วันนี้ ( 13 พ.ย.2566) นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผ
วันนี้ (15 ธ.ค.2565) นายวสันต์ ภัยหลีกลี้ กรรมการสิทธิมนุษยชน คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) กล่าวว่า กสม.ได้รับเรื่องร้องเรียนเมื่อเดือน พ.ย.2564 จากผู้ร้องรายหนึ่ง ระบุว่า ได้ใช้บ้านพักส่วนต
วันนี้ (15 ธ.ค.2565) นายวสันต์ ภัยหลีกลี้ กรรมการสิทธิมนุษยชน คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) กล่าวว่า กสม.ได้รับเรื่องร้องเรียนเมื่อเดือน พ.ย.2564 จากผู้ร้องรายหนึ่ง ระบุว่า ได้ใช้บ้านพักส่วนตัวในพื้นที่ต.พระลับ อ.เมืองขอนแก่น จ.ขอนแก่น ประกอบศาสนกิจตั้งแต่ปี 2556 ต่อมาเมื่อปลายปี 2559 ได้ยื่นคำขออนุญาตจดทะเบียนจัดตั้งบ้านหลังดังกล่าวเป็นมัสยิดต่อคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดขอนแก่น โดยคณะกรรมการอิสลามฯ ได้มีมติเห็นชอบและจัดส่งเอกสารยื่นคำขออนุญาตจดทะเบียนจัดตั้งมัสยิดต่ออำเภอเมืองขอนแก่น (ผู้ถูกร้องที่ 1) และจ.ขอนแก่น (ผู้ถูกร้องที่ 2) ในฐานะพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพ.ร.บ.บริหารองค์กรศาสนาอิสลาม พ.ศ.2540 เพื่อพิจารณารับจดทะเบียนตามขั้นตอน ต่อมาเมื่อเดือน มิ.ย.2560 สมัชชาชาวพุทธเพื่อความมั่นคงของชาติจังหวัดขอนแก่น (ผู้ถูกร้องที่ 3) ได้ยื่นหนังสือร้องเรียนต่อ อ.เมืองขอนแก่น เพื่อคัดค้านการจัดตั้งมัสยิด โดยให้เหตุผลว่าการมีมัสยิด อาจทำให้มีกลุ่มผู้ก่อการร้ายเข้ามาในพื้นที่ มีเสียงรบกวน และอาจมีการบุกรุกถมหนองน้ำบริเวณหน้ามัสยิด ทำให้ จ.ขอนแก่น มีหนังสือระงับการจดทะเบียนไปยังคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดขอนแก่น และผู้ขออนุญาตจัดตั้งมัสยิด รวมทั้งมีคำสั่งไปยัง อ.เมืองขอนแก่น ให้จัดทำประชาคมเพื่อสำรวจความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่ และต่อมาได้มีการจัดทำประชาคมขึ้นเมื่อเดือนพ.ย. 2562 ผลปรากฏว่าชาวบ้านส่วนใหญ่ไม่ต้องการให้มีมัสยิด ผู้ร้องเห็นว่าอำเภอเมืองขอนแก่น และจ.ขอนแก่น สร้างขั้นตอนการประชาคมโดยไม่เป็นตามกระบวนการที่กฎหมายกำหนด และไม่มีคำสั่งเกี่ยวกับคำร้องขอจดทะเบียนจัดตั้งมัสยิด รวมถึงการที่สมัชชาชาวพุทธฯ ต่อต้านการจดทะเบียนจัดตั้งมัสยิด เป็นการกระทำที่ละเมิดสิทธิมนุษยชน จึงขอให้ตรวจสอบ กสม.ได้พิจารณาคำร้อง ข้อเท็จจริงและความเห็นจากบุคคลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งบทบัญญัติของกฎหมายและหลักสิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวข้องแล้ว เห็นว่ารัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 มาตรา 30 บัญญัติว่า บุคคลย่อมมีเสรีภาพในการนับถือศาสนาและการปฏิบัติ หรือประกอบพิธีกรรมตามหลักศาสนาของตน แต่ต้องไม่เป็นปฏิปักษ์ต่อหน้าที่ของปวงชนชาวไทย ไม่เป็นอันตรายต่อความมั่นคงของรัฐ และไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน กรณีตามคำร้องแยกพิจารณาได้สองประเด็น ดังนี้ ประเด็นแรกพิจารณาว่าการที่จังหวัดขอนแก่นไม่มีคำสั่งรับจดทะเบียนจัดตั้งมัสยิดเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนหรือไม่ เห็นว่า เมื่อพิจารณาระยะเวลา ตั้งแต่ อ.เมืองขอนแก่น เสนอเรื่องขอจดทะเบียนจัดตั้งมัสยิดต่อ จ.ขอนแก่น และจ.ขอนแก่น ได้มีหนังสือสั่งการให้อ.เมืองขอนแก่น จัดทำประชาคม รวมระยะเวลาประมาณ 6 เดือน จนกระทั่งปัจจุบันยังไม่มีคำสั่งรับหรือไม่รับจดทะเบียนจัดตั้งมัสยิดดังกล่าว ถือเป็นระยะเวลาเกินกว่าที่พ.ร.บ.การบริหารองค์กรศาสนาอิสลาม พ.ศ.2540 และกฎกระทรวง ฉบับที่ 2 (พ.ศ.2542) ออกตามความในพ.ร.บ.การบริหารองค์กรศาสนาอิสลาม พ.ศ.2540 กำหนด การกระทำของ จ.ขอนแก่น จึงเป็นการปฏิบัติหน้าที่ล่าช้าเกินสมควร อันเป็นเหตุให้ผู้ยื่นคำขอจดทะเบียนจัดตั้งมัสยิดเสียสิทธิ ในการดำเนินการอื่นอันพึงมี รวมถึงอาจกระทบสิทธิชาวไทย ที่นับถือศาสนาอิสลามที่ประสงค์จะประกอบพิธีกรรมในมัสยิดที่ได้รับการจดทะเบียนดังกล่าว ในชั้นนี้การกระทำดังกล่าวจึงเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน ประเด็นที่สอง พิจารณาว่าการที่สมัชชาชาวพุทธฯ คัดค้านไม่ให้มีการจดทะเบียนจัดตั้งมัสยิด เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนหรือไม่ เห็นว่า การจัดตั้งหรือจัดสร้างมัสยิด ถึงแม้จะเป็นสิทธิและเสรีภาพของผู้ขออนุญาตตามที่กฎหมายให้อำนาจ ขณะเดียวกันเมื่อชาวบ้านที่อยู่บริเวณโดยรอบเห็นว่าหากมีการอนุญาตให้จัดตั้งมัสยิดจะกระทบต่อวิถีชีวิตหรือจารีตประเพณีท้องถิ่น ก็ย่อมมีสิทธิตามกฎหมายในการเสนอแนะต่อหน่วยงานของรัฐให้งดเว้นการดำเนินการใดอันจะกระสล็อต999ฟรีเครดิตทบต่อความเป็นอยู่อย่างสงบสุขของชุมชนด้วย โดยกรณีที่สมัชชาชาวพุทธฯ และชาวบ้านคัดค้านการจัดตั้งมัสยิดด้วยกังวลว่าการใช้เสียงในการอาซาน จะรบกวนการอยู่อาศัยของประชาชนโดยรอบนั้น มัสยิด ได้รับฟังความคิดเห็นของชุมชน และปรับแก้การใช้เสียงโดยหันลำโพงเข้าด้านในและลดระดับเสียงลงเพื่อให้ได้ยินแค่ภายในสถานที่แล้ว ส่วนกรณีเกรงว่ามัสยิดจะบุกรุกถมหนองน้ำ บริเวณหน้ามัสยิดนั้น ปรากฏข้อเท็จจริงว่า หนองน้ำสาธารณะดังกล่าวอยู่ในความรับผิดชอบของ อ.เมืองขอนแก่นและองค์การบริหารส่วนตำบลพระลับ ซึ่งหากมีการรุกล้ำถมหนองน้ำจริงก็เป็นหน้าที่ของหน่วยงานราชการที่จะต้องดำเนินการตามกฎหมาย สำหรับกรณีที่ชาวบ้านเกรงว่าหากมีมัสยิด จะมีกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบเข้ามาในพื้นที่นั้น จากการตรวจสอบข้อมูลมัสยิดกว่า 4,000 แห่ง ของสำนักงานคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่ามีการยกเลิกการจัดตั้งมัสยิด ด้วยเหตุผลจากการใช้มัสยิดในการก่อการร้ายแต่อย่างใด และจะเห็นได้ว่าเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้น ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้มิได้เกิดจากการมีมัสยิด หรือการใช้มัสยิดเป็นฐานที่ตั้งในการก่อความไม่สงบด้วย กรณีนี้จึงเป็นความกังวลของประชาชนที่อาจเกิดจากความเชื่อข้อมูลข่าวสารที่ไม่ถูกต้อง ตีตรา เหมารวม และสร้างความเกลียดชัง ซึ่งอาจก่อให้เกิดอคติต่อศาสนาอิสลามและชาวไทยมุสลิมจนเกิดความขัดแย้งขึ้นในสังคม และกระทบต่อความสงบเรียบร้อยของสังคมโดยส่วนรวม และอาจทำให้มีการละเมิดสิทธิมนุษยชนตามมาในอนาคต ด้วยเหตุผลข้างต้น กสม.ในคราวประชุมด้านการคุ้มครองและส่งเสริมสิทธิมนุษยชน เมื่อวันที่ 14 ธ.ค.2565 จึงเห็นควรมีเสนอแนะมาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาสรุปได้ดังนี้
กรณี “พระธรรมวชิรานุวัตร” อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง และ เจ้าคณะภาค 14 ถูกศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง อนุมัติหมายจับ ในความผิดฐาน “เป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ หรือจัดการรักษาทรัพย์ แต่กลับเบียดบ