เครดิต ฟรี รับ ทันที
วันนี้ (15 ก.พ.2566) สภาฯ อภิปรายทั่วไปเพื่อซักถาม
฿84449
บาท1
ห้องนอน
13
ห้องน้ำ
670
ตร.ม.
฿ 7764
/ ตารางเมตร
เครดิต ฟรี รับ ทันที
วันนี้ (24 มิ.ย.2565) นายจิรายุทธ ผโลประการ หรือเต
UID: 35327
วันนี้ (5 ก.ค.2567) กรณีเกิดหลุมยุบขนาดใหญ่บริเวณกลางไร่อ้อย หมู่บ้านศรีสังวาลย์ หมู่ 1 ต.ด่านช้าง อ
โรคมะเร็ง (Cancer) เป็นหนึ่งในโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ที่เป็นปัญหาด้านสาธารณสุขและมีแนวโน้มอุบัต
โรคมะเร็ง (Cancer) เป็นหนึ่งในโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ที่เป็นปัญหาด้านสาธารณสุขและมีแนวโน้มอุบัติการณ์การเกิดโรคสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี โดยเมื่อวันที่ 4 ก.พ.2568 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข เปิดเผยว่า แต่ละปีประเทศไทยมีผู้ป่วยมะเร็งรายใหม่กว่า 140,000 คน และมีผู้เสียชีวิตกว่า 86,000 คน ขณะที่แต่ละวันมีผู้ป่วยมะเร็ง 386 คนและเสียชีวิต 232 คนต่อวัน ก่อนหน้านี้ในปี 2565 ข้อมูลขององค์การอนามัยโลก รายงานว่า พบผู้ป่วยมะเร็งรายใหม่ประมาณ 19.9 ล้านคน และในจำนวนนี้มีผู้เสียชีวิตจากโรคมะเร็ง ประมาณ 9.7 ล้านคน ซึ่งถือเป็น 1 ใน 6 ของการเสียชีวิตของประชากรทั่วโลก โดยโรคมะเร็งที่พบบ่อยในเพศชาย ได้แก่ มะเร็งปอด, มะเร็งต่อมลูกหมาก, มะเร็งลำไส้ใหญ่, มะเร็งกระเพาะอาหาร และมะเร็งตับ ส่วนมะเร็งที่พบบ่อยในเพศหญิงคือ มะเร็งเต้านม, มะเร็งลำไส้ใหญ่, มะเร็งปอด, มะเร็งปากมดลูก และมะเร็งต่อมไทรอยด์ ขณะที่ข้อมูลทะเบียนมะเร็งระดับโรงพยาบาลปี 2565 โดยสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ระบุข้อมูลโรคมะเร็งที่พบมาก 10 อันดับแรกของผู้ป่วยมะเร็งรายใหม่ในสถาบันมะเร็งแห่งชาติ ดังนี้ "เพศชาย" ได้แก่ 1.มะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก, 2.มะเร็งตับและท่อน้ำดี, 3.มะเร็งปอด, 4.มะเร็งต่อมลูกหมาก, 5.มะเร็งช่องปาก, 6.มะเร็งหลอดอาหาร, 7.มะเร็งหลังโพรงจมูก, 8.มะเร็งกระเพาะอาหาร, 9.มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ และ 10.มะเร็งช่องปากและคอหอย "เพศหญิง" ได้แก่ 1.มะเร็งเต้านม, 2.มะเร็งปากมดลูก, 3 มะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก, 4.มะเร็งปอด, 5.มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก, 6.มะเร็งตับและท่อน้ำดี, 7.มะเร็งรังไข่, 8.มะเร็งช่องปาก, 9.มะเร็งกระเพาะอาหาร และ 10.มะเร็งไทรอยด์ ส่วนการเสียชีวิตจากโรคมะเร็งของคนไทย ในปี 2565 มีผู้เสียชีวิต 83,334 คน ในจำนวนนี้เป็นเพศชาย 47,153 คน เพศหญิง 36,181 คน โดย 5 อันดับโรคมะเร็งที่เป็นสาเหตุการเสียชีวิตในเพศชาย ได้แก่ มะเร็งตับและท่อน้ำดี, มะเร็งปอด, มะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรง, มะเร็งช่องปากและคอหอย และมะเร็งต่อมลูกหมาก ส่วนในเพศหญิง ได้แก่ มะเร็งปอด, มะเร็งเต้านม, มะเร็งตับและท่อน้ำดี, มะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรง และมะเร็งปากมดลูก ข้อมูลจากกรมการแพทย์ ระบุว่า "มะเร็งตับ" ที่พบมากในประเทศไทยมี 2 ชนิด คือ มะเร็งของเซลล์ตับและมะเร็งท่อน้ำดีตับ โดยพบมากในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือ สาเหตุของมะเร็งตับส่วนมากเกิดจากการเป็นพาหะของไวรัสตับอักเสบชนิดบี ส่วนสาเหตุของมะเร็งท่อน้ำดี เกิดจากพยาธิใบไม้ตับ ร่วมกับการรับประทานอาหารที่มีดินประสิว (ไนเตรท) และไนไตรท์ เช่น ปลาร้า ปลาจ่อม ปลาส้มแหนม ฯลฯ นอกจากนี้การดื่มสุราเป็นประจำ การรับสารพิษอะฟลาทอกซินที่เกิดจากเชื้อราบางชนิดที่พบในอาหารประเภทถั่ว ข้าวโพด พริกแห้ง รวมถึงไวรัสตับอักเสบชนิดซี ก็เป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ทำให้เกิดมะเร็งตับได้ ผู้ป่วยมะเร็งตับและท่อน้ำดีแต่ละคนอาจแสดงอาการแตกต่างกัน โดยทั่วไปมักไม่มีอาการในระยะแรก อาการส่วนใหญ่ที่พบคือ แน่นท้อง ท้องอืดและท้องเฟ้อเป็นประจำ อ่อนเพลีย น้ำหนักลด ปวดหรือเสียดชายโครงขวา อาจคลำพบก้อนในช่องท้อง ตัวเหลืองตาเหลือง ท้องโต และมีอาการบวมบริเวณขาทั้ง 2 ข้าง เป็นต้น หากมีอาการเหล่านี้ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัย เช่น การตรวจเลือดดูความผิดปกติการทํางานของตับ การตรวจระดับอัลฟาฟีโตโปรตีน การอัลตราซาวด์เพื่อดูก้อนที่ตับ การเอกเครดิต ฟรี รับ ทันทีซเรย์คอมพิวเตอร์ หรือการตรวจด้วยคลื่นแม่เหล็ก เป็นต้น การรักษามะเร็งตับและท่อน้ำดีมีหลายวิธี ซึ่งจําเป็นต้องประเมินโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละคน สำหรับการป้องกันโรคทำได้โดยการให้วัคซีนไวรัสตับอักเสบชนิดบีในเด็กแรกเกิดทุกคน ไม่รับประทานปลาน้ำจืดดิบ หลีกเลี่ยงอาหารที่มีสารก่อมะเร็ง เช่น อาหารที่อาจปนเปื้อนสารอะฟลาทอกซิน อาหารที่มีดินประสิว และอาหารหมักดอง เป็นต้น งดการดื่มสุรา และควรออกกำลังกายสม่ำเสมอ หากสงสัยว่ามีความเสี่ยงต่อมะเร็งตับและท่อน้ำดี ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัย โดยเฉพาะผู้ป่วยที่มีประวัติเป็นโรคตับอักเสบหรือท่อน้ำดีอักเสบเรื้อรัง ควรรับการตรวจหามะเร็งอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้สามารถรักษาได้อย่างทันท่วงทีและลดอัตราการเสียชีวิตจากโรคมะเร็งตับหรือมะเร็งท่อน้ำดีได้ "มะเร็งปอด" เป็นมะเร็งที่คนทั่วโลกป่วยและเสียชีวิตมากที่สุด โดยประเทศไทยพบเป็นอันดับ 2 รองจากมะเร็งตับและท่อน้ำดี โดยมะเร็งปอดแบ่งได้เป็น 2 ชนิด ได้แก่ มะเร็งชนิดเซลล์ขนาดเล็ก พบได้ประมาณ 10-15% และมะเร็งชนิดเซลล์ไม่ใช่ขนาดเล็ก พบได้ประมาณ 85-90% โดยปอดเป็นอวัยวะที่ทำหน้าที่นำก๊าซออกซิเจนจากสิ่งแวดล้อมเข้าสู่ระบบเลือด และนำก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในเลือดออกสู่สิ่งแวดล้อม ดังนั้นหากเป็นมะเร็งปอดระยะลุกลามความรุนแรงต่อชีวิตจึงค่อนข้างสูง หากตรวจให้พบเจอได้ตั้งแต่ระยะแรก จะมีโอกาสรักษาหายสูง ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดมะเร็งปอดคือ การสูบหรือรับควันบุหรี่มือสอง ซึ่งมีทั้งบุหรี่ทั่วไปและบุหรี่ไฟฟ้า นอกจากนี้ยังมีปัจจัยเสี่ยงด้านพันธุกรรม การสัมผัสสารก่อมะเร็ง ได้แก่ แร่ใยหิน ก๊าซเรดอน รังสี ควันธูป ฝุ่นไม้ และมลภาวะทางอากาศต่าง ๆ โดยเฉพาะฝุ่น PM2.5 ซึ่งประกอบไปด้วยสารเคมีปนเปื้อนหลายชนิดที่เป็นสารก่อเกิดมะเร็ง สัญญาณเตือนของมะเร็งปอดคือ อาการผิดปกติของการทำงานของปอด เช่น ไอเรื้อรังนานกว่า 2 สัปดาห์ ไอมีเสมหะปนเลือด หายใจลำบาก เหนื่อยหอบ มีเสียงหวีด ปอดติดเชื้อบ่อยหรือเรื้อรัง นอกจากนี้ยังอาจจะมีอาการเสียงแหบ เจ็บหน้าอกหรือหัวไหล่ เหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร และน้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ การรักษาโรคมะเร็งปอดจะต้องพิจารณาจากองค์ประกอบหลายอย่าง ได้แก่ ชนิดของเซลล์มะเร็ง ระยะของโรค รวมถึงสภาวะความแข็งแรงของผู้ป่วย โดยการรักษาในปัจจุบันประกอบด้วยการผ่าตัด การฉายรังสี การให้ยาเคมีบำบัด การรักษาด้วยยามุ่งเป้าทำลายเซลล์มะเร็ง และ/หรือการรักษาด้วยยากระตุ้นภูมิคุ้มกันบำบัด ซึ่งอาจต้องใช้การรักษาร่วมกันหลายวิธี เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลของการรักษา ประเทศไทย "มะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรง" เป็น 1 ใน 5 ของมะเร็งที่พบมากในคนไทยและมีอัตราการเกิดโรคสูงขึ้นทุกปี โดยพบมากเป็นอันดับ 3 ในเพศชายและอันดับ 4 ในเพศหญิง ปัจจัยเสี่ยงสำคัญต่อการเกิดโรคมาจากพฤติกรรมการบริโภค เช่น อาหารไขมันสูง อาหารฟาสต์ฟู้ดต่าง ๆ อาหารปิ้งย่างไหม้เกรียม อาหารจากน้ำมันทอดซ้ำ และเนื้อสัตว์แปรรูป นอกจากนี้ยังมีปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ เช่น การสูบบุหรี่ ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การขาดการออกกำลังกาย การมีภาวะอ้วนน้ำหนักเกิน ตลอดจนการมีประวัติครอบครัวหรือตนเองเป็นติ่งเนื้อในลำไส้ เป็นต้น โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่เริ่มจากการเกิดติ่งเนื้อในลำไส้และพัฒนาจนเป็นมะเร็ง โดยใช้ระยะเวลาประมาณ 10-15 ปี มักจะไม่มีอาการในระยะเริ่มแรกของโรค จะมีอาการก็ต่อเมื่อโรคลุกลามมากขึ้นจนถึงระยะสุดท้าย ส่งผลทำให้การรักษาไม่ได้ผลดีเท่าที่ควร โดยอาการของโรคที่พบบ่อย ได้แก่ การถ่ายอุจจาระผิดปกติ มีอาการท้องผูกสลับท้องเสีย ถ่ายอุจจาระบ่อยครั้ง ถ่ายไม่สุด ถ่ายเป็นมูกหรือมูกปนเลือด หรืออาจถ่ายเป็นเลือดสด ขนาดลำอุจจาระเล็กลง มีอาการปวดท้อง แน่นท้อง ท้องอืดและจุกเสียด เป็นต้น อย่างไรก็ตาม มะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรงเป็นมะเร็งที่สามารถตรวจคัดกรองเพื่อค้นหามะเร็งในระยะเริ่มแรกได้ ผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไปควรรับการตรวจคัดกรองโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรงด้วยการตรวจหาเลือดแฝงในอุจจาระปีละครั้ง หากผิดปกติควรได้รับการส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่ กรณีพบติ่งเนื้อหรือความผิดปกติในลำไส้ใหญ่ แพทย์จะตัดชิ้นเนื้อบริเวณดังกล่าวเพื่อวินิจฉัย "มะเร็งเต้านม" พบเป็นอันดับ 1 ในหญิงไทยและทั่วโลก ขณะที่ความก้าวหน้าทางสาธารณสุขทำให้ประชากรมีอายุยืนยาวมากขึ้น ส่งผลทำให้มะเร็งเต้านมมีแนวโน้มอุบัติการณ์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยพบว่าปัจจุบันมีผู้ป่วยมะเร็งเต้านมรายใหม่มากกว่า 20,000 คนต่อปี ในจำนวนนี้มีผู้เสียชีวิตจากมะเร็งเต้านมประมาณ 4,800 คน สัญญาณเตือนของมะเร็งเต้านมที่สามารถตรวจพบได้ด้วยตนเอง ได้แก่ ก้อนที่เต้านมหรือรักแร้ รูปร่างของเต้านมเปลี่ยนแปลงไป เช่น มีรอยบุ๋ม ผิวหนังบวมแดงขึ้น หัวนมบุ๋มหรือถูกดึงรั้ง มีผื่นหรือแผลที่เต้านมและหัวนม มีน้ำหรือเลือดไหลออกจากหัวนม หากสังเกตพบอาการเหล่านี้ควรมาพบแพทย์เพื่อทำการตรวจวินิจฉัยเพิ่มเติมทันที นอกจากการสังเกตด้วยตนเองแล้วยังสามารถรับการตรวจเต้านมโดยบุคลากรทางการแพทย์ได้ปีละ 1 ครั้ง และสำหรับผู้หญิงที่อายุมากกว่า 40 ปีขึ้นไป แม้จะไม่มีอาการผิดปกติ การทำแมมโมแกรมเต้านมปีละ 1 ครั้งจะทำให้สามารถตรวจพบมะเร็งเต้านมในระยะเริ่มแรกที่ยังไม่แสดงอาการ ซึ่งมีผลการศึกษาอย่างชัดเจนแล้วว่าเป็นวิธีการตรวจคัดกรองที่สามารถลดอัตราตายจากมะเร็งเต้านมได้จริง ซึ่งหากตรวจพบมะเร็งเต้านมในระยะเริ่มแรกโอกาสในการหายจากมะเร็งเต้านมจะสูงถึงมากกว่าร้อยละ 95 สาเหตุหลักของ "มะเร็งปากมดลูก" เกิดจากการติดเชื้อ HPV สายพันธุ์ 16, 18 และสายพันธุ์ความเสี่ยงสูงอื่น ๆ โดยเชื้อ HPV เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ชนิดหนึ่งที่สามารถติดได้ทั้งที่ผิวหนัง อวัยวะเพศ ในช่องปากและลำคอ โดยปกติผู้ที่มีเพศสัมพันธ์สามารถติดเชื้อไวรัสนี้ได้ แต่มักจะไม่แสดงอาการ ส่วนมากระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายของเราสามารถที่จะกำจัดเชื้อออกจากร่างกาย มีเพียงร้อยละ 5-10 เท่านั้นที่ระบบภูมิคุ้มกันไม่สามารถกำจัดเชื้อ HPV สายพันธุ์ความเสี่ยงสูงออกไปได้ ทำให้การติดเชื้อคงอยู่นานและสามารถก่อให้เกิดความผิดปกติของเซลล์จนเปลี่ยนแปลงไปเป็นเซลล์มะเร็งในที่สุด การติดเชื้อ HPV ในลักษณะคงอยู่นาน หรือ Persistent HPV ถ้าไม่ได้รับการรักษาจะเป็นสาเหตุของการเกิดมะเร็งปากมดลูกได้ถึง 95% โดยจะใช้เวลาประมาณ 15-20 ปี หลังการติดเชื้อจนกลายไปเป็นเซลล์มะเร็ง อย่างไรก็ตามสามารถป้องกันการเกิดมะเร็งชนิดนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพจากการฉีดวัคซีน การตรวจคัดกรองและรักษาโรคตั้งแต่ระยะก่อนเป็นโรคมะเร็ง สำหรับกลุ่มประชากรที่เหมาะสมกับการฉีดวัคซีน HPV ได้แก่ 1.กลุ่มผู้ที่ยังไม่เคยมีเพศสัมพันธ์หรือยังไม่เคยติดเชื้อมาก่อน ได้แก่ เด็กหญิงและเด็กชายที่อายุ 11-12 ปี และหากไม่ได้รับวัคซีนในช่วงอายุดังกล่าวสามารถฉีดในช่วงอายุ 13-26 ปีได้, 2.ผู้หญิงและผู้ชายอายุ 27-45 ปี ให้พิจารณาฉีดวัคซีนเป็นคน ๆ ไป ผู้ที่ต้องการฉีดวัคซีนควรได้รับคำอธิบายถึงประโยชน์ที่จะได้รับและอาจไม่เทียบเท่ากับการฉีดในช่วงอายุ 9-26 ปี 3.ผู้หญิงที่เคยเป็นหรือกำลังมีหูดหงอนไก่ หรือรอยโรคก่อนมะเร็งปากมดลูก หรือมีผลตรวจคัดกรองทางเซลล์วิทยาปากมดลูกผิดปกติ หรือตรวจพบเชื้อ HPV กลุ่มความเสี่ยงสูง ยังคงแนะนำให้ฉีดวัคซีนเช่นเดียวกับสตรีทั่วไป และ 4. ผู้หญิงที่มีเพศสัมพันธ์แล้วสามารถฉีดวัคซีนนี้ได้ โดยไม่มีความจำเป็นต้องตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกหรือตรวจหาเชื้อ HPV กลุ่มเสี่ยงสูงก่อนเริ่มฉีดวัคซีน ปัจจุบันยังไม่มีข้อมูลยืนยันว่าการฉีดวัคซีนมีผลเสียต่อภาวะเจริญพันธุ์ การตั้งครรภ์ หรือมีผลต่อทารก แต่อย่างไรก็ตาม องค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา แนะนำว่าสตรีตั้งครรภ์ไม่ควรรับการฉีดวัคซีน หากได้เริ่มฉีดไปแล้วให้หยุดฉีดวัคซีนเข็มที่เหลือ ไม่จำเป็นต้องยุติการตั้งครรภ์หรือทำแท้ง และให้กลับมาฉีดต่อหลังคลอดจนครบ 3 เข็ม ส่วนหญิงที่ให้นมบุตรสามารถฉีดวัคซีนได้ไม่มีผลกระทบหรือผลเสียต่อทารก อ่านข่าว ถ้าเราเป็น “มะเร็ง” ต้องรักษายังไงบ้าง 30 บาทรักษาทุกที่ทำคนไข้สับสน สปสช.ย้ำเร่งแก้ปัญหาใบส่งตัว
ตัวเลข 20,197 ล้านบาท คือการยึดอายัดทรัพย์สินเครือข่ายค้ายาเสพติด 242 เครือข่าย โดยใช้มาตรการยึดทรัพ
วันนี้ (5 ก.ค.2567) กรณีเกิดหลุมยุบขนาดใหญ่บริเวณกลางไร่อ้อย หมู่บ้านศรีสังวาลย์ หมู่ 1 ต.ด่านช้าง อ
โรคมะเร็ง (Cancer) เป็นหนึ่งในโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ที่เป็นปัญหาด้านสาธารณสุขและมีแนวโน้มอุบัต
โรคมะเร็ง (Cancer) เป็นหนึ่งในโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ที่เป็นปัญหาด้านสาธารณสุขและมีแนวโน้มอุบัติการณ์การเกิดโรคสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี โดยเมื่อวันที่ 4 ก.พ.2568 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข เปิดเผยว่า แต่ละปีประเทศไทยมีผู้ป่วยมะเร็งรายใหม่กว่า 140,000 คน และมีผู้เสียชีวิตกว่า 86,000 คน ขณะที่แต่ละวันมีผู้ป่วยมะเร็ง 386 คนและเสียชีวิต 232 คนต่อวัน ก่อนหน้านี้ในปี 2565 ข้อมูลขององค์การอนามัยโลก รายงานว่า พบผู้ป่วยมะเร็งรายใหม่ประมาณ 19.9 ล้านคน และในจำนวนนี้มีผู้เสียชีวิตจากโรคมะเร็ง ประมาณ 9.7 ล้านคน ซึ่งถือเป็น 1 ใน 6 ของการเสียชีวิตของประชากรทั่วโลก โดยโรคมะเร็งที่พบบ่อยในเพศชาย ได้แก่ มะเร็งปอด, มะเร็งต่อมลูกหมาก, มะเร็งลำไส้ใหญ่, มะเร็งกระเพาะอาหาร และมะเร็งตับ ส่วนมะเร็งที่พบบ่อยในเพศหญิงคือ มะเร็งเต้านม, มะเร็งลำไส้ใหญ่, มะเร็งปอด, มะเร็งปากมดลูก และมะเร็งต่อมไทรอยด์ ขณะที่ข้อมูลทะเบียนมะเร็งระดับโรงพยาบาลปี 2565 โดยสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ระบุข้อมูลโรคมะเร็งที่พบมาก 10 อันดับแรกของผู้ป่วยมะเร็งรายใหม่ในสถาบันมะเร็งแห่งชาติ ดังนี้ "เพศชาย" ได้แก่ 1.มะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก, 2.มะเร็งตับและท่อน้ำดี, 3.มะเร็งปอด, 4.มะเร็งต่อมลูกหมาก, 5.มะเร็งช่องปาก, 6.มะเร็งหลอดอาหาร, 7.มะเร็งหลังโพรงจมูก, 8.มะเร็งกระเพาะอาหาร, 9.มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ และ 10.มะเร็งช่องปากและคอหอย "เพศหญิง" ได้แก่ 1.มะเร็งเต้านม, 2.มะเร็งปากมดลูก, 3 มะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก, 4.มะเร็งปอด, 5.มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก, 6.มะเร็งตับและท่อน้ำดี, 7.มะเร็งรังไข่, 8.มะเร็งช่องปาก, 9.มะเร็งกระเพาะอาหาร และ 10.มะเร็งไทรอยด์ ส่วนการเสียชีวิตจากโรคมะเร็งของคนไทย ในปี 2565 มีผู้เสียชีวิต 83,334 คน ในจำนวนนี้เป็นเพศชาย 47,153 คน เพศหญิง 36,181 คน โดย 5 อันดับโรคมะเร็งที่เป็นสาเหตุการเสียชีวิตในเพศชาย ได้แก่ มะเร็งตับและท่อน้ำดี, มะเร็งปอด, มะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรง, มะเร็งช่องปากและคอหอย และมะเร็งต่อมลูกหมาก ส่วนในเพศหญิง ได้แก่ มะเร็งปอด, มะเร็งเต้านม, มะเร็งตับและท่อน้ำดี, มะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรง และมะเร็งปากมดลูก ข้อมูลจากกรมการแพทย์ ระบุว่า "มะเร็งตับ" ที่พบมากในประเทศไทยมี 2 ชนิด คือ มะเร็งของเซลล์ตับและมะเร็งท่อน้ำดีตับ โดยพบมากในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือ สาเหตุของมะเร็งตับส่วนมากเกิดจากการเป็นพาหะของไวรัสตับอักเสบชนิดบี ส่วนสาเหตุของมะเร็งท่อน้ำดี เกิดจากพยาธิใบไม้ตับ ร่วมกับการรับประทานอาหารที่มีดินประสิว (ไนเตรท) และไนไตรท์ เช่น ปลาร้า ปลาจ่อม ปลาส้มแหนม ฯลฯ นอกจากนี้การดื่มสุราเป็นประจำ การรับสารพิษอะฟลาทอกซินที่เกิดจากเชื้อราบางชนิดที่พบในอาหารประเภทถั่ว ข้าวโพด พริกแห้ง รวมถึงไวรัสตับอักเสบชนิดซี ก็เป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ทำให้เกิดมะเร็งตับได้ ผู้ป่วยมะเร็งตับและท่อน้ำดีแต่ละคนอาจแสดงอาการแตกต่างกัน โดยทั่วไปมักไม่มีอาการในระยะแรก อาการส่วนใหญ่ที่พบคือ แน่นท้อง ท้องอืดและท้องเฟ้อเป็นประจำ อ่อนเพลีย น้ำหนักลด ปวดหรือเสียดชายโครงขวา อาจคลำพบก้อนในช่องท้อง ตัวเหลืองตาเหลือง ท้องโต และมีอาการบวมบริเวณขาทั้ง 2 ข้าง เป็นต้น หากมีอาการเหล่านี้ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัย เช่น การตรวจเลือดดูความผิดปกติการทํางานของตับ การตรวจระดับอัลฟาฟีโตโปรตีน การอัลตราซาวด์เพื่อดูก้อนที่ตับ การเอกเครดิต ฟรี รับ ทันทีซเรย์คอมพิวเตอร์ หรือการตรวจด้วยคลื่นแม่เหล็ก เป็นต้น การรักษามะเร็งตับและท่อน้ำดีมีหลายวิธี ซึ่งจําเป็นต้องประเมินโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละคน สำหรับการป้องกันโรคทำได้โดยการให้วัคซีนไวรัสตับอักเสบชนิดบีในเด็กแรกเกิดทุกคน ไม่รับประทานปลาน้ำจืดดิบ หลีกเลี่ยงอาหารที่มีสารก่อมะเร็ง เช่น อาหารที่อาจปนเปื้อนสารอะฟลาทอกซิน อาหารที่มีดินประสิว และอาหารหมักดอง เป็นต้น งดการดื่มสุรา และควรออกกำลังกายสม่ำเสมอ หากสงสัยว่ามีความเสี่ยงต่อมะเร็งตับและท่อน้ำดี ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัย โดยเฉพาะผู้ป่วยที่มีประวัติเป็นโรคตับอักเสบหรือท่อน้ำดีอักเสบเรื้อรัง ควรรับการตรวจหามะเร็งอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้สามารถรักษาได้อย่างทันท่วงทีและลดอัตราการเสียชีวิตจากโรคมะเร็งตับหรือมะเร็งท่อน้ำดีได้ "มะเร็งปอด" เป็นมะเร็งที่คนทั่วโลกป่วยและเสียชีวิตมากที่สุด โดยประเทศไทยพบเป็นอันดับ 2 รองจากมะเร็งตับและท่อน้ำดี โดยมะเร็งปอดแบ่งได้เป็น 2 ชนิด ได้แก่ มะเร็งชนิดเซลล์ขนาดเล็ก พบได้ประมาณ 10-15% และมะเร็งชนิดเซลล์ไม่ใช่ขนาดเล็ก พบได้ประมาณ 85-90% โดยปอดเป็นอวัยวะที่ทำหน้าที่นำก๊าซออกซิเจนจากสิ่งแวดล้อมเข้าสู่ระบบเลือด และนำก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในเลือดออกสู่สิ่งแวดล้อม ดังนั้นหากเป็นมะเร็งปอดระยะลุกลามความรุนแรงต่อชีวิตจึงค่อนข้างสูง หากตรวจให้พบเจอได้ตั้งแต่ระยะแรก จะมีโอกาสรักษาหายสูง ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดมะเร็งปอดคือ การสูบหรือรับควันบุหรี่มือสอง ซึ่งมีทั้งบุหรี่ทั่วไปและบุหรี่ไฟฟ้า นอกจากนี้ยังมีปัจจัยเสี่ยงด้านพันธุกรรม การสัมผัสสารก่อมะเร็ง ได้แก่ แร่ใยหิน ก๊าซเรดอน รังสี ควันธูป ฝุ่นไม้ และมลภาวะทางอากาศต่าง ๆ โดยเฉพาะฝุ่น PM2.5 ซึ่งประกอบไปด้วยสารเคมีปนเปื้อนหลายชนิดที่เป็นสารก่อเกิดมะเร็ง สัญญาณเตือนของมะเร็งปอดคือ อาการผิดปกติของการทำงานของปอด เช่น ไอเรื้อรังนานกว่า 2 สัปดาห์ ไอมีเสมหะปนเลือด หายใจลำบาก เหนื่อยหอบ มีเสียงหวีด ปอดติดเชื้อบ่อยหรือเรื้อรัง นอกจากนี้ยังอาจจะมีอาการเสียงแหบ เจ็บหน้าอกหรือหัวไหล่ เหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร และน้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ การรักษาโรคมะเร็งปอดจะต้องพิจารณาจากองค์ประกอบหลายอย่าง ได้แก่ ชนิดของเซลล์มะเร็ง ระยะของโรค รวมถึงสภาวะความแข็งแรงของผู้ป่วย โดยการรักษาในปัจจุบันประกอบด้วยการผ่าตัด การฉายรังสี การให้ยาเคมีบำบัด การรักษาด้วยยามุ่งเป้าทำลายเซลล์มะเร็ง และ/หรือการรักษาด้วยยากระตุ้นภูมิคุ้มกันบำบัด ซึ่งอาจต้องใช้การรักษาร่วมกันหลายวิธี เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลของการรักษา ประเทศไทย "มะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรง" เป็น 1 ใน 5 ของมะเร็งที่พบมากในคนไทยและมีอัตราการเกิดโรคสูงขึ้นทุกปี โดยพบมากเป็นอันดับ 3 ในเพศชายและอันดับ 4 ในเพศหญิง ปัจจัยเสี่ยงสำคัญต่อการเกิดโรคมาจากพฤติกรรมการบริโภค เช่น อาหารไขมันสูง อาหารฟาสต์ฟู้ดต่าง ๆ อาหารปิ้งย่างไหม้เกรียม อาหารจากน้ำมันทอดซ้ำ และเนื้อสัตว์แปรรูป นอกจากนี้ยังมีปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ เช่น การสูบบุหรี่ ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การขาดการออกกำลังกาย การมีภาวะอ้วนน้ำหนักเกิน ตลอดจนการมีประวัติครอบครัวหรือตนเองเป็นติ่งเนื้อในลำไส้ เป็นต้น โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่เริ่มจากการเกิดติ่งเนื้อในลำไส้และพัฒนาจนเป็นมะเร็ง โดยใช้ระยะเวลาประมาณ 10-15 ปี มักจะไม่มีอาการในระยะเริ่มแรกของโรค จะมีอาการก็ต่อเมื่อโรคลุกลามมากขึ้นจนถึงระยะสุดท้าย ส่งผลทำให้การรักษาไม่ได้ผลดีเท่าที่ควร โดยอาการของโรคที่พบบ่อย ได้แก่ การถ่ายอุจจาระผิดปกติ มีอาการท้องผูกสลับท้องเสีย ถ่ายอุจจาระบ่อยครั้ง ถ่ายไม่สุด ถ่ายเป็นมูกหรือมูกปนเลือด หรืออาจถ่ายเป็นเลือดสด ขนาดลำอุจจาระเล็กลง มีอาการปวดท้อง แน่นท้อง ท้องอืดและจุกเสียด เป็นต้น อย่างไรก็ตาม มะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรงเป็นมะเร็งที่สามารถตรวจคัดกรองเพื่อค้นหามะเร็งในระยะเริ่มแรกได้ ผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไปควรรับการตรวจคัดกรองโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรงด้วยการตรวจหาเลือดแฝงในอุจจาระปีละครั้ง หากผิดปกติควรได้รับการส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่ กรณีพบติ่งเนื้อหรือความผิดปกติในลำไส้ใหญ่ แพทย์จะตัดชิ้นเนื้อบริเวณดังกล่าวเพื่อวินิจฉัย "มะเร็งเต้านม" พบเป็นอันดับ 1 ในหญิงไทยและทั่วโลก ขณะที่ความก้าวหน้าทางสาธารณสุขทำให้ประชากรมีอายุยืนยาวมากขึ้น ส่งผลทำให้มะเร็งเต้านมมีแนวโน้มอุบัติการณ์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยพบว่าปัจจุบันมีผู้ป่วยมะเร็งเต้านมรายใหม่มากกว่า 20,000 คนต่อปี ในจำนวนนี้มีผู้เสียชีวิตจากมะเร็งเต้านมประมาณ 4,800 คน สัญญาณเตือนของมะเร็งเต้านมที่สามารถตรวจพบได้ด้วยตนเอง ได้แก่ ก้อนที่เต้านมหรือรักแร้ รูปร่างของเต้านมเปลี่ยนแปลงไป เช่น มีรอยบุ๋ม ผิวหนังบวมแดงขึ้น หัวนมบุ๋มหรือถูกดึงรั้ง มีผื่นหรือแผลที่เต้านมและหัวนม มีน้ำหรือเลือดไหลออกจากหัวนม หากสังเกตพบอาการเหล่านี้ควรมาพบแพทย์เพื่อทำการตรวจวินิจฉัยเพิ่มเติมทันที นอกจากการสังเกตด้วยตนเองแล้วยังสามารถรับการตรวจเต้านมโดยบุคลากรทางการแพทย์ได้ปีละ 1 ครั้ง และสำหรับผู้หญิงที่อายุมากกว่า 40 ปีขึ้นไป แม้จะไม่มีอาการผิดปกติ การทำแมมโมแกรมเต้านมปีละ 1 ครั้งจะทำให้สามารถตรวจพบมะเร็งเต้านมในระยะเริ่มแรกที่ยังไม่แสดงอาการ ซึ่งมีผลการศึกษาอย่างชัดเจนแล้วว่าเป็นวิธีการตรวจคัดกรองที่สามารถลดอัตราตายจากมะเร็งเต้านมได้จริง ซึ่งหากตรวจพบมะเร็งเต้านมในระยะเริ่มแรกโอกาสในการหายจากมะเร็งเต้านมจะสูงถึงมากกว่าร้อยละ 95 สาเหตุหลักของ "มะเร็งปากมดลูก" เกิดจากการติดเชื้อ HPV สายพันธุ์ 16, 18 และสายพันธุ์ความเสี่ยงสูงอื่น ๆ โดยเชื้อ HPV เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ชนิดหนึ่งที่สามารถติดได้ทั้งที่ผิวหนัง อวัยวะเพศ ในช่องปากและลำคอ โดยปกติผู้ที่มีเพศสัมพันธ์สามารถติดเชื้อไวรัสนี้ได้ แต่มักจะไม่แสดงอาการ ส่วนมากระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายของเราสามารถที่จะกำจัดเชื้อออกจากร่างกาย มีเพียงร้อยละ 5-10 เท่านั้นที่ระบบภูมิคุ้มกันไม่สามารถกำจัดเชื้อ HPV สายพันธุ์ความเสี่ยงสูงออกไปได้ ทำให้การติดเชื้อคงอยู่นานและสามารถก่อให้เกิดความผิดปกติของเซลล์จนเปลี่ยนแปลงไปเป็นเซลล์มะเร็งในที่สุด การติดเชื้อ HPV ในลักษณะคงอยู่นาน หรือ Persistent HPV ถ้าไม่ได้รับการรักษาจะเป็นสาเหตุของการเกิดมะเร็งปากมดลูกได้ถึง 95% โดยจะใช้เวลาประมาณ 15-20 ปี หลังการติดเชื้อจนกลายไปเป็นเซลล์มะเร็ง อย่างไรก็ตามสามารถป้องกันการเกิดมะเร็งชนิดนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพจากการฉีดวัคซีน การตรวจคัดกรองและรักษาโรคตั้งแต่ระยะก่อนเป็นโรคมะเร็ง สำหรับกลุ่มประชากรที่เหมาะสมกับการฉีดวัคซีน HPV ได้แก่ 1.กลุ่มผู้ที่ยังไม่เคยมีเพศสัมพันธ์หรือยังไม่เคยติดเชื้อมาก่อน ได้แก่ เด็กหญิงและเด็กชายที่อายุ 11-12 ปี และหากไม่ได้รับวัคซีนในช่วงอายุดังกล่าวสามารถฉีดในช่วงอายุ 13-26 ปีได้, 2.ผู้หญิงและผู้ชายอายุ 27-45 ปี ให้พิจารณาฉีดวัคซีนเป็นคน ๆ ไป ผู้ที่ต้องการฉีดวัคซีนควรได้รับคำอธิบายถึงประโยชน์ที่จะได้รับและอาจไม่เทียบเท่ากับการฉีดในช่วงอายุ 9-26 ปี 3.ผู้หญิงที่เคยเป็นหรือกำลังมีหูดหงอนไก่ หรือรอยโรคก่อนมะเร็งปากมดลูก หรือมีผลตรวจคัดกรองทางเซลล์วิทยาปากมดลูกผิดปกติ หรือตรวจพบเชื้อ HPV กลุ่มความเสี่ยงสูง ยังคงแนะนำให้ฉีดวัคซีนเช่นเดียวกับสตรีทั่วไป และ 4. ผู้หญิงที่มีเพศสัมพันธ์แล้วสามารถฉีดวัคซีนนี้ได้ โดยไม่มีความจำเป็นต้องตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกหรือตรวจหาเชื้อ HPV กลุ่มเสี่ยงสูงก่อนเริ่มฉีดวัคซีน ปัจจุบันยังไม่มีข้อมูลยืนยันว่าการฉีดวัคซีนมีผลเสียต่อภาวะเจริญพันธุ์ การตั้งครรภ์ หรือมีผลต่อทารก แต่อย่างไรก็ตาม องค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา แนะนำว่าสตรีตั้งครรภ์ไม่ควรรับการฉีดวัคซีน หากได้เริ่มฉีดไปแล้วให้หยุดฉีดวัคซีนเข็มที่เหลือ ไม่จำเป็นต้องยุติการตั้งครรภ์หรือทำแท้ง และให้กลับมาฉีดต่อหลังคลอดจนครบ 3 เข็ม ส่วนหญิงที่ให้นมบุตรสามารถฉีดวัคซีนได้ไม่มีผลกระทบหรือผลเสียต่อทารก อ่านข่าว ถ้าเราเป็น “มะเร็ง” ต้องรักษายังไงบ้าง 30 บาทรักษาทุกที่ทำคนไข้สับสน สปสช.ย้ำเร่งแก้ปัญหาใบส่งตัว
ตัวเลข 20,197 ล้านบาท คือการยึดอายัดทรัพย์สินเครือข่ายค้ายาเสพติด 242 เครือข่าย โดยใช้มาตรการยึดทรัพ
สิ่งอำนวยความสะดวก
การตกแต่ง
เครื่องปรับอากาศ
ชั้นบน
เตาอบ/ไมโครเวฟ
ความสะดวกโดยรอบ
กล้องวงจรปิด
เครืองปรับอากาศ
โถงรอลิฟท์ร้านอาหาร
ทางเข้าหลัก
ยอดสินเชื่อโดยประมาณ
รายละเอียดสินเชื่อ
ยอดสินเชื่อที่ต้องชำระต่อเดือนโดยประมาณ
฿ 0 / เดือน
฿ 0 เงินต้น
฿ 0 ดอกเบี้ย
ค่าใช้จ่ายที่อาจต้องมีเบื้องต้น
เงินดาวน์ทั้งหมด
฿ 0
เงินดาวน์
จำนวนสินเชื่อ ฿ 0 ในอัตรา 0% ของสินเชื่อต่อราคาบ้าน (Loan-to-value)
กรณีมีกระแสข่าวว่าเสือขาวและสัตว์ป่าหายากจำนวนมากท

วันนี้ (3 ส.ค.2564) บริษัท แอสตราเซเนกา (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ตลอดเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ส่งมอบวัคซีนป้องกัน COVID-19 จำนวน 5.3 ล้านโดส ให้กับกระทรวงสาธารณสุข ตามแผนการจัดหาวัคซีนจำนวน
ดูรายละเอียดโครงการคำถามที่พบบ่อย
ที่มีชื่อของ นุศรา ต้อมคำ ที่ตอนนี้ก็ยังอยู่ในทีมชาติไทยชุดใหญ่ ในฐานะผู้ช่วยผู้ฝึกสอน และช่วยพารุ่น
วันนี้ (25 ม.ค.2565) สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสงขลา เขตเลือกตั้งที่ 6 แทนตำแหน่งที่ว่าง หลังจากวัน
วันนี้ (28 ก.พ.2568) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวถึงข้อกังวลเกี่ยวกับเ
อย่างที่นายกฯ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร พยายามแสดงท่าทีผ่านคำพูด เพื่อไม่ให้ถูกมองว่า ไม่ได้มีอำนาจตัดสิน
วันนี้ (22 ก.ค.2564) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตำรวจควบคุมตัวนายจะหวะ ลาหู่เมอเนอ ไปทำแผนประกอบคำรับสารภา
ค้นหาประกาศอื่นรอบๆ ทุ่งพญาไท
จากสิ่งที่คุณค้นหา คุณอาจจะสนใจตัวเลือกต่อไปนี้
วิเคราะห์บอลวันนี้ ผลบอล
ลอตเตอรี่ 1 มีนาคม 64