UID: 95830

วันนี้ (22 ก.ย.2567) เวลา 19.45 น. หลังผลคะแนนเลือกตั้งนายก อบจ.ปทุมธานี อย่างไม่เป็นทางการ เห็นแล้ว

วันนี้ (21 พ.ค.2564)​ ผู้ใช้โซเชียลมีเดียจำนวนมาก แสดงความไม่พอใจ หลังไม่สามารถเข้าใช้งานโมบายแอปพลิ

วันนี้ (22 มี.ค.2566) พล.ต.ต.อัฏธพร วงศ์ศิริปรีดา ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 เปิดเผยความคืบหน้าหลังจากควบคุมตัว พ.ต.ต.สรวิศ, ร.ต.ท.สุริยะ และ ด.ต.พีระศักดิ์ สังกัดกองกำกับการสืบสวน กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 1 มาสอบสวน หลังศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ออกหมายจับเป็นผู้ร่วมก่อเหตุอุ้มรีดทรัพย์นักธุรกิจชาวจีนและล่าม เพื่อไปเรียกทรัพย์กว่า 10 ล้านบาท แลกกับการปล่อยตัว การสอบสวนตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา ทั้ง 3 คนยังให้การภาคเสธ โดยยอมรับว่าเข้าไปปฏิบัติหน้าที่จริง แต่ไม่ได้เรียกรับผลประโยชน์จากผู้เสียหาย และบางส่วนให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี ซึ่งทั้งหมดยังมีอาการเครียดจากการถูกดำเนินคดีและขอต่อสู้คดีในชั้นศาล ขณะที่เมื่อคืนที่ผ่านมา ร.ต.ท.ประวิต หนึ่งในผู้ที่อยู่ในชุดจับกุมและถูกกล่าวหาว่าร่วมกันก่อเหตุ ได้ขอเข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ โดยพนักงานสอบสวนได้ควบคุมตัวไว้สอบสวน พร้อมกับทั้ง 3 นายก่อนหน้านี้ และช่วงเช้าวันนี้ (22 มี.ค.) ได้ไปขอศาลออกหมายจับ ร.ต.ท.ประวิต เพิ่มเติม และทั้งหมดจะถูกควบคุมตัวไปขออำนาจศาลอาญาคดีทุจริตฯ ฝากขังครั้งแรกในช่วงบ่ายวันนี้ พร้อมคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากผู้ต้องหาเป็นเจ้าหน้าที่ที่รู้ช่องทางกฎหมาย กลบเกลื่อนร่องรอยพยานหลักฐานได้เป็นอย่างดี แต่ยังสามารถควบคุมตัวผู้ต้องหาในชั้นสอบสวนได้ถึงวันที่ 23 มี.ค.นี้ ส่วนผู้ต้องหาตามหมายจับอีก 1 คน คือ พ.ต.ต.จิรภัทร บุญนำ สารวัตรกองกำกับการสืบสวน กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 1 ขณะนี้ได้ประสานผู้ฝาก 50 รับ 100 superslot9sslotzoneบังคับบัญชาของตำรวจนายดังกล่าว ช่วยประสานให้เข้ามอบตัว แต่ยังไม่มีการติดต่อประสานเข้ามา ขณะที่ฝ่ายผู้เสียหายชาวจีน รอง ผบ.ตร.สั่งการให้ชุดสืบสวนของตำรวจตรวจคนเข้าเมืองประสานขอข้อมูล พยานหลักฐานต่างๆ และจะประสานให้ผู้เสียหายเข้าแจ้งความและให้ปากคำ โดยเฉพาะประเด็นเกี่ยวกับการกรรโชกทรัพย์ ซึ่งหากพยานหลักฐานไปถึงก็จะแจ้งข้อหาเพิ่มเติมในทุกข้อหา ส่วนความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ที่ยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหานั้น เนื่องจากผู้เสียหายที่มาแจ้งความเป็นล่ามแปลภาษาที่ไม่ได้ถูกกรรโชกทรัพย์ไป พล.ต.ต.อัฏธพร กล่าวว่า หากมีพยานหลักฐาน มีการสอบสวนไปถึงและมีข้อหาที่เข้าข่ายความผิดก็สามารถดำเนินการได้ ส่วนผู้เสียหายชาวจีนที่พบว่าอาจมีการสวมบัตรประชาชนคนไทยนั้น เป็นความผิดอีกส่วนหนึ่ง หากพบมีความผิดก็จะต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย นอกจากนั้น พลเรือนที่ทำหน้าที่ชี้เป้าและติดตามความเคลื่อนไหว ยังไม่แน่ชัดว่ามีจำนวน 1 หรือ 2 คน แต่เตรียมจะพิจารณาออกหมายจับหลังจากนี้ ส่วนจะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจเกี่ยวต้องเพิ่มเติมหรือไม่ เป็นเรื่องในสำนวน ซึ่งหากพบก็จะเรียกตัวมาแจ้งข้อหาอย่างแน่นอน ข่าวที่เกี่ยวข้อง คุมตัว 3 ตำรวจ ตม. สอบปากคำคดีอุ้มรีดเงินชาวจีน แต่ยังปฏิเสธ ไล่ออก! 4 ตำรวจตม.เอี่ยวคดีอุ้มชาวจีนรีดทรัพย์ เร่งช่วยชาวจีน 2 คน ถูกลักพาตัวเรียกค่าไถ่ 5 ล้านบาท

วันนี้ (22 มี.ค.2566) พล.ต.ต.อัฏธพร วงศ์ศิริปรีดา ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 เปิดเผยความคืบหน้าหลังจา