ผล บอล โปรตุเกส ยู 23

วันนี้ (1 เม.ย.2566) นายสุพันธุ์ มงคลสุธี และ น.ต.ศิธา ทิวารี แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ในบัญชีของพรรคไทยสร้างไทย ซ้อมชกมวยกับ เขาทราย แกแล็คซี่ ที่เขาทราย แกแล็คซี่ มวยไทย ยิม บริเวณถนนรัชดาภิเษก ร่วมกับแ
วันนี้ (28 ต.ค.2565) นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. และนายทะเบียนพรรคการเมือง กล่าวกรณี นายสมศักดิ์ เท
ไม่ได้พกความสวยมาอย่างเดียว แต่พลังบวกที่ส่งมาทางคำตอบที่ฉาดฉาด มั่นใจ ของสตรีหมายเลข 1 ในวงการการท่องเที่ยว “ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์” ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สะท้อนให้เห็นวิสัยทัศน์และตัวตนในการทำงานว่า เป็น “คนจริง”และเป็นหญิงแกร่งในวงการท่องเที่ยว ที่สามารถนำพาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยให้ก้าวหน้าและอวดสู่สายตาชาวโลกได้ไม่แพ้ประเทศใดในโลก ด้วยเหตุเป็น “ลูกหม้อ”ของททท.มานานกว่า 24 ปี “ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์” ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) “ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์” ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) นับตั้งแต่ เริ่มทำงานตั้งแต่ปี 2542 ในตำแหน่งพนักงานวิเทศสัมพันธ์ 4 กองวิเทศสัมพันธ์ ฝ่ายสำนักงานผู้ว่าการ และเติบโตในสายงานต่อเนื่อง ในปี 2558 ได้ขยับเป็นผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมสินค้าการท่องเที่ยว ต่อมาปี 2561 เป็นผู้อำนวยการฝ่ายสินค้าการท่องเที่ยว ปี 2562 และขึ้นเป็นรองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว กระทั่งปี 2564 ดำรงตำแหน่งรองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศททท. และล่าสุด 1 กันยายน 2566 เข้ารับตำแหน่งผู้ว่าการ ททท. คนใหม่ “เทรนด์ การท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาไทย และนักท่องเที่ยวไทยเรา ที่เดินทางไปต่างประเทศ เปลี่ยนไป เน้นเที่ยวแบบธรรมชาติและเน้นสุขภาพเพิ่มขึ้น และการเปิดมาตรการแบบฟรีวีซา ทำให้เราได้ตลาดนักท่องเที่ยวกลุ่มใหม่ๆเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มที่มาแบบครอบครัว เมื่อช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา มีชาวคาซัคสถาน เข้ามาเยอะมาก เที่ยวกับแบบลองสเตรย์ นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ เป็นกลุ่มที่มีรายได้สูง...ยังไม่รวมกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เข้ามาจากการแนะนำผ่านยูทูเปอร์ หรืออินฟลูเอ็นเซอร์ตามธรรมชาติ” ผู้ว่าหญิงเกร่งแห่ง ททท. ให้สัมภาษณ์พิเศษ“ไทยพีบีเอสออนไลน์” ถึงทิศทางการทำงาน และแนวโน้มของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยในปีนี้ และเทรนด์ท่องเที่ยว ปี 2024 ของนักท่องเที่ยวดิจิตอล ฐาปนีย์ อธิบายว่า หัวใจสำคัญของการท่องเที่ยวอยู่ที่คุณภาพควบคู่กับมูลค่าและการเดินหน้าสู่ความยั่งยืน เพื่อส่งเสริมให้เกิดการท่องเที่ยวทั้งปี ภายใต้กลยุทธ์หลัก P A S S ที่เป็นเครื่องมือในการขับเคลื่อนส่งเสริมตลาดอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของไทย ซึ่งประกอบด้วย P : Partnership 360 องศา คือ การหาพันธมิตรทั้งในและนอกอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ประสานความร่วมมือ รอบทิศอย่างมีประสิทธิภาพและไร้รอยต่อ พลิกฟื้นรายได้ จำนวนและคุณภาพ A : Accelerate Access to Digital World เร่งรัดผลักดันให้เกิดการขับเคลื่อนองค์กร ทั้งการตลาด และการพัฒนาด้วยฐานข้อมูลและการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลอย่างมีประสิทธิภาพ S : Sub Culture Movement เจาะกลุ่มวัฒนธรรมย่อยที่ทรงอิทธิพลสร้างความแตกต่างในการเป็นผู้นำ ทางการท่องเที่ยวที่แตกมาจากกลุ่ม Mass และ Niche เช่น กลุ่มท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่อยากไปป่า แต่มีความสนใจ Sub Cultureอื่นเพิ่มเติม เช่น ดูดาว Dark Sky Thailand S : Sustainably NOW สร้างความเข้าใจอุตสาหกรรมท่องเที่ยวตระหนักถึงเป้าหมายความยั่งยืนอย่าง เป็นรูปธรรมผ่าน โครงการ Sustainable Tourism Acceleration Rating (STAR) “ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์” ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) “ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์” ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ในฐานะผู้ว่าททท. พร้อมขานรับนโยบายของรัฐบาลในการขับเคลื่อนประเทศไทยมุ่งสู่การเป็น Tourism Hub หรือ “ศูนย์กลางการท่องเที่ยว” ของภูมิภาค โดยผลักดัน 5 ประเด็นสำคัญเพื่อนำไปสู่การบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ ควบคู่กับการชูประเด็นสำคัญ คือ 5 Must do in Thailand ซึ่งเป็ผล บอล โปรตุเกส ยู 23นการเพิ่ม มูลค่าให้แก่สินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวผ่านสิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของไทย ไม่ว่าจะเป็น Must Beat มวยไทย การต่อยอดมวยไทยสู่การออกกำลังกาย, Must Eat อาหารไทยต่อยอดครัวไทยสู่ครัวโลก อาหารถิ่นประจำจังหวัดทั่ว ประเทศไทย , Must Seek วัฒนธรรมไทยดึงจุดเด่นและความพิเศษของวัดไทยและโบราณสถานสู่ เส้นทางสายศรัทธา , Must Buy ชูผ้าไทยไปต่างแดนด้วยการ co-brandกับ Fashion Designer ระดับ โลก และสุดท้าย Must See คือการโชว์ไทยผลักดันให้โชว์ไทยเป็น Global Entertainment “ททท.จะขายเส้นทางท่องเที่ยว ทั้งเมืองหลักเพื่อเชื่อมไปเมืองรองในมิติต่าง ๆ ให้ครบ 77 จังหวัด ซึ่งหมายความว่า 55เมืองรองที่ททท.จะเชื่อมโยงในมิติต่าง ๆ ทั้ง ศาสนา ความเชื่อ วัฒนาธรรม ประเพณี อาหาร หริอแม้แต่ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ซึ่งเป้าหมายคือ การเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวภูมิภาคและอนาคตศูนย์กลางการท่องเที่ยวของโลกซึ่งจะเป็นการเชื่อมโยงประเทศอื่น ๆ มาไทยมากขึ้นซึ่งททท.ให้ความสำคัญกับทุกมิติ” ฐาปนีย์ กล่าวว่า การชูเมืองหลักเป็นแกนเมืองนำเที่ยว เพื่อเชื่อมโยงเส้นทางการท่องเที่ยวจากเมืองหลักสู่เมืองใกล้เคียง กระจาย นักท่องเที่ยวไปสู่ภูมิภาคต่าง ๆ พร้อมทั้งกระจายรายได้สู่เมืองน่าเที่ยว สร้างสรรค์เส้นทางท่องเที่ยวให้แก่นักท่องเที่ยวได้ ออกไปค้นหาประสบการณ์ใหม่ โดยเส้นทางเบื้องต้น เช่น เส้นทางเชียงใหม่-ลำพูน-ลำปาง หรือ “Lanna culture” ท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์อารยธรรมล้านนา ,หรือ Unesco Heritage Trial ท่องเที่ยวเส้นทางมรดกไทย มรดกโลก เส้นทางสุโขทัย – กำแพงเพชร และ นครราชสีมา หรือหากใครมายมูเตลูต้องเส้นทาง Naga Legacy เส้นทางตามรอยศรัทธาพญานาค (นครพนม -สกลนคร – บึงกาฬ และหนีร้อนลงใต้กับเส้นทาง Paradise Islands ท่องเที่ยวหมู่เกาะแห่งอันดามันใต้ สวรรค์แห่งท้องทะเล (ตรัง -สตูล) และThe Wonder of Deep South เยือนใต้สุดแห่งสยามมนต์เสน่ห์แห่งพหุวัฒนธรรม (ปัตตานี - ยะลา - นราธิวาส) นอกจากนี้รัฐบาลและกระทรวงคมนาคม ได้มีการประกาศแผนการเป็นฮับเดินทางของอาเซียน (HUB of ASEAN) ซึ่งก็จะมาผสมผสานกับแผนของททท. โดยจะเห็นว่ามีการเปิดเส้นทางการบินเพิ่มขึ้น และเส้นทางบก ราง น้ำ ที่จะเชื่อมโยงกันมากขึ้น ซึ่งถือว่าเป็นไฮไลน์สำคัญที่จะเป็นการปลดล็อกการเดินทางของนักท่องเที่ยว และอีกส่วนหนึ่ง คือ กรอบความร่วมมือต่าง ๆที่ไทยจะเป็นผู้นำในการเจรจา ไม่ว่าจะเป็นพหุภาคี ทวิภาคี กรอบอาเซียนที่ได้มีการพูดคุยกัน เพื่อเป็นอาเซียนวีซา เหมือนแชงเก้นวีซ่า ที่เมื่อนักท่องเที่ยวเดินทางมาไทยแล้วสามารถเดินทางไปได้หลายประเทศโดยไม่ต้องขอวีซาอีก ซึ่งจะทำให้บรรยากาศของการท่องเที่ยวถูกยกระดับ และสามารถทำให้ยุทธศาสตร์ยกระดับด้วยให้การท่องเที่ยวสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น ข้อมูลจากการท่องเที่ยวระบุว่า ในช่วง 3 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-มี.ค.67) จากภาพรวมจำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้ามาในประเทศไทย พบว่า ตัวเลขเพิ่มขึ้นจาก ไตรมาสที่ผ่านมา (ต.ค.-ธ.ค. 2566) จำนวน 9,381,098 คน สร้างรายได้ทางการท่องเที่ยวประมาณ 476,072 ล้านบาท เป็นการขยายตัวทั้งจำนวนและรายได้ 44 % เทียบกับช่วงเดียวกันปี 2566 ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวจาก 3 ภูมิภาคที่เดินทางมาไทย ได้แก่ อาเซียน ยุโรป และเอเชียใต้ โดยตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยสูงสุด 10 อันดับ ได้แก่ จีน มาเลเซีย เกาหลีใต้ อินเดีย เยอรมนี ลาว สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และญี่ปุ่น ซึ่งการกระจายตัวของการเดินทางท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวต่างชาติใน 5 จังหวัดสูงสุด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร ภูเก็ต ชลบุรี สมุทรปราการ และกระบี่ ผู้ว่าการททท. บอกว่า ตัวเลขดังกล่าว ไม่เหนือความคาดหมายที่ตั้งเป้าไว้ เนื่องจากอานิสงค์จากนโยบายมาตรการฟรีวีซ่าของรัฐบาล และจีนยังเป็นกลุ่มลูกค้ารายสำคัญที่ททท.ไม่สามารถทิ้งได้ พบว่า ตั้งแต่วันที่ 29 ก.ย. 2566 – 29 ก.พ. 2567 ที่ผ่านมาได้รับผลตอบรับดีมาก มีจำนวนนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้ามาท่องเที่ยว ในไทยเฉลี่ย 449,285 คนต่อเดือน เพิ่มขึ้นจากเฉลี่ย 322,060 คนต่อเดือน หรือขยายตัวเพิ่มขึ้น 40%เมื่อเทียบกับช่วงก่อนใช้มาตรการฯ และหลังจากที่รัฐบาลประกาศใช้มาตรการใหม่ โดยสามารถอยู่ในไทยได้สูงสุด 30 วัน ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค. 2567 ส่งผลให้นักท่องเที่ยวจีนได้รับ ความสะดวกในการเดินทางมาไทยมากขึ้น โดยมีนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางเข้าไทยใน เดือนเม.ย. รวม 595,572 คน ขยายตัว 112% เทียบกับเดือนมี.ค. 2566 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ส่วนภาพรวมของนักท่องเที่ยวจีนตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. –30 เม.ย. 2567 มีนักท่องเที่ยวจีนเดิน ทางเข้าไทยแล้วจำนวน 2,351,909 คน ขยายตัว 178.70% เมื่อเทียบกับช่วงไตรมาสที่ 1 ปี 2566 อย่างไรก็ตามยังคงต้องติดตามผลตอบรับของมาตรการฯ ในระยะ 1-2 เดือนข้างหน้านี้ อาจจะมีทิศทางปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากนักท่องเที่ยวจีนจะมีวันหยุดยาวช่วงวันแรงงานของจีน ประมาณ 5 วัน (1-5 พ.ค. 2567) ที่ช่วยหนุนให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวออกต่างประเทศ “มาตรการดังกล่าวนี้เป็นปัจจัยสนับสนุนที่สำคัญในการกระตุ้นตลาด นักท่องเที่ยวจีน ให้เดินทางเข้าไทยตามเป้าหมาย 7.3 ล้านคนในปี 2567 ซึ่งตั้งแต่มีการประกาศมาตรการดังกล่าว พบว่า มีชาวจีนค้นหาข้อมูลที่เกี่ยวกับไทยผ่านเว็บไซต์ Ctrip.com เว็บไซต์บริการ ท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดของจีน เพิ่มขึ้นถึง 7 เท่าจากปกติ โดยมีจุดหมายปลายทางที่มีการค้นหามากที่สุด ได้แก่ กรุงเทพฯ ภูเก็ต เชียงใหม่ เกาะสมุย และพัทยา”ฐาปนีย์ ระบุ ส่วนการฟรีวีซาระหว่างไทย-คาซัคสถาน อย่างถาวรนั้น ผู้ว่าททท. กล่าวว่า ปัจจุบันเห็นได้ว่า ตลาดนักท่องเที่ยวคาซัคสถานมีความโดดเด่นในแง่ของการเติบโคต่อเนื่องเห็นได้จากช่วง 4 เดือนโตถึง 200% เช่นเดียวกับตลาดซาอุดีอาระเบียเป็นตลาดที่เติบโตสูงถึง 600% โดย ตลาดคาซัคสถาน ถือว่าเป็นตลาดกำลังซื้อสูง เป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีรายได้สูง กลุ่มครอบครัว ที่ชอบทะเล แสงแดด และเป็นกลุ่มที่อยู่นาน ใช้จ่ายสูง เฉลี่ยอยู่ที่ไทยประมาณ 19-20 วัน ถือเป็นกลุ่มลองสเตย์ และมีค่าใช้จ่ายต่อหัวต่อทริป ประมาณ 1แสนบาท ซึ่งถือว่า เป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพ และคาซัคสถานถือเป็นตลาดใหม่ของไทย สำหรับตั้งเป้าดึงนักท่องเที่ยวคาซัคสถานเดินทางเข้าประเทศไทยในปี 2567 ไม่น้อยกว่า 2 แสนคน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วซึ่งได้ 1.7 แสนคน ซึ่งททท.จะขยายการท่องเที่ยวของคนกลุ่มนี้ไปยังภาคอีสาน และภาคเหนือและภาคกลางสำหรับคนกลุ่มที่ต้องการหาประสบการณ์ในการเดินทางใหม่ๆเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ททท.ยังโฟกัสไปยังกลุ่มนักท่องเที่ยวศักยภาพและเป็นตลาดที่มีการเติบโตสูง เช่น อินโดนีเซีย เกาหลีใต้ รัสเซีย อินเดีย ยุโรป สหรัฐฯ จีน อินเดีย เยอรมัน ฝรั่งเศส เป็นต้น และจะมีการเจาะตลาดใหม่ๆเพิ่ม ซึ่งล่าสุดททท.ได้เปิดสำนักงานการท่องเที่ยวที่ชิคาโก เพื่อรองรับกลุ่มนักท่องเที่ยวฝั่งสหรัฐฯ รวมถึงเจรจาสายการบินให้เปิดเส้นทางบินมาไทยเพิ่ม ซึ่งก็มีหลายสายการบินที่ตอบรับมา สำหรับเป้าหมายตัวเลขนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาไทยปี 2567 ผู้ว่าททท. กล่าวด้วยความมั่นใจ ว่า ททท. ประเมินสถานการณ์การท่องเที่ยวของสายการบินทั่วโลกจะเดินทางมาท่องเที่ยวไว้ที่ 35 ล้านคน สร้างรายได้กับประเทศไทย 3 ล้านล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 100% จากปี2562 เนื่องจากปัจจัยการท่องเที่ยวเอื้ออำนวย แบ่งเป็นตลาดต่างประเทศ สร้างรายได้หมุนเวียน 1.92 ล้านล้านบาท จำนวนท่องเที่ยวชาวต่างชาติ 35 ล้านคน/ครั้ง และตลาดในประเทศ สร้างรายได้หมุนเวียน 1.08 ล้านล้านบาท จำนวนผู้เยี่ยมเยือนชาวไทย 200 ล้านคน/ครั้ง ซึ่งรัฐบาลยังมีเป้าหมายท้าทายให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวจำนวน 3.5 ล้านล้านบาทภายในปี 2567 ซึ่ง ทาง ททท.จะพยายามผลักดันให้มุ่งสู่เป้าหมายดังกล่าว อ่านข่าว: แกะรอย มหกรรมโชว์กินข้าว 10 ปี กินได้จริงหรือ? ฤาหาทางลง เอกชน ค้านขึ้น “ค่าแรง 400 บาท” ชี้เสี่ยง GDP โตไม่ถึง 3% "เครดิตบูโร" เผย Q1 หนี้เสียพุ่ง 6.4 หมื่นล้าน Gen X-Y จ่อหนี้ท่วม
ไม่ได้พกความสวยมาอย่างเดียว แต่พลังบวกที่ส่งมาทางคำตอบที่ฉาดฉาด มั่นใจ ของสตรีหมายเลข 1 ในวงการการท่องเที่ยว “ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์” ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สะท้อนให้เห็นวิสัยทัศน์