วันนี้ (29 พ.ค.2564) สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า มูห์ยิดดิน ยัสซิน นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เปิดเผยคำสั่งปิดเมืองทั่วประเทศ ระยะที่ 1 จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1-14 มิ.ย.ซึ่งจะทำให้สถานที่และห้างร้าน
วันนี้ (12 ก.พ.2567) สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) จัดประชุมการพัฒนานโยบายสาธารณะประเด็นการควบคุมบุหรี่ไฟฟ้า เรื่อง การสร้างการรับรู้/การสื่อสารและการบังคับใช้กฎหมาย ศ.เกียรติคุณ พญ.สุวรรณา เรืองกาญจนเศรษฐ์ ประธานคณะกรรมการพัฒนานโยบายสาธารณะประเด็นการควบคุมบุหรี่ไฟฟ้า เปิดเผยว่า สิ่งที่จะต้องเร่งหาแนวทางร่วมกันในขณะนี้ คือการสร้างการรับรู้โทษจากภยันตรายและการเสพติดของบุหรี่ไฟฟ้าให้แก่เด็ก เยาวชน รวมถึงสาธารณชน ซึ่งพบว่าผู้คนในสังคมยังมีความเข้าใจที่ผิดเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้าอีกมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วง 2 ปีหลังมานี้ ที่การระบาดของบุหรี่ไฟฟ้าทวีความรุนแรงขึ้นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นจำนวนการสูบในกลุ่มคนทั่วไป (อายุ 15 ปีขึ้นไป) เพิ่มขึ้นจาก 78,000 คน ในปี 2564 กลายเป็น 700,000 คน ในปี 2565 หรือเพิ่มถึง 10 เท่า และที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่งคืออัตราการใช้บุหรี่ไฟฟ้าในเด็กนักเรียนไทย (อายุ 13-15 ปี) ได้เพิ่มขึ้นจาก 8.1% ในปี 2564 เป็น 17.6% ในปี 2565 ศ.พญ.สุวรรณา กล่าวว่า ที่ผ่านมายอดขายของบุหรี่มวนแบบดั้งเดิมนั้นมีอัตราต่ำลงทั่วโลก อันเป็นผลจากการร่วมกันรณรงค์ถึงโทษและพิษภัยที่มีมาอย่างยาวนาน อย่างไรก็ตามเมื่อบริษัทบุหรี่เริ่มอยู่ไม่ได้ เราจึงได้พบกับบุหรี่ไฟฟ้าที่เข้ามาเป็นนวัตกรรมใหม่ของวงการ ด้วยการสร้างมายาคติว่ามีความปลอดภัยกว่าบุหรี่มวน แต่ปัจจุบันข้อมูลทางวิชาการล้วนยืนยันแล้วว่าบุหรี่ไฟฟ้านั้นไม่ได้มีความปลอดภัยแต่อย่างใด โดยเราจะเห็นได้ว่าบุหรี่มวนนั้นใช้เวลาราว 30-50 ปี จึงเริ่มมีรายงานการก่อโรคมะเร็งในส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย แต่กับบุหรี่ไฟฟ้าที่เพิ่งเกิดขึ้นมาเพียงไม่เกิน 15 ปี อย่างเดียวที่บุหรี่ไฟฟ้าเคลมแล้วเป็นจริงคือการไม่มี "สารทาร์" หรือ "น้ำมันดิน" ที่เกิดจากการเผาไหม้แบบบุหรี่มวน แต่สารเคมีที่เหลืออีกกว่า 7,000 ชนิด มีเท่าเทียมกัน ซ้ำร้ายในบุหรี่ไฟฟ้ากลับมีนิโคตินสังเคราะห์ ที่ทำให้ร่างกายดูดซึมได้เยอะขึ้น เร็วขึ้น และเติมได้ไม่จำกัด ต่างจากบุหรี่มวนที่มีนิโคตินธรรมชาติในปริมาณคงที่มาจากโรงงาน สิ่งสำคัญคือการปรุงแต่งน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าจนมีความหอม หวาน มีรสชาติมากกว่า 16,000 ชนิด ซึ่งกลายเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เด็กและเยาวชนทั่วโลกเลือกสูบ และยังสามารถทำให้เสพติด โดยไม่พบว่าช่วยในการเลิกบุหรี่มวนได้แต่อย่างใด ดร.วศิน พิพัฒนฉัตร เลขานุการคณะกรรมการพัฒนานโยบายฯ กล่าวว่า กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมบุหรี่ไฟฟ้าในประเทศไทยมี 4 ฉบับ ได้แก่ 1. ประกาศกระทรวงพาณิชย์ พ.ศ. 2557 ที่กำหนดในเรื่องของการห้ามนำเข้า 2. คำสั่งคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ที่ 9/2558 กำหนดห้ามขาย และห้ามให้บริการ 3. พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. 2560 ห้ามนำเข้า และห้ามครอบครอง 4. พ.ร.บ.ควบคุม ผลิตภัณฑ์ยาสูบ พ.ศ. 2560 ห้ามสูบในพื้นที่สาธารณะ ซึ่งทั้งหมดนี้มีทั้งในส่วนของโทษปรับและโทษจำคุกด้วย ทั้งนี้ หากพิจารณาจากสถานะทางกฎหมาย บุหรี่ไฟฟ้าสามารถเทียบเคียงได้กับการเป็นยาเสพติด เพราะมีทั้งการห้ามนำเข้า ห้ามขาย ห้ามให้บริการ รวมถึงห้ามครอบครอง คำถามคือ ขณะนี้มีถือกันอยู่ในมือของคนทั่วไปได้อย่างไร ดังนั้นจึงเป็นประเด็นที่เราต้องสร้างการรับรู้เรื่องกฎหมาย เพราะยังมีคนที่ไม่เข้าใจเรื่องนี้กันอีกมาก รวมทั้งต้องมาร่วมกันหาแนวทางในการเฝ้าระวัง บังคับใช้กฎหมาย และยืนยันถึงความจำเป็นของนโยบายและมาตรการในป้องกันและปราบปรามการแพร่ระบาดของบุหรี่ไฟฟ้า สำหรับร่างข้อเสนอเชิงนโยบายที่ได้ร่วมกันหารือในครั้งนี้ จำนวน 8 ข้อ มีประเด็นที่สำคัญ ได้แก่ 1. บูรณาการการเรียนการสอนรู้เท่าทันพิษภัยและการตลาดของบุหรี่ไฟฟ้า ในระบบการศึกษาแต่ละระดับ 2. ร่วมกันเผยแพร่ภยันตรายและการเสพติดของบุหรี่ไฟฟ้า และเป็นแบบอย่างของการไม่สูบ 3. เฝ้าระวังเนื้อหาที่เกี่ยวกับการใช้บุหรี่ไฟฟ้าผ่านสื่อต่างๆ 4. ปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้าอย่างจริงจัง ทั้งการขายในสถานที่และในระบบออนไลน์ พร้อมติดตามสืบหาต้นตอของผู้กระทำความผิด 5. เสนอให้รัฐบาลคงไว้ซึ่งนโยบายห้ามนำเข้าบุหรี่ไฟฟ้า 6. ร่วมกันเฝ้าระวังและเปิดโปงกลยุทธ์ของบริษัทบุหรี่ พร้อมป้องกันการแทรกแซงนโยบายควบคุมยาสูบผ่านช่องทางต่างๆ 7. ควบคุม ปราบปราม ดำเนินการทางกฎหมายต่อร้านค้าบุหรี่ไฟฟ้า รวมทั้งมีแนวทางปฏิบัติให้กับผู้ให้บริการธุรกิจแพลตฟอร์มออนไลน์ ธุรกิจโลจิสติกส์ ธุรกิจไปรษณีย์และขนส่งเอกชน 8. ร่วมกันสื่อสารให้เครือข่ายในทุกระดับตระหนักถึงความสำคัญและร่วมกันปกป้องเด็กและเยาวชนจากการเสพติดบุหรี่ไฟฟ้า พร้อมเฝ้าระวังการตลาดของบุหรี่ไฟฟ้าที่มุ่งเป้าไปยังเด็กและเยาวชนในระดับพื้นที่ ขณะที่ ศ.เกียรติคุณ นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ ที่ปรึกษาคณะกรรมการพัฒนานโยบายฯ กล่าวว่า ปัจจุบันเด็กวัยรุ่นส่วนใหญ่ไม่เอาบุหรี่มวน แต่กระโจนเข้ามาสู่การใช้บุหรี่ไฟฟ้า เนื่องด้วยความไม่รู้ถึงพิษภัย และด้วยเพราะการตลาด ทั้งที่สิ่งเหล่านี้ได้รับการพิสูจน์ทางการแพทย์และมีรายงานออกมาแล้ว เพราะฉะนั้นในการปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้า สิ่งสำคัญที่จะต้องทำควบคู่ไปด้วยก็คือ การให้ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องกับเด็ก เยาวชน และสังคม ด้าน นายสุทธิพงษ์ วสุโสภาพล รองเลขาธิการคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ กล่าวว่า ทาง สช. มีความยินดีที่เรื่องนี้ได้เกิดการหารือและนำมาสู่การพัฒนานโยบายสาธารณะ ผ่านกระบวนการสมัชชาสุขภาพเฉพาะประเด็น ซึ่งเป็นพื้นที่กลางหรือแพลตฟอร์มทางสังคมที่ให้แต่ละภาคส่วนได้นำเอาศักยภาพ องค์ความรู้ รวมถึงทรัพยากรที่ตนเองมีมาเชื่อมต่อกัน เพื่อหนุนเสริมให้เกิดการขับเคลื่อนในประเด็นนี้ต่อไป แม้เป็นเรื่องที่ยาก แต่เชื่อว่าจะไม่เกินความสามารถของภาคีเครือข่ายทุกส่วนที่จะมาร่วมกันยกระดับประเด็นนี้ไปสู่ความสำเร็จได้ต่อไป อ่านข่าวอื่น ๆ "เพิ่มพูน" เซ็นหักบำเหน็จบำนาญแก้ปัญหา "หนี้ครู" คนไทยบริโภคน้ำตาลลดลง เหดู บอล สด บ้าน ผล บอล เมื่อ คืนลือ 23 ช้อนชาต่อวัน โพล เผย คนกรุงส่วนใหญ่ มองควรใช้เลขสายรถเมล์เดิม
วันนี้ (8 พ.ย.2565) นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ในช่วงเทศกาลลอยกระทง มักเกิดอุบัติเหตุจากการจุดพลุ ประทัด และดอกไม้ไฟ ทำให้ได้รับบาดเจ็บตามอวัยวะต่างๆ ของร่างกาย หากบาดเจ็บรุนแร
วันนี้ (12 ก.พ.2567) สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) จัดประชุมการพัฒนานโยบายสาธารณะประเด็นการ
- ดู บอล สด บ้าน ผล บอล เมื่อ คืน
- หวย ลาว ออนไลน์ เว็บ ไหน ดี
- บา คา ร่า 777wwคา สิ โน lagalaxy
- ตรวจ ผล สลากกินแบ่ง รัฐบาล งวด วัน ที่ 1 ธันวาคม
- royalfever4
- สล็อต ออ โต้ โบนัส 100โหลด slot joker
นิยายชีวิต โดย : Satria K Yudha
เรื่องและภาพโดย : Satria K Yudha
[[คลิก]] อ่านเรื่องราว “นิยายชีวิต” ได้ที่นี่..