ในปัจจุบัน โรคมะเร็ง ยังคงเป็น 1 ในปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรงและเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้น ๆ ของประช

วันนี้ (4 เม.ย.2565) รัสเซียเปลี่ยนท่าทีปรับรูปแบบปฏิบัติการทางการทหารตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว โดนถอนกำลังออกจากหลายจุดรอบกรุงเคียฟ ทำให้ฝ่ายยูเครนเข้ายึดพื้นที่คืนได้ สำนักข่าวเผยแพร่ภาพในเมืองบูชา ทางต

ในปัจจุบัน โรคมะเร็ง ยังคงเป็น 1 ในปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรงและเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้น ๆ ของประชากรทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย ความรุนแรงของโรคนี้ไม่ได้จำกัดอยู่ที่ตัวผู้ป่วย แต่ยังส่งผลกระทบต่อครอบครัว เศรษฐกิจ และระบบสาธารณสุขโดยรวม ข้อมูลจาก สถาบันมะเร็งแห่งชาติ ระบุว่าทุกปีมีผู้ป่วยโรคมะเร็งรายใหม่ในประเทศไทยเพิ่มขึ้นกว่าแสนราย สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของการป้องกันและจัดการปัจจัยเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง 1 ในปัจจัยเสี่ยงที่เชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับการเกิดโรคมะเร็ง คือ "การบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์" ซึ่งมีผลกระทบต่อระบบต่าง ๆ ของร่างกาย ทั้งในระดับโมเลกุลและระดับเซลล์ แม้ว่าคนส่วนใหญ่อาจทราบว่าแอลกอฮอล์มีผลเสียต่อสุขภาพ แต่ข้อมูลที่เจาะลึกเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างแอลกอฮอล์และมะเร็งยังคงไม่เป็นที่รู้จักในวงกว้างมากพอ ทำให้หลายคนยังคงบริโภคแอลกอฮอล์ในระดับที่เสี่ยงต่อการเกิดโรคโดยไม่รู้ตัว ด้านข้อมูลของสถาบันมะเร็งนานาชาติ องค์การอนามัยโลก (WHO - GLOBOCAN) ในปี พ.ศ.2564 พบว่ามีผู้ป่วยมะเร็งในประเทศไทยที่มีปัจจัยเสี่ยงมาจากการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ประมาณ 6,659 ราย คิดเป็นร้อยละ 9.5 ของอุบัติการณ์มะเร็งทั้งหมดในประเทศ โดยมะเร็งเต้านมในผู้หญิงเป็นอันดับ 1 ในกลุ่มมะเร็งที่สัมพันธ์กับแอลกอฮอล์ (188.3 คน/ประชากรหญิง 100,000 คน) รองลงมาคือมะเร็งลำไส้ใหญ่ในผู้ชาย (72.9 คน/ประชากรชาย 100,000 คน) จากข้อมูลจากองค์กรนานาชาติ777 slotcitiเพื่อการวิจัยด้านมะเร็ง (IARC) ระบุว่า ในปี 2563 มีผู้ป่วยมะเร็งรายใหม่ประมาณ 741,000 คนทั่วโลกที่มีสาเหตุเกี่ยวข้องกับการดื่มแอลกอฮอล์ โดย 3 ใน 4 ของผู้ป่วยเหล่านี้เป็นผู้ชาย ในประเทศไทย ข้อมูลจากกรมควบคุมโรคระบุว่า ปริมาณการบริโภคแอลกอฮอล์ต่อประชากรผู้ใหญ่ในปี 2560 อยู่ที่ 6.95 ลิตรของแอลกอฮอล์บริสุทธิ์/คน/ปี และมีแนวโน้มลดลงในปีต่อมา การบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ถือเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญต่อการเกิดโรคมะเร็งหลายชนิด โดยมีหลักฐานชัดเจนว่าแอลกอฮอล์ส่งผลกระทบโดยตรงต่อกลไกในร่างกายที่เกี่ยวข้องกับการก่อมะเร็ง การเผาผลาญเอทานอลในแอลกอฮอล์จะสร้างสารอะซีทัลดีไฮด์ (Acetaldehyde) ซึ่งเป็นสารพิษที่ทำลายดีเอ็นเอและโปรตีนในเซลล์ อีกทั้งแอลกอฮอล์ยังเพิ่มระดับของ Reactive Oxygen Species (ROS) ที่ทำลายเซลล์ในร่างกายผ่านกระบวนการออกซิเดชัน และส่งผลให้ระบบเผาผลาญโฟเลตและวิตามินในร่างกายผิดปกติ "อะเซทัลดีไฮด์" ตัวการร้ายทำลายดีเอ็นเอและเซลล์ อะเซทัลดีไฮด์มีฤทธิ์ทำลายดีเอ็นเอ (DNA) ซึ่งเป็นรหัสพันธุกรรมของเซลล์ ทำให้เกิดการกลายพันธุ์ในดีเอ็นเอ และหากเซลล์ที่มีดีเอ็นเอกลายพันธุ์นี้แบ่งตัวและเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างไม่ควบคุม ก็จะนำไปสู่การเกิดมะเร็งได้ เอสโตรเจนเพิ่ม ปัจจัยเสี่ยงมะเร็งเต้านมเพิ่มตาม แอลกอฮอล์มีผลต่อการเพิ่มระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนในร่างกาย ซึ่งเป็นฮอร์โมนเพศหญิงที่เกี่ยวข้องกับการเจริญเติบโตของเซลล์เต้านม การมีระดับเอสโตรเจนสูงเกินไปเป็นเวลานานจะเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งเต้านมได้ การสร้าง Reactive Oxygen Species (ROS) ตัวการทำลายเซลล์ เมื่อร่างกายเผาผลาญแอลกอฮอล์จะเกิดอนุมูลอิสระ (Free radicals) หรือ Reactive Oxygen Species (ROS) ซึ่งเป็นโมเลกุลที่ไม่เสถียรและมีปฏิกิริยามาก ทำให้เกิดความเสียหายต่อเซลล์ต่าง ๆ รวมถึงดีเอ็นเอซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่นำไปสู่การเกิดมะเร็ง การขาดโฟเลต กระทบต่อการซ่อมแซมดีเอ็นเอ แอลกอฮอล์ยังรบกวนการดูดซึมและการใช้โฟเลต ซึ่งเป็นวิตามินบีชนิดหนึ่งที่มีบทบาทสำคัญในการซ่อมแซมดีเอ็นเอ เมื่อร่างกายขาดโฟเลต ดีเอ็นเอที่เสียหายจะไม่สามารถซ่อมแซมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็ง กลไกอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง หลักฐานทางวิชาการชี้ชัดว่า การลดการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือหลีกเลี่ยงโดยสิ้นเชิงสามารถลดอุบัติการณ์ของโรคมะเร็งได้อย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ ยังควรเน้นการให้ความรู้เกี่ยวกับโภชนาการ การออกกำลังกาย และการตรวจคัดกรองมะเร็งอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเพิ่มโอกาสการรักษาในระยะเริ่มต้น แม้ว่าจะมีข้อมูลเกี่ยวกับผลกระทบของแอลกอฮอล์ต่อมะเร็งในประเทศไทย แต่ยังขาดการศึกษาที่เจาะลึกถึงกลไกและอุบัติการณ์ที่ชัดเจนในประชากรไทย การวิจัยเชิงลึกในเรื่องนี้จะเป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับการกำหนดนโยบายสาธารณสุขที่มีประสิทธิภาพในการลดการบริโภคแอลกอฮอล์และป้องกันมะเร็งในอนาคต การป้องกันและจัดการกับปัญหาโรคมะเร็งในประเทศไทยไม่ใช่เพียงแค่ความรับผิดชอบของบุคคล แต่ต้องเป็นความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม เพื่อสร้างสังคมที่มีสุขภาพดีและลดภาระโรคมะเร็งที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ที่มา : สถาบันมะเร็งแห่งชาติ, องค์การอนามัยโลก (WHO) อ่านข่าวอื่น : เตือนภัย! ดื่มสุราแก้หนาวเสี่ยง "ไฮโปเทอร์เมีย" อาจถึงตาย จับตา กกพ.แจงเเนวทางลดค่าไฟเหลือหน่วยละ 3.70 บาท เริ่มวันแรก Easy E-Receipt 2.0 ช้อปสินค้าลดหย่อนภาษี

ประธาน กกต. ระบุ ภาพรวมเลือก สว.ตั้งแต่ช่วงเช้าเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ย้ำ หากการเลือกยืดเยื้อเจ้าหน้าที่ก็พร้อมทำงาน ชี้การสัมมนา สว.ไม่ผิดกฎหมายเพราะเป็นการสัมมนาที่เปิดเผย วันนี้ (26 มิ.ย.2567) นาย