วันนี้ (17 ก.ย.2566) ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พนักงานสอบสวนชุดคลี่คลายคดีกำ
วันนี้ (7 ต.ค.2565) เวลาประมาณ 13.30 น. เจ้าหน้าที่รับแจ้งเหตุ พบชายมีอาการคลุ้มคลั่ง และขับรถไปเพื่อชิงลูกที่โรงเรียนแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ ม.1 อ.ร่อนพิบูลย์ จ.นครศรีธรรมราช หลังมีปากเสียงทะเลาะกับทางภร
แต่หลายจังหวัด ร่วมกับกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา(กสศ.) เดินหน้าแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาในจังหวัดมาก่อนแล้ว หนึ่งในนั้น คือ "ขอนแก่น" จังหวัดที่ได้รับการยอมรับว่า สามารถระดมความร่วมมือจากหลายภาคส่วนมาช่วยกันแก้ปัญหาเด็กยากจน-ด้อยโอกาส และเด็กนอกระบบให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ผลงานล่าสุด คือ การสร้างบ้านใหม่ให้ "บุญรอด" เด็กหญิงดรุณี หวานเหย ไทยพีบีเอสพูดคุยกับ "อุทัยรัตน์ อนุสุเรนทร์" ผอ.กลุ่มนิเทศติดตามและประเมินผล ศธจ.ขอนแก่น หนึ่งในกำลังสำคัญ หรือ Core team ตัวแทนจาก 4 กระทรวงหลัก ว่าอะไรคือหัวใจสำคัญที่ทำให้ จ.ขอนแก่น เดินมาไกลขนาดนี้ และอะไรคือโจทย์ที่ต้องทำต่อ อ่านข่าวเกี่ยวข้อง บ้านหลังใหม่ของ "บุญรอด" ฟื้นชีวิตผู้หญิงตัวเล็กๆ และครอบครัว อุทัยรัตน์ อนุสุเรนทร์ หรือแม่อู๋ ของเด็กๆ บอกว่า ความสำเร็จมาจากทั้ง 4 กระทรวงหลักที่ทำงานร่วมกัน ได้แก่ สำนักงานศึกษาธิการจังหวัด สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด ท้องถิ่นจังหวัด และสาธารณสุขจังหวัด มีเครือข่ายคนทำงานในพื้นที่ เช่น ครู อปท. กำนันผู้ใหญ่บ้าน อสม. อพม.ที่ทำงานใกล้ชิดกับเด็กอยู่แล้ว แต่ความยาก คือ การเข้าถึงตัวเด็กที่มีปัญหา เพราะเกือบทุกกรณีจะมีปม หรือ ร่องรอยบาดแผลทั้งทางร่างกายและจิตใจ การลงพื้นที่ไปพบปะพูดคุยหลายๆ ครั้ง จึงเป็นขั้นตอนการทำงานที่สำคัญที่สุด ถ้าเด็กเปิดใจ ก็จะเป็นต้นทางการระดมความช่วยเหลือให้ตรงกับปัญหาและความต้องการ แต่จะทำอย่างนี้ได้ อุทัยรัตน์ ย้ำว่า คนทำงานต้องตระหนักว่า "เรากับเขาเท่ากัน" ไม่ใช่ว่าเรามาจากราชการแล้วจะไปสั่งเขาได้ เพราะแน่นอนว่าไม่มีใครต้องการประโยคคำสั่ง ส่วน เวลาทำงานก็ต้องปรับไปตามสภาพ ถ้าเด็กเริ่มเปิดใจคุย ก็จำเป็นต้องตัดคำว่า "เวลา" ออกไป เมื่อเปิดใจคุยกันได้ สิ่งที่ได้กลับมา คือ "ข้อมูล" ที่คนทำงานจะประมวล และส่งต่อมาให้ Core team จังหวัด มาร่วมกันคัดกรองแลslotxo699ะจัดลำดับความรุนแรงของปัญหาว่า ใครหนักเบา เพื่อจะได้ช่วยเหลือตามแผนที่ผู้จัดการรายกรณี (Case Manager-CM) วางไว้ อุทัยรัตน์ บอกว่า ข้อมูลจากพื้นที่จะช่วยเติมความสมบูรณ์ให้กับฐานข้อมูลที่มีอยู่ แต่ก็ต้องมีการจัดการให้เป็นระบบและให้สามารถใช้ประโยชน์ได้ง่าย เพราะที่ผ่านมา ทีมงานต้องใช้เวลาอย่างมากในการตรวจสอบข้อมูลจากหลายแหล่ง การแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ผ่านการค้นหา ช่วยเหลือ และดูแลเด็กเป็นรายกรณี เป็นงานยาก มีความสลับซับซ้อน ต้องใช้ทั้งพลังกายและพลังใจมากกว่าการทำงานตามหน้าที่ปกติ แต่ละหน่วยงานในจังหวัด มีแนวทางการพัฒนาคนทำงานตามหน้าที่แตกต่างกัน สำนักงานศึกษาธิการจังหวัด ที่เป็นหน่วยประสานความร่วมมือและมีต้นทุนทางความรู้ ต้องทำหน้าที่เสริมความแข็งแกร่งให้คนทำงานในพื้นที่ที่อยู่ใกล้ชิดเด็ก 2-3 ปีที่ผ่านมา ขอนแก่น สร้างเครือข่ายคนทำงานด้านนี้ไว้ในหลายพื้นที่ แต่ปัญหาไม่ได้หยุดนิ่ง ข้อมูลล่าสุดจาก กสศ.ระบุว่า หลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 จังหวัดขอนแก่น มีเด็กนักเรียนชั้น ป.1 ถึง ม.3 ที่มีฐานะยากจนถึงยากจนพิเศษมากถึง 64,887 คน จากทั้งหมด 214,453 คน ในจำนวนนี้ เป็นเด็กเปราะบาง ตามนิยามของ พม. ไม่น้อยกว่า 14,000 คน อุทัยรัตน์ มองว่า การสร้างคนทำงานเพื่อรองรับสถานการณ์ใหม่ คือ โจทย์เร่งด่วนของจังหวัด ในฐานะพี่ใหญ่ของทีม อุทัยรัตน์ ย้ำว่า การแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาในระดับจังหวัด คนทำงานจากทุกหน่วยงานต้องก้าวข้ามจากความเชื่อเดิมว่า "งานนี้ไม่ใช่หน้าที่เรา" เพราะถ้าเราไม่ช่วยกันแก้ ท้ายที่สุด ปัญหาก็จะส่งผลมาถึงตัวเรา
แต่หลายจังหวัด ร่วมกับกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา(กสศ.) เดินหน้าแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาในจังหวัดมาก่อนแล้ว หนึ่งในนั้น คือ "ขอนแก่น" จังหวัดที่ได้รับการยอมรับว่า สามารถระดมความร่วมมือจ