"บ้านเวียงเหล็ก" เรือนทรงไทยโบราณ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ตั้งอยู่ในเขต จ.พระนครศรีอยุธยา เป็นของ "ดำรงค์
วันนี้ (8 มี.ค.2566 ) นายเฉลิมพงษ์ กลับดี และ น.ส.ณัฐวดี เต็งพานิชกุล ได้รับมอบอำนาจจาก คณะกรรมการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ให้ยื่นฟ้องคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ
"บ้านเวียงเหล็ก" เรือนทรงไทยโบราณ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ตั้งอยู่ในเขต จ.พระนครศรีอยุธยา เป็นของ "ดำรงค์ พุฒตาล" ผู้ก่อตั้งนิตยสารคู่สร้างคู่สม ในบริเวณดังกล่าว ยังแบ่งเป็นที่พักและคาเฟ่สไตล์อบอุ่น ด้วยบรรยากาศร่มรื่นด้วยสีเขียวของต้นไม้ เหมาะกับการพักผ่อนสบาย ๆ สถานที่นี้จึงเป็นจุดนัดพบของสองวัยเก๋า ผู้มากด้วยประสบการณ์ระหว่าง "สุทธิชัย หยุ่น" กับ "ดำรง พุฒตาล" ซึ่งต่างอยู่บนเส้นทางของนักสื่อสารมวลชนตั้งแต่อดีต-ปัจจุบัน และได้เห็นความเปลี่ยนแปลงของวงการจากจอขาว-ดำ มายุค "อนาล็อก" และ "ดิจิทัล" ในปัจจุบัน "ดำรง" เป็นอดีตพิธีกรมืออาชีพชื่อกระฉ่อน เคยอยู่เบื้องหลังในการผลักดันกฎหมายห้ามโฆษณาแอลกอฮอล์ก่อน 22.00 น. และ "ยกเว้นค่าเข้าชมสถานที่ของรัฐ" หรือแม้แต่จัดตั้ง "มูลนิธิเมาไม่ขับ" หลากหลายเส้นทางชีวิตที่ผ่านจากวัยรุ่น วัยทำงาน จนล่วงเข้าสู่ปัจฉิมยาม ในวัย 80 ปี มีหลากเรื่องราวที่น่าสนใจและสามารถนำมาถ่ายทอดเป็นประสบการณ์ในคนรุ่นหลังได้ รายการ "คุยนอกกรอบ กับ สุทธิชัย หยุ่น" จับเข่าเปิดใจกับบุคคลระดับตำนานดังกล่าว ประเดิมเรื่องราววัยเด็ก "ดำรง พุฒตาล" บิดาเป็นชาวบ้านธรรมดา มีอาชีพเรือรับจ้างโยงซุง แต่ความทะเยอทะยานทำให้ใฝ่เรียนรู้ รักการอ่าน จากหนังสือเล่มแรก "พล นิกร กิมหงวน" ฝีมือการประพันธ์ของ ป. อินทรปาลิต ที่จัดพิมพ์อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2482 - 2511 มากกว่าพันตอน มีเนื้อหาออกไปในแนวสนุกสนานครื้นเครง จัดเป็นหนึ่งในหนังสือดี 100 เล่ม ที่คนไทยควรอ่าน ทำให้ ด.ช.ดำรง ในขณะนั้น ได้เปิดประตูสู่โลกวรรณกรรม และเป็นจุดเปลี่ยนของชีวิต "หนังสือพล นิกร กิมหงวน เป็นเรื่องเกี่ยวกับครอบครัวคนมีสตางค์ ชีวิตหน้าร้อนจะต้องไปเที่ยวหัวหิน ขับรถบูอิค (รถยนต์ระดับหรูของสหรัฐอเมริกาในเครือเจเนรัลมอเตอร์) ทำให้ได้ซึมซับอะไรหลายอย่างเลย กลายเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ตัวเองมีความมุ่งมั่นจะเป็นคนเก่งหาเงินได้มาก ๆ เพื่อใช้ชีวิตที่อยากจะเป็น จนปัจจุบันมีบ้านที่หัวหิน เชียงใหม่ เชียงราย และแฟลตที่ลอนดอน ประเทศอังกฤษ" ดำรง กล่าว "ผมไม่ได้พูดอวด หรือโชว์อะไร แต่สิ่งที่อยากให้เห็น คือ ความทะเยอทะยานตั้งแต่เด็ก เลยทำให้มีความตั้งมั่นและลงมือทำตามแนวทางของตัวเอง เป็นสิ่งที่ทำให้ผมประสบความสำเร็จในชีวิต" กลับมาสู่บทบาทอาชีพสื่อมวลชน มีชื่อเสียงในฐานะพิธีกรมืออาชีพ "ดำรง" บอกว่า ออกโทรทัศน์มาตั้งแต่ปี 2510 - 2557 ผ่านมาทั้งระบบขาวดำ, อนาล็อก 625 เส้น, 525 เส้น กระทั่งมาเป็นระบบทีวีดิจิทัล เห็นการเปลี่ยนแปลงของพิธีกรในแต่ละยุค จนถึงปัจจุบัน และมักจะเกิดคำถามขึ้นในใจทุกครั้งที่ได้ดูรายการโทรทัศน์ …เมื่อถามว่ารู้สึกยังไง กับสิ่งที่เกิดขึ้น จะบอกว่าเราคิดแบบคนแก่หรือไม่?… "ดำรง" มองว่า ประเทศไทยมีวัฒนธรรม ดังนั้นการเป็นโฆษก, พิธีกร ควรเป็นแบบอย่างที่ดีโดยเฉพาะเรื่องการพูด ในอดีตเคยไปบรรยายให้กับผู้ประกาศที่สอบกรมประชาสัมพันธ์จะเน้นเสมอ "คุณต้องพูดภาษาไทยให้ถูกต้อง" สมัยนั้นการเข้าไปสอนจะได้ผล ยิ่งพอมาทำหนังสือคู่สร้างคู่สม มีคอลัมน์ "ภาษาไทยในสื่อ" ทำหน้าที่จับผิดคนที่พูดภาษาไทยออกจอ โดยมีอาจารย์ที่เก่งภาษาไทยร่วมทำงาน นำคำที่พิธีกรพูดผิดทางหน้าจอทีวีแก้ไขให้ประชาชนใช้ถูกต้อง แต่ในปัจจุบันมีการปล่อยปละละเลยไม่มีใครมาคอยท้วงติง ทำให้มีการพูดผิดพูดถูกจนเป็นความเคยชิน สอดคล้องกับความน่ากังวลรายการข่าวปัจจุบัน ไม่ได้เป็นการบอกเล่าเหตุการณ์ ใครทำอะไรที่ไหน อย่างไร เมื่อไหร่ ผลที่ได้รับ ผลกระทบ หรือมีความรู้อย่างไร แต่ตอนนี้การเล่าข่าวเป็นการ "ขยี้" ข่าวหนึ่งเรื่องที่เป็นกระแสสังคม ใช้เวลาเล่าไม่ต่ำกว่า 30 นาที – 1 ชั่วโมง เพียงเพื่อต้องการเรตติ้ง อีกทั้งการเข้าถึงข่าวสารในปัจจุบันง่าย ทุกคนเป็นนักข่าวได้เพียงแค่มีโทรศัพท์มือถือ ยิ่งทำให้แวดวงข่าวมีการเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ปัจจุบันนอกจากเป็นที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ประธานรัฐสภาแล้ว "ดำรง" ยังจัดรายการวิทยุ "คู่สร้างคู่สม On Radio" รายการเล่าเรื่องสบาย ๆ ในสิ่งที่ไปพบไม่ว่าจะเป็นการไแอ พ สล็อต ได้ เงิน จริง 2021ปต่างประเทศกับประธานรัฐสภา เช่น เดินทางไป "กัมพูชา" ก็มีประสบการณ์ได้พบกับ "พล.อ.ฮุน มาเนต" นายกรัฐมนตรีกัมพูชา และ สมเด็จอัครมหาเสนาบดี เดโช ฮุน เซน ประธานองคมนตรีกัมพูชา ที่มีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมายที่ไม่ได้เป็นในมุมทางการมากเท่าไหร่ ด้วยจังหวะการเล่าเรื่องแบบสบายไม่เครียด แต่สามารถสื่อสารได้ดีเสมือนว่าได้เข้าไปอยู่ในเหตุการณ์ด้วย ทำให้มีคนกลุ่มหนึ่งชอบฟัง ส่วนเส้นทางการเมืองในฐานะอดีตสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ดำรง บอกว่าเป็น สว. 2 สมัย นานถึง 10 ปี เดิมจากที่คิดว่า จะได้ทำงานเพื่อตรวจสอบความไม่ชอบมาพากลของทุกฝ่ายการเมือง แต่กลับต้องพบความผิดหวังเพราะไม่สามารถทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ทั้งที่มีอำนาจในการที่จะถอดถอนนายกรัฐมนตรี ศาล ผู้พิพากษา รัฐมนตรี แต่ความเป็นจริงไม่สามารถทำได้ ทั้ง ๆ ที่บ้านเมืองก็เกิดการคอร์รัปชัน "ผมเคยไปประเทศอังกฤษ จะเข้าไปดูพระราชวังผมก็ไปกับเพื่อน กำลังเข้าไปซื้อบัตรเข้าชม แต่เจ้าหน้าที่ก็ถามว่าอายุเท่าไหร่ เพื่อนผมก็บอก 60 ปี เขาก็บอกไม่ต้องซื้อ ผมก็ถามทำไม เขาบอกเป็นกฎหมายไม่เก็บค่าผ่านประตูสำหรับคนอายุ 60 ปี และอีกหลายประเทศที่ไปเจอมา เลยรู้สึกว่ามันดี จึงมาเสนอเพื่อใช้ในประเทศไทย" ดำรง เล่าว่า ครั้งหนึ่งเดินทางไปรายงานข่าวกีฬาโอลิมปิกที่ลอสแอนเจลิส ช่วงว่าง ๆ ไม่ได้ไปสนามกีฬา ได้นั่งดูทีวีอยู่ในห้องแล้วเห็นผู้หญิงอเมริกันคนหนึ่งร้องไห้คร่ำครวญออกทีวีว่า "เธอมีลูกสาวอยู่คนเดียว แล้วก็หวังให้ลูกสาวคนนี้เป็นที่พึ่งเมื่อเธอแก่ตัวลง แต่แล้วลูกก็ถูกคนเมาขับรถชนตาย จึงมาเรียกร้องการดูแลรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น" นั่งดูแล้วน้ำตาซึม และก็กลับมาคิดว่า ประเทศไทยก็มีคนเมาขับรถเต็มถนน น่าจะทำอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้บ้าง ประกอบกับ "นายแพทย์แท้จริง ศิริพานิช" ก็ได้รับนโยบายมาจากปลัดกระทรวงในสมัยนั้นให้ชวน "ดำรง" ทำงานรณรงค์เมาไม่ขับ ได้รับการสนับสนุนองค์กรต่าง ๆ จากประชาชน กระทั่งได้จดทะเบียนเป็นมูลนิธิเมาไม่ขับโดย นายแพทย์แท้จริง เป็นประธานมูลนิธิเมาไม่ขับ ทำงานอย่างเต็มที่ ต่อสู้ให้กับเหยื่อที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม ทั้งร้องเรียนผ่านตำรวจ ผ่านรัฐมนตรี แต่ที่ไม่จริงจังก็คือบ้านเมือง และรัฐบาล "วันหนึ่งผมก็ไปประชุมกับ นายแพทย์แท้จริง วันนั้นรัฐมนตรีฯมหาดไทย ได้เกณฑ์ทหาร ตำรวจ มาประชุม พอเขาจะปิดประชุมนายแพทย์แท้จริง ก็บอกว่าท่านประธานครับ "คุณดำรง" ประธานมูลนิธิเมาไม่ขับมีข้อเสนอให้มีการตรวจแอลกอฮอล์ทันทีเมื่อเกิดอุบัติเหตุ ในที่ประชุมประธานก็เห็นด้วย และได้บอกอธิบดีกรมตำรวจว่าให้ดำเนินการตามที่คุณดำรงเสนอเอาไว้ แต่พอตอนบ่ายมีจดหมายออกมาว่า ให้ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของตำรวจ ผมจึงมองว่าประเทศเรามันไม่เจริญเพราะมันขึ้นอยู่กับดุลยพินิจ" อีกความภูมิใจที่เป็นผลงานของมูลนิธิเมาไม่ขับ "ดำรง" ผลักดันให้มีกฎหมายควบคุมโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก่อนเวลา 22.00 น. ด้วยการรณรงค์ผ่านทางสื่อวิทยุ โทรทัศน์ และเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาร่วมกันคุยที่รัฐสภา พร้อมกับทำเรื่องเสนอไปยัง "ทักษิณ ชินวัตร" นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น กระทั่งมีงานเลี้ยงฉลองละศีลอดรอมฏอน ที่ทำเนียบรัฐบาล จังหวะที่นั่งอยู่โต๊ะเดียวกับ "ทักษิณ" มีผู้เดินเข้ามาบอกว่า "อนุมัติแล้วครับ" ไม่ให้โฆษณาเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์ก่อน 4 ทุ่ม อย่างไรก็ตาม แม้จะมีกฎหมายออกมา แต่ผู้ประกอบการบางรายก็มีวิธีเลี่ยงด้วยการโฆษณาแฝง ไม่ได้โฆษณาเบียร์ แต่โฆษณาโซดา ที่มีขวดเหมือนเบียร์ ซึ่งสมัยก่อนกรมประชาสัมพันธ์จะต้องท้วงติงตรวจสอบ แต่ก็มีการปล่อยผ่าน ซึ่งในสมัยนี้ก็จะต้องเป็นหน้าที่ของ กสทช. ในการควบคุมดูแล ถ้าถามว่าในวัย 80 ปี ที่ผ่านอะไรมาเยอะ คิดว่ามีอะไรที่อยากจะทำและยังไม่ได้ทำ "ดำรง" บอกว่า หากเป็นเรื่องงานก็คงไม่มีแล้ว เพราะได้ทำในสิ่งที่อยากทำมาหมดแล้ว ตอนนี้ขอเพียงแค่ให้มีร่างกายที่แข็งแรง ดำรงทิ้งท้ายว่า การดูแลสุขภาพตอนนี้ จะเน้นในเรื่องของการกินอาหารให้เป็นยา ไม่กินของหวาน น้ำอัดลม ไม่ทานอาหารเย็น สาเหตุที่ไม่ทานอาหารเย็นเพราะจะทำให้หัวใจทำงานหนักในขณะที่นอน เนื่องด้วยระบบย่อยอาหาร รวมทั้งออกกำลังกายด้วยการเดินเร็ว เดินช้า สลับกันไปทุกวัน พบกับ: รายการคุยนอกกรอบกับสุทธิชัย หยุ่น ทางสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส เวลา 21.30-22.00 น.ทุกวันพฤหัสบดี อ่านข่าว : ปูพรมค้น "จิงโจ้แดง" ห่วงตกใจหนีวิ่งกล้ามเนื้อสลายเสี่ยงตาย "บิ๊กต่อ-ภรรยา" เบี้ยว ป.ป.ช.รับทราบข้อหาปมซุกบ้านอังกฤษ กาง 4 แนวทางคำวินิจฉัย ก.พ.ค.ตร.ปม "บิ๊กโจ๊ก" อุทธรณ์ปลดออกราชการ
วันนี้ (22 ก.ค.2565) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ชี้แจงการอภิปรายไม่ไว้วางใจ กรณีการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ รวมถึงกรณีการค้ามนุษย์ และประเด็นอื่น ๆ โดยระบุว่า การจัดหาเครืองบินรบใหม่นั้นก็เพื่อทดแทน