แถลงการณ์สำนักพระราชวัง กรมสมเด็จพระเทพฯ ทรงมีพระหทัยเต้นเร็วผิดปกติ เสด็จฯ ประทับ รพ.จุฬาฯ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังพบผู้ติดเชื้อ COVID - 19 จำนวน 112 คน ในโรงงานสับปะรดกระป๋องในพื้นที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ล่าสุด นายพัลลภ สิงหเสนี ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้สั่งปิดโรงงานสั

การเลือกตั้งที่ผ่านพ้นไปเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 ถูกมองว่าเป็นการเลือกตั้งครั้งสำคัญที่สุดครั้งหน

วันนี้ (25 ก.ย.66) การแข่งขันเทควันโดในมหกรรมกีฬาเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 19 ที่หลินอัน สปอร์ตส์ คัลเจอร์ และ เอ็กซ์ฮิบิชัน เซ็นเตอร์ ประเทศจีน เป็นการชิงชัยเหรียญรางวัลในประเภทต่อสู้วันแรก หลังรอบรองชนะ

การเลือกตั้งที่ผ่านพ้นไปเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 ถูกมองว่าเป็นการเลือกตั้งครั้งสำคัญที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์การเมืองไทย เป็นการเลือกตั้งที่สร้างความคาดหวังว่าจะพาประเทศไทยพ้นเงาของอำนาจการเมืองที่ครอบงำประเทศมา เป็นเวลากว่า 8 ปี นับตั้งแต่การยึดอำนาจโดยกองทัพภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในปี 2557 และนำไปสู่การฟื้นฟูเศรษฐกิจภายใต้รัฐบาลที่มีความเป็นประชาธิปไตย และเป็นที่ยอมรับของคนในสังคมและนานาประเทศ แต่การเลือกตั้งแต่เพียงอย่างเดียวคงไม่ใช่เป็นคำตอบว่าทุกอย่างจะดีขึ้น การเลือกตั้งเป็นเพียงกระบวนการทางการเมืองที่ให้โอกาสประชาชนเลือกตัวแทนเข้าไปทำหน้าที่ด้านการบริหารและนิติบัญญัติ แต่ผลลัพธ์ปลายทางจะเป็นไปตามคาดหวังของคนที่ออกใช้สิทธิ์เลือกตั้งแค่ไหนเป็นสิ่งที่ยังไม่มีใครให้หลักประกันได้ แต่สิ่งหนึ่งที่ควรจะเป็นตัวบ่งชี้ว่าจะมีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นจริงหรือไม่ ก็คือการที่พรรคการเมืองที่ไดทดลอง เล่น สล็อต xo ฟรี 2020โหลด เกม 918kiss android้รับฉันทานุมัติจากประชาชนทำตามคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้ในระหว่างการหาเสียงเลือกตั้งมากน้อยแค่ไหน นายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน ได้ประกาศว่าพร้อม “เทหมดหน้าตัก” เพื่อผลักดันนโยบายที่ใช้หาเสียงไว้ให้เป็นจริง แต่คำพูด ถึงแม้จะดูว่าเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและมาจากผู้บริหารสูงสุดของรัฐบาล ก็อาจจะไม่ใช่เป็นหลักประกันว่านโยบายทั้งหลายที่ชูในช่วงเลือกตั้งหรือที่ได้แถลงต่อรัฐสภาจะเป็นสิ่งจะถูกนำไปปฏิบัติจริง ประสบการณ์ในอดีตเป็นสิ่งเตือนใจเสมอว่าความฝันที่นักการเมืองหรือพรรคการเมืองวาดไว้หรือรับปากไว้กับความเป็นจริงมักจะสวนทางกันเสมอ ไทยพีบีเอสมีความเชื่อว่าการเลือกตั้งไม่ควรเป็นเพียงเวทีของการแข่งขันเพื่อเข้าสู่อำนาจสำหรับนักการเมืองหรือพรรคการเท่านั้น แต่ควรเป็นโอกาสของประชาชนในการสร้างความเปลี่ยนแปลงและกำหนดอนาคตของประเทศ และนั่นหมายความว่าบทบาททางด้านการเมืองของประชาชนจะต้องไม่ถูกจำกัดอยู่แค่การออกไปหย่อนบัตรเลือกตั้งเหมือนที่ผ่านมาเท่านั้น แต่ยังต้องมีส่วนร่วมในการเฝ้าดูและตรวจสอบการทำงานของนักการเมืองที่ได้รับมอบอำนาจบริหารประเทศอย่างจริงจัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้วยการติดตามการดำเนินการตามนโยบายทั้งหลายที่โฆษณาไว้ในช่วงหาเสียงและที่แถลงไว้กับรัฐสภา ยิ่งไปกว่านั้น ประชาชนยังมีสิทธิที่จะเรียกร้องให้ผู้ที่ได้รับความไว้วางใจผ่านการเลือกตั้งให้บริหารจัดการหรือแก้ไขปัญหาที่มีผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของภาคส่วนต่าง ๆ ในสังคม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องปากท้อง ปัญหาสังคม ความเหลื่อมล้ำ หรือความยุติธรรม ซึ่งอาจจะเป็นเรื่องที่ไม่ได้อยู่ในนโยบายของพรรคการเมืองหรือของรัฐบาลที่บริหารประเทศ แต่เป็นเรื่องที่สร้างความเดือดร้อนหรือเป็นเรื่องเร่งด่วนสำหรับประชาชน ในช่วงเวลาก่อนการเลือกตั้ง ไทยพีบีเอสในฐานะสื่อสาธารณะได้เล็งเห็นความสำคัญของการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนในการส่งเสียงให้กับนักการเมืองและพรรคการเมืองรับรู้ถึงปัญหาต่างๆ ที่สังคมไทยกำลังเผชิญและจำเป็นต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน ไทยพีบีเอสได้ร่วมกับภาคีเครือข่ายในพื้นที่ในภาคต่าง ๆ ของประเทศไทยจัดเวทีแลกเปลี่ยนประสบการณ์และระดมความคิดเพื่อเสนอเป็นนโยบายให้กับพรรคการเมืองทั้งหลายที่ลงสมัครเลือกตั้งครั้งที่ผ่าน สิ่งที่ถูกกลั่นกรองออกมาจากเวทีเหล่านี้เป็นภาพของอนาคตของประเทศไทยที่เราเรียกว่า “post-election scenario” หรือ “ภาพอนาคตหลังเลือกตั้ง” ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงปัญหาและความท้าทายต่าง ๆ ที่รออยู่ข้างหน้า พร้อมกับข้อเสนอแนะเชิงนโยบายเพื่อนำเสนอให้พรรคการเมืองทั้งหลายพิจารณานำไปสู่การปฏิบัติ ภาพอนาคตเหล่านี้ได้รับการขยายและใส่มุมมองเพิ่มเติมอย่างกว้างขวางจากกิจกรรมที่มีชื่อว่า “Hack Thailand 2575 : ภารกิจพลิกโฉมประเทศไทยสู่ภาพอนาคตหลังเลือกตั้ง” ที่ไทยพีบีเอสจัดขึ้นร่วมกับภาคส่วนต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงคนคนรุ่นใหม่และกลุ่ม start-ups ทางด้านนวัตกรรม และถือได้ว่าเป็นครั้งแรกที่ประเทศไทยได้เห็นกิจกรรมที่เรียกว่า hackathon ถูกใช้เป็นเครื่องมือในการระดมความคิดสร้างสรรค์ทางด้านการเมืองและสังคม โดยมีผู้มีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นและมีข้อเสนอแนะในการแก้ไขปัญหาสำคัญ ๆ ของประเทศผ่านช่องการสื่อสารยุคใหม่เป็นเวลากว่าสองวันสองคืนติดต่อกัน ข้อสรุปจากกิจกรรมระดมความเห็น “post-election scenario” และเวที Hack Thailand 2575” ถูกใช้เป็นเนื้อหาหลักใน “เวทีดีเบตใหญ่ ไทยพีบีเอส” ซึ่งเป็นเวทีประชัญวิสัยทัศน์ที่จัดขึ้นก่อนการเลือกตั้ง มีตัวแทนเข้าร่วมจากพรรคการเมืองอย่าง พรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล พรรคประชาธิปัตย์ พรรคชาติพัฒนากล้า พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคเพื่อชาติ และพรรคไทยสร้างไทย ซึ่งผู้ร่วมเวทีทุกคนให้คำมั่นสัญญาที่จะนำข้อเสนอจากภาคประชาชนเหล่านี้ไปพิจารณาประกอบเป็นนโยบายของพรรค รัฐบาลที่ประกอบด้วยพรรคร่วม 11 พรรคภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสินได้เริ่มทำหน้าอย่างเต็มตัวแล้วหลังการถวายสัตย์ปฏิญาณตนและแถลงนโยบายต่อรัฐสภา และความคาดหวังของประชาชนก็คือการได้เห็นนโยบายทั้งหลายที่หาเสียงไว้และที่แถลงในสภานำไปสู่การปฏิบัติ พร้อม ๆ กับข้อเสนอแนะจากภาคประชาชน ถึงแม้นายกรัฐมนตรีเศรษฐาได้แสดงความเชื่อมั่นว่านโยบายที่ได้แถลงไปจะเป็นเครื่องมือให้กับรัฐบาลในการวางรากฐานและโครงสร้างพื้นฐานใหม่ให้กับประเทศในสี่ปีข้างหน้า แต่นโยบายในหลายด้านถูกนักการเมืองฝ่ายค้านและนักวิชการบางส่วนตั้งข้อสังเกตว่าขาดทิศทาง รายละเอียด เป้าหมายและตัวชี้วัด ตลอดจนไม่ได้ครอบคลุมคำมั่นสัญญาที่พรรครัฐบาลได้ให้ไว้กับประชาชนในระหว่างการหาเสียงเลือกตั้ง จนได้รับการขนานนามต่างต่างนา ๆ ไม่ว่าจะเป็น “นโยบายไม่ตรงปก” “ต่ำกว่ามาตรฐาน” หรือ “เป็นเพียงคำอธิษฐาน” แต่ไม่ว่าคำวิพากษ์วิจารณ์ที่มีต่อนโยบายของรัฐบาลใหม่จะเป็นอย่างไร สิ่งที่นายกรัฐมนตรีได้แถลงต่อรัฐสภาก็คือว่าเป็นคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชน และเป็นคำมั่นสัญญาที่ผูกมัดรัฐบาลและต้องถูกประเมินและตรวจสอบอย่างต่อเนื่องและเป็นระบบ และนี่คือที่มาของ “Policy Watch จับตาอนาคตประเทศไทย” “Policy Watch จับตาอนาคตประเทศไทย” เป็นความคิดริเริ่มของไทยพีบีเอสร่วมกับเครือข่ายพันธมิตรในด้านต่าง ๆ เพื่อเป็นช่องทางในการสร้างการมืส่วนร่วมกับทุกภาคส่วนของสังคม ไม่ว่าจะเป็นนักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญ องค์กรภาคเอกชน และประชาชนทั่วไปในการเฝ้าติดตาม ตรวจสอบ และประเมินการดำเนินการตามนโยบายทั้งหลายของรัฐบาล ผ่านบทวิเคราะห์ บทความเห็น การสัมภาษณ์ และการสำรวจความคิดเห็น การตรวจสอบและประเมินนโยบายของรัฐบาลจะนำเสนอผ่านสื่อในรูปแบบและช่องทางต่าง ๆ ของไทยพีบีเอส ไม่ว่าจะเป็นในรายการข่าว และรายการวิเคราะห์การเมืองทางสถานีโทรทัศน์ และทางเว็บไซต์ Policy Watch ที่ถูกออกแบบมาเฉพาะเพื่อการนี้ และสื่อโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ของไทยพีบีเอส ไทยพีบีเอสจะดำเนินการเก็บข้อมูลเกี่ยวกับนโยบาย ข่าว และบุคคลที่เกี่ยวข้อง มาจัดทำระบบฐานข้อมูลเพื่อสามารถนำข้อมูลมาใช้ทั้งการวิเคราะห์ และติดตามนโยบาย เพื่อให้ประชาชนได้เห็นภาพการทำงานของรัฐบาล ความเคลื่อนไหว ข้อดี ปัญหา ผลกระทบ ที่เกิดขึ้นนำเสนอในรูปแบบ Data Visualization และ Infographic ที่เข้าใจง่าย ในเบื้องต้นจะให้ความสำคัญกับนโยบายใน 8 ประเด็นที่กลั่นกรองมาจากนโยบายที่รัฐบาลได้แถลงต่อรัฐสภา และจากข้อเสนอแนะจากภาคประชาชนในเวทีต่าง ๆ ที่ไทยพีบีเอสได้จัดขึ้น ซึ่งประกอบด้วย 1.การแก้รัฐธรรมนูญ 2.บริหารงานภาครัฐ 3.สิ่งแวดล้อม 4.เศรษฐกิจ 5.การเกษตร 6.การศึกษา 7.สังคม คุณภาพชีวิต 8.การต่างประเทศ “Policy Watch จับตาอนาคตประเทศไทย” เปรียบเสมือนเป็นคู่มือที่ช่วยให้ประชาชนได้รับรู้ความคืบหน้าและผลของการนำนโยบายเหล่านี้ไปปฏิบัติ พร้อม ๆ กับการมีส่วนร่วมในการตรวจสอบและแสดงความเห็นในเรื่องที่มีความหมายและมีความสำคัญต่อชีวิตและความเป็นอยู่ ความคาดหวังของไทยพีบีเอสก็คือ เมื่อถึงวันที่ต้องเดินเข้าคูหาเลือกตั้งอีกครั้งหนึ่งในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ประชาชนจะเห็นภาพชัดเจนว่าพรรคการเมืองใดบ้างได้ทำตามความมั่นสัญญาและจริงจังกับการดำเนินนโยบายที่ได้หาเสียงไว้ในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา และนั่นควรจะเป็นองค์ประกอบสำคัญในการตัดสินใจในการเลือกอนาคตของประเทศอีกครั้ง เพราะฉะนั้นเราจึงขอเชิญชวนทุกท่านเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของ “Policy Watch จับตาอนาคตประเทศไทย” เพราะสุดท้ายแล้ว คนที่ควรมีบทบาทในการกำหนดอนาคตประเทศไทยมากที่สุดไม่ใช่นักการเมืองและพรรคการเมือง แต่เป็นประชาชนทุกภาคส่วน อ่านข่าวอื่น ๆ นโยบายต่างประเทศของไทย ความท้าทายในโลกยุคแบ่งขั้ว-เลือกข้าง Harm Reduction โจทย์ใหม่ รัฐบาลเศรษฐา นโยบายเศรษฐกิจ “ติดหนี้” เมื่อรัฐบาลก้าวไม่พ้นประชานิยม "เศรษฐา" ต้อนรับไฟลท์แรก "วีซาฟรี" มอบพวงมาลัย-กางเกงช้าง

วันนี้ (26 ต.ค.64) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม ผู้บัญชาการตํารวจภูธรภาค 3 แถลงข่าวการจับกุมเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงผู้เสียหายหลายราย รวมความเสีย