วันที่ 11 ต.ค.2565 สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า ม

เมื่อวันที่ 7 ม.ค.2566 ผู้ใช้ทวิตเตอร์บัญชี 中日新聞社航空部 @csp_helicopter โพสต์ภาพเครื่องบิน Airbus A320-200 ของสายการบิน Jetstar Japan ทะเบียน JA14JJ จอดกลางรันเวย์ที่สนามบินนานาชาติชูบุเซ็นแทร์ เมืองโทโค
วันนี้ (27 ต.ค.2564) น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผย คณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบผลการประชุม “The 13th Inclusive Framework on BEPS” และการตั้งคณะกรรมการเพื่อศึกษาผลกระทบของข้อเสน
เมื่อโรคระบาด COVID-19 ทำให้หลายประเทศรวมถึงจีนเลือกนโยบายปิดประเทศ ค่าใช้จ่ายการเดินทางกลับจีนกระโดดจากหลักพันเป็นครึ่งแสน กลายเป็นอุปสรรคให้ "จาง เจียะ" หรือ เจ ชาวจีนวัย 35 ปี นักท่องเที่ยวแบ็กแพ็ก ติดอยู่ในไทยอย่างไม่คาดคิด และต้องดิ้นรนใช้ชีวิตในฐานะคนไร้บ้านจากต่างแดน ตลอดระยะเวลาเกือบ 2 ปี จาง เจียะ อาศัยสะพานลอยและสวนลุมพินีเป็นที่นอน อาบน้ำและซักผ้าที่มีอยู่เพบ่อน ภาษาอังกฤษียงชุดเดียวในห้องน้ำสาธารณะ ตากผ้าใต้เต็นท์ในสวน และมีกิจวัตรประจำวัน คือ การต่อคิวรอรับอาหารร่วมกับคนไร้บ้านคนอื่น ๆ บางครั้งที่คนมากกว่าอาหาร สุดท้าย จาง เจียะต้องซื้อข้าวเปล่ามาผสมน้ำตาลฟรีกินประทังชีวิต ข้าวสาร อาหารแห้ง หรือสเปรย์แอลกอฮอล์ ที่ไม่ได้ใช้ถูกนำไปขายต่อด้วยราคาลด 50% จากซูเปอร์มาเก็ต เพื่อนำเงินมาซื้อบัตรรถเมล์รายสัปดาห์เดินทางในกรุงเทพฯ ไวไฟฟรีและจุดชาร์จแบตโทรศัพท์เป็นอีกพื้นที่ประจำของจาง เจียะในการใช้ชีวิตต่างแดน แต่วันที่ต้องเผชิญกับโรคภัย ทำให้เขาเริ่มตั้งคำถามกับชีวิตวันต่อ ๆ ไป "ผมถามตัวเองหลายครั้งว่าทำไมผมยังมีชีวิตอยู่ ในคืนที่หนาวมากจนผมนอนไม่หลับ บางครั้งผมไม่สบาย บางวันก็ไม่มีข้าวกิน ผมคิดว่าเพราะคนไทยใจดีช่วยผมไว้ แม้ว่าจะไม่รู้จักผม แต่พวกเขาก็มาช่วยผมทุกวัน และเพราะผู้คนมากมายที่ช่วยผมไว้ ผมจะทำให้พวกเขาผิดหวังไม่ได้ ผมต้องพยายามมีชีวิตอยู่ต่อไป" ในวันที่เกือบยอมแพ้กับชีวิต จาง เจียะ ได้พบกับคนที่เขาเรียกว่า "ลุงสมนึก" ชายที่เข้ามาพูดคุยด้วยหลังเขาไปต่อแถวรับอาหาร ก่อนจะก้าวเข้ามาช่วยหาที่อยู่และระดมทุนหวังส่งจาง เจียะกลับประเทศจีนได้ในเร็ววัน "สมนึก เจตน์จิราวัฒน์" รวมกลุ่มกับเพื่อนและครอบครัวทำอาหารไปแจกจ่ายให้คนไร้บ้านในหลายพื้นที่ทั้งหัวลำโพง ราชดำเนิน ไปจนถึงหน้าวัดบวรนิเวศราชวรวิหารจนได้พบกับจาง เจียะ พร้อมแลกเบอร์ติดต่อกัน กระทั่งวันที่ 7 พ.ย.2564 คนไร้บ้านต่างแดนคนนี้ก็ได้ส่งข้อความขอความช่วยเหลือให้ช่วยส่งตัวไปโรงพยาบาลเพื่อรักษาเท้าซึ่งเป็นแผลจากแมลงกัดต่อย หลังรักษาตัวแล้ว นายสมนึก ไม่ได้ไปส่งจาง เจียะที่สวนลุมพินี แต่กลับพาไปตัดผม พร้อมหาที่อยู่เป็นโฮสต์เทลของเพื่อนในย่านตลาดน้อยให้จาง เจียะอยู่ ก่อนจะระดมทุนเพื่อนเพื่อช่วยค่าเดินทางกลับประเทศจีน เพราะตั้งใจว่าหากช่วยแล้วก็พร้อมจะช่วยให้สุดทาง นายสมนึก ให้เหตุผลถึงการช่วยเหลือจาง เจียะครั้งนี้ว่า เรื่องคนไร้ถิ่นเป็นเรื่องที่ซับซ้อน หากมองว่าเป็นปัญหา การช่วยเหลือก็จะกลายเป็นการแก้ปัญหา แต่หากมองว่าเป็นความเมตตา ก็จะทำให้เข้าใจพวกเขามากขึ้น และช่วยได้ตรงจุด ส่งเสริมให้พวกเขาได้ทำงานและภูมิใจที่เขายืนกลับมาใหม่ได้อีกครั้ง
"ซิกมุนด์ ฟรอยด์" เจ้าของทฤษฎีจิตวิเคราะห์ ซึ่งเป็นวิธีการรักษาความเจ็บป่วยทางจิตและเป็นวิธีอธิบายเก
เมื่อโรคระบาด COVID-19 ทำให้หลายประเทศรวมถึงจีนเลือกนโยบายปิดประเทศ ค่าใช้จ่ายการเดินทางกลับจีนกระโด
สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) (สดร.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรร
เมื่อโรคระบาด COVID-19 ทำให้หลายประเทศรวมถึงจีนเลือกนโยบายปิดประเทศ ค่าใช้จ่ายการเดินทางกลับจีนกระโดดจากหลักพันเป็นครึ่งแสน กลายเป็นอุปสรรคให้ "จาง เจียะ" หรือ เจ ชาวจีนวัย 35 ปี นักท่องเที่ยวแบ็กแพ็ก ติดอยู่ในไทยอย่างไม่คาดคิด และต้องดิ้นรนใช้ชีวิตในฐานะคนไร้บ้านจากต่างแดน ตลอดระยะเวลาเกือบ 2 ปี จาง เจียะ อาศัยสะพานลอยและสวนลุมพินีเป็นที่นอน อาบน้ำและซักผ้าที่มีอยู่เพบ่อน ภาษาอังกฤษียงชุดเดียวในห้องน้ำสาธารณะ ตากผ้าใต้เต็นท์ในสวน และมีกิจวัตรประจำวัน คือ การต่อคิวรอรับอาหารร่วมกับคนไร้บ้านคนอื่น ๆ บางครั้งที่คนมากกว่าอาหาร สุดท้าย จาง เจียะต้องซื้อข้าวเปล่ามาผสมน้ำตาลฟรีกินประทังชีวิต ข้าวสาร อาหารแห้ง หรือสเปรย์แอลกอฮอล์ ที่ไม่ได้ใช้ถูกนำไปขายต่อด้วยราคาลด 50% จากซูเปอร์มาเก็ต เพื่อนำเงินมาซื้อบัตรรถเมล์รายสัปดาห์เดินทางในกรุงเทพฯ ไวไฟฟรีและจุดชาร์จแบตโทรศัพท์เป็นอีกพื้นที่ประจำของจาง เจียะในการใช้ชีวิตต่างแดน แต่วันที่ต้องเผชิญกับโรคภัย ทำให้เขาเริ่มตั้งคำถามกับชีวิตวันต่อ ๆ ไป "ผมถามตัวเองหลายครั้งว่าทำไมผมยังมีชีวิตอยู่ ในคืนที่หนาวมากจนผมนอนไม่หลับ บางครั้งผมไม่สบาย บางวันก็ไม่มีข้าวกิน ผมคิดว่าเพราะคนไทยใจดีช่วยผมไว้ แม้ว่าจะไม่รู้จักผม แต่พวกเขาก็มาช่วยผมทุกวัน และเพราะผู้คนมากมายที่ช่วยผมไว้ ผมจะทำให้พวกเขาผิดหวังไม่ได้ ผมต้องพยายามมีชีวิตอยู่ต่อไป" ในวันที่เกือบยอมแพ้กับชีวิต จาง เจียะ ได้พบกับคนที่เขาเรียกว่า "ลุงสมนึก" ชายที่เข้ามาพูดคุยด้วยหลังเขาไปต่อแถวรับอาหาร ก่อนจะก้าวเข้ามาช่วยหาที่อยู่และระดมทุนหวังส่งจาง เจียะกลับประเทศจีนได้ในเร็ววัน "สมนึก เจตน์จิราวัฒน์" รวมกลุ่มกับเพื่อนและครอบครัวทำอาหารไปแจกจ่ายให้คนไร้บ้านในหลายพื้นที่ทั้งหัวลำโพง ราชดำเนิน ไปจนถึงหน้าวัดบวรนิเวศราชวรวิหารจนได้พบกับจาง เจียะ พร้อมแลกเบอร์ติดต่อกัน กระทั่งวันที่ 7 พ.ย.2564 คนไร้บ้านต่างแดนคนนี้ก็ได้ส่งข้อความขอความช่วยเหลือให้ช่วยส่งตัวไปโรงพยาบาลเพื่อรักษาเท้าซึ่งเป็นแผลจากแมลงกัดต่อย หลังรักษาตัวแล้ว นายสมนึก ไม่ได้ไปส่งจาง เจียะที่สวนลุมพินี แต่กลับพาไปตัดผม พร้อมหาที่อยู่เป็นโฮสต์เทลของเพื่อนในย่านตลาดน้อยให้จาง เจียะอยู่ ก่อนจะระดมทุนเพื่อนเพื่อช่วยค่าเดินทางกลับประเทศจีน เพราะตั้งใจว่าหากช่วยแล้วก็พร้อมจะช่วยให้สุดทาง นายสมนึก ให้เหตุผลถึงการช่วยเหลือจาง เจียะครั้งนี้ว่า เรื่องคนไร้ถิ่นเป็นเรื่องที่ซับซ้อน หากมองว่าเป็นปัญหา การช่วยเหลือก็จะกลายเป็นการแก้ปัญหา แต่หากมองว่าเป็นความเมตตา ก็จะทำให้เข้าใจพวกเขามากขึ้น และช่วยได้ตรงจุด ส่งเสริมให้พวกเขาได้ทำงานและภูมิใจที่เขายืนกลับมาใหม่ได้อีกครั้ง
วันนี้ (21 มิ.ย.2564) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข เป็นประธานในพิธีตัดช่อดอก