ตั้งกรรมการสอบ "ผกก.สน.บางซื่อ" ปมคดีเจ๊อ้อยโอน 39 ล้านบาท

ค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บ.ตลอดสายส่อล่ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมยืนยันไม่สามารถจัดเก็บค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายตามนโยบายที่พรรคเพื่อไทยหาเสียงได้ โดยจะทำได้หลังจากมีรถไฟฟ้าครบทั้ง 10 เส้นทางแล้ว ค

วันนี้ (9 ก.ค.2565) เวลา 09.00 น. นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. เป็นประธานพิธีเปิด “สนามรวมสุข

คลิปของชาวบ้านคนหนึ่งใน จ.เพชรบูรณ์ ยืนบนเกาะกลางถนน ท่ามกลางเสียงเร่งเครื่องยนต์รถมอเตอร์ไซต์หลายคัน ถูกระบุว่าเป็นกลุ่มทริปน้ำไม่อาบ ขับแข่งกันมาตั้งแต่ อ.ศรีเทพ ถึง ภูทับเบิก อ.หล่มเก่า รวมระยะทางก

วันนี้ (24 ก.พ.2566) ตำรวจชุด ศอ.ปส.ตร. ร่วมกับ สืบสวนนครบาล แกะรอยก่อนจับกุมตัว นายจีมิน-ซ็อง ที่แอบอ้างเป็นคนเกาหลี แต่แท้จริงเป็นสัญชาติไทย โดยไปทำศัลยกรรมเปลี่ยนแปลงใบหน้า Face off จนไม่เหลือเค้าโครงเดิม เพื่ออำพรางการติดตามตัวจากตำรวจ โดยก่อนถูกจับตัวได้ก่อเหตุนำยาเสพติดชนิด ยาอี หรือ ยาเลิฟ มาขายในพื้นที่ กทม. และหลบหนีมานานกว่า 3 เดือน ตำรวจ ศอ.ปส.ตร. ชุดปฏิบัติการที่ 5 จึงได้แฝงตัว จนสามารถจับกุมตัวได้ในห้องพักคอนโดมิเนียมแห่งหนึ่งชื่อดังย่านบางนา สุดท้าย นายจีมิน-ซ็อง รับสารภาพว่ามีคอนเนคชันทั่วโลกสั่งจากดาร์กเว็บ โอนจ่ายด้วยบิตคอยน์ แต่พลาดท่าเพราะลูกน้องทำผิดแผน พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ตำรวจสืบสวนพบว่ามียาอี หรือ ยาเลิฟ เพิ่มการระบาดมากยิ่งขึ้น ต่อมาได้ประสานงานรวบรวมข้อมูลกับ บก.สส.บช.น. วิเคราะห์แกะรอยจากข้อมูลคดีการจับกุมยาเสพติดในพื้นที่ กทม. จนได้พบเบาะแสว่าแหล่งที่มาของยาเสพติดดังกล่าวคือ “หนุ่มเกาหลี” รูปหล่อรายหนึ่งซึ่งอยู่ในพื้นที่ย่านเขตบางนา ซึ่งมีพฤติกรรมจะสั่งนำเข้ายาเสพติดชนิด ยาอี หรือ ยาเลิฟ โดยสั่งนำเข้ามาจากประเทศแถบทวีปยุโรป และใช้บุคคลที่รู้จักผ่านทางเฟซบุ๊กให้คอยรับส่งพัสดุยาเสพติดดังกล่าวให้ โดยที่ไม่ต้องสัมผัสกับยาเสพติดโดยตรง ซึ่งต่อมาสืบสวนจนกระทั่งสามารถยืนยันตัวตนของหนุ่มเกาหลีรายนี้ได้ คือ นายจีมิน-ซ็อง ซึ่งแท้จริงเป็นคนสัญชาติไทย แต่จงใจเปลี่ยนชื่อให้เหมือนคนเกาหลี โดยมีชื่อเดิมว่า นายสหรัฐ อายุ 25 ปี และได้เปลี่ยนแปลงใบหน้าด้วยผล หวย ยี่ กี ruayการศัลยกรรมไปจนกลายเป็นคนละคน ไม่เหลือเค้าโครงเดิม ( Face off ) จากการตรวจสอบพบว่า นายจีมิน-ซ็อง เป็นบุคคลตามหมายจับ ซึ่งเคยถูกพนักงานสอบสวนกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ขอศาลออกหมายจับไว้เมื่อปลายปี 2565 เกี่ยวกับคดีนำเข้ายาเสพติด จากการตรวจสอบในห้องพัก สามารถตรวจยึดของกลางโทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง ซึ่งใช้ในการติดต่อสั่งนำเข้ายาเสพติดจากต่างประเทศ และตรวจยึดทรัพย์สินอีกจำนวน 22 รายการ ในชั้นจับกุม นายจีมิน-ซ็อง ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่าสาเหตุที่เปลี่ยนชื่อและใบหน้าเป็นคนเกาหลี เพราะอยากย้ายไปใช้ชีวิตใหม่ที่เกาหลีใต้ เนื่องจากเบื่อหน่ายการใช้ชีวิตในไทย แต่ก็พูดภาษาเกาหลีได้เล็กน้อย พร้อมยอมรับว่ามารดาเคยถูกดำเนินคดีจำหน่ายยาเสพติดชนิด "ยาเสียสาว" จำนวนกว่า 200,000 เม็ด โดยนำเข้ามาจากต่างประเทศ เมื่อปี 2554 ซึ่งปัจจุบันมารดาได้พ้นโทษออกมาแล้ว และย้ายไปอยู่ที่ประเทศฝรั่งเศส ส่วนตัวเองก็เข้าวงการจำหน่ายยาเสพติดโดยอาศัยศึกษาทางอินเตอร์เน็ตหลายเว็บไซต์ พล.ต.ต.ธีรเดช ยังกล่าวว่า จากข้อมูลของนักวิเคราะห์แผนประทุษกรรม พบว่าผู้ต้องหาคนนี้เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในต้นตอสำคัญ ของการแพร่ระบาดของ ยาอีและยาเลิฟ ในพื้นที่ กทม. และ ปริมณฑล และสืบสวนติดตามตัวมาเป็นเวลาเกือบ 3 เดือน ทำให้ทราบว่าคนร้ายรายนี้รู้จักวิธีการตัดช่องทางการสืบสวนของเจ้าหน้าที่เป็นอย่างดี และมีการศัลยกรรมเปลี่ยนแปลงใบหน้า เพื่ออำพรางการติดตามจากเจ้าหน้าที่ และด้วยคนร้ายรายนี้มีอายุเพียง 25 ปี แต่สามารถเป็นระดับหัวของการนำเข้ายาเสพติดจากทางยุโรปได้ น่าเชื่อว่าจะมีผู้ที่คอยให้การสนับสนุนอยู่ในต่างประเทศ ซึ่งจะมีการขยายผลให้ถึงที่สุด

วันนี้ (24 ก.พ.2566) ตำรวจชุด ศอ.ปส.ตร. ร่วมกับ สืบสวนนครบาล แกะรอยก่อนจับกุมตัว นายจีมิน-ซ็อง ที่แอบอ้างเป็นคนเกาหลี แต่แท้จริงเป็นสัญชาติไทย โดยไปทำศัลยกรรมเปลี่ยนแปลงใบหน้า Face off จนไม่เหลือเค้าโ