กรณีมีกระแสข่าวว่าจะมีเรือขนกากสารพิษ 2 ลำบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์กว่า 100 ตู้ ต้นทางจากประเทศแอลเบเนีย
ความอื้อฉาวของเฟซบุ๊ก (Facebook) ในช่วงเลือกตั้งสหรัฐฯ ช่วงปี 2016 ที่นำไปสู่การแพร่กระจายของข่าวปลอม (Fake News) ข้อมูลอันไม่น่าเชื่อถือ (untrustworthy) และการแบ่งขั้วทางการเมือง (Political Polarizat
ความอื้อฉาวของเฟซบุ๊ก (Facebook) ในช่วงเลือกตั้งสหรัฐฯ ช่วงปี 2016 ที่นำไปสู่การแพร่กระจายของข่าวปลอม (Fake News) ข้อมูลอันไม่น่าเชื่อถือ (untrustworthy) และการแบ่งขั้วทางการเมือง (Political Polarization) ทำให้ทั่วโลกเกิดคำถามถึงอิทธิพลของโซเชียลมีเดียต่อการเสพข่าวสารของผู้ใช้งานที่ไม่อาจรับรู้ได้เลยว่ากำลังถูกกล่อมให้เชื่อหรือไม่เชื่อข้อมูลใด ผ่านอัลกอริทึมที่ซับซ้อนและเลือกแสดงเฉพาะเนื้อหาที่ตนมีโอกาสจะชื่นชอบสูง เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้คำว่า Echo Chamber ถูกนำมาใช้อธิบายการที่ผู้ใช้งานเห็นแต่เนื้อหาที่ตนชอบและพึงพอใจ จนไม่ได้เห็นข้อมูลอื่น ๆ ที่อาจจะขัดแย้งต่อข้อมูลที่ถูกนำมาแสดงผลโดยอัลกอริทึม ส่งผลให้ผู้ใช้งานเกิดการแบ่งขั้วอย่างชัดเจน อย่างไรก็ตาม งานวิจัยใหม่ 4 ชิ้นได้ถูกตีพิมพ์ลงในวารสารวิชาการเนเจอร์ (Nature) และไซแอนซ์ (Science) พร้อมกับข้อสรุปว่าอัลกอริทึมข่าวสารของเฟซบุ๊กอาจไม่ใช่ปัจจัยหลักในการแบ่งขั้วทางการเมือง งานวิจัยหลักทั้ง 4 ชิ้นนั้นได้แก่ 1. การแบ่งแยกทางความคิดอย่างไม่สมมาตรจากการรับรู้ข่าวการเมืองบนเฟซบุ๊ก (Asymmetric ideological segregation in exposure to political news on Facebook) 2. อัลกอริทึมข่าวสารของโซเชียลมีเดียกระทบต่อมุมมองและพฤติกรรมในช่วงหาเสียงเลือกตั้งอย่างไร (How do social media feed algorithms affect attitudes and behavior in an election campaign?) 3. การแชร์ข่าวบนโซเชียลมีเดียอาจช่วยกระจายเนื้อหาแต่ไม่กระทบโดยตรงต่อมุมมองหรือความเชื่อ (Reshares on social media amplify political news but do not detectably affect beliefs or opinions) 4. เนื้อหาที่มีจุดยืนเดียวกันบนเฟซบุ๊กอาจเป็นที่นิยม แต่ไม่ได้ทำให้เกิดการแบ่งขั้ว (Like-minded sources on Facebook are prevalent but not polarizing) ทั้งหมดเป็นการศึกษาร่วมกันระหว่างสถาบันการศึกษา มหาวิทยาลัยเท็กซัส ออสติน (University of Texas at Austin) มหาวิทยาลัยนอร์ทเวสเทิร์น (Northwestern University) และบริษัทเมตา (Meta) ผู้ให้บริการเฟซบุ๊กโดยตรง งานวิจัยชุดนี้ศึกษากลุ่มตัวอย่างในช่วงเลือกตั้งเมื่อปี 2020 และได้แบ่งกลุ่มตัวอย่างออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มแนวคิดก้าวหน้า (Liberal) และกลุ่มอนุรักษ์นิยม (Conservative) จากนั้นได้ให้ทั้ง 2 กลุ่มทดลองใช้งานเฟซบุ๊กใน 2 ลักษณะ ได้แก่ ฟีดข่าวสารด้วยอัลกอริทึมที่จะนำเอาเนื้อหาในรูปแบบที่ผู้ใช้งานมีแนวโน้มจะชื่นชอบมาแสดง กับฟีดข่าวที่ถูกแสดงตามลำดับเวลาและไม่ถูกปรุงแต่งด้วยอัลกอริทึม (Chronological Feed) จากนั้นศึกษาพฤติกรรมและแนวโน้มการแชร์ข่าว รวมถึงมุมมองที่มีต่อข่าวสารทางการเมือง ผลการศึกษาพบว่าความแตกต่างของฟีดข่าวทั้ง 2 ลักษณะ slot xo downloadไม่ได้ทำให้มุมมองของกลุ่มตัวอย่างเปลี่ยนไปแต่อย่างใด และพบว่า ฟีดข่าวที่ไม่ถูกปรับแต่งด้วยอัลกอริทึมนั้นกลับทำให้เห็นข่าวที่เป็นข่าวปลอมเยอะขึ้นด้วย นอกจากนี้ก็ยังมีการศึกษาย่อยอื่น ๆ ก่อนที่จะถูกตีพิมพ์ออกมาเป็นชุดงานวิจัยดังกล่าว ที่อาจเปลี่ยนมุมมองของเราที่มีต่ออัลกอริทึม และอาจจะถูกนำมาใช้ทำความเข้าใจสถานการณ์ปัจจุบันที่ในสหรัฐฯ กำลังอยู่ระหว่างการหาเสียงเลือกตั้งปี 2024 เว็บไซต์ด้านเทคโนโลยี The Verge ได้รายงานถึงผลการศึกษาดังกล่าวเช่นกัน และได้อ้างอิงถึงงานวิจัยในลักษณะเดียวกันในปี 2021 ในชื่อ “น้ำมันราดกองไฟ: โซเชียลมีเดียทำให้การแบ่งขั้วทางการเมืองสหรัฐฯ เข้มข้นขึ้นอย่างไร และควรรับมืออย่างไร” (Fueling the Fire: How Social Media Intensifies U.S. Political Polarization – And What Can Be Done About It) โดยมหาวิทยาลัยนิวยอร์ก (New York University) ที่พูดถึงการแบ่งขั้วว่า ไม่ได้มีจุดเริ่มต้นมาจากในโซเชียลมีเดีย แต่มาจากพฤติกรรมโดยธรรมชาติของมนุษย์ โดยที่มีโซเชียลมีเดียเป็นแค่ปัจจัยหนึ่งเท่านั้น งานวิจัยและข้อสรุปดังกล่าวเป็นเพียงกระบวนการหนึ่ง ที่ใช้อธิบายอิทธิพลของโซเชียลมีเดียต่อพฤติกรรมทางสังคมของมนุษย์ ซึ่งก็คงต้องมีการศึกษาต่อไปเพื่อทำให้ความขัดแย้งนำไปสู่การพัฒนา แทนที่จะเป็นการห้ำหั่นกันอย่างไร้ประโยชน์บนโลกอินเทอร์เน็ต ที่มาข้อมูล: Nature“รอบรู้ ดูกระแส ก้าวทันโลก” ไปกับ Thai PBS Sci & Tech
วันที่ 3 ก.พ.2565 เวลา 21.00 น. นายนิพนธ์ จำนงสิริศักดิ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากนายกมลาศ อิสสอาด หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาแหลม แจ้งว่า ตนเองและเ