นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยความคืบหน้าการใช้สิทธิโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 5 ข้อมูลสะสม ณ วันอาทิตย์ที่ 11 ก.ย.2565 เวลา 23.00 น. พบว่า โครงการค
รายการคืนความสุขให้คนในชาติ "รายการคืนความสุขให้คนในชาติ" ประจำวันที่ 17 เม.ย.2558 พล.อ.ประยุทธ์ จัน
วันนี้ (20 มี.ค.2568) นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีที่นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ระบุอาจมีการอภิปรายพาดพิงไปถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกร
รายการคืนความสุขให้คนในชาติ "รายการคืนความสุขให้คนในชาติ" ประจำวันที่ 17 เม.ย.2558 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ขยายความเรื่องการแถลงผลงานรอบ 6 เดือนของรัฐบาลโดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจซึ่งนายกฯ โดยยืนยันว่ารัฐบาลและคสช.ได้ทำให้เศรษฐกิจดีขึ้นตามลำดับ พร้อมทั้งเปิดแผนโครงการคมนาคมที่รัฐบาลริเริ่มและเร่งผลักดันให้เป็นรูปธรรม ทั้งรถไฟฟ้า พัฒนาสนามบินสุวรรณภูมิ-ดอนเมือง-ภูเก็ต-อู่ตะเภา วอนสังคมหยุดสร้าง "วาทกรรม" ขึ้นมาโจมตีรัฐบาล รายการคืนความสุขให้คนในชาติ เนื้อหาที่นายกฯ พูดในรายการคืนความสุขให้คนในชาติวันนี้ บางส่วนเป็นประเด็นเดียวกับที่กล่าวในการแถลงนโยบายรอบ 6 เดือนของรัฐบาล ซึ่งจัดขึ้นที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาลเมื่อเวลา 9.00 น. โดยระบุว่าการบริหารราชการมีความคืบหน้าในหลายด้าน แต่ในส่วนของการปฏิรูปถือว่าเป็นเพียงการเริ่มต้น แต่จะต้องเดินหน้าต่อไปเพื่อให้ประเทศหลุดพ้นจาก "กับดักทางการเมือง" อย่างยั่งยืน นอกจากนี้ในตอนท้าย นายกฯ ได้มอบหมายให้ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจมาชี้แจงผลงานด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลในรอบ 6 เดือน เศรษฐกิจดีขึ้นแต่รัฐบาลยังต้องแก้ปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ นายกฯ ย้ำถึงผลงานในรอบ 6 เดือนของรัฐบาลว่าได้ทำตามแนวนโยบายการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศของรัฐบาล 11 ด้านที่แถลงต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เมื่อ 12 ก.ย.2557 ซึ่งโจทย์สำคัญของประเทศและรัฐบาลก็คือการสร้างความสามัคคีและปรองดองของคนในชาติ และแก้ปัญหาด้านเศรษฐกิจของประเทศซึ่งมีปัญหามานานนับ 10 ปี ไม่มีการสร้างความเข้มแข็งหรือเตรียมความพร้อม ทำให้ได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจโลก แต่หลังจากที่คสช.และรัฐบาลเข้ามาบริหาราชการแผ่นดินได้ทำให้อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจดีขึ้นแม้ว่าเศรษฐกิจโลกจะแย่ โดยในไตรมาสที่ 4 ของปี 2557 เศรษฐกิจไทยขยายตัวร้อยละ 2.3 สูงกว่าที่ตั้งเป้าไว้ ส่วนด้านเสถียรภาพทางเศรษฐกิจพบว่าเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ 2558 ดุลการค้าและดุลบริการของประเทศยังคงเกินดุล และเมื่อรวมกับดุลเงินทุนแล้ว ประเทศไทยยังมีดุลการชำระเงินที่เกินดุล ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อค่าเงินบาทบ้าง แต่ทางธนาคารแห่งประเทศไทยได้ดูแลอยู่อย่างใกล้ชิดและมีมาตรการที่รองรับไว้ตลอดเวลา ด้านเสถียรภาพภาคการคลัง รัฐบาลยังคงมีการจัดเก็บรายได้ที่สูงกว่าปีที่แล้ว โดยในช่วง 6 เดือนแรกของปีงบประมาณ (ต.ค.57- มี.ค. 58) จัดเก็บรายได้สุทธิจำนวน 973,952 ล้านบาท สูงขึ้นจากปีที่แล้วร้อยละ 3.5 "ถึงแม้ว่าเศรษฐกิจในภาพรวมจะเริ่มส่งสัญญาณที่ดีขึ้น แต่ยังคงมีปัญหาที่มีผลกระทบโดยตรงต่อพี่น้องเกษตรกร ผู้มีรายได้น้อย และธุรกิจ SME ซึ่งรัฐบาลก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ หาทางทุกอย่าง ไม่ได้หยุดคิดเลยนะครับว่าทำยังไงราคาสินค้าทางการเกษตรที่ตกต่ำให้มีราคาสูงขึ้น" เปิดแผนโครงการคมนาคม-วอนอย่าประท้วงโครงการท่าเรือน้ำลึกปากบารา นายกฯ ได้รายงานความคืบหน้าของโครงการคมนาคมสำคัญๆ ซึ่งรวมถึงโครงการก่อสร้างท่าเรือน้ำลึกปากบารา จ.สตูล ที่กำลังถูกประชาชนในพื้นที่และนักอนุรักษ์ต่อต้านอย่างหนัก เพราะกังวลเรื่องผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรทางทะเล และกระทบต่อวิถีชีวิตของชาวประมง โครงการคมนาคมที่นายกฯ ระบุว่าเป็น “เส้นเลือด” หล่อเลี้ยงระบบเศรษฐกิจที่รัฐบาลนี้ได้ริเริ่ม เร่งรัด ให้เกิดผลเป็นรูปธรรม ได้แก่ 1) การพัฒนาโครงข่ายรถไฟระหว่างเมืองจะมีการส่งมอบรถโดยสารใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ (NGV) 489 คัน (จาก 3,183 คัน) ในเดือนกรกฎาคม 2558 2) Motorway 3 เส้นทาง ได้แก่ บางปะอิน – นครราชสีมา (196 กม.) บางใหญ่ – กาญจนบุรี (96 กม.) และ พัทยา – มาบตาพุด (32 กม.) อยู่ระหว่างการศึกษาความเหมาะสม สำรวจ ออกแบบเส้นทาง ฯลฯ เพื่อลงมือก่อสร้างทันที เพื่อให้พร้อมใช้งานในปี 2562 (3) รถไฟฟ้าใน กทม. และปริมณฑล10 เส้นทาง ระยะทางรวม 464 กม. โดยสายสีน้ำเงินตะวันออกเปิดให้บริการแล้ว สายสีม่วงเหนือจะเปิดบริการในปี 2559 สายสีน้ำเงินตะวันตกและสายสีเขียวใต้อยู่ระหว่างก่อสร้าง จะแล้วเสร็จตามกำหนด พร้อมใช้งานในปี 2563 ส่วนสายที่เหลือ 6 สาย อยู่ระหว่างการดำเนินการตามขั้นตอนซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2563 ทั้งหมด (4) โครงข่ายรถไฟทางคู่ระหว่างเมือง ระยะเร่งด่วน 6 เส้นทาง 903 กม. ได้แก่ เส้นทางฉะเชิงเทรา–คลอง19–แก่งคอย (106 กม.) เส้นทางมาบกะเบา–ถนนจิระ(132 กม.) เส้นทางถนนจิระ–ขอนแก่น (185กม.) เส้นทางลพบุรี–ปากน้ำโพ(148 กม.) เส้นทางประจวบคีรีขันธ์–ชุมพร(167 กม.) และเส้นทางนครปฐม–หัวหิน (165 กม.) ทั้งหมดจะเริ่มก่อสร้างในปี 2558 และจะแล้วเสร็จในปี 2561 (5) ระบบขนส่งโดยสารทางน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา ให้สามารถรองรับผู้โดยสารและนักท่องเที่ยวได้200,000 คน/วัน และเชื่อมโยงการเดินทางกับระบบขนส่งสาธารณะทุกประเภทได้ โดยยกระดับท่าเทียบเรือ ทั้ง 19 แห่งเป็น “สถานีเรือ” "นอกจากนี้ ยังมีอีกหลายโครงการขนาดใหญ่ เช่น โครงการท่าเรือน้ำลึกปากบารา จังหวัดสตูล ซึ่งขอความกรุณาว่าอย่าขัดแย้งกันมากเลย เราพยายามจะดูแลผู้ได้รับผลกระทบและเยียวยา ถ้าเราไม่สร้างตรงนี้มันก็เป็นปัญหาอีก ประตูการค้าฝั่งอันดามันเราก็จะไม่มีนะครับ แล้วก็เชื่อมโยงการขนส่งสินค้าสู่ทวีปยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกาไม่ได้" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว นอกจากนี้ รัฐบาลจะเดินหน้าโครงการพัฒนาท่าเทียบเรือชายฝั่ง (ท่าเทียบเรือ A) ท่าเรือแหลมฉบัง โครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระยะที่ 2 โครงการพัฒนาท่าอากาศยานดอนเมืองระยะที่ 2 เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสารได้ 30 ล้านคน/ปี โครงการพัฒนาท่าอากาศยานภูเก็ตเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสาร 12.5 ล้านคน/ปี และโครงการพัฒนาท่าอากาศยานทหารอู่ตะเภาให้เป็นท่าอากาศยานนานาชาติแห่งที่ 3 เป็นต้น รวมทั้ง ความร่วมมือด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางรถไฟระหว่างไทย – จีน และ ไทย – ญี่ปุ่น ประกาศเดินหน้าช่วยเหลือเหยื่อค้ามนุษย์ นายกฯ แสดงความยินดีกับแรงงานประมงไทย 68 คน ที่รัฐได้ช่วยเหลือให้เดินทางกลับจากประเทศอินโดนีเซียเมื่อวันที่ 8 เม.ย.2558 และยืนยันว่ารัฐบาลจะช่วยเหลือเยียวยา โดยเบื้องต้นได้จัดให้แรงงานได้รับการตรวจสุขภาพเบื้องต้น จัดหาข้าวของเครื่องใช้ มอบเงินช่วยเหลือกลับภูมิลำเนาและการจัดหาสถานที่พักชั่วคราวหากจำเป็นโดยให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงมนุษย์ทำงานร่วมกับอีกหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อติดตามและช่วยเหลือผู้ที่ตกเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์อย่างต่อเนื่อง เพราะมีหลายคนยังตกระกำลำบากอยู่ ซึ่งทางรัฐบาลจะตามช่วยเหลือจนครบทุกคน โดยจะมุ่งเน้นการป้องกันการถูกล่อลวง จะทำลายกระบวนการทั้งหมด ทั้งเจ้าหน้าที่ ผู้ที่ทำผิดกฎหมายไม่ให้ประชาชนตกเป็นเหยื่อของการค้ามนุษย์ได้อีกต่อไป พร้อมส่งต่องานให้รัฐบาลใหม่ที่ยอมรับกติกา นายกฯ กล่าวว่าในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา รัฐบาลได้วางรากฐานสำหรับการปฏิรูปประเทศในเบื้องต้น แต่การจะปฏิรูปได้นั้นต้องมีกฎกติการใหม่ ซึ่งรวมทั้งการจัดทำกฎหมายรัฐธรรมนูญที่เหมาะสมกับประเทศและได้รับการยอมรับ "ถ้าประชาชนคิดว่าวันนี้เราดีอยู่แล้ว ผมก็ลำบากใจนะ ผมคิดว่าปัญหามีเยอะ ไม่ใช่ข้อแก้ตัว รัฐบาลพยายามทำเต็มที่แล้วก็ยังทำได้เท่านี้ การแก้ปัญหาที่ผ่านมา การลดความเหลื่อมล้ำ เรากำลังเดินมาถูกทางที่ให้เราได้มีโอกาสทำงานตรงนี้ ต้องดูว่าจะร่วมมือกันอย่างไรต่อไป แก้ไขอย่างไร โรดแมปเป็นอย่างไร จะปฏิรูปได้หรือไม่ 6 เดือนที่ผ่านมานั้นรัฐบาลดำเนินการไปแล้วเบื้องต้น แล้วก็พร้อมจะส่งต่อให้รัฐบาลต่อๆ ไป ถ้าได้รัฐบาลที่มีธรรมาภิบาล และยอมรับกติกาเรื่องการปฏิรูป เราก็สามารถบรรลุวิสัยทัศน์ของประเทศ 'มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน' ในทุกระดับ ห่วงสังคมไทยตกอยู่ในวาทกรรมเชือดเฉือน พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงกระแสวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของตนและรัฐบาลว่า สังคมไทยกำลังเป็นสังคมแห่งวาทกรรมที่เชือดเฉือนกันด้วยถ้อยคำมากกว่าให้โอกาสพิสูจน์การทำงาน ซึ่งตนคิดว่ามีที่มาจาก "นิสัยที่ไม่ดี" ของคนไทยส่วนหนึ่ง คือ 1) ไม่ชอบศึกษาอะไรที่เป็นรายละเอียดแล้วรีบวิจารณ์ไปก่อน เช่น เมื่อรัฐบาลพูดเรื่องภาษีก็มีคนโวยวายทันทีว่ารัฐบาลแกล้งคนจน เก็บเงินคนจนอีกแล้ว 2) นิสัยของนักการเมืองที่เป็นนักเลือกตั้งที่คอยฉวยโอกาสโจมตีทุกคนที่พลาด ใช้วาทกรรมเจ็บๆ มาด่าคนที่ตั้งใจทำความดี "วันนี้รัฐบาลพยายามจะทำเพื่อคนจน ก็มาหาว่ารัฐบาลนี่แกล้งคนจน ไม่มีจะกินอยู่แล้ว เอาแต่ขูดรีดเก็บภาษี ซึ่งผมก็ยังไม่ได้เก็บตรงไหนเลยนะ ประเทศต้องการเงินงบประมาณไปทำให้ประชาชนเติมในสิ่งที่ขาด สร้างความเข้มแข็ง แก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ สร้างความเป็นธรรม ก็กลับไปพูดเป็นวาทกรรมว่า อุตส่าห์หาเงินซื้อบ้านแทบตายยังจะมาเก็บภาษีบ้านเราอีก" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว "ถึงแม้ว่ารัฐบาลนี้ ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง แต่ก็ยังต้องการความร่วมมือในการแก้ปัญหา ท่านก็พยายามสร้างความเข้าใจผิดไม่คำนึงถึงผลเสียต่อประเทศชาติและประชาชน เรื่องภาษี ไม่ใช่เรื่องส่วนตัวแต่เป็นเรื่องส่วนรวม คนไทยหลายคนไม่ชอบเรื่องการเก็บภาษี แต่เมื่อเทียบกับโครงการรถยนต์คันแรก โครงการรับจำนำข้าว คนชื่นชมว่าทำดีเพื่อประชาชน เพราะแต่ละคนได้ประโยชน์ ส่วนรวมเสียประโยชน์ แต่เสียหายเท่าไร อันตรายมาก นักการเมืองเหล่านี้พยายามสร้างความนิยมส่วนตัวและความนิยมของพรรคการเมืองโดยการใช้วาทกรรม ผมว่าเลิกซะทีนะ" "อย่าไปสร้างวาทกรรมว่าคนจนจะได้ลืมตาอ้าปากสักที ให้ราคาข้าว ราคาผลิตผลการเกษตรสูงๆ เข้าไว้หรือให้ไปผ่อนรถคันแรก คืนภาษีให้ บางคนก็บอกว่าจะไม่ให้คนจนมีโอกาสขับรถเลยหรือไง แล้วมันขับได้ไหมล่ะ ผ่อนเขาไหวไหม แล้วในเมื่อยังไม่สร้างรายได้ให้เขาเลยแล้วไปให้เขาซื้อก่อน เป็นความต้องการเทียมทั้งหมด ผู้ผลิตก็มีการขยายโรงงานไปเยอะแยะแต่วันนี้ขายได้น้อยลง ก็มาบอกว่าเป็นความผิดของรัฐบาล ทั้งๆ ที่ขยายในสมัยใครก็ไม่รู้ ขยายเพราะโครงการรถยนต์คันแรก คนก็ซื้อกันเยอะ ซื้อกันเยอะก็ต้องขยายโรงงาน วันนี้พอไม่มีสตางค์ซื้อ ต้องมาคืนกันหมด ยึดคืนกันหมดนี่ แล้วทำยังไง" นายกฯ สรุปว่าไม่มีระบบใดที่จะสร้างความปรองดองในประเทศได้ ไม่มีระบบการปกครองใดที่จะทำให้ประเทศเจริญได้หากคนในชาติยังไม่ได้รับการพัฒนา และปรับแนวคิดว่าต้องคำนึงถึงส่วนรวมก่อนส่วนตน และไม่ทำในสิ่งที่เป็นการขัดขวางการเจริญของประเทศ พร้อมกับระบุว่ารัฐบาลจะจับตาดูบุคคลที่ทำให้ประเทศชาติเสียหาย ม.ร.ว.ปรีดิยาธร จับมือ จักรมณฑ์-ปีติพงษ์ แถลงผลงานด้านเศรษฐกิจ ในช่วงท้ายของรายการคืนความสุขให้คนในชาติ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจได้มากล่าวถึงผลงานด้านเศรษฐกิจของรัฐบาล โดยมีนายจักรมณฑ์ ผาสุกวานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และนายปีติพงษ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร่วมพูดคุย ซึ่ง ม.ร.ว.ปรีดิยาธรสรุปว่า แม้ตัวเลขการส่งออกจะติดลบถึงร้อยละ 4 ใน 3 เดือนแรก แต่รัฐบาลเชื่อว่าเศรษฐกิจของประเทศยังแข็งแรงพอควร และยังมีปัจจัยที่จะทำให้เศรษฐกิจของไทยใน 3 เดือนแรกขยายตัวได้ร้อยละ 3 ขึ้นไป และเชื่อว่าในไตรมาสถัดไป เมื่อการส่งออกกลับมาปกติแล้ว ปัจจัยอื่นๆ จะช่วยให้เศรษฐกิจของประเทศกลับมาดีขึ้น เนื้อหาที่นายกฯ พูดในรายการคืนความสุขให้คนในชาติวันนี้ บางส่วนเป็นประเด็นเดียวกับที่กล่าวในการแถลงนโยบายรอบ 6 เดือนของรัฐบาล ซึ่งจัดขึ้นที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาลเมื่อเวลา 9.00 น. โดยระบุว่าการบริหารราชการมีความคืบหน้าในหลายด้าน แต่ในส่วนของการปฏิรูปถือว่าเป็นเพียงการเริ่มต้น แต่จะต้องเดินหน้าต่อไปเพื่อให้ประเทศหลุดพ้นจาก "กับดักทางการเมือง" อย่างยั่งยืน นอกจากนี้ในตอนท้าย นายกฯ ได้มอบหมายให้ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจมาชี้แจงผลงานด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลในรอบ 6 เดือน เศรษฐกิจดีขึ้นแต่รัฐบาลยังต้องแก้ปัญหาราคาสินค้าเกษbet911 slotตรตกต่ำ นายกฯ ย้ำถึงผลงานในรอบ 6 เดือนของรัฐบาลว่าได้ทำตามแนวนโยบายการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศของรัฐบาล 11 ด้านที่แถลงต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เมื่อ 12 ก.ย.2557 ซึ่งโจทย์สำคัญของประเทศและรัฐบาลก็คือการสร้างความสามัคคีและปรองดองของคนในชาติ และแก้ปัญหาด้านเศรษฐกิจของประเทศซึ่งมีปัญหามานานนับ 10 ปี ไม่มีการสร้างความเข้มแข็งหรือเตรียมความพร้อม ทำให้ได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจโลก แต่หลังจากที่คสช.และรัฐบาลเข้ามาบริหาราชการแผ่นดินได้ทำให้อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจดีขึ้นแม้ว่าเศรษฐกิจโลกจะแย่ โดยในไตรมาสที่ 4 ของปี 2557 เศรษฐกิจไทยขยายตัวร้อยละ 2.3 สูงกว่าที่ตั้งเป้าไว้ ส่วนด้านเสถียรภาพทางเศรษฐกิจพบว่าเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ 2558 ดุลการค้าและดุลบริการของประเทศยังคงเกินดุล และเมื่อรวมกับดุลเงินทุนแล้ว ประเทศไทยยังมีดุลการชำระเงินที่เกินดุล ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อค่าเงินบาทบ้าง แต่ทางธนาคารแห่งประเทศไทยได้ดูแลอยู่อย่างใกล้ชิดและมีมาตรการที่รองรับไว้ตลอดเวลา ด้านเสถียรภาพภาคการคลัง รัฐบาลยังคงมีการจัดเก็บรายได้ที่สูงกว่าปีที่แล้ว โดยในช่วง 6 เดือนแรกของปีงบประมาณ (ต.ค.57- มี.ค. 58) จัดเก็บรายได้สุทธิจำนวน 973,952 ล้านบาท สูงขึ้นจากปีที่แล้วร้อยละ 3.5 "ถึงแม้ว่าเศรษฐกิจในภาพรวมจะเริ่มส่งสัญญาณที่ดีขึ้น แต่ยังคงมีปัญหาที่มีผลกระทบโดยตรงต่อพี่น้องเกษตรกร ผู้มีรายได้น้อย และธุรกิจ SME ซึ่งรัฐบาลก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ หาทางทุกอย่าง ไม่ได้หยุดคิดเลยนะครับว่าทำยังไงราคาสินค้าทางการเกษตรที่ตกต่ำให้มีราคาสูงขึ้น" เปิดแผนโครงการคมนาคม-วอนอย่าประท้วงโครงการท่าเรือน้ำลึกปากบารา นายกฯ ได้รายงานความคืบหน้าของโครงการคมนาคมสำคัญๆ ซึ่งรวมถึงโครงการก่อสร้างท่าเรือน้ำลึกปากบารา จ.สตูล ที่กำลังถูกประชาชนในพื้นที่และนักอนุรักษ์ต่อต้านอย่างหนัก เพราะกังวลเรื่องผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรทางทะเล และกระทบต่อวิถีชีวิตของชาวประมง โครงการคมนาคมที่นายกฯ ระบุว่าเป็น “เส้นเลือด” หล่อเลี้ยงระบบเศรษฐกิจที่รัฐบาลนี้ได้ริเริ่ม เร่งรัด ให้เกิดผลเป็นรูปธรรม ได้แก่ 1) การพัฒนาโครงข่ายรถไฟระหว่างเมืองจะมีการส่งมอบรถโดยสารใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ (NGV) 489 คัน (จาก 3,183 คัน) ในเดือนกรกฎาคม 2558 2) Motorway 3 เส้นทาง ได้แก่ บางปะอิน – นครราชสีมา (196 กม.) บางใหญ่ – กาญจนบุรี (96 กม.) และ พัทยา – มาบตาพุด (32 กม.) อยู่ระหว่างการศึกษาความเหมาะสม สำรวจ ออกแบบเส้นทาง ฯลฯ เพื่อลงมือก่อสร้างทันที เพื่อให้พร้อมใช้งานในปี 2562 (3) รถไฟฟ้าใน กทม. และปริมณฑล10 เส้นทาง ระยะทางรวม 464 กม. โดยสายสีน้ำเงินตะวันออกเปิดให้บริการแล้ว สายสีม่วงเหนือจะเปิดบริการในปี 2559 สายสีน้ำเงินตะวันตกและสายสีเขียวใต้อยู่ระหว่างก่อสร้าง จะแล้วเสร็จตามกำหนด พร้อมใช้งานในปี 2563 ส่วนสายที่เหลือ 6 สาย อยู่ระหว่างการดำเนินการตามขั้นตอนซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2563 ทั้งหมด (4) โครงข่ายรถไฟทางคู่ระหว่างเมือง ระยะเร่งด่วน 6 เส้นทาง 903 กม. ได้แก่ เส้นทางฉะเชิงเทรา–คลอง19–แก่งคอย (106 กม.) เส้นทางมาบกะเบา–ถนนจิระ(132 กม.) เส้นทางถนนจิระ–ขอนแก่น (185กม.) เส้นทางลพบุรี–ปากน้ำโพ(148 กม.) เส้นทางประจวบคีรีขันธ์–ชุมพร(167 กม.) และเส้นทางนครปฐม–หัวหิน (165 กม.) ทั้งหมดจะเริ่มก่อสร้างในปี 2558 และจะแล้วเสร็จในปี 2561 (5) ระบบขนส่งโดยสารทางน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา ให้สามารถรองรับผู้โดยสารและนักท่องเที่ยวได้200,000 คน/วัน และเชื่อมโยงการเดินทางกับระบบขนส่งสาธารณะทุกประเภทได้ โดยยกระดับท่าเทียบเรือ ทั้ง 19 แห่งเป็น “สถานีเรือ” "นอกจากนี้ ยังมีอีกหลายโครงการขนาดใหญ่ เช่น โครงการท่าเรือน้ำลึกปากบารา จังหวัดสตูล ซึ่งขอความกรุณาว่าอย่าขัดแย้งกันมากเลย เราพยายามจะดูแลผู้ได้รับผลกระทบและเยียวยา ถ้าเราไม่สร้างตรงนี้มันก็เป็นปัญหาอีก ประตูการค้าฝั่งอันดามันเราก็จะไม่มีนะครับ แล้วก็เชื่อมโยงการขนส่งสินค้าสู่ทวีปยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกาไม่ได้" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว นอกจากนี้ รัฐบาลจะเดินหน้าโครงการพัฒนาท่าเทียบเรือชายฝั่ง (ท่าเทียบเรือ A) ท่าเรือแหลมฉบัง โครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระยะที่ 2 โครงการพัฒนาท่าอากาศยานดอนเมืองระยะที่ 2 เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสารได้ 30 ล้านคน/ปี โครงการพัฒนาท่าอากาศยานภูเก็ตเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสาร 12.5 ล้านคน/ปี และโครงการพัฒนาท่าอากาศยานทหารอู่ตะเภาให้เป็นท่าอากาศยานนานาชาติแห่งที่ 3 เป็นต้น รวมทั้ง ความร่วมมือด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางรถไฟระหว่างไทย – จีน และ ไทย – ญี่ปุ่น ประกาศเดินหน้าช่วยเหลือเหยื่อค้ามนุษย์ นายกฯ แสดงความยินดีกับแรงงานประมงไทย 68 คน ที่รัฐได้ช่วยเหลือให้เดินทางกลับจากประเทศอินโดนีเซียเมื่อวันที่ 8 เม.ย.2558 และยืนยันว่ารัฐบาลจะช่วยเหลือเยียวยา โดยเบื้องต้นได้จัดให้แรงงานได้รับการตรวจสุขภาพเบื้องต้น จัดหาข้าวของเครื่องใช้ มอบเงินช่วยเหลือกลับภูมิลำเนาและการจัดหาสถานที่พักชั่วคราวหากจำเป็นโดยให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงมนุษย์ทำงานร่วมกับอีกหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อติดตามและช่วยเหลือผู้ที่ตกเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์อย่างต่อเนื่อง เพราะมีหลายคนยังตกระกำลำบากอยู่ ซึ่งทางรัฐบาลจะตามช่วยเหลือจนครบทุกคน โดยจะมุ่งเน้นการป้องกันการถูกล่อลวง จะทำลายกระบวนการทั้งหมด ทั้งเจ้าหน้าที่ ผู้ที่ทำผิดกฎหมายไม่ให้ประชาชนตกเป็นเหยื่อของการค้ามนุษย์ได้อีกต่อไป พร้อมส่งต่องานให้รัฐบาลใหม่ที่ยอมรับกติกา นายกฯ กล่าวว่าในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา รัฐบาลได้วางรากฐานสำหรับการปฏิรูปประเทศในเบื้องต้น แต่การจะปฏิรูปได้นั้นต้องมีกฎกติการใหม่ ซึ่งรวมทั้งการจัดทำกฎหมายรัฐธรรมนูญที่เหมาะสมกับประเทศและได้รับการยอมรับ "ถ้าประชาชนคิดว่าวันนี้เราดีอยู่แล้ว ผมก็ลำบากใจนะ ผมคิดว่าปัญหามีเยอะ ไม่ใช่ข้อแก้ตัว รัฐบาลพยายามทำเต็มที่แล้วก็ยังทำได้เท่านี้ การแก้ปัญหาที่ผ่านมา การลดความเหลื่อมล้ำ เรากำลังเดินมาถูกทางที่ให้เราได้มีโอกาสทำงานตรงนี้ ต้องดูว่าจะร่วมมือกันอย่างไรต่อไป แก้ไขอย่างไร โรดแมปเป็นอย่างไร จะปฏิรูปได้หรือไม่ 6 เดือนที่ผ่านมานั้นรัฐบาลดำเนินการไปแล้วเบื้องต้น แล้วก็พร้อมจะส่งต่อให้รัฐบาลต่อๆ ไป ถ้าได้รัฐบาลที่มีธรรมาภิบาล และยอมรับกติกาเรื่องการปฏิรูป เราก็สามารถบรรลุวิสัยทัศน์ของประเทศ 'มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน' ในทุกระดับ ห่วงสังคมไทยตกอยู่ในวาทกรรมเชือดเฉือน พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงกระแสวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของตนและรัฐบาลว่า สังคมไทยกำลังเป็นสังคมแห่งวาทกรรมที่เชือดเฉือนกันด้วยถ้อยคำมากกว่าให้โอกาสพิสูจน์การทำงาน ซึ่งตนคิดว่ามีที่มาจาก "นิสัยที่ไม่ดี" ของคนไทยส่วนหนึ่ง คือ 1) ไม่ชอบศึกษาอะไรที่เป็นรายละเอียดแล้วรีบวิจารณ์ไปก่อน เช่น เมื่อรัฐบาลพูดเรื่องภาษีก็มีคนโวยวายทันทีว่ารัฐบาลแกล้งคนจน เก็บเงินคนจนอีกแล้ว 2) นิสัยของนักการเมืองที่เป็นนักเลือกตั้งที่คอยฉวยโอกาสโจมตีทุกคนที่พลาด ใช้วาทกรรมเจ็บๆ มาด่าคนที่ตั้งใจทำความดี "วันนี้รัฐบาลพยายามจะทำเพื่อคนจน ก็มาหาว่ารัฐบาลนี่แกล้งคนจน ไม่มีจะกินอยู่แล้ว เอาแต่ขูดรีดเก็บภาษี ซึ่งผมก็ยังไม่ได้เก็บตรงไหนเลยนะ ประเทศต้องการเงินงบประมาณไปทำให้ประชาชนเติมในสิ่งที่ขาด สร้างความเข้มแข็ง แก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ สร้างความเป็นธรรม ก็กลับไปพูดเป็นวาทกรรมว่า อุตส่าห์หาเงินซื้อบ้านแทบตายยังจะมาเก็บภาษีบ้านเราอีก" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว "ถึงแม้ว่ารัฐบาลนี้ ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง แต่ก็ยังต้องการความร่วมมือในการแก้ปัญหา ท่านก็พยายามสร้างความเข้าใจผิดไม่คำนึงถึงผลเสียต่อประเทศชาติและประชาชน เรื่องภาษี ไม่ใช่เรื่องส่วนตัวแต่เป็นเรื่องส่วนรวม คนไทยหลายคนไม่ชอบเรื่องการเก็บภาษี แต่เมื่อเทียบกับโครงการรถยนต์คันแรก โครงการรับจำนำข้าว คนชื่นชมว่าทำดีเพื่อประชาชน เพราะแต่ละคนได้ประโยชน์ ส่วนรวมเสียประโยชน์ แต่เสียหายเท่าไร อันตรายมาก นักการเมืองเหล่านี้พยายามสร้างความนิยมส่วนตัวและความนิยมของพรรคการเมืองโดยการใช้วาทกรรม ผมว่าเลิกซะทีนะ" "อย่าไปสร้างวาทกรรมว่าคนจนจะได้ลืมตาอ้าปากสักที ให้ราคาข้าว ราคาผลิตผลการเกษตรสูงๆ เข้าไว้หรือให้ไปผ่อนรถคันแรก คืนภาษีให้ บางคนก็บอกว่าจะไม่ให้คนจนมีโอกาสขับรถเลยหรือไง แล้วมันขับได้ไหมล่ะ ผ่อนเขาไหวไหม แล้วในเมื่อยังไม่สร้างรายได้ให้เขาเลยแล้วไปให้เขาซื้อก่อน เป็นความต้องการเทียมทั้งหมด ผู้ผลิตก็มีการขยายโรงงานไปเยอะแยะแต่วันนี้ขายได้น้อยลง ก็มาบอกว่าเป็นความผิดของรัฐบาล ทั้งๆ ที่ขยายในสมัยใครก็ไม่รู้ ขยายเพราะโครงการรถยนต์คันแรก คนก็ซื้อกันเยอะ ซื้อกันเยอะก็ต้องขยายโรงงาน วันนี้พอไม่มีสตางค์ซื้อ ต้องมาคืนกันหมด ยึดคืนกันหมดนี่ แล้วทำยังไง" นายกฯ สรุปว่าไม่มีระบบใดที่จะสร้างความปรองดองในประเทศได้ ไม่มีระบบการปกครองใดที่จะทำให้ประเทศเจริญได้หากคนในชาติยังไม่ได้รับการพัฒนา และปรับแนวคิดว่าต้องคำนึงถึงส่วนรวมก่อนส่วนตน และไม่ทำในสิ่งที่เป็นการขัดขวางการเจริญของประเทศ พร้อมกับระบุว่ารัฐบาลจะจับตาดูบุคคลที่ทำให้ประเทศชาติเสียหาย ม.ร.ว.ปรีดิยาธร จับมือ จักรมณฑ์-ปีติพงษ์ แถลงผลงานด้านเศรษฐกิจ ในช่วงท้ายของรายการคืนความสุขให้คนในชาติ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจได้มากล่าวถึงผลงานด้านเศรษฐกิจของรัฐบาล โดยมีนายจักรมณฑ์ ผาสุกวานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และนายปีติพงษ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร่วมพูดคุย ซึ่ง ม.ร.ว.ปรีดิยาธรสรุปว่า แม้ตัวเลขการส่งออกจะติดลบถึงร้อยละ 4 ใน 3 เดือนแรก แต่รัฐบาลเชื่อว่าเศรษฐกิจของประเทศยังแข็งแรงพอควร และยังมีปัจจัยที่จะทำให้เศรษฐกิจของไทยใน 3 เดือนแรกขยายตัวได้ร้อยละ 3 ขึ้นไป และเชื่อว่าในไตรมาสถัดไป เมื่อการส่งออกกลับมาปกติแล้ว ปัจจัยอื่นๆ จะช่วยให้เศรษฐกิจของประเทศกลับมาดีขึ้น
วันนี้ (5 ต.ค.2566) กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช รายงานว่าได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ด่านตรวจสัตว์ป่าท่าอากาศยานสุวรรณภูมิว่า พบมีการลักลอบส่งออกสัตว์ป่ามีชีวิตขึ้นไปบนเครื่องบินของสายการบิน Vie
- bet911 slot
- พนันออนไลน์ ไม่มี ขั้น ต่ําตู้สล็อต ราคาslot999ss
- ufa168evoufabet แทง บอล บา คา ร่า
- สแกน 918kiss
- wwwuwin789
- ฟรี ส ปิ น 15 ครั้ง ไม่ ต้อง ฝาก