เมื่อวันที่ 12 เม.ย.2565 นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจร
2 สิงหาคม 2025 - 23:51
วันนี้ (15 ธ.ค.2566) กรมควบคุมมลพิษ รายงาน สถานการ
2 สิงหาคม 2025 - 23:51

เมื่อตัวเลขผู้ติดเชื้อไวรัส COVID-19 มากขึ้นเกินวันละ 1,500 คน สิ่งที่เห็นตามมาคือ การเพิ่มจำนวนโรงพยาบาลสนาม ของหน่วยงานต่างๆ เกือบ 20,000 เตียง การเพิ่ม Hospitel อีกหลายแห่ง เพื่อรองรับผู้ป่วยที่มีร

วันนี้ (8 เม.ย.2565) นพ.อุดม คชินทร ที่ปรึกษาศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ระบุว่า ในที่ประชุม ศบค.วันนี้ นายกรัฐมนตรีจะกำชับมาตรการป้องกันการแพร่ระบาด COVID-19 ช่

เมื่อตัวเลขผู้ติดเชื้อไวรัส COVID-19 มากขึ้นเกินวันละ 1,500 คน สิ่งที่เห็นตามมาคือ การเพิ่มจำนวนโรงพยาบาลสนาม ของหน่วยงานต่างๆ เกือบ 20,000 เตียง การเพิ่ม Hospitel อีกหลายแห่ง เพื่อรองรับผู้ป่วยที่มีระดับของอาการที่แตกต่างกัน ซึ่งเป็นที่รู้กันว่า “ถ้าตรวจโรงพยาบาลไหนและพบเชื้อ โรงพยาบาลนั้นจะต้องรับรักษาทันที” อย่างไรก็ตามก็ยังมีการร้องเรียนให้ได้ยินหลายครั้งว่า โรงพยาบาลเอกชนหลายแห่ง ไม่ยอมรับผู้ติดเชื้อ ต่อมาโรงพยาบาลเอกชนหลายแห่ง ยังประกาศงดรับตรวจหาเชื้อ โดยให้เหตุผลว่า “มีน้ำยาไม่เพียงพอ” จึงมีคำถามที่ถูกนำมาเชื่อมโยงกันว่า “น้ำยาตรวจไม่พอ” หรือ “ไม่อยากรับผู้ป่วยติดเชื้อไว้รักษา” ขณะที่มีเสียงสะท้อนจากด้านโรงพยาบาลเอกชน ระบุว่า ที่ผ่านมา คนที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงหรือคิดว่าตัวเองจะติดเชื้อ มักเลือกมาตรวจที่โรงพยาบาลเอกชน เพราะรู้ว่า ถ้าพบว่าติดเชื้อ โรงพยาบาลต้องรับตัวไว้รักษา อย่างไม่มีเงื่อนไข (ซึ่งจะสบายกว่าการนอนรักษาในโรงพยาบาลของรัฐ อย่างแน่นอน) ในช่วงแรกอาจจะเป็นเช่นนั้น แต่เมื่อจำนวนผู้มารับการตรวจที่โรงพยาบาลเอกชนมากขึ้น และพบผู้ติดเชื้อมากขึ้น การรับตัวเข้ารับการรักษาจึงเป็นเรื่องยาก จุดนี้เองที่สร้างความไม่พอใจให้กับผู้ติดเชื้อว่า “โรงพยาบาลเอกชนเลือกปฏิบัติ” ทั้งที่รัฐเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด เรื่องนี้เคยมีประกาศกระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่เกิดการระบาดของโรคไวรัส COVID-19 ช่วงแรกๆ เมื่อต้นปี 2563 เรื่อง หลักเกณฑ์ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการของผู้ป่วยโรคไวรัส COVID-19 มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 5 มีนาคม 2563 ให้ผู้ป่วยโควิด-19 เป็นผู้ป่วยฉุกเฉินได้รักษาพยาบาลฟรีจากทั้งโรงพยาบาลรัฐและเอกชน ห้ามเรียกเก็บเงินจากผู้ป่วย ส่วนโรงพยาบาลเบิกค่าใช้จ่ายจากกองทุนสุขภาพตามสิทธิรักษา นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กระทรวงสาธารณสุข เคยให้สัมภาษณ์เรื่องนี้ เมื่อวันที่ 11 เม.ย.2563 ว่า เพื่อคุ้มครองสิทธิผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัส COVID-19 ในการเข้ารับการรักษาพยาบาลจากโรงพยาบาลของรัฐ หรือเอกชนให้มีความเหมาะสม สอดคล้องกับสภาวการณ์ และเป็นธรรม กระทรวงสาธารณสุขจึงเร่งพัฒนาและผลักดันกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนในการรับบริการในด้านระบบบริการสุขภาพ อันนำไปสู่การออกประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง “หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการกำหนดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการผู้ป่วยฉุกเฉินโรคติดต่ออันตรายตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 (Coronavirus Disease 2019 (COVID-19))” ซึ่งประกาศฉบับนี้ กำหนดให้สถานพยาบาลประเภทที่รับผู้ป่วยไว้ค้างคืน (โรงพยาบาล) ทุกแห่ง จะต้องให้การรักษาพยาบาลโดยฉุกเฉินแก่ผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัส COVID-19 จนพ้นจากอันตรายตามมาตรฐานวิชาชีพและขีดความสามารถของสถานพยาบาล และหากจะต้องส่งต่อผู้ป่วยไปรับการรักษาพยาบาลยังสถานพยาบาลอื่น ต้องจัดการให้มีการจัดส่งต่อตามความเหมาะสม โดยไม่มีเงื่อนไขในการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น แต่ให้สถานพยาบาลดำเนินการรวบรวมเอกสารที่เกี่ยวข้องเพื่อเรียกเก็บค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นไปที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ตามแนวทางการเรียกเก็บที่ สปสช.กำหนดแทน ส่งผลให้ผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัส COVID-19 ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล เว้นแต่ กรณีที่สถานพยาบาลจะต้องส่งต่อผู้ป่วยไปรับการดูแลรักษายังเครือข่ายสถานพยาบาลที่จัดไว้ แต่ตัวผู้ป่วยหรือญาติฯ ปฏิเสธ ไม่ขอให้ส่งต่อหรือประสงค์จะไปรับการรักษาที่สถานพยาบาลอื่น ผู้ป่วยต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นเอง ขณะที่ ทพ.อาคม ประดิษฐสุวรรณ รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ระบุว่า สำหรับระยะเวลาที่สถานพยาบาล จะได้รับค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัส COVID-19 จะใช้ระยะเวลาไม่เกิน 45 วัน เริ่มตั้งแต่ สปสช.ตรวจสอบความถูกต้องของเอกสาร สรุปค่าใช้จ่าย และแจ้งให้กองทุนของผู้มีสิทธิได้รับการรักษาพยาบาลตามกฎหมาย หลังจากนั้นกองทุนจะดำเนินการเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายในอัตราตามบัญชีและอัตราค่าใช้จ่ายแนบท้ายหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขฯ ซึ่งมีการกำหนดรายละเอียดค่าบริการ ทั้งสิ้น 597 รายการ ให้แก่สถานพยาบาลภายใน 15 วัน ทั้งนี้ หากผู้ป่วยหรือญาติ พบโรงพยาบาลเอกชนในเขตกรุงเทพฯ เรียกเก็บค่ารักษาพยาบาลโรคติดเชื้อไวรัส COVID-19 สามารถแจ้งได้ที่ศูนย์รับเรื่องร้องเรียน สบส. โทร.02-193-7057 หรือ 1667 ด้าน นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ออกมาเปิดเผย เมื่อวันที่ 8 เม.ย.2564 ว่า หากอยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่ต้องเข้ารับการตรวจคัดกรอง สามารถไปรับการตรวจคัดกรอง ได้ที่โรงพยาบาลทั้งของรัฐและเอกชนทุกแห่ง โดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย เนื่องจากรัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณให้ สปสช.ผ่านกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สำหรับเป็นการตรวจคัดกรอง COVID-19 ให้กับโรงพยาบาลรัฐและเอกชนทุกแห่ง ขณะที่ นพ.เฉลิม หาญพาณิชย์ นายกสมาคมโรงพยาบาลเอกชน ระบุว่า โรงพยาบาลเอกชนทุกแห่ง ยินดีให้บริการตรวจคัดกรอง COVID-19 แก่ประชาชนโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายตามนโยบายของรัฐบาล สิทธิการตรวจคัดกรอง COVID-19 เป็นสิทธิของคนไทยทุกคน ไม่ได้จำกัดเฉพาะผู้ใช้สบา คา ร่า โอน ไวิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ บัตรทอง เท่านั้น แต่รวมถึงผู้ที่ใช้สิทธิประกันสังคม สวัสดิการข้าราชการ ตลอดจนสิทธิสุขภาพอื่นๆ ด้วย หากหันกลับมามองด้านโรงพยาบาลเอกชน ถ้าย้อนกลับไปดูจะพบว่า ในช่วงต้นที่มีการระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 หน่วยงานที่จะตรวจได้ ต้องเป็นโรงพยาบาลของรัฐเท่านั้น แต่ต่อมาโรงพยาบาลเอกชนสมัครใจที่จะตรวจเอง อย่างน้อยก็เพื่อแบ่งเบาภาระของรัฐ กระทั่งขยายออกไปมากขึ้น ส่วนปัญหา “เตียงไม่พอ” ในโรงพยาบาลเอกชน เกิดขึ้นเมื่อ 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา เมื่อพบว่ามีผู้ติดเชื้อมากขึ้น ด้วยเหตุผลนี้คนส่วนใหญ่ จึงเลือกที่จะเข้าไปใช้บริการของเอกชนก่อนของรัฐบาล ทั้งเพื่อความสะดวกรวดเร็ว การบริการ สิ่งที่ปรากฏออกมา เมื่อโรงพยาบาลเอกชนงดตรวจ โรงพยาบาลของรัฐเต็ม รัฐบาลจึงสั่งเร่งสร้าง “โรงพยาบาลสนาม” อย่างรวดเร็วในกรุงเทพฯ และแทบทุกจังหวัด เพื่อรองรับผู้ติดเช้อที่เพิ่มจำนวนอย่างรวดเร็ว ขณะที่อีกมุมหนึ่ง หากเป็นต่างจังหวัด จะพบว่าไม่เกิดปัญหา “เตียงเต็ม” ในโรงพยาบาลเอกชนเกิดขึ้น เพราะผู้ป่วยส่วนใหญ่เลือกที่จะเข้าไปตรวจและรักษาที่โรงพยาบาลของรัฐเป็นหลัก หลังเกิดปัญหาคนไปตรวจที่โรงพยาบาลเอกชนจำนวนมาก ประกอบกับหลายรายขอย้ายไปรักษาที่โรงพยาบาลเอกชน โดยเลี่ยงไม่ไปโรงพยาบาลสนาม หรือ Hospitel แต่มักได้รับการปฏิเสธว่า “เตียงเต็ม” เพราะ - เมื่อมีผู้ป่วยหรือผู้ติดเชื้อไม่ว่าจะอยู่ในระดับใดก็ตาม การเตรียมความพร้อมของโรงพยาบาลเอกชนทั้งหมดคือ “ค่าใช้จ่าย” ที่จะเกิดขึ้น ทั้งค่าชุด PPE การจัดแพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่สนับสนุน อุปกรณ์การแพทย์ เครื่องช่วยหายใจ ห้องรักษาเฉพาะทาง อย่างไอซียู ห้องพัก อาหาร ฯลฯ หรือแม้แต่ลิฟต์ ที่จะต้องแยกจากผู้ป่วยทั่วไป ทั้งหมดคือ “ค่าใช้จ่าย”จำนวนมหาศาลที่เกิดขึ้น ขณะที่การเบิกจ่ายจากรัฐที่รัฐบอกว่า “รักษาฟรี” แต่โรงพยาบาลได้รับเพียง 30 เปอร์เซนต์ของค่าใช้จ่ายทั้งหมดต่อราย ที่เหลือโรงพยาบาลต้องรับผิดชอบ และจะต้องใช้เวลาในกระบวนการเบิก จนกว่าจะได้รับเงินนานถึง 45 วัน - เมื่อมีคนรู้ว่าโรงพยาบาลแห่งนี้ มีผู้ป่วยติดเชื้อเข้ามารับการรักษา ทำให้ผู้ป่วยโรคอื่นที่ไม่ใช่โรคติดต่อ เลี่ยงที่จะเข้ามารับการรักษา ทำให้โรงพยาบาลสูญเสียรายได้ ทั้งที่หากโรงพยาบาลรับผู้ป่วยโรคไม่ติดต่อรายอื่น ก็สามารถรักษาได้แบบทั่วไป และไม่มีค่าใช้จ่ายอื่นเพิ่มขึ้น เมื่อเป็นเช่นนี้โรงพยาบาลจึงเลือกที่จะ “ไม่ตรวจเชื้อ” ตั้งแต่ต้น เพื่อไม่รับผู้ติดเชื้อเข้าไปรักษา - หากสังเกตจะพบว่า ทำไมหลายคนที่ติดเชื้อ โดยเฉพาะคนมีชื่อเสียงอย่าง “ดารานักแสดง” จึงเข้ารับการรักษาได้ทันที หลังรู้ว่าตัวเองติดเชื้อ เพราะคนเหล่านี้ “พร้อมจ่าย” หรือมีประกันชีวิตที่ “พร้อมจ่าย” ทันที จึงไม่ต้องรอเตียง ถึงตรงนี้ทำให้มองได้หลายมุม ในมุมทางการแพทย์ ในความเป็นมนุษย์อาจมองว่าไม่เป็นธรรม เป็นความเหลื่อมล้ำ แต่หากมองในเชิงธุรกิจการแพทย์ ก็เป็นความจริงอีกด้านเช่นกัน แต่ทั้งหมดคือคำตอบ ที่เราอาจจะต้องตั้งคำถามว่า หากรัฐบาลมีระบบจัดการด้านสาธารณสุขที่ดี เราก็จะไม่พบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเช่นนี้ เช่นเดียวกับอีกหลายปัญหา

วันนี้ (16 พ.ค.2564) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ธนาคารออมสิน ออกประกาศชี้แจงหลังมีรายงานข่าวจากธนาคารออมสินแจ้งว่า ขณะนี้มีผู้แอบอ้างชื่อธนาคารออมสิน และตราสัญลักษณ์ของธนาคาร รวมทั้งนำข้อความ "สลากออมสิน" ไ

วันนี้ (22 ต.ค.2564) พล.อ.เจริญ นพสุวรรณ ประธานฝ่ายกีฬาว่ายน้ำ สมาคมกีฬาว่ายน้ำเเห่งประเทศไทย เปิดเผ