UID: 32639

ปภ.เตือน 11 จังหวัดเฝ้าระวังน้ำป่า-ดินโคลนถล่ม กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเตือนประชาชน 11 จังหวัดภา

วันนี้ (7 ม.ค.2565) ภาพจากกล้องหน้ารถยนต์ที่ขับตามหลัง รถบรรทุกของเจ้าหน้าที่ทหารพรานที่ 4304 ขณะผู้

ปภ.เตือน 11 จังหวัดเฝ้าระวังน้ำป่า-ดินโคลนถล่ม กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเตือนประชาชน 11 จังหวัดภาคเหนือ ภาคกลาง และ ภาคตะวันออก ให้เฝ้าระวังน้ำป่าไหลหลากและดินโคลนถล่มจากภาวะฝนที่ตกหนักในช่วง 1-2 วันนี้ ขณะที่กรมชลประทาน เตือนประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำน่านและแม่น้ำเจ้าพระยา เตรียมรับมือกับระดับน้ำที่จะเพิ่มสูงขึ้นอีก หลังความจุเขื่อนใกล้เต็มทำให้ต้องเร่งระบายน้ำเพิ่ม ปภ.เตือน 11 จังหวัดเฝ้าระวังน้ำป่า-ดินโคลนถล่ม สถานการณ์น้ำในเขื่อนภูมิพลจังหวัดตาก ขณะนี้มีปริมาณน้ำในเขื่อนถึงร้อยละ 84 ของความจุเขื่อนแล้ว โดยมีปริมาณน้ำไหลลงเขื่อนถึงวันละ 151 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งหากยังคงมีน้ำไหลเข้าเขื่อนในระดับนี้จะสามารถรับน้ำได้อีกเพียง 14 วันทำให้ขณะนี้ต้องเพิ่มการระบายน้ำท้ายเขื่อนเป็นวันละ 23 ล้านลูกบาศก์เมตรจากเดิมวันละ 18 ล้านลูกบาศก์เมตร ส่วนที่เขื่อนสิริกิตต์จังหวัดอุตรดิตถ์เมื่อวานนี้ มีปริมาณน้ำในอ่างร้อยละ 95 ของความจุเขื่อนแล้ว หลังจากที่ในช่วง 2 วันที่ผ่านมา ได้ลดการปล่อยน้ำลงเหลือวันละ 57 ล้านลูกบาศก์เมตรเพื่อชะลอไม่ให้เกิดน้ำท่วม แต่เนื่องจากยังคงมีปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนมากถึง 55 ล้านลูกบาศก์เมตรทำให้เขื่อนจำเป็นต้องระบายน้ำเพิ่มเป็นวันละ 62 ล้านลูกบาศก์เมตร และ จะเพิ่มเป็นวันละ 65 ล้านลูกบาศก์เมตรตามลำดับ เช่นเดียวกับเขื่อนแควน้อยบำรุงแดน ที่อำเภอวัดโบสถ์ จังหวัดพิษณุโลกมีปริมาตรน้ำเก็บกักแล้วร้อยละ 99 ทำให้สามารถรองรับน้ำได้อีกเพียง 8 ล้านลูกบาศก์เมตร ขณะที่มีปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนถึงวันละ 36 ล้านลูกบาศก์เมตร และ ระบายน้ำเพียงวันละ 12 ล้านลูกบาศก์เมตรเพื่อชะลอน้ำไหลเข้าท่วมเมืองพิษณุโลกทำให้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปจำเป็นต้องระบายน้ำเพิ่มเป็นวันละ 30 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งเมื่อรวมน้ำที่ระบายลงแม่น้ำน่านและ แม่น้ำแควน้อยแล้ว จะทำให้แม่น้ำน่านช่วงที่ไหลผ่านตัวเมืองพิษณุโลกเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยกรมชลประทานจะพยายามบริหารจัดการน้ำในแม่น้ำน่านให้อยู่ในระดับ 10.50 เมตร ขณะเดียวกันต้องเฝ้าติดตามสถานการณ์น้ำในเขื่อนอื่น ๆ อย่างใกล้ชิด เนื่องจากปริมาณน้ำในเขื่อนหลายแห่งเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ที่คาดว่า หากยังคงมีฝนตกชุกต่อเนื่อง อาจทำให้น้ำเต็มเขื่อนภายใน 10 วันนี้ ขณะที่สถานการณ์น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา ที่อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 3,307 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ส่วนที่อำเภอสรรพยา จังหวัดชัยนาท มีปริมาณน้ำไหลผ่านท้ายเขื่อนเจ้าพระยาที่ 3,200 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที โดยมีระดับน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยาอยู่ที่ 17 เมตร 12 เซนติเมตร และระดับน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยาที่ 17 เมตร ด้านกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้เตือนประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยงภัยบริเวณที่ลาดเชิงเขา ใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ราบลุ่มรวม 11 จังหวัด ได้แก่ ตาก กำแพงเพชร พิจิตร เพชรบูรณ์ พิษณุโลก สุโขทัย อุตรดิตถ์ ชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด ให้เตรียมพร้อมรับมือภาวะฝนตกหนัก อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินถล่มในช่วง 1-2 วันนี้ ทั้งนี้ ได้ประสานให้สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดในพื้นที่เสี่ยงภัยจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมกำชับมิสเตอร์เตือนภัยเตรียมความพร้อมเฝ้าระวังภัยในระยะนี้เป็นพิเศษ สถานการณ์น้ำในเขื่อนภูมิพลจังหวัดตาก ขณะนี้มีปริมาณน้ำในเขื่อนถึงร้อยละ 84 ของความจุเขื่อนแล้ว โดยมีปริมาณน้ำไหลลงเขื่อนถึงวันละ 151 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งหากยังคงมีน้ำไหลเข้าเขื่อนในระดับนี้จะสามารถรับน้ำได้อีกเพียง 14 วันทำให้ขณะนี้ต้องเพิ่มการระบายน้ำท้ายเขื่อนเป็นวันละ 23 ล้านลูกบาศก์เมตรจากเดิมวันละ 18 ล้านลูกบาศก์เมตร ส่วนที่เขื่อนสิริกิตต์จังหวัดอุตรดิตถ์เมื่อวานนี้ มีปริมาณน้ำในอ่างร้อยละ 95 ของความจุเขื่อนแล้ว หลังจากที่ในช่วง 2 วันที่ผ่านมา ได้ลดการปล่อยน้ำลงเหลือวันละ 57 ล้านลูกบาศก์เมตรเพื่อชะลอไม่ให้เกิดน้ำท่วม แต่เนื่องจากยังคงมีปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนมากถึง 55 ล้านลูกบาศก์เมตรทำให้เขื่อนจำเป็นต้องระบายน้ำเพิ่มเป็นวันละ 62 ล้านลูกบาศก์เมตร และ จะเพิ่มเป็นวันละ 65 ล้านลูกบาศก์เมตรตามลำดับ เช่นเดียวกับเขื่อนแควน้อยบำรุงแดน ที่อำเภอวัดโบสถ์ จังหวัดพิษณุโลกมีปริมาตรน้ำเก็บกักแล้วร้อยละ 99 ทำให้สามารถรองรับน้ำได้อีกเพียง 8 ล้านลูกบาศก์เมตร ขณะที่มีปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนถึงวันละ 36 ล้านลูกบาศก์เมตร และ ระบายน้ำเพียงวันละ 12 ล้านลูกบาศก์เมตรเพื่อชะลอน้v8slot 918kissำไหลเข้าท่วมเมืองพิษณุโลกทำให้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปจำเป็นต้องระบายน้ำเพิ่มเป็นวันละ 30 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งเมื่อรวมน้ำที่ระบายลงแม่น้ำน่านและ แม่น้ำแควน้อยแล้ว จะทำให้แม่น้ำน่านช่วงที่ไหลผ่านตัวเมืองพิษณุโลกเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยกรมชลประทานจะพยายามบริหารจัดการน้ำในแม่น้ำน่านให้อยู่ในระดับ 10.50 เมตร ขณะเดียวกันต้องเฝ้าติดตามสถานการณ์น้ำในเขื่อนอื่น ๆ อย่างใกล้ชิด เนื่องจากปริมาณน้ำในเขื่อนหลายแห่งเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ที่คาดว่า หากยังคงมีฝนตกชุกต่อเนื่อง อาจทำให้น้ำเต็มเขื่อนภายใน 10 วันนี้ ขณะที่สถานการณ์น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา ที่อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 3,307 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ส่วนที่อำเภอสรรพยา จังหวัดชัยนาท มีปริมาณน้ำไหลผ่านท้ายเขื่อนเจ้าพระยาที่ 3,200 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที โดยมีระดับน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยาอยู่ที่ 17 เมตร 12 เซนติเมตร และระดับน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยาที่ 17 เมตร ด้านกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้เตือนประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยงภัยบริเวณที่ลาดเชิงเขา ใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ราบลุ่มรวม 11 จังหวัด ได้แก่ ตาก กำแพงเพชร พิจิตร เพชรบูรณ์ พิษณุโลก สุโขทัย อุตรดิตถ์ ชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด ให้เตรียมพร้อมรับมือภาวะฝนตกหนัก อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินถล่มในช่วง 1-2 วันนี้ ทั้งนี้ ได้ประสานให้สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดในพื้นที่เสี่ยงภัยจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมกำชับมิสเตอร์เตือนภัยเตรียมความพร้อมเฝ้าระวังภัยในระยะนี้เป็นพิเศษ

นับถอยหลังอีกเพียง 3 วัน สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 จะเสด็จพระราชพิธีบรมราชาภิเษกเป็นกษัตริย์องค์ใหม่