วันนี้ (8 ก.ค.2567) เครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย เ

วันนี้ (20 ก.ย.2566) พ.ต.อ.อภิชาต โพธิจันทร์ รอง ผบก.ปปป.,พ.ต.อ.สมบัติ มาลัย ผกก.2 บก.ปปป.,พ.ต.อ.ธนวัฒน์ หิ้นยกฮิ่น ผกก.1 บก.ปปป. นำกำลังเจ้าหน้าที่ บก.ปปป. สนธิกำลังร่วมกับ เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.และ ป.ป.
วันที่ 10 พ.ค.2566 เวลาประมาณ 19.00 น. กลุ่มมวลชนนักเคลื่อนไหวทางการเมืองกว่า 20 คน พยายามจะเข้าไปใน สน.สำราญราษฎร์ เพื่อทวงถามและร้องขอความเป็นธรรม ให้กับ เยาวชนอายุ 15 ปี ที่ถูกคุมขังในสถานพินิจบ้าน
นับตั้งแต่โครงการอะพอลโล (Apollo) ในช่วงปี ค.ศ. 1969 - 1973 มนุษยชาติประสบความสำเร็จในการเก็บหินและดินจากดวงจันทร์รวมแล้วเป็นน้ำหนักมากกว่า 382 กิโลกรัมกลับสู่โลก ซึ่งแน่นอนว่าหลังจากที่มนุษยชาติเดินทางกลับสู่ดวงจันทร์อีกครั้งในโครงการอาร์ทีมิส หินดวงจันทร์อีกจำนวนมากก็จะถูกนำกลับมาวิจัยที่โลกอีกเช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตามเป้าหมายที่ไกลกว่าดวงจันทร์ของมนุษยชาติก็คือดาวอังคาร และแม้ว่าเราจะประสบความสำเร็จในการส่งยานอวกาศมากมายไปลงจอดบนดาวอังคาร แต่ก็ยังไม่มีภารกิจใดที่สามารถนำพาเอาดินและหินจากดาวอังคารกลับสู่โลกได้สำเร็จ เป้าหมายการนำเอาดินจากดาวอังคารกลับสู่โลกนั้นเริ่มต้นมาตั้งแต่ในช่วง ค.ศ. 1990 เมื่อหน่วยงาน Jet Propulsion Labratory ภายใต้สังกัดนาซา ออกแบบภารกิจที่ในลักษณะ “Mars Sample Return” หรือการนำเอาตัวอย่างดินจากดาวอังคารกลับสู่โลก อย่างไรก็ตาม ภารกิจดังกล่าวไม่เคยเกิดขึ้นจริง จนกระทั่งเมื่อหน่วยงานเดียวกันนี้ได้ออกแบบรถหุ่นยนต์สำรวจดาวอังคารขนาดยักษ์รุ่นที่สองที่มีชื่อว่า “เพอร์เซอเวียแรนซ์” (Perseverance) ให้มีภารกิจที่พิเศษกว่า “คิวริออซิตี” (Curiousity) รุ่นพี่ของมัน นั่นก็คือการเก็บตัวอย่างดินดาวอังคารเพื่อส่งกลับสู่โลก หลังจากที่เพอร์เซอเวียแรนซ์ เริ่มต้นการเดินทางบนดาวอังคารในปี ค.ศ. 2021 นอกจากการใช้อุปกรณ์ต่าง ๆ บนยานตรวจวัดคุณสมบัติทางเคมีของหินละดินบนดาวอังคารแล้ว มันยังมีอุปกรณ์พิเศษที่ใช้เก็บตัวอย่างหินและดินใส่ลงในหลอดทดลองจำนวนทั้งสิ้น 42 หลอด และหย่อนทิ้งไว้ในบริเวณต่าง ๆ ที่ตัวยานเดินทางผ่าน ที่เรียกว่า Sample Cache Depot สำหรับบริเวณที่มีความพยายามในการเก็บตัวอย่างนั้น ก็ได้แก่บริเวณที่เอื้ออำนวยต่อการมีอยู่ของสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กในอดีตของดาวอังคาร ในยุคที่ดาวอังคารยังคงถูกปกคลุมไปด้วยน้ำ หรืออาจมีการปนเปื้อนสารเคมีของสิ่งมีชีวิตในอดีต (Bio Signature) ซึ่งสาเหตุที่ต้องมีการส่งกลับมายังโลกนั้น ก็เพราะว่าจะสามารถใช้เครื่องมือวิทยาศาสตร์ที่ทันสมัยและมีความแม่นยำมากกว่าเครื่องมือที่ถูกติดตั้งไปกับยานเพอร์เซอเวียแรนซ์ ในการวิเคราะห์ตัวอย่างดังกล่าวได้ การออกแบบภารกิจเช่นนี้จะใกล้เคียงกับกรณีของโครงการอะพอลโล ที่มีการเก็บตัวอย่างหินบางส่วนไว้นานกว่า 50 ปี ก่อนที่จะเปิดผนึกนำตัวอย่างที่ถูกเก็บรักษาไว้มาวิเคราะห์ด้วยเทคโนโลยีของยุคปัจจุบัน ซึ่งมีความแม่นยำมากกว่าเทคโนโลยีในช่วงทศวรรษที่ 70 อย่างไรก็ตามเพอร์เซอเวียแรนซ์มีหน้าที่แค่ขุดเจาะและวางหลอดตัวอย่างไว้ในจุดต่าง ๆ เท่านั้น สาเหตุที่ต้องทำเช่นนี้เพราะว่าเพอร์เซอเวียแรนซ์ ยังไม่มีความสามารถในการนำส่งตัวอย่างเหล่านี้กลับสู่โลก หากแต่จะต้องเฝ้ารอหุ่นยนต์สำรวจอวกาศรุ่นใหม่มาสานต่อภารกิจนี้ ซึ่งปัจจุบันองค์การอวกาศยุโรป หรือ อีซา (European Space Agency - ESA) กำลังวิจัยและพัฒนายานหุ่นยนต์ที่สามารถเก็บเอาตัวอย่างที่เพอร์เซอเวียแรนซ์ทิ้งไว้บนพื้นผิวของดาวอังคารส่งกลับมายังโลกให้จนได้ โดยตั้งเป้าเอาไว้ไม่เกินปี ค.ศ. 2028 กระบวนการที่ซับซ้อนนี้ถูกออกแบบร่วมกันระหว่างนาซาและอีซา ส่วนประกอบสำคัญของกระบวนการ ก็ได้แก่พาหนะนำส่งจากดาวอังคาร (Mars Ascent Vehicle) ที่จะต้องจุดจรวดนำพาเอาตัวอย่างดิน ขึ้นสู่วงโคจรของดาวอังคารก่อนที่จะนัดพบกับยานอวกาศอีกลำที่รอคอยอยู่เพื่อส่งถ่ายตัวอย่างและเริ่มต้นการเดินทางกลับสู่โลก นอกจากภารกิจ Mars Sample Return แล้ว ในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา มนุษย์ก็ได้มีความพยายามในการเก็บตัวอย่างดินและหินจากวัตถุอื่น ๆ ในระบบสุริยะกลับมายังโลก เช่น ภารกิจฮายาบูสะ (Hayabusโจ๊ก เกอร์ 909a) 1 และ 2 ของญี่ปุ่น ที่เป็นยานอวกาศเดินทางไปเก็บตัวอย่างของดาวเคราะห์น้อย โดยในภารกิจที่ 2 นั้น ก็สามารถเก็บตัวอย่างของดาวเคราะห์น้อย 162173 ริวงู กลับมาได้สำเร็จในปี ค.ศ. 2020 ความท้าทายของการนำเอาตัวอย่างดินและหินจากดาวอังคารกลับสู่โลกเมื่อเทียบกับภารกิจอื่นนั้นก็ได้แก่ “แรงโน้มถ่วง” เนื่องจากดาวอังคารเป็นดาวเคราะห์ซึ่งมีแรงโน้มถ่วงมหาศาล ทำให้ยานอวกาศจำเป็นต้องใช้เชื้อเพลิงจำนวนมากในการต่อสู้กับแรงโน้มถ่วงในเที่ยวกลับ ทำให้การเดินทางสู่วัตถุใด ๆ ในอวกาศมักเป็นการเดินทางในลักษณะเที่ยวเดียวเสียเป็นส่วนมากหากไม่มีความจำเป็นจะต้องนำตัวอย่างกลับสู่โลก Mars Sample Return จึงเป็นภารกิจที่แสดงถึงความทะเยอทะยานของมนุษย์ และสามารถนับได้ว่าเป็นก้าวแรกของการเดินทางสู่ดาวอังคารของมนุษย์ เพราะจะเป็นสิ่งที่รับประกันว่าบรรดานักบินอวกาศที่เดินทางไปเยือนดาวอังคารในอนาคตจะมีตั๋วขากลับและไม่ถูกทิ้งไว้บนดาวอังคารเหมือนกับยานสำรวจอวกาศที่ผ่านมาในอดีต ที่มาข้อมูลและภาพ: NASA“รอบรู้ ดูกระแส ก้าวทันโลก” ไปกับ Thai PBS Sci & Tech
รัฐแมสซาชูเซตส์ ถือเป็นเมืองที่ค่าครองชีพสูงอันดับต้นๆ ของสหรัฐอเมริกา รวมถึงมีคนไทย นักเรียนไทยอาศั
วันนี้ (7 พ.ค.2567) นายจุลพงษ์ ทวีศรี อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม เดินทางไปศาลจังหวัดระยอง เพื่อขอให้ศ
ชเวียตลานา ชีคาโนว์สกายา นักการเมืองชาวเบลารุส และนักเคลื่อนไหว ได้โพสต์ใน X ใจความว่า ตอนนี้ทางการร
นับตั้งแต่โครงการอะพอลโล (Apollo) ในช่วงปี ค.ศ. 1969 - 1973 มนุษยชาติประสบความสำเร็จในการเก็บหินและดินจากดวงจันทร์รวมแล้วเป็นน้ำหนักมากกว่า 382 กิโลกรัมกลับสู่โลก ซึ่งแน่นอนว่าหลังจากที่มนุษยชาติเดินทางกลับสู่ดวงจันทร์อีกครั้งในโครงการอาร์ทีมิส หินดวงจันทร์อีกจำนวนมากก็จะถูกนำกลับมาวิจัยที่โลกอีกเช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตามเป้าหมายที่ไกลกว่าดวงจันทร์ของมนุษยชาติก็คือดาวอังคาร และแม้ว่าเราจะประสบความสำเร็จในการส่งยานอวกาศมากมายไปลงจอดบนดาวอังคาร แต่ก็ยังไม่มีภารกิจใดที่สามารถนำพาเอาดินและหินจากดาวอังคารกลับสู่โลกได้สำเร็จ เป้าหมายการนำเอาดินจากดาวอังคารกลับสู่โลกนั้นเริ่มต้นมาตั้งแต่ในช่วง ค.ศ. 1990 เมื่อหน่วยงาน Jet Propulsion Labratory ภายใต้สังกัดนาซา ออกแบบภารกิจที่ในลักษณะ “Mars Sample Return” หรือการนำเอาตัวอย่างดินจากดาวอังคารกลับสู่โลก อย่างไรก็ตาม ภารกิจดังกล่าวไม่เคยเกิดขึ้นจริง จนกระทั่งเมื่อหน่วยงานเดียวกันนี้ได้ออกแบบรถหุ่นยนต์สำรวจดาวอังคารขนาดยักษ์รุ่นที่สองที่มีชื่อว่า “เพอร์เซอเวียแรนซ์” (Perseverance) ให้มีภารกิจที่พิเศษกว่า “คิวริออซิตี” (Curiousity) รุ่นพี่ของมัน นั่นก็คือการเก็บตัวอย่างดินดาวอังคารเพื่อส่งกลับสู่โลก หลังจากที่เพอร์เซอเวียแรนซ์ เริ่มต้นการเดินทางบนดาวอังคารในปี ค.ศ. 2021 นอกจากการใช้อุปกรณ์ต่าง ๆ บนยานตรวจวัดคุณสมบัติทางเคมีของหินละดินบนดาวอังคารแล้ว มันยังมีอุปกรณ์พิเศษที่ใช้เก็บตัวอย่างหินและดินใส่ลงในหลอดทดลองจำนวนทั้งสิ้น 42 หลอด และหย่อนทิ้งไว้ในบริเวณต่าง ๆ ที่ตัวยานเดินทางผ่าน ที่เรียกว่า Sample Cache Depot สำหรับบริเวณที่มีความพยายามในการเก็บตัวอย่างนั้น ก็ได้แก่บริเวณที่เอื้ออำนวยต่อการมีอยู่ของสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กในอดีตของดาวอังคาร ในยุคที่ดาวอังคารยังคงถูกปกคลุมไปด้วยน้ำ หรืออาจมีการปนเปื้อนสารเคมีของสิ่งมีชีวิตในอดีต (Bio Signature) ซึ่งสาเหตุที่ต้องมีการส่งกลับมายังโลกนั้น ก็เพราะว่าจะสามารถใช้เครื่องมือวิทยาศาสตร์ที่ทันสมัยและมีความแม่นยำมากกว่าเครื่องมือที่ถูกติดตั้งไปกับยานเพอร์เซอเวียแรนซ์ ในการวิเคราะห์ตัวอย่างดังกล่าวได้ การออกแบบภารกิจเช่นนี้จะใกล้เคียงกับกรณีของโครงการอะพอลโล ที่มีการเก็บตัวอย่างหินบางส่วนไว้นานกว่า 50 ปี ก่อนที่จะเปิดผนึกนำตัวอย่างที่ถูกเก็บรักษาไว้มาวิเคราะห์ด้วยเทคโนโลยีของยุคปัจจุบัน ซึ่งมีความแม่นยำมากกว่าเทคโนโลยีในช่วงทศวรรษที่ 70 อย่างไรก็ตามเพอร์เซอเวียแรนซ์มีหน้าที่แค่ขุดเจาะและวางหลอดตัวอย่างไว้ในจุดต่าง ๆ เท่านั้น สาเหตุที่ต้องทำเช่นนี้เพราะว่าเพอร์เซอเวียแรนซ์ ยังไม่มีความสามารถในการนำส่งตัวอย่างเหล่านี้กลับสู่โลก หากแต่จะต้องเฝ้ารอหุ่นยนต์สำรวจอวกาศรุ่นใหม่มาสานต่อภารกิจนี้ ซึ่งปัจจุบันองค์การอวกาศยุโรป หรือ อีซา (European Space Agency - ESA) กำลังวิจัยและพัฒนายานหุ่นยนต์ที่สามารถเก็บเอาตัวอย่างที่เพอร์เซอเวียแรนซ์ทิ้งไว้บนพื้นผิวของดาวอังคารส่งกลับมายังโลกให้จนได้ โดยตั้งเป้าเอาไว้ไม่เกินปี ค.ศ. 2028 กระบวนการที่ซับซ้อนนี้ถูกออกแบบร่วมกันระหว่างนาซาและอีซา ส่วนประกอบสำคัญของกระบวนการ ก็ได้แก่พาหนะนำส่งจากดาวอังคาร (Mars Ascent Vehicle) ที่จะต้องจุดจรวดนำพาเอาตัวอย่างดิน ขึ้นสู่วงโคจรของดาวอังคารก่อนที่จะนัดพบกับยานอวกาศอีกลำที่รอคอยอยู่เพื่อส่งถ่ายตัวอย่างและเริ่มต้นการเดินทางกลับสู่โลก นอกจากภารกิจ Mars Sample Return แล้ว ในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา มนุษย์ก็ได้มีความพยายามในการเก็บตัวอย่างดินและหินจากวัตถุอื่น ๆ ในระบบสุริยะกลับมายังโลก เช่น ภารกิจฮายาบูสะ (Hayabusโจ๊ก เกอร์ 909a) 1 และ 2 ของญี่ปุ่น ที่เป็นยานอวกาศเดินทางไปเก็บตัวอย่างของดาวเคราะห์น้อย โดยในภารกิจที่ 2 นั้น ก็สามารถเก็บตัวอย่างของดาวเคราะห์น้อย 162173 ริวงู กลับมาได้สำเร็จในปี ค.ศ. 2020 ความท้าทายของการนำเอาตัวอย่างดินและหินจากดาวอังคารกลับสู่โลกเมื่อเทียบกับภารกิจอื่นนั้นก็ได้แก่ “แรงโน้มถ่วง” เนื่องจากดาวอังคารเป็นดาวเคราะห์ซึ่งมีแรงโน้มถ่วงมหาศาล ทำให้ยานอวกาศจำเป็นต้องใช้เชื้อเพลิงจำนวนมากในการต่อสู้กับแรงโน้มถ่วงในเที่ยวกลับ ทำให้การเดินทางสู่วัตถุใด ๆ ในอวกาศมักเป็นการเดินทางในลักษณะเที่ยวเดียวเสียเป็นส่วนมากหากไม่มีความจำเป็นจะต้องนำตัวอย่างกลับสู่โลก Mars Sample Return จึงเป็นภารกิจที่แสดงถึงความทะเยอทะยานของมนุษย์ และสามารถนับได้ว่าเป็นก้าวแรกของการเดินทางสู่ดาวอังคารของมนุษย์ เพราะจะเป็นสิ่งที่รับประกันว่าบรรดานักบินอวกาศที่เดินทางไปเยือนดาวอังคารในอนาคตจะมีตั๋วขากลับและไม่ถูกทิ้งไว้บนดาวอังคารเหมือนกับยานสำรวจอวกาศที่ผ่านมาในอดีต ที่มาข้อมูลและภาพ: NASA“รอบรู้ ดูกระแส ก้าวทันโลก” ไปกับ Thai PBS Sci & Tech
นับตั้งแต่โครงการอะพอลโล (Apollo) ในช่วงปี ค.ศ. 1969 - 1973 มนุษยชาติประสบความสำเร็จในการเก็บหินและด