วานนี้ 8 มิ.ย.2565 เวลา 20.00 น. (ตามเวลาประเทศไทย

วันนี้ 1 ธ.ค.2564 เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เกิดเหตุน้ำป่าไหลทะลักท่วมถนนสายเอเชีย 41 ทำให้ต้องปิดเส้นทางดังกล่าว ทั้งขาขึ้น - ขาล่อง บริเวณ กม.ที่ 33-34 อ.สวี จ.ชุมพร ซึ่งเป็นจุดเดียวที่เกิดน้ำท่วมหนักเ
จากกรณีที่มีผู้ใช้ติ๊กต๊อกรายหนึ่งที่ใช้ชื่อศรนรินทร์ ซึ่งทราบในภายหลังว่า คือ พระมหาศรนรินทร์ ธมฺมนรินฺโท หรือ หลวงพี่โจ พระผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดไร่พรุ ต.น้ำผุด อ.เมืองตรัง จ.ตรัง ได้มีการโพสต์ภาพและคล
จากกรณีแนวคิดการสร้างเขื่อนเพื่อแก้ไขปัญหาสารพิษในแม่น้ำกก จ.เชียงราย ล่าสุด วันนี้ (22 พ.ค.2568) รศ.ดร.ธนพล เพ็ญรัตน์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ ม.นเรศวร กล่าวว่า แนวคิดของการแก้ปัญหาสารปนเปื้อนในแหล่งน้ำผิวดินในลำห้วย หรือแม่น้ำ จากกรณีปนเปื้อนจากเหมืองแร่ในอุตสาหกรรมวิธีการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืนที่ถูกต้องสามารถทำได้ จุดสำคัญ คือ แก้ด้วยการหยุดการปลดปล่อยการรั่วไหลจากแหล่งกำเนิด ถ้าสามารถทำได้ควรทำสิ่งนี้ก่อน เช่น กรณี บ.คลิตี้ จ.กาญจนบุรี ก็เริ่มหยุดจากแหล่งกำเนิดเหมืองแร่ให้ได้ก่อน ควรสร้างบริเวณต้นน้ำใกล้เหมืองไม่ให้ไหลเข้าสู่ประเทศไทย และมากักที่ไทย ถ้ามองตามหลักวิชาการสิ่งที่ไหลปนเปื้อนในแหล่งน้ำก็ต้องมีวิธีการจัดการ รศ.ดร.ธนพล กล่าวถึงวิธีการแก้สารพิษในแม่น้ำ หรือ ลำห้วย มี 2 วิธี คือ วิธีแรก คือ การครอบตะกอนปนเปื้อนไว้ใต้ดิน และวิธีที่ 2 คือ การทำตัวดักตะกอนโดยสามารถทำได้ทั้ง 2 แบบ กรณีเหมืองคลิตี้ เป็นการปนเปื้อนปล่อยของลงมาลำห้วยมี โดยมีตะกั่ว 20,000 - 40,000 ตัน และเมื่อมาผสมกับตะกอนดินจะมีปนเปื้อนรวมมากกว่า 200,000 ตัน ประเด็นในขณะนั้นบ่อแร่ของคลิตี้ยังรั่วหรือไม่ ถ้ายังรั่วตะกั่วก็ยังมีต่อซึ่งจะทำให้มีฝายดักตะกอนทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพเพราะยังปนเปื้อนต่อไปเรื่อย ๆ กรณี บ.คลิตี้ ใช้การออกแบบฝายดักตะกอนขนาดใหญ่ทั้งหมดทั่วไป ซึ่งตะกอนที่รั่วมาจาก บ.คลิตี้ เป็นตะกอนขนาดเล็กมากอยู่ในระดับไมครอนจึงทำให้ฝายไม่สามารถตักได้ทั้งหมดทำให้ตะกั่วเล็ก ๆ หลุดมาได้ และเกิดการปนเปื้อน เมื่อเกิดน้ำหลาก ตะกอนที่โดนดักไว้สามารถฟุ้งกระจายได้ และการดูดก็ไม่สามารถดูดตะกอนได้ทันเวลาเมื่อตั้งงบประมาณมาดูดตะกอนก็ไม่สามารถดูดได้ตามระยะเวลาจึงมีการแพร่กระจายของตะกอนสารพิษเกิดขึ้น รศ.ดร.ธนพล กล่าวอีกว่า กรณีการสร้างฝายดักตะกอนในแม่น้ำกกต้องถามว่าถ้ากังวลเรื่องสารหนู ก็ตั้งคำถามว่า เป็นสารหนูละลายน้ำ หรือ สารหนูเป็นอนุภาค ถ้าเป็นสารหนูที่เป็นอนุภาคขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่เป็นข้อมูลที่ยังขาดอยู่ในตอนนี้ ถ้าเป็นตะกอนที่เป็นอนุภาคสารหนูอนุภาคขนาดใหญ่อาจใช้ฝายดักตะกอนดักได้ แต่ถ้าเป็นขนาดเล็กระดับไมครอนต้องเป็นฝายขนาดใหญ่และต้องออกแบบดี ๆ และคำนวณว่าต้องสามารถดักได้ดี ๆ ปัญหาที่ บ.คลิตี้ ไม่มีการออกแบบคำนวณทางวิศวกรรม ประสิทธิภาพจึงไม่ดีทำให้ฝายดักตะกอนทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพหรือไม่สามารถแก้ปัญหาได้ ส่วนกรณีภาครัฐเสนอการสร้างเขื่อน ส่วนตัวมองว่า เสนอเป็นแนวคิดคงได้แต่ต้องเทียบเรื่องของการออกแบบเขื่อนตัวนี้สามารถตักได้ขนาดไหน แต่ถ้าเป็นสารหนูที่ละลายน้ำยืนยันว่า เขื่อนไม่สามารถที่จะแก้ปัญหาได้ หรือเป็นสารหนูที่มีขนาดเล็กมากเขื่อนก็ไม่สามารถช่วยดักสารพิษเหล่านี้ รศ.ดร.ธนพล กล่าว “ตั้งรับจนล้น “รัฐบาลไร้แผนหยุดสารพิษข้ามแดน “ฝาย” ไม่ได้แก้ต้นเหตุ ด้าน ดร.สืบสกุล กิจนุกร อาจารย์ประจำสำนักวิชานวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง แสดงความกังวลถึงแนวทางที่รัฐบาลไทยใช้ในการรับมือกับปัญหามลพิษข้ามพรมแดนจากแม่น้ำกกและแม่น้ำสายใน จ.เชียงราย โดยชี้ว่า มาตรการของรัฐเป็นเพียง “การตั้งรับ” และยังขาดความมุ่งมั่นในการแก้ไขที่ต้นเหตุอย่างแท้จริง รัฐบาลไทยเสนอแผนแก้ปัญหาใหญ่ 2 แนวทาง คือ ปรับปรุงเหมืองในประเทศเมียนมาให้ได้มาตรฐาน และสร้างเขื่อนกรองสารพิษในแม่น้ำแต่ ดร.สืบสกุล ตั้งข้อสังเกตว่า ทั้ง 2 แนวทางเป็นเพียงวาทกรรมเชิงนโยบาย ที่พยายามหลีกเลี่ยงความขัดแย้งกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยยอมรับว่าปัญหานี้ “ซับซ้อนเกินไป” ที่จะแก้ไขผ่านการเจรจา ซึ่งสะท้อนถึงความไม่กล้าตัดสินใจและขาดเจตจำนงทางการเมืองในการเข้าจัดการต้นตอปัญหา ต้นตอเหมือง ใครคือผู้ก่อมลพิษตัวจริง ? การทำเหมืองต้นน้ำในฝั่งเมียนมาเกิดขึ้นโดยไร้การควบคุม ไม่ชัดเจนว่า เป็นฝีมือของเมียนมา กลุ่มชาติพันธุ์ หรือกลุ่มทุนใด แต่มีข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อมชี้ว่า บริษัทจากจีน มีบทบาทสำคัญ โดยเริ่มจากรัฐคะฉิ่น แล้วค่อย ๆ ย้ายฐานการผลิตลงสู่รัฐฉานซึ่งติดกับพรมแดนไทย จีนเคยประสบปัญหาสิ่งแวดล้อมจากเหมืองแร่ภายในประเทศ และเมื่อรัฐบาลจีนเข้มงวดกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อมมากขึ้น บริษัทต่าง ๆ จึงย้ายฐานไปยังประเทศที่กฎหมายหลวมกว่า และมีทรัพยากรอุดมสมบูรณ์อย่างเมียนมา ดร.สืบสกุลจึงตั้งคำถามว่า “เมื่อจีนไม่อยากทำแล้ว เหตุใดไทยจึงหวังจะให้จีนหรือเมียนมาปรับปรุงเหมืองให้ได้มาตรฐาน ?” แนวคิดสร้าง “เขื่อนกรองสารพิษ” หรือ “ฝายดักตะกอน” ที่รัฐไทยเสนอ ยังไม่มีต้นแบบหรือนวัตกรรมที่ชัดเจนว่าใช้ได้จริง แม้จะฟังดูดีในทางทฤษฎี แต่ไทยเองก็มีบทเรียนจากการทำเหมือง เช่น กรณีเหมืองทองคำ ที่ยังสร้างผลกระทบแม้จะมีกฎหมายสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวด ตัวอย่างจาก ลำห้วยคิตตี้ล่าง จ.กาญจนบุรี แสดงให้เห็นว่า แม้จะมีการขุดตะกอนปนเปื้อนกว่า 40,000 ตัน แต่ก็ยังไม่สามารถจัดการได้ดี คล้ายกับสถานการณ์ในลำน้ำกก และแม่น้ำสาย ซึ่งมีสารโลหะหนักปนเปื้อนตลอดแนวยาวกว่า 100 กม. แต่กลับไม่มีแผนการจัดการสารพิษเหล่านี้อย่างเป็นระบบ ดร.สืบสกุลเน้นว่า รัฐบาลไทยยังขาดข้อมูลพื้นฐาน 3 ด้านหลัก ที่จำเป็นต่อการแก้ปัญหาและการเจรจา คือ ข้อมูลพื้นที่เหมืองและชนิดของแร่ ภาพถ่ายดาวเทียมจากจิสด้า แม้จะแสดงพื้นที่เหมือง แต่ยังไม่สามารถระบุได้แน่ชัดว่าเป็นแร่ชนิดใด และปล่อยสารพิษอะไรออกมาบ้าง ดร.สืบสกุล กิจนุกร อาจารย์ประจำสำนักวิชานวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ดร.สืบสกุล กิจนุกร อาจารย์ประจำสำนักวิชานวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ข้อมูลห่วงโซ่แร่ ต้องรู้ว่าใครเป็นผู้ขุด ใครส่งออก ใครนำเข้า เส้นทางแร่เดินทางไปประเทศใด เพื่อระบุตัวผู้รับผิดชอบต่อผลกระทบ ข้อมูลการนำเข้าแร่ผ่านไทย เช่น แร่ตะกั่วและแมงกานีสที่ผ่านด่านแม่สาย หากสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ว่าแร่มาจากแหล่งใด และมีสารปนเปื้อนตรงกับที่พบในลำน้ำ ก็จะเปsbobet ทาง เข า update ทาง เข า เว บ็นหลักฐานสำคัญในการเจรจากับประเทศต้นทาง การขุดแร่ Rare Earth และแร่โลหะหนักเพื่อรองรับอุตสาหกรรม “เทคโนโลยีสีเขียว” กลับก่อมลพิษข้ามพรมแดน ซึ่งขยายตัวอย่างเงียบๆ ทั้งในแม่น้ำกก แม่น้ำสาย และแม่น้ำโขง ส่งผลต่อหลายประเทศในภูมิภาคอุษาคเนย์ ดร.สืบสกุลย้ำว่า ไทยจำเป็นต้อง เปลี่ยนจากการตั้งรับ เป็นการเจรจาเชิงรุกกับทั้งเมียนมา จีน และประเทศที่เกี่ยวข้อง พร้อมเปิดเผยข้อมูลอย่างโปร่งใส และเปิดใจกว้างต่อการร่วมมือทุกฝ่าย รวมถึงกลุ่มชาติพันธุ์ที่มีบทบาทในพื้นที่ หากรัฐบาลไทยยังไม่เปลี่ยนท่าที และยกระดับการเจรจาต่อรองอย่างจริงจัง วิกฤตมลพิษข้ามพรมแดนนี้จะยิ่งทวีความรุนแรง และส่งผลกระทบในระดับภูมิภาคอย่างไม่อาจควบคุมได้ อ่านข่าว : "ภูมิธรรม" ดันสร้างเขื่อนแม่น้ำกก-สาย ป้องกันสารปนเปื้อน สธ.เฝ้าระวัง "สารหนู-ตะกั่ว" ปนเปื้อน "แม่น้ำกก" พบเกินมาตรฐานหลายจุด นายกฯ สั่งด่วนเร่งแก้สารปนเปื้อน "แม่น้ำกก"
นับแต่เกิดคดี "บอส อยู่วิทยา" ขับรถชน ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ เสียชีวิต เมื่อวันที่ 3 ก.ย.2555 เว
วันนี้ (12 ม.ค.2565) หมู 4 ตัวนี้ อายุ 7 เดือน เท่ากับระยะเวลาที่ฟาร์มแห่งนี้ใน จ.กาญจนบุรี ต้องเผชิ
จากกรณีแนวคิดการสร้างเขื่อนเพื่อแก้ไขปัญหาสารพิษในแม่น้ำกก จ.เชียงราย ล่าสุด วันนี้ (22 พ.ค.2568) รศ
จากกรณีแนวคิดการสร้างเขื่อนเพื่อแก้ไขปัญหาสารพิษในแม่น้ำกก จ.เชียงราย ล่าสุด วันนี้ (22 พ.ค.2568) รศ.ดร.ธนพล เพ็ญรัตน์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ ม.นเรศวร กล่าวว่า แนวคิดของการแก้ปัญหาสารปนเปื้อนในแหล่งน้ำผิวดินในลำห้วย หรือแม่น้ำ จากกรณีปนเปื้อนจากเหมืองแร่ในอุตสาหกรรมวิธีการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืนที่ถูกต้องสามารถทำได้ จุดสำคัญ คือ แก้ด้วยการหยุดการปลดปล่อยการรั่วไหลจากแหล่งกำเนิด ถ้าสามารถทำได้ควรทำสิ่งนี้ก่อน เช่น กรณี บ.คลิตี้ จ.กาญจนบุรี ก็เริ่มหยุดจากแหล่งกำเนิดเหมืองแร่ให้ได้ก่อน ควรสร้างบริเวณต้นน้ำใกล้เหมืองไม่ให้ไหลเข้าสู่ประเทศไทย และมากักที่ไทย ถ้ามองตามหลักวิชาการสิ่งที่ไหลปนเปื้อนในแหล่งน้ำก็ต้องมีวิธีการจัดการ รศ.ดร.ธนพล กล่าวถึงวิธีการแก้สารพิษในแม่น้ำ หรือ ลำห้วย มี 2 วิธี คือ วิธีแรก คือ การครอบตะกอนปนเปื้อนไว้ใต้ดิน และวิธีที่ 2 คือ การทำตัวดักตะกอนโดยสามารถทำได้ทั้ง 2 แบบ กรณีเหมืองคลิตี้ เป็นการปนเปื้อนปล่อยของลงมาลำห้วยมี โดยมีตะกั่ว 20,000 - 40,000 ตัน และเมื่อมาผสมกับตะกอนดินจะมีปนเปื้อนรวมมากกว่า 200,000 ตัน ประเด็นในขณะนั้นบ่อแร่ของคลิตี้ยังรั่วหรือไม่ ถ้ายังรั่วตะกั่วก็ยังมีต่อซึ่งจะทำให้มีฝายดักตะกอนทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพเพราะยังปนเปื้อนต่อไปเรื่อย ๆ กรณี บ.คลิตี้ ใช้การออกแบบฝายดักตะกอนขนาดใหญ่ทั้งหมดทั่วไป ซึ่งตะกอนที่รั่วมาจาก บ.คลิตี้ เป็นตะกอนขนาดเล็กมากอยู่ในระดับไมครอนจึงทำให้ฝายไม่สามารถตักได้ทั้งหมดทำให้ตะกั่วเล็ก ๆ หลุดมาได้ และเกิดการปนเปื้อน เมื่อเกิดน้ำหลาก ตะกอนที่โดนดักไว้สามารถฟุ้งกระจายได้ และการดูดก็ไม่สามารถดูดตะกอนได้ทันเวลาเมื่อตั้งงบประมาณมาดูดตะกอนก็ไม่สามารถดูดได้ตามระยะเวลาจึงมีการแพร่กระจายของตะกอนสารพิษเกิดขึ้น รศ.ดร.ธนพล กล่าวอีกว่า กรณีการสร้างฝายดักตะกอนในแม่น้ำกกต้องถามว่าถ้ากังวลเรื่องสารหนู ก็ตั้งคำถามว่า เป็นสารหนูละลายน้ำ หรือ สารหนูเป็นอนุภาค ถ้าเป็นสารหนูที่เป็นอนุภาคขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่เป็นข้อมูลที่ยังขาดอยู่ในตอนนี้ ถ้าเป็นตะกอนที่เป็นอนุภาคสารหนูอนุภาคขนาดใหญ่อาจใช้ฝายดักตะกอนดักได้ แต่ถ้าเป็นขนาดเล็กระดับไมครอนต้องเป็นฝายขนาดใหญ่และต้องออกแบบดี ๆ และคำนวณว่าต้องสามารถดักได้ดี ๆ ปัญหาที่ บ.คลิตี้ ไม่มีการออกแบบคำนวณทางวิศวกรรม ประสิทธิภาพจึงไม่ดีทำให้ฝายดักตะกอนทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพหรือไม่สามารถแก้ปัญหาได้ ส่วนกรณีภาครัฐเสนอการสร้างเขื่อน ส่วนตัวมองว่า เสนอเป็นแนวคิดคงได้แต่ต้องเทียบเรื่องของการออกแบบเขื่อนตัวนี้สามารถตักได้ขนาดไหน แต่ถ้าเป็นสารหนูที่ละลายน้ำยืนยันว่า เขื่อนไม่สามารถที่จะแก้ปัญหาได้ หรือเป็นสารหนูที่มีขนาดเล็กมากเขื่อนก็ไม่สามารถช่วยดักสารพิษเหล่านี้ รศ.ดร.ธนพล กล่าว “ตั้งรับจนล้น “รัฐบาลไร้แผนหยุดสารพิษข้ามแดน “ฝาย” ไม่ได้แก้ต้นเหตุ ด้าน ดร.สืบสกุล กิจนุกร อาจารย์ประจำสำนักวิชานวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง แสดงความกังวลถึงแนวทางที่รัฐบาลไทยใช้ในการรับมือกับปัญหามลพิษข้ามพรมแดนจากแม่น้ำกกและแม่น้ำสายใน จ.เชียงราย โดยชี้ว่า มาตรการของรัฐเป็นเพียง “การตั้งรับ” และยังขาดความมุ่งมั่นในการแก้ไขที่ต้นเหตุอย่างแท้จริง รัฐบาลไทยเสนอแผนแก้ปัญหาใหญ่ 2 แนวทาง คือ ปรับปรุงเหมืองในประเทศเมียนมาให้ได้มาตรฐาน และสร้างเขื่อนกรองสารพิษในแม่น้ำแต่ ดร.สืบสกุล ตั้งข้อสังเกตว่า ทั้ง 2 แนวทางเป็นเพียงวาทกรรมเชิงนโยบาย ที่พยายามหลีกเลี่ยงความขัดแย้งกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยยอมรับว่าปัญหานี้ “ซับซ้อนเกินไป” ที่จะแก้ไขผ่านการเจรจา ซึ่งสะท้อนถึงความไม่กล้าตัดสินใจและขาดเจตจำนงทางการเมืองในการเข้าจัดการต้นตอปัญหา ต้นตอเหมือง ใครคือผู้ก่อมลพิษตัวจริง ? การทำเหมืองต้นน้ำในฝั่งเมียนมาเกิดขึ้นโดยไร้การควบคุม ไม่ชัดเจนว่า เป็นฝีมือของเมียนมา กลุ่มชาติพันธุ์ หรือกลุ่มทุนใด แต่มีข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อมชี้ว่า บริษัทจากจีน มีบทบาทสำคัญ โดยเริ่มจากรัฐคะฉิ่น แล้วค่อย ๆ ย้ายฐานการผลิตลงสู่รัฐฉานซึ่งติดกับพรมแดนไทย จีนเคยประสบปัญหาสิ่งแวดล้อมจากเหมืองแร่ภายในประเทศ และเมื่อรัฐบาลจีนเข้มงวดกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อมมากขึ้น บริษัทต่าง ๆ จึงย้ายฐานไปยังประเทศที่กฎหมายหลวมกว่า และมีทรัพยากรอุดมสมบูรณ์อย่างเมียนมา ดร.สืบสกุลจึงตั้งคำถามว่า “เมื่อจีนไม่อยากทำแล้ว เหตุใดไทยจึงหวังจะให้จีนหรือเมียนมาปรับปรุงเหมืองให้ได้มาตรฐาน ?” แนวคิดสร้าง “เขื่อนกรองสารพิษ” หรือ “ฝายดักตะกอน” ที่รัฐไทยเสนอ ยังไม่มีต้นแบบหรือนวัตกรรมที่ชัดเจนว่าใช้ได้จริง แม้จะฟังดูดีในทางทฤษฎี แต่ไทยเองก็มีบทเรียนจากการทำเหมือง เช่น กรณีเหมืองทองคำ ที่ยังสร้างผลกระทบแม้จะมีกฎหมายสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวด ตัวอย่างจาก ลำห้วยคิตตี้ล่าง จ.กาญจนบุรี แสดงให้เห็นว่า แม้จะมีการขุดตะกอนปนเปื้อนกว่า 40,000 ตัน แต่ก็ยังไม่สามารถจัดการได้ดี คล้ายกับสถานการณ์ในลำน้ำกก และแม่น้ำสาย ซึ่งมีสารโลหะหนักปนเปื้อนตลอดแนวยาวกว่า 100 กม. แต่กลับไม่มีแผนการจัดการสารพิษเหล่านี้อย่างเป็นระบบ ดร.สืบสกุลเน้นว่า รัฐบาลไทยยังขาดข้อมูลพื้นฐาน 3 ด้านหลัก ที่จำเป็นต่อการแก้ปัญหาและการเจรจา คือ ข้อมูลพื้นที่เหมืองและชนิดของแร่ ภาพถ่ายดาวเทียมจากจิสด้า แม้จะแสดงพื้นที่เหมือง แต่ยังไม่สามารถระบุได้แน่ชัดว่าเป็นแร่ชนิดใด และปล่อยสารพิษอะไรออกมาบ้าง ดร.สืบสกุล กิจนุกร อาจารย์ประจำสำนักวิชานวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ดร.สืบสกุล กิจนุกร อาจารย์ประจำสำนักวิชานวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ข้อมูลห่วงโซ่แร่ ต้องรู้ว่าใครเป็นผู้ขุด ใครส่งออก ใครนำเข้า เส้นทางแร่เดินทางไปประเทศใด เพื่อระบุตัวผู้รับผิดชอบต่อผลกระทบ ข้อมูลการนำเข้าแร่ผ่านไทย เช่น แร่ตะกั่วและแมงกานีสที่ผ่านด่านแม่สาย หากสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ว่าแร่มาจากแหล่งใด และมีสารปนเปื้อนตรงกับที่พบในลำน้ำ ก็จะเปsbobet ทาง เข า update ทาง เข า เว บ็นหลักฐานสำคัญในการเจรจากับประเทศต้นทาง การขุดแร่ Rare Earth และแร่โลหะหนักเพื่อรองรับอุตสาหกรรม “เทคโนโลยีสีเขียว” กลับก่อมลพิษข้ามพรมแดน ซึ่งขยายตัวอย่างเงียบๆ ทั้งในแม่น้ำกก แม่น้ำสาย และแม่น้ำโขง ส่งผลต่อหลายประเทศในภูมิภาคอุษาคเนย์ ดร.สืบสกุลย้ำว่า ไทยจำเป็นต้อง เปลี่ยนจากการตั้งรับ เป็นการเจรจาเชิงรุกกับทั้งเมียนมา จีน และประเทศที่เกี่ยวข้อง พร้อมเปิดเผยข้อมูลอย่างโปร่งใส และเปิดใจกว้างต่อการร่วมมือทุกฝ่าย รวมถึงกลุ่มชาติพันธุ์ที่มีบทบาทในพื้นที่ หากรัฐบาลไทยยังไม่เปลี่ยนท่าที และยกระดับการเจรจาต่อรองอย่างจริงจัง วิกฤตมลพิษข้ามพรมแดนนี้จะยิ่งทวีความรุนแรง และส่งผลกระทบในระดับภูมิภาคอย่างไม่อาจควบคุมได้ อ่านข่าว : "ภูมิธรรม" ดันสร้างเขื่อนแม่น้ำกก-สาย ป้องกันสารปนเปื้อน สธ.เฝ้าระวัง "สารหนู-ตะกั่ว" ปนเปื้อน "แม่น้ำกก" พบเกินมาตรฐานหลายจุด นายกฯ สั่งด่วนเร่งแก้สารปนเปื้อน "แม่น้ำกก"
วันนี้ (3 เม.ย.2566) เวลา 07.57 น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เดินทางมาถึ