วันนี้ (13 ม.ค.2566) ไทยพีบีเอสสำรวจร้านขายยาบางแห

นายกฯ ปล่อยขบวน อสม.-ยา ช่วยผู้ประสบอุทกภัย นายกฯ ปล่อยขบวนอาสาสมัครสาธารณสุขช่วยประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากเหตุน้ำท่วม นายกฯ ปล่อยขบวน อสม.-ยา ช่วยผู้ประสบอุทกภัย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐม
วันนี้ (23 พ.ย.2565) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ย้ำว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ยังไม่ได้สมัครเข้าร่วมงานการเมืองกับพรรครวมไทยสร้างชาติเมื่อ 21 พ.ย. ที่ผ่านมา ต
กรุงเทพมหานครไม่ได้เป็นเพียงจุดเสี่ยงได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมสูง เพียงแห่งเดียวของโลกเท่านั้น เมื่อเดือน มิ.ย.2564 กรีนพีซเผยแพร่รายงานความเสียหายทางเศรษฐกิจ ที่คาดการณ์จากการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลแบบสภาวะสุดขีด หรือ Extreme Sea-Level Rise ใน 7 เมืองของเอเชีย ภายในปี 2030 หรือในอีก 9 ปีข้างหน้า ซึ่ง 7 เมืองในรายฉบับนี้ ประกอบไปด้วยฮ่องกง กรุงไทเป กรุงโซล กรุงโตเกียว กรุงจาการ์ตา กรุงมะนิลา และกรุงเทพมหานคร กรีนพีซ ระบุว่าเมืองชายฝั่งทั่วเอเชีย กำลังเผชิญกับความเสี่ยงจากน้ำท่วม จากการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลและพายุโซนร้อน โดยพายุมีความเร็วลมรุนแรงสร้างความเสียหายมากขึ้น คลื่นพายุซัดฝั่งสูงขึ้นและปริมาณน้ำฝนที่มีสภาวะสุดขีดมากกslotxo 688mafia 168vipว่าในอดีต สาระสำคัญของรายงานฉบับนี้คือ มากกว่าร้อยละ 96 ของกรุงเทพฯ เป็นพื้นที่ลุ่มต่ำเสี่ยงน้ำท่วม หากระดับน้ำทะเลเพิ่มขึ้นจากปรากฏการณ์อุทกภัยคาบอุบัติซ้ำ 10 ปี หรือ "ten-year flood" ซึ่งหมายถึง เหตุการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่กว่าปกติในรอบ 10 ปี นอกจากนี้ยังประเมินว่า หากเกิดปรากฏการณ์นี้ขึ้น สัปปายะสภาสถาน รัฐสภาแห่งใหม่ของไทย จะเสี่ยงต่อการถูกน้ำท่วมเช่นกัน ซึ่งกรุงเทพฯ จะได้รับความเสียหายทางเศรษฐกิจเป็นมูลค่า 512,280 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 15 ล้านล้านบาท ขณะที่ประชากรอีกอย่างน้อย 10 ล้านคน อาจได้รับผลกระทบจากการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลและน้ำท่วมชายฝั่งภายในปี 2030 ขณะที่รายงานของสถาบันทรัพยากรโลก หรือ World Resources Institute ประเมินว่า ผู้ได้รับกระทบจากน้ำท่วมในหลายประเทศทั่วโลก มีแนวโน้มสูงขึ้น 2 เท่า จาก 72 ล้านคน เมื่อปี 2010 เพิ่มขึ้นเป็น 147 ล้านคนในปี 2030 ผู้ได้รับผลกระทบมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเป็น 221 ล้านคนในปี 2050 ขณะที่ความเสียหายอาจพุ่งสูงถึงปีละ 1,700,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 51 ล้านล้านบาท ความรุนแรงของน้ำท่วมมาจากวิกฤตสภาพภูมิอากาศ การตั้งถิ่นฐานในพื้นที่เสี่ยงสูงและแผ่นดินทรุดตัวจากการใช้น้ำบาดาลมากเกินไป พื้นที่เสี่ยงส่วนใหญ่มักจะตั้งอยู่ในภูมิภาคเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงบังกลาเทศ เวียดนาม อินเดีย อินโดนีเซีย และจีน การขุดคลอง การสร้างสถานีสูบน้ำและอุโมงค์ใต้น้ำ เพื่อระบายน้ำออกหากเกิดวิกฤตน้ำท่วม ถือเป็นเพียงการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเท่านั้น ที่มา : Greenpeace ,World Resources Institute ,The Guardian
เมื่อวันที่ 7 ก.ย.2565 หลังจากใช้เวลาอภิปราย 2 วัน ล่าสุด ที่ประชุมรัฐสภามีมติไม่รับหลักการร่างแก้ไข
กรุงเทพมหานครไม่ได้เป็นเพียงจุดเสี่ยงได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมสูง เพียงแห่งเดียวของโลกเท่านั้น เมื่อเด
วันนี้ (28 มี.ค.2567) นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีที่มีการ
กรุงเทพมหานครไม่ได้เป็นเพียงจุดเสี่ยงได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมสูง เพียงแห่งเดียวของโลกเท่านั้น เมื่อเดือน มิ.ย.2564 กรีนพีซเผยแพร่รายงานความเสียหายทางเศรษฐกิจ ที่คาดการณ์จากการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลแบบสภาวะสุดขีด หรือ Extreme Sea-Level Rise ใน 7 เมืองของเอเชีย ภายในปี 2030 หรือในอีก 9 ปีข้างหน้า ซึ่ง 7 เมืองในรายฉบับนี้ ประกอบไปด้วยฮ่องกง กรุงไทเป กรุงโซล กรุงโตเกียว กรุงจาการ์ตา กรุงมะนิลา และกรุงเทพมหานคร กรีนพีซ ระบุว่าเมืองชายฝั่งทั่วเอเชีย กำลังเผชิญกับความเสี่ยงจากน้ำท่วม จากการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลและพายุโซนร้อน โดยพายุมีความเร็วลมรุนแรงสร้างความเสียหายมากขึ้น คลื่นพายุซัดฝั่งสูงขึ้นและปริมาณน้ำฝนที่มีสภาวะสุดขีดมากกslotxo 688mafia 168vipว่าในอดีต สาระสำคัญของรายงานฉบับนี้คือ มากกว่าร้อยละ 96 ของกรุงเทพฯ เป็นพื้นที่ลุ่มต่ำเสี่ยงน้ำท่วม หากระดับน้ำทะเลเพิ่มขึ้นจากปรากฏการณ์อุทกภัยคาบอุบัติซ้ำ 10 ปี หรือ "ten-year flood" ซึ่งหมายถึง เหตุการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่กว่าปกติในรอบ 10 ปี นอกจากนี้ยังประเมินว่า หากเกิดปรากฏการณ์นี้ขึ้น สัปปายะสภาสถาน รัฐสภาแห่งใหม่ของไทย จะเสี่ยงต่อการถูกน้ำท่วมเช่นกัน ซึ่งกรุงเทพฯ จะได้รับความเสียหายทางเศรษฐกิจเป็นมูลค่า 512,280 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 15 ล้านล้านบาท ขณะที่ประชากรอีกอย่างน้อย 10 ล้านคน อาจได้รับผลกระทบจากการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลและน้ำท่วมชายฝั่งภายในปี 2030 ขณะที่รายงานของสถาบันทรัพยากรโลก หรือ World Resources Institute ประเมินว่า ผู้ได้รับกระทบจากน้ำท่วมในหลายประเทศทั่วโลก มีแนวโน้มสูงขึ้น 2 เท่า จาก 72 ล้านคน เมื่อปี 2010 เพิ่มขึ้นเป็น 147 ล้านคนในปี 2030 ผู้ได้รับผลกระทบมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเป็น 221 ล้านคนในปี 2050 ขณะที่ความเสียหายอาจพุ่งสูงถึงปีละ 1,700,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 51 ล้านล้านบาท ความรุนแรงของน้ำท่วมมาจากวิกฤตสภาพภูมิอากาศ การตั้งถิ่นฐานในพื้นที่เสี่ยงสูงและแผ่นดินทรุดตัวจากการใช้น้ำบาดาลมากเกินไป พื้นที่เสี่ยงส่วนใหญ่มักจะตั้งอยู่ในภูมิภาคเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงบังกลาเทศ เวียดนาม อินเดีย อินโดนีเซีย และจีน การขุดคลอง การสร้างสถานีสูบน้ำและอุโมงค์ใต้น้ำ เพื่อระบายน้ำออกหากเกิดวิกฤตน้ำท่วม ถือเป็นเพียงการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเท่านั้น ที่มา : Greenpeace ,World Resources Institute ,The Guardian
วันนี้ (22 มิ.ย.2565) ผู้เสียหายรวมตัวเข้าแจ้งความต่อกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโล