รีเพื่อเพิ่มใยอาหาร กินเคียงกับผักสด เช่น แตงกวา ถั่วพู หรือผักต้ม เพื่อเพิ่มปริมาณไฟเบอร์ เน้นผักและผลไม้ กินเนื้อสัตว์ไม่ติดมัน และดื่มน้ำเปล่าวันละ 8-10 แก้วเพื่อรักษาความชุ่มชื้นของผิวและร่างกาย หากรับประทานแกงขี้เหล็กที่มีกะทิ ควรจำกัดอาหารที่มีไขมันอื่นในมื้อนั้น และกินผักสดอย่างน้อย 2 ทัพพีต่อมื้อเพื่อเพิ่มใยอาหาร นอกจากการกินอาหารที่ดี วิถีชีวิตก็สำคัญไม่แพ้กัน การออกกำลังกายสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ และจัดการความเครียดจะช่วยให้ร่างกายแข็งแรงพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนฤดู รู้หรือไม่ : "ต้นขี้เหล็กบ้าน" เป็นต้นไม้ประจำจังหวัดชัยภูมิ อ่านข่าวอื่น : ไทยพีบีเอส คว้า 3 รางวัล “นาฏราช” ครั้งที่ 16 รวบแล้ว 1 ผู้ต้องสงสัยอุ้มฆ่า "ดีเจเตเต้" จ่อออกหมายจับอีก 3 คน

วันนี้ (8 ส.ค.2567) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานการณ์ภาพรวมในตะวันออกกลางยังน่ากังวล ล่าสุดกระทรวงการบินพลเรือนของอียิปต์ ออกแถลงการณ์แจ้งไปยังบริษัทด้านการบินของพลเรือน และสายการบินของอียิปต์ทุกแห่งห้าม

วันนี้ (20 พ.ค.2568) ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยื่นคำร้องต่อ​ กกต.เพื่อพิจารณาส่งเรื่

นิยายชีวิต โดย : Mas Alamil Huda
เรื่องและภาพโดย : Mas Alamil Huda
[[คลิก]] อ่านเรื่องราว “นิยายชีวิต” ได้ที่นี่..