วันนี้ (1 ตุ.ค.2564) นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำ

วันนี้ (1 พ.ค.2568) นพ.ภาณุมาศ ญาณเวทย์สกุล อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงกรณีพบผู้เสียชีวิตด้วยโรคแอนแทรกซ์ (Anthrax) 1 คน ใน จ.มุกดาหาร ว่า ผู้ป่วยเป็นชายอายุ 53 ปี โรคประจำตัวเป็นโรคเบาหวาน อาชีพรับจ้
ถ้าย้อนกลับไป "เอ๋-ปารีณา" ก้าวออกมาจากเวทีนางงาม และเข้าการเมือง 17 ปีก็มีบทบาทในเวทีการเมืองไม่น้อย เอาเฉพาะยุครัฐบาลพรรคพลังประชารัฐ ในฐานะองครักษ์พิทักษ์ “บิ๊กตู่” หรือพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นาย
ย้อนกลับไปในเดือน เม.ย.1939 ศ.แฟรงก์ ซีร์ แห่งมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ทำวิจัยเรื่องปัญหาการรับส่งนักเรียน และเขาพบว่ารถรับส่งนักเรียนในหลาย ๆ รัฐทั่วสหรัฐอเมริกาอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่ นักเรียนหลายคนไม่เชื่อถือความปลอดภัยในการเดินทางไปโรงเรียน เมื่อเห็นว่าจำเป็นต้องแก้ไขระบบนี้ ซีร์จึงจัดการประชุมขึ้น เขากำหนดมาตรฐาน สี ความสูง ความกว้าง ตลอดจนกฎความปลอดภัยที่ไม่เคยกำหนดมาก่อน สำนักงานบริหารความปลอดภัยบนทางหลวงแห่งชาติเลือก "สีเหลือง" เป็นสีของรถบัสโรงเรียน เนื่องจากเป็นสีที่มองเห็นได้ชัดเจนและเน้นตัวอักษรสีดำหนาที่อยู่ด้านข้างของรถบัส สีของรถโรงเรียนในสหรัฐฯ จึงมักเป็นสีเหลืองสดหรือที่เรียกว่า "Yellow School Bus " สีนี้ถูกเลือกเพราะสามารถมองเห็นได้ง่ายในทุกสภาพอากาศต่าง ๆ ทำให้คนขับรถคันอื่นสังเกตเห็นได้ชัดเจน อ่านข่าวsuper slot suddum : "ในหลวง" ทรงรับผู้ป่วยเหตุไฟไหม้รถบัสไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ ท่องและทำ! สอนเด็ก ๆ เอาตัวรอดจาก "ไฟไหม้ในรถบัส" สพฐ.ตร.ยันพบเสียชีวิตในรถบัสไฟไหม้ 23 คน ระบุเพศไม่ได้ 5 คน รถบัสโรงเรียนจะมีข้อความที่ชัดเจนว่าเป็น "School Bus" บนตัวรถ เพื่อบ่งบอกว่าเป็นรถที่ใช้สำหรับขนส่งนักเรียน มีไฟกระพริบสีแดง-สีเหลือง ที่ด้านหน้าและด้านหลัง รวมถึงป้าย "Stop" ที่ยื่นออกมาจากด้านข้างของรถเมื่อจอดรับหรือส่งนักเรียน ซึ่งตามกฎหมายแล้ว รถทุกคันที่อยู่บนถนนต้องหยุดทันทีเมื่อเห็นไฟแดงกระพริบหรือป้ายหยุดนี้ รถบัสโรงเรียนมีการออกแบบโครงสร้างที่แข็งแรง เพื่อปกป้องผู้โดยสารในกรณีเกิดอุบัติเหตุ ตัวรถมีหลังคาที่เสริมความแข็งแกร่ง และด้านข้างที่ทนทานต่อการชน แม้ว่ารถบัสโรงเรียนบางแห่งไม่ได้ติดตั้งเข็มขัดนิรภัยในทุกที่นั่ง แต่ในหลายรัฐได้เริ่มบังคับใช้กฎหมายให้ติดตั้งเข็มขัดนิรภัยแบบ 3 จุดเพื่อความปลอดภัยยิ่งขึ้น ขณะโดยสารรถ จะมีกฎระเบียบภายในรถเพื่อควบคุมนักเรียนไม่ให้ก่อความวุ่นวายหรือทำพฤติกรรมที่เป็นอันตรายขณะอยู่บนรถ เช่น การห้ามเดินไปมาขณะรถกำลังวิ่ง คนขับรถบัสโรงเรียนต้องผ่านการฝึกอบรมอย่างเข้มงวดเกี่ยวกับการขับขี่อย่างปลอดภัย การปฏิบัติตัวในกรณีฉุกเฉิน และการดูแลนักเรียนในรถบัส รวมถึงการจัดการกับสถานการณ์ฉุกเฉิน เช่น อุบัติเหตุหรือการอพยพผู้โดยสาร ซึ่งจะต้องประสานกับทางโรงเรียน เพื่อฝึกซ้อมเด็กนักเรียนไปพร้อม ๆ กัน เพื่อให้นักเรียนรู้วิธีการออกจากรถอย่างปลอดภัยในกรณีที่เกิดเหตุไม่คาดฝัน เช่น ไฟไหม้ หรือ อุบัติเหตุหนัก นอกจากนี้ รถบัสโรงเรียน ยังต้องผ่านการตรวจสอบสภาพอย่างสม่ำเสมอ และปฏิบัติตามข้อกำหนดของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น การตรวจสอบเบรก ยาง และระบบไฟสัญญาณ มีการติดตั้งกล้องวงจรปิดทั้งภายในและภายนอก เพื่อเฝ้าดูพฤติกรรมของนักเรียนและคนขับ และบันทึกเหตุการณ์ต่าง ๆ เพื่อใช้เป็นหลักฐานหากเกิดอุบัติเหตุหรือปัญหา ในบางคันมีการติดตั้ง GPS ช่วยให้ผู้ปกครองและโรงเรียนสามารถติดตามตำแหน่งของรถบัสและดูเวลาที่จะมาถึงได้ การรับส่งนักเรียนในประเทศไทยมีปัญหาหลายประการเมื่อเทียบกับระบบ Yellow School Bus ในสหรัฐฯ โดยเฉพาะในด้านความปลอดภัยและการควบคุมกฎระเบียบ 1.ปัญหาด้านความปลอดภัย ประเทศไทย : 1 ในปัญหาหลัก คือ ขาดมาตรฐานความปลอดภัยที่เพียงพอ รถรับส่งนักเรียนหลายคันไม่ได้รับการขึ้นทะเบียนหรือควบคุมอย่างเหมาะสม มีผู้ขับขี่มากกว่า 45,000 คน ที่ขับรถรับส่งนักเรียนโดยไม่มีใบอนุญาตที่ถูกต้อง ซึ่งส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง สหรัฐฯ (Yellow School Bus) : ระบบรถบัสโรงเรียนในสหรัฐฯ มีการควบคุมที่เข้มงวด พร้อมด้วยมาตรฐานความปลอดภัยที่เข้มงวด เช่น ไฟกระพริบ โครงสร้างที่แข็งแรง และการออกแบบให้รถมีความปลอดภัยสูง รถทุกคันต้องผ่านการตรวจสอบความปลอดภัย และผู้ขับขี่ต้องได้รับการฝึกอบรมและมีใบอนุญาตที่ถูกต้อง 2.การออกแบบและอุปกรณ์ ประเทศไทย : รถรับส่งนักเรียนในประเทศไทยมักเป็นรถตู้หรือรถบรรทุกคันใหญ่ที่ถูกดัดแปลง ซึ่งขาดคุณสมบัติด้านความปลอดภัยที่สำคัญ เช่น เข็มขัดนิรภัยหรือ "ทางออกฉุกเฉิน" บางครั้งยังมีการบรรทุกนักเรียนเกินความจุ และไม่มีระบบในการติดตามนักเรียนอย่างเป็นระบบ สหรัฐฯ : รถบัสโรงเรียนได้รับการออกแบบมาเพื่อการขนส่งนักเรียนโดยเฉพาะ มีคุณสมบัติด้านความปลอดภัยที่สำคัญ เช่น ที่นั่งสูงและมีพนักพิงหลังสูง และประตูทางออกฉุกเฉินด้านหลัง รวมถึงมีข้อกำหนดเรื่องจำนวนผู้โดยสารเพื่อป้องกันการบรรทุกเกิน 3.การควบคุมและการจัดการ ประเทศไทย : ระบบการขนส่งนักเรียนในประเทศไทยยังขาดการควบคุมที่ชัดเจนจากรัฐบาล แม้ว่าบางพื้นที่จะพยายามปรับปรุงความปลอดภัยด้วยการทำงานร่วมกับสำนักงานขนส่งท้องถิ่นและภาควิชาการ อย่างไรก็ตาม การบังคับใช้กฎระเบียบยังไม่เข้มงวดเพียงพอ สหรัฐฯ : ระบบรถบัสโรงเรียนมีการจัดการที่เป็นระบบ มีกฎหมายควบคุมในระดับรัฐและรัฐบาลกลาง ผู้ขับรถต้องผ่านการตรวจสอบประวัติและรถบัสมีสัญญาณหยุดเพื่อควบคุมการจราจรขณะรับส่งนักเรียน ถ้าอ่านมาจนถึงตรงนี้ จะเห็นว่ารถบัสรับส่งนักเรียนของสหรัฐฯ มีอุปกรณ์เสริมที่สำคัญ ถูกสร้างมาเพื่อความปลอดภัยในการรับส่งผู้โดยสารในรถ "ประตูฉุกเฉิน" ซึ่งอยู่ทางด้านหลังของรถ คำถามคือ ประทั่งปัจจุบันนี้ ประเทศไทยมี "รถรับส่งนักเรียน" ที่เป็นรถสีเหลืองจริง ๆ อยู่ไม่กี่คัน ซึ่งเป็นรถจากโครงการนักเรียนไทยของมูลนิธิกสิกรไทย ซึ่งไม่แน่ใจว่าในปัจจุบันยังให้บริการอยู่ไม่ หากยังให้บริการอยู่ เส้นทางการเดินรถก็มีอยู่ 3 เส้นทางคือ โรงเรียนแจ้งร้อนวิทยาคม, โรงเรียนขจรโรจน์วิทยา และ โรงเรียนวัดสน ในเขตกรุงเทพฯ ส่วนที่เห็นขับรถรับเด็กนักเรียนตามบ้านไปโรงเรียนทั่ว ๆ ไป คือ "รถรับจ้างรับส่งนักเรียน" ที่เป็นรถกระบะที่มีหลังคา มีเบาะนั่งเป็นรถสองแถว รถตู้ หรือ รถหกล้อขนาดใหญ่ ตามแต่ที่ชาวบ้านจะนำมารับจ้างเพื่อหารายได้ กับอีกแบบคือ รถโดยสารที่จะวิ่งตามเส้นทางที่จดทะเบียน ผู้โดยสารจะลงตอนไหนก็ได้ หรือในโอกาสพิเศษของโรงเรียน เช่น การจัดทัศนศึกษา พานักเรียนเดินทางไปทำกิจกรรมนอกโรงเรียน การจ้างรถบัสของเอกชน ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ซึ่งมองได้ว่า ทางโรงเรียนอาจเห็นเรื่องความสะดวก งบประมาณ เป็นสำคัญมากกว่าความปลอดภัยของผู้โดยสาร อ่านข่าว : เมื่อเกิดอุบัติเหตุรถโดยสาร "ไฟไหม้รถบัส" เรียกร้องค่าเสียหายจากใครได้บ้าง สิ่งที่ควรรู้ เมื่อเกิดแผลไฟไหม้ เช็กระดับรุนแรงแค่ไหน "ประตูหลัง" ของ Yellow School Bus ในสหรัฐฯ ถูกกำหนดเป็นหนึ่งในมาตรฐานความปลอดภัยของรถบัสโรงเรียนโดยหน่วยงานด้านความปลอดภัยทางถนน มีการออกแบบและใช้งานเพื่อวัตถุประสงค์เฉพาะ ในการช่วยให้นักเรียนสามารถอพยพออกจากรถได้อย่างรวดเร็ว ในกรณีที่เกิดสถานการณ์ฉุกเฉิน 1.การใช้งานในกรณีฉุกเฉิน ประตูหลังถูกออกแบบให้เป็นทางออกฉุกเฉินสำคัญ หากประตูหลักที่อยู่ด้านหน้าเกิดความเสียหาย หรือไม่สามารถใช้งานได้ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ เช่น รถคว่ำ ไฟไหม้ หรือการชนหนัก ประตูหลังจะเป็นช่องทางหลักให้นักเรียนออกจากรถได้อย่างปลอดภัย ประตูหลังของ Yellow Bus School สามารถเปิดออกได้อย่างรวดเร็วจากภายในโดยดึงคันโยกหรือปลดล็อก และนักเรียนสามารถออกจากรถได้ในกรณีที่ต้องการหลบหนี 2.มาตรฐานการออกแบบประตูหลัง ประตูหลังมีขนาดใหญ่พอสำหรับการอพยพอย่างรวดเร็ว และมักจะอยู่ที่ส่วนหลังสุดของรถบัส เป็นไปตามมาตรฐานของ National Highway Traffic Safety Administration (NHTSA) ซึ่งระบุว่ารถบัสโรงเรียนทุกคันต้องมีทางออกฉุกเฉินที่ชัดเจนและใช้งานได้ง่าย ประตูหลังมักมาพร้อมกับระบบที่เปิดได้ง่ายจากภายในด้วยคันโยก นอกจากนี้ยังมีการติดตั้งระบบเซนเซอร์หรือสัญญาณเตือน หากประตูถูกเปิดในขณะที่รถกำลังวิ่ง คนขับจะได้รับการแจ้งเตือนทันทีเพื่อความปลอดภัย 3.ความสำคัญในสถานการณ์ฉุกเฉิน หากรถบัสเกิดอุบัติเหตุที่ทำให้ประตูหน้าถูกปิดกั้น นักเรียนสามารถออกจากประตูหลังได้อย่างปลอดภัย นอกจากนี้ยังมีการฝึกซ้อมให้นักเรียนทราบวิธีการใช้งานประตูฉุกเฉิน และการอพยพออกจากรถโดยไม่เกิดความสับสน 4.การฝึกอบรมและการเตรียมพร้อม โรงเรียนในสหรัฐฯ จะมีการฝึกซ้อมให้นักเรียนทราบถึงวิธีการใช้งานประตูฉุกเฉิน รวมถึงการออกจากประตูหลังอย่างเป็นระเบียบเพื่อป้องกันการเกิดความโกลาหลในกรณีฉุกเฉิน และคนขับรถบัสต้องได้รับการอบรม ฝึกฝนเกี่ยวกับวิธีการใช้งานประตูหลังฉุกเฉิน และวิธีการดูแลนักเรียนให้อพยพออกมาอย่างปลอดภัยในสถานการณ์ต่าง ๆ คนขับต้องสามารถระบุสัญญาณเตือนที่เกี่ยวข้องกับการเปิดประตูหลังได้ทันที เพื่อป้องกันไม่ให้นักเรียนเปิดประตูออกขณะรถกำลังเคลื่อนที่ 5.ระบบเตือนและมาตรการความปลอดภัย ในรถบัสสมัยใหม่ ประตูหลังมักมีการติดตั้งเซ็นเซอร์ตรวจจับการเปิดประตู หากประตูหลังถูกเปิดออกขณะที่รถกำลังเคลื่อนที่ คนขับจะได้รับสัญญาณเตือนเพื่อลดอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นหากนักเรียนเปิดประตูโดยไม่ได้ตั้งใจ ในสหรัฐฯ มีกฎหมายบังคับให้รถบัสโรงเรียนต้องมีประตูทางออกฉุกเฉินและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องเพียงพอ ซึ่งรวมถึงประตูหลัง เพื่อให้มั่นใจว่านักเรียนสามารถอพยพออกจากรถได้ในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิด 6.การออกแบบเพื่อความแข็งแรง ประตูหลังของรถบัสโรงเรียนยังถูกออกแบบให้มีความแข็งแรงพอที่จะทนทานต่อแรงกระแทก แต่ยังคงเปิดได้ง่ายในกรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉิน แม้ในกรณีที่รถได้รับความเสียหายจากอุบัติเหตุ โครงสร้างของประตูจะช่วยให้นักเรียนสามารถออกมาได้โดยปลอดภัย 7.ประโยชน์ในสถานการณ์ทั่วไป ประตูหลังจะไม่ถูกใช้เป็นประตูทางเข้า-ออกประจำ นอกจากในกรณีฉุกเฉินเท่านั้น การมีประตูหลังเป็นทางออกฉุกเฉินช่วยลดความเสี่ยงหากเกิดอุบัติเหตุชนท้าย เพราะนักเรียนสามารถหนีออกจากรถทางด้านหลังได้อย่างรวดเร็ว ที่มา : - National Highway Traffic Safety Administration (NHTSA): หน่วยงานด้านความปลอดภัยทางถนนของสหรัฐฯ ที่มีบทบาทในการกำหนดมาตรฐานความปลอดภัยของ School Bus- American School Bus Council (ASBC): องค์กรที่ให้ข้อมูลและทรัพยากรเกี่ยวกับการขนส่งนักเรียนอย่างปลอดภัยในสหรัฐฯ-Federal Motor Carrier Safety Administration (FMCSA): หน่วยงานที่รับผิดชอบการตรวจสอบความปลอดภัยของการขนส่งนักเรียนในเชิงพาณิชย์-National Association for Pupil Transportation (NAPT): องค์กรที่ทำงานเกี่ยวกับการขนส่งนักเรียนอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยในสหรัฐฯ อ่านข่าว : เช็กขั้นตอนเอาตัวรอดจาก "ไฟไหม้ในรถบัส" ศธ.ชวนแต่งดำอาลัยครู-นร.23 ชีวิตรถบัสไฟไหม้ โซเชียลอาลัย 23 ชีวิต เหตุไฟไหม้รถบัสทัศนศึกษา
วันนี้ (22 ม.ค.2564) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า อีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีเจ้าของบริษัทผลิตรถยนต์เทสลาข
กรณีการตรวจสอบที่ดินของไร่เชิญตะวันของ พระว.วชิรเมธี จ.เชียงราย ซึ่งขอใช้พื้นที่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ
วันนี้ (16 มิ.ย.2567) ในการเลือก สว.ระดับจังหวัด มีคนดังหลายคนไม่ได้ไปต่อ และได้ไปต่อในการเลือก สว.
ย้อนกลับไปในเดือน เม.ย.1939 ศ.แฟรงก์ ซีร์ แห่งมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ทำวิจัยเรื่องปัญหาการรับส่งนักเรียน และเขาพบว่ารถรับส่งนักเรียนในหลาย ๆ รัฐทั่วสหรัฐอเมริกาอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่ นักเรียนหลายคนไม่เชื่อถือความปลอดภัยในการเดินทางไปโรงเรียน เมื่อเห็นว่าจำเป็นต้องแก้ไขระบบนี้ ซีร์จึงจัดการประชุมขึ้น เขากำหนดมาตรฐาน สี ความสูง ความกว้าง ตลอดจนกฎความปลอดภัยที่ไม่เคยกำหนดมาก่อน สำนักงานบริหารความปลอดภัยบนทางหลวงแห่งชาติเลือก "สีเหลือง" เป็นสีของรถบัสโรงเรียน เนื่องจากเป็นสีที่มองเห็นได้ชัดเจนและเน้นตัวอักษรสีดำหนาที่อยู่ด้านข้างของรถบัส สีของรถโรงเรียนในสหรัฐฯ จึงมักเป็นสีเหลืองสดหรือที่เรียกว่า "Yellow School Bus " สีนี้ถูกเลือกเพราะสามารถมองเห็นได้ง่ายในทุกสภาพอากาศต่าง ๆ ทำให้คนขับรถคันอื่นสังเกตเห็นได้ชัดเจน อ่านข่าวsuper slot suddum : "ในหลวง" ทรงรับผู้ป่วยเหตุไฟไหม้รถบัสไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ ท่องและทำ! สอนเด็ก ๆ เอาตัวรอดจาก "ไฟไหม้ในรถบัส" สพฐ.ตร.ยันพบเสียชีวิตในรถบัสไฟไหม้ 23 คน ระบุเพศไม่ได้ 5 คน รถบัสโรงเรียนจะมีข้อความที่ชัดเจนว่าเป็น "School Bus" บนตัวรถ เพื่อบ่งบอกว่าเป็นรถที่ใช้สำหรับขนส่งนักเรียน มีไฟกระพริบสีแดง-สีเหลือง ที่ด้านหน้าและด้านหลัง รวมถึงป้าย "Stop" ที่ยื่นออกมาจากด้านข้างของรถเมื่อจอดรับหรือส่งนักเรียน ซึ่งตามกฎหมายแล้ว รถทุกคันที่อยู่บนถนนต้องหยุดทันทีเมื่อเห็นไฟแดงกระพริบหรือป้ายหยุดนี้ รถบัสโรงเรียนมีการออกแบบโครงสร้างที่แข็งแรง เพื่อปกป้องผู้โดยสารในกรณีเกิดอุบัติเหตุ ตัวรถมีหลังคาที่เสริมความแข็งแกร่ง และด้านข้างที่ทนทานต่อการชน แม้ว่ารถบัสโรงเรียนบางแห่งไม่ได้ติดตั้งเข็มขัดนิรภัยในทุกที่นั่ง แต่ในหลายรัฐได้เริ่มบังคับใช้กฎหมายให้ติดตั้งเข็มขัดนิรภัยแบบ 3 จุดเพื่อความปลอดภัยยิ่งขึ้น ขณะโดยสารรถ จะมีกฎระเบียบภายในรถเพื่อควบคุมนักเรียนไม่ให้ก่อความวุ่นวายหรือทำพฤติกรรมที่เป็นอันตรายขณะอยู่บนรถ เช่น การห้ามเดินไปมาขณะรถกำลังวิ่ง คนขับรถบัสโรงเรียนต้องผ่านการฝึกอบรมอย่างเข้มงวดเกี่ยวกับการขับขี่อย่างปลอดภัย การปฏิบัติตัวในกรณีฉุกเฉิน และการดูแลนักเรียนในรถบัส รวมถึงการจัดการกับสถานการณ์ฉุกเฉิน เช่น อุบัติเหตุหรือการอพยพผู้โดยสาร ซึ่งจะต้องประสานกับทางโรงเรียน เพื่อฝึกซ้อมเด็กนักเรียนไปพร้อม ๆ กัน เพื่อให้นักเรียนรู้วิธีการออกจากรถอย่างปลอดภัยในกรณีที่เกิดเหตุไม่คาดฝัน เช่น ไฟไหม้ หรือ อุบัติเหตุหนัก นอกจากนี้ รถบัสโรงเรียน ยังต้องผ่านการตรวจสอบสภาพอย่างสม่ำเสมอ และปฏิบัติตามข้อกำหนดของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น การตรวจสอบเบรก ยาง และระบบไฟสัญญาณ มีการติดตั้งกล้องวงจรปิดทั้งภายในและภายนอก เพื่อเฝ้าดูพฤติกรรมของนักเรียนและคนขับ และบันทึกเหตุการณ์ต่าง ๆ เพื่อใช้เป็นหลักฐานหากเกิดอุบัติเหตุหรือปัญหา ในบางคันมีการติดตั้ง GPS ช่วยให้ผู้ปกครองและโรงเรียนสามารถติดตามตำแหน่งของรถบัสและดูเวลาที่จะมาถึงได้ การรับส่งนักเรียนในประเทศไทยมีปัญหาหลายประการเมื่อเทียบกับระบบ Yellow School Bus ในสหรัฐฯ โดยเฉพาะในด้านความปลอดภัยและการควบคุมกฎระเบียบ 1.ปัญหาด้านความปลอดภัย ประเทศไทย : 1 ในปัญหาหลัก คือ ขาดมาตรฐานความปลอดภัยที่เพียงพอ รถรับส่งนักเรียนหลายคันไม่ได้รับการขึ้นทะเบียนหรือควบคุมอย่างเหมาะสม มีผู้ขับขี่มากกว่า 45,000 คน ที่ขับรถรับส่งนักเรียนโดยไม่มีใบอนุญาตที่ถูกต้อง ซึ่งส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง สหรัฐฯ (Yellow School Bus) : ระบบรถบัสโรงเรียนในสหรัฐฯ มีการควบคุมที่เข้มงวด พร้อมด้วยมาตรฐานความปลอดภัยที่เข้มงวด เช่น ไฟกระพริบ โครงสร้างที่แข็งแรง และการออกแบบให้รถมีความปลอดภัยสูง รถทุกคันต้องผ่านการตรวจสอบความปลอดภัย และผู้ขับขี่ต้องได้รับการฝึกอบรมและมีใบอนุญาตที่ถูกต้อง 2.การออกแบบและอุปกรณ์ ประเทศไทย : รถรับส่งนักเรียนในประเทศไทยมักเป็นรถตู้หรือรถบรรทุกคันใหญ่ที่ถูกดัดแปลง ซึ่งขาดคุณสมบัติด้านความปลอดภัยที่สำคัญ เช่น เข็มขัดนิรภัยหรือ "ทางออกฉุกเฉิน" บางครั้งยังมีการบรรทุกนักเรียนเกินความจุ และไม่มีระบบในการติดตามนักเรียนอย่างเป็นระบบ สหรัฐฯ : รถบัสโรงเรียนได้รับการออกแบบมาเพื่อการขนส่งนักเรียนโดยเฉพาะ มีคุณสมบัติด้านความปลอดภัยที่สำคัญ เช่น ที่นั่งสูงและมีพนักพิงหลังสูง และประตูทางออกฉุกเฉินด้านหลัง รวมถึงมีข้อกำหนดเรื่องจำนวนผู้โดยสารเพื่อป้องกันการบรรทุกเกิน 3.การควบคุมและการจัดการ ประเทศไทย : ระบบการขนส่งนักเรียนในประเทศไทยยังขาดการควบคุมที่ชัดเจนจากรัฐบาล แม้ว่าบางพื้นที่จะพยายามปรับปรุงความปลอดภัยด้วยการทำงานร่วมกับสำนักงานขนส่งท้องถิ่นและภาควิชาการ อย่างไรก็ตาม การบังคับใช้กฎระเบียบยังไม่เข้มงวดเพียงพอ สหรัฐฯ : ระบบรถบัสโรงเรียนมีการจัดการที่เป็นระบบ มีกฎหมายควบคุมในระดับรัฐและรัฐบาลกลาง ผู้ขับรถต้องผ่านการตรวจสอบประวัติและรถบัสมีสัญญาณหยุดเพื่อควบคุมการจราจรขณะรับส่งนักเรียน ถ้าอ่านมาจนถึงตรงนี้ จะเห็นว่ารถบัสรับส่งนักเรียนของสหรัฐฯ มีอุปกรณ์เสริมที่สำคัญ ถูกสร้างมาเพื่อความปลอดภัยในการรับส่งผู้โดยสารในรถ "ประตูฉุกเฉิน" ซึ่งอยู่ทางด้านหลังของรถ คำถามคือ ประทั่งปัจจุบันนี้ ประเทศไทยมี "รถรับส่งนักเรียน" ที่เป็นรถสีเหลืองจริง ๆ อยู่ไม่กี่คัน ซึ่งเป็นรถจากโครงการนักเรียนไทยของมูลนิธิกสิกรไทย ซึ่งไม่แน่ใจว่าในปัจจุบันยังให้บริการอยู่ไม่ หากยังให้บริการอยู่ เส้นทางการเดินรถก็มีอยู่ 3 เส้นทางคือ โรงเรียนแจ้งร้อนวิทยาคม, โรงเรียนขจรโรจน์วิทยา และ โรงเรียนวัดสน ในเขตกรุงเทพฯ ส่วนที่เห็นขับรถรับเด็กนักเรียนตามบ้านไปโรงเรียนทั่ว ๆ ไป คือ "รถรับจ้างรับส่งนักเรียน" ที่เป็นรถกระบะที่มีหลังคา มีเบาะนั่งเป็นรถสองแถว รถตู้ หรือ รถหกล้อขนาดใหญ่ ตามแต่ที่ชาวบ้านจะนำมารับจ้างเพื่อหารายได้ กับอีกแบบคือ รถโดยสารที่จะวิ่งตามเส้นทางที่จดทะเบียน ผู้โดยสารจะลงตอนไหนก็ได้ หรือในโอกาสพิเศษของโรงเรียน เช่น การจัดทัศนศึกษา พานักเรียนเดินทางไปทำกิจกรรมนอกโรงเรียน การจ้างรถบัสของเอกชน ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ซึ่งมองได้ว่า ทางโรงเรียนอาจเห็นเรื่องความสะดวก งบประมาณ เป็นสำคัญมากกว่าความปลอดภัยของผู้โดยสาร อ่านข่าว : เมื่อเกิดอุบัติเหตุรถโดยสาร "ไฟไหม้รถบัส" เรียกร้องค่าเสียหายจากใครได้บ้าง สิ่งที่ควรรู้ เมื่อเกิดแผลไฟไหม้ เช็กระดับรุนแรงแค่ไหน "ประตูหลัง" ของ Yellow School Bus ในสหรัฐฯ ถูกกำหนดเป็นหนึ่งในมาตรฐานความปลอดภัยของรถบัสโรงเรียนโดยหน่วยงานด้านความปลอดภัยทางถนน มีการออกแบบและใช้งานเพื่อวัตถุประสงค์เฉพาะ ในการช่วยให้นักเรียนสามารถอพยพออกจากรถได้อย่างรวดเร็ว ในกรณีที่เกิดสถานการณ์ฉุกเฉิน 1.การใช้งานในกรณีฉุกเฉิน ประตูหลังถูกออกแบบให้เป็นทางออกฉุกเฉินสำคัญ หากประตูหลักที่อยู่ด้านหน้าเกิดความเสียหาย หรือไม่สามารถใช้งานได้ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ เช่น รถคว่ำ ไฟไหม้ หรือการชนหนัก ประตูหลังจะเป็นช่องทางหลักให้นักเรียนออกจากรถได้อย่างปลอดภัย ประตูหลังของ Yellow Bus School สามารถเปิดออกได้อย่างรวดเร็วจากภายในโดยดึงคันโยกหรือปลดล็อก และนักเรียนสามารถออกจากรถได้ในกรณีที่ต้องการหลบหนี 2.มาตรฐานการออกแบบประตูหลัง ประตูหลังมีขนาดใหญ่พอสำหรับการอพยพอย่างรวดเร็ว และมักจะอยู่ที่ส่วนหลังสุดของรถบัส เป็นไปตามมาตรฐานของ National Highway Traffic Safety Administration (NHTSA) ซึ่งระบุว่ารถบัสโรงเรียนทุกคันต้องมีทางออกฉุกเฉินที่ชัดเจนและใช้งานได้ง่าย ประตูหลังมักมาพร้อมกับระบบที่เปิดได้ง่ายจากภายในด้วยคันโยก นอกจากนี้ยังมีการติดตั้งระบบเซนเซอร์หรือสัญญาณเตือน หากประตูถูกเปิดในขณะที่รถกำลังวิ่ง คนขับจะได้รับการแจ้งเตือนทันทีเพื่อความปลอดภัย 3.ความสำคัญในสถานการณ์ฉุกเฉิน หากรถบัสเกิดอุบัติเหตุที่ทำให้ประตูหน้าถูกปิดกั้น นักเรียนสามารถออกจากประตูหลังได้อย่างปลอดภัย นอกจากนี้ยังมีการฝึกซ้อมให้นักเรียนทราบวิธีการใช้งานประตูฉุกเฉิน และการอพยพออกจากรถโดยไม่เกิดความสับสน 4.การฝึกอบรมและการเตรียมพร้อม โรงเรียนในสหรัฐฯ จะมีการฝึกซ้อมให้นักเรียนทราบถึงวิธีการใช้งานประตูฉุกเฉิน รวมถึงการออกจากประตูหลังอย่างเป็นระเบียบเพื่อป้องกันการเกิดความโกลาหลในกรณีฉุกเฉิน และคนขับรถบัสต้องได้รับการอบรม ฝึกฝนเกี่ยวกับวิธีการใช้งานประตูหลังฉุกเฉิน และวิธีการดูแลนักเรียนให้อพยพออกมาอย่างปลอดภัยในสถานการณ์ต่าง ๆ คนขับต้องสามารถระบุสัญญาณเตือนที่เกี่ยวข้องกับการเปิดประตูหลังได้ทันที เพื่อป้องกันไม่ให้นักเรียนเปิดประตูออกขณะรถกำลังเคลื่อนที่ 5.ระบบเตือนและมาตรการความปลอดภัย ในรถบัสสมัยใหม่ ประตูหลังมักมีการติดตั้งเซ็นเซอร์ตรวจจับการเปิดประตู หากประตูหลังถูกเปิดออกขณะที่รถกำลังเคลื่อนที่ คนขับจะได้รับสัญญาณเตือนเพื่อลดอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นหากนักเรียนเปิดประตูโดยไม่ได้ตั้งใจ ในสหรัฐฯ มีกฎหมายบังคับให้รถบัสโรงเรียนต้องมีประตูทางออกฉุกเฉินและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องเพียงพอ ซึ่งรวมถึงประตูหลัง เพื่อให้มั่นใจว่านักเรียนสามารถอพยพออกจากรถได้ในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิด 6.การออกแบบเพื่อความแข็งแรง ประตูหลังของรถบัสโรงเรียนยังถูกออกแบบให้มีความแข็งแรงพอที่จะทนทานต่อแรงกระแทก แต่ยังคงเปิดได้ง่ายในกรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉิน แม้ในกรณีที่รถได้รับความเสียหายจากอุบัติเหตุ โครงสร้างของประตูจะช่วยให้นักเรียนสามารถออกมาได้โดยปลอดภัย 7.ประโยชน์ในสถานการณ์ทั่วไป ประตูหลังจะไม่ถูกใช้เป็นประตูทางเข้า-ออกประจำ นอกจากในกรณีฉุกเฉินเท่านั้น การมีประตูหลังเป็นทางออกฉุกเฉินช่วยลดความเสี่ยงหากเกิดอุบัติเหตุชนท้าย เพราะนักเรียนสามารถหนีออกจากรถทางด้านหลังได้อย่างรวดเร็ว ที่มา : - National Highway Traffic Safety Administration (NHTSA): หน่วยงานด้านความปลอดภัยทางถนนของสหรัฐฯ ที่มีบทบาทในการกำหนดมาตรฐานความปลอดภัยของ School Bus- American School Bus Council (ASBC): องค์กรที่ให้ข้อมูลและทรัพยากรเกี่ยวกับการขนส่งนักเรียนอย่างปลอดภัยในสหรัฐฯ-Federal Motor Carrier Safety Administration (FMCSA): หน่วยงานที่รับผิดชอบการตรวจสอบความปลอดภัยของการขนส่งนักเรียนในเชิงพาณิชย์-National Association for Pupil Transportation (NAPT): องค์กรที่ทำงานเกี่ยวกับการขนส่งนักเรียนอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยในสหรัฐฯ อ่านข่าว : เช็กขั้นตอนเอาตัวรอดจาก "ไฟไหม้ในรถบัส" ศธ.ชวนแต่งดำอาลัยครู-นร.23 ชีวิตรถบัสไฟไหม้ โซเชียลอาลัย 23 ชีวิต เหตุไฟไหม้รถบัสทัศนศึกษา
ย้อนกลับไปในเดือน เม.ย.1939 ศ.แฟรงก์ ซีร์ แห่งมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ทำวิจัยเรื่องปัญหาการรับส่งนักเรี