วันนี้ (17 พ.ค.2565) สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า

วันนี้ (1 ม.ค.2568) ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อเวลา 19.30 น.รถทัวร์จากเบตง จ.ยะลา มุ่งหน้าเข้า กรุงเทพฯ เกิดอุบัติเหตุชนต้นไม้บนถนนสาย 41 ก่อนถึงแยกป่าเว พื้นที่ อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี เบื้องต้นมีผู้โดยสารม
วันนี้ (9 มิ.ย.2564) ความคืบหน้ากรณี ชาวบ้านโคกกอ ต.บ้านโพธิ์ อ.เมือง จ.ตรัง แจ้งว่า มีงูจงอางในพื้นที่กว่า 20 ตัวและได้ฉกชายวัย 50 ปีเสียชีวิต ทำให้เจ้าหน้าที่หลายหน่วยงานทั้งหน่วยกู้ภัย จ.นครศรีธรรม
"ฮุน มาเนต" นายกรัฐมนตรีกัมพูชา มีกำหนดการเยือนประเทศไทยในวันที่ 7 ก.พ.นี้ เพื่อพบหารือกับนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีไทย เกี่ยวกับความร่วมมือระหว่าง 2 ประเทศ และอีกหนึ่งหัวข้อหารือหลักคือ การยกระดับการค้าทวิภาคี แม้ว่าทั้งผู้นำไทยและกัมพูชา จะเป็นมือใหม่ในเรื่องทางการเมือง แต่ไม่ได้อ่อนประสบการณ์และความรู้เรื่องเศรษฐกิจการค้า ข้อมูลจากกรมศุลกากรและสรรพสามิตกัมพูชา ระบุว่า กัมพูชานำเข้าสินค้าจากไทยเมื่อปีที่ผ่านมา 2,895 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ประกอบด้วยสินค้าหลากหลายประเภท ตั้งแต่อาหาร ยานพาหนะ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ไปจนถึงปุ๋ยเคมีและเครื่องสำอาง ขณะที่กัมพูชาส่งออกสินค้าเกษตรมายังไทยเป็นหลัก มูลค่าการส่งออกรวมทั้งหมดมากกว่า 800 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ตัวเลขดังกล่าวทั้งการนำเข้าและส่งออกของกัมพูชากับไทย ลดลงจากปีก่อนหน้า ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากปัญหาเศรษฐกิจโลก ที่ได้รับผลกระทบจากสงครามในหลายภูมิภาค รวมทั้งการยกระดับการค้าระหว่างกัมพูชากับจีน ทำให้มูลค่าการค้าของกัมพูชากับหลายประเทศลดลงไปโดยปริยาย เช่น ตัวเลขการนำเข้าสินค้าจากจีน เพิ่มสูงขึ้นใกล้แตะร้อยละ 45 เมื่อปี 2023 จีนครองเก้าอี้ประเทศคู่ค้าอันดับ 1 ของกัมพูชามาโดยตลอด โดยเมื่อปี 2023 มูลค่าการค้าของ 2 ประเทศ ทะลุ 12,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 5 ทิ้งห่างสหรัฐฯ กว่า 3,000 ล้าน ตามมาด้วยเวียดนาม ไทยและญี่ปุ่น ซึ่งไทยเป็นอันดับที่ 4 ครองสัดส่วนการนำเข้าของกัมพูชาร้อยละ 12 และส่งออกราวๆ ร้อยละ 3-4 ดังนั้น แผนการของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่ต้องการขยายการค้าทวิภาคีไทย-กัมพูชา เป็น 15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ภายในปี 2025 หรือในอีกไม่ถึง 2 ปี นับจากนี้อาจไม่ใช่งานง่าย โดยเฉพาะเมื่อประเมินจากความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับกัมพูชา ขณะที่เวียดนามถือเป็นคู่แข่งสำคัญของไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ การเลือกเดินทางเยือนเวียดนามอย่างเป็นทางการ เป็นประเทศแรกในอาเซียนของ ฮุน มาเนต หลังเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ไม่ถึง 4 เดือน ชี้ชัดเจนถึงการให้ความสำคัญกับเวียดนามมากเป็นพิเศษ ซึ่งการค้าเป็นหนึ่งในประเด็นหารือหลัก นอกเหนือไปจากเรื่องของความมั่นคงและเรื่องที่เกี่ยวข้องกับพรมแดน โดยเวียดนามและกัเฟิร์ส สล็อตแมชชีน วันเกิดมพูชามีความสัมพันธ์ทางประวัติศาสตร์ที่ซับซ้อน โดยเฉพาะกับสมเด็จฮุน เซน อดีตผู้นำที่ยังมีบทบาทในการเมืองกัมพูชาอย่างเข้มข้น จุดที่น่าสนใจ คือ ข้อมูลเปรียบเทียบมูลค่าการค้ากัมพูชากับชาติอาเซียนในปี 2565 กับปี 2566 จะพบว่า การค้าระหว่างกัมพูชากับอินโดนีเซียเติบโตขึ้นถึงร้อยละ 14.6 ตามมาด้วยเวียดนามร้อยละ 7.3, สิงคโปร์ร้อยละ 7.1 และมาเลเซียร้อยละ 1.9 แต่ประเทศไทย ตัวเลขติดลบร้อยละ 17 ดังนั้นน่าจับตามองว่าการหารือของผู้นำทั้ง 2 ประเทศในวันที่ 7 ก.พ.นี้ จะได้เห็นความร่วมมือด้านการค้าออกมาในทิศทางไหน หนึ่งในนโยบายที่ผู้นำของไทยแถลงต่อรัฐสภาเมื่อปี 2023 คือการพัฒนาเศรษฐกิจการค้าชายแดน เพื่อเปิดประตูการค้าทั้ง 4 ด้านของประเทศ ซึ่งกัมพูชาเป็นหนึ่งในนั้น และการเยือนรอบนี้จะมีการพูดคุยถึงประเด็นการพัฒนาเศรษฐกิจในพื้นที่ชายแดนด้วย ข้อมูลจากกรมการค้าต่างประเทศ ชี้ว่า เมื่อปี 2023 มูลค่าการค้าชายแดนและผ่านแดนของไทยรวมมากกว่า 1.7 ล้านล้านบาท ซึ่งในจำนวนนี้เป็นการค้ากับลาวมากที่สุด มากกว่า 700,000 ล้านบาท ตามมาด้วยมาเลเซีย เมียนมาและกัมพูชาน้อยที่สุด ไม่ถึง 200,000 ล้านบาท ซึ่งด่านศุลกากรบริเวณพรมแดนไทย-กัมพูชาที่มีการส่งออกและนำเข้าสูงที่สุดคือ อรัญประเทศ แม้ตัวเลขการค้าประเภทนี้จะไม่ได้สูงมากนัก แต่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจของจังหวัดต่างๆ ตามแนวชายแดน ขณะที่ในปัจจุบันที่มีการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานและการเชื่อมต่อทางคมนาคม ทำให้การส่งออกและนำเข้าสินค้าไปยังประเทศที่สามที่ไม่ได้มีพรมแดนติดกับไทย เช่น จีน สิงคโปร์และเวียดนาม กำลังกลายเป็นช่องทางสร้างรายได้ให้กับประเทศ ที่สำคัญคือ การส่งสินค้าจากไทยผ่านลาวเข้าไปในจีน ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ตัวเลขการค้าชายแดนและผ่านแดนไทย-ลาว เพิ่มสูงขึ้นถึงร้อยละ 21 สวนทางกับประตูการค้าอีก 3 บานคือ มาเลเซีย เมียนมา และกัมพูชา ที่มีตัวเลขการค้าลดลง โดยเฉพาะเมียนมา หลังจากการปะทะกับกลุ่มติดอาวุธทวีความรุนแรงขึ้นทั่วประเทศ แม้วันที่ 7 ก.พ.นี้ ฮุน มาเนต จะเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการครั้งแรก นับตั้งแต่นั่งเก้าอี้ผู้นำกัมพูชา แต่จริงๆ แล้วผู้นำทั้ง 2 คนเคยพบหน้ากันในเวทีระหว่างประเทศหลายเวที รวมถึงการเยือนกัมพูชาของนายกรัฐมนตรีไทย เมื่อช่วงปลายเดือน ก.ย.2023 ข่าวที่เกี่ยวข้อง ไทย-กัมพูชา เร่งเจรจาพื้นที่ทับซ้อนไหล่ทวีปรอบใหม่ 7 ก.พ.นี้ "สุทิน" รอรายงานจับชาวกัมพูชาจ่อเคลื่อนไหวช่วง "ฮุน มาเนต" เยือนไทย
นางเจ๊ะฮามียะ หะยีมะ กล่าวพร้อมน้ำตา เมื่อถามถึงความรู้สึกหลังฟังคำสั่งศาลจังหวัดนราธิวาส หลังเธอต้อ
น้ำตาที่ไหลอาบแก้มของ “ขวัญ” ขวัญสุดา พวงกิจจา หลังไปไม่ถึงฝันการคว้าเหรียญทองเทควันโดในศึกพาราลิมปิ
ประธานาธิบดีจีนร่วมงานฉลองวันชาติจีน ผู้นำอาวุโสของจีนร่วมงานเลี้ยงฉลองวันชาติจีนซึ่งตรงกับวันนี้ที่
"ฮุน มาเนต" นายกรัฐมนตรีกัมพูชา มีกำหนดการเยือนประเทศไทยในวันที่ 7 ก.พ.นี้ เพื่อพบหารือกับนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีไทย เกี่ยวกับความร่วมมือระหว่าง 2 ประเทศ และอีกหนึ่งหัวข้อหารือหลักคือ การยกระดับการค้าทวิภาคี แม้ว่าทั้งผู้นำไทยและกัมพูชา จะเป็นมือใหม่ในเรื่องทางการเมือง แต่ไม่ได้อ่อนประสบการณ์และความรู้เรื่องเศรษฐกิจการค้า ข้อมูลจากกรมศุลกากรและสรรพสามิตกัมพูชา ระบุว่า กัมพูชานำเข้าสินค้าจากไทยเมื่อปีที่ผ่านมา 2,895 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ประกอบด้วยสินค้าหลากหลายประเภท ตั้งแต่อาหาร ยานพาหนะ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ไปจนถึงปุ๋ยเคมีและเครื่องสำอาง ขณะที่กัมพูชาส่งออกสินค้าเกษตรมายังไทยเป็นหลัก มูลค่าการส่งออกรวมทั้งหมดมากกว่า 800 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ตัวเลขดังกล่าวทั้งการนำเข้าและส่งออกของกัมพูชากับไทย ลดลงจากปีก่อนหน้า ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากปัญหาเศรษฐกิจโลก ที่ได้รับผลกระทบจากสงครามในหลายภูมิภาค รวมทั้งการยกระดับการค้าระหว่างกัมพูชากับจีน ทำให้มูลค่าการค้าของกัมพูชากับหลายประเทศลดลงไปโดยปริยาย เช่น ตัวเลขการนำเข้าสินค้าจากจีน เพิ่มสูงขึ้นใกล้แตะร้อยละ 45 เมื่อปี 2023 จีนครองเก้าอี้ประเทศคู่ค้าอันดับ 1 ของกัมพูชามาโดยตลอด โดยเมื่อปี 2023 มูลค่าการค้าของ 2 ประเทศ ทะลุ 12,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 5 ทิ้งห่างสหรัฐฯ กว่า 3,000 ล้าน ตามมาด้วยเวียดนาม ไทยและญี่ปุ่น ซึ่งไทยเป็นอันดับที่ 4 ครองสัดส่วนการนำเข้าของกัมพูชาร้อยละ 12 และส่งออกราวๆ ร้อยละ 3-4 ดังนั้น แผนการของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่ต้องการขยายการค้าทวิภาคีไทย-กัมพูชา เป็น 15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ภายในปี 2025 หรือในอีกไม่ถึง 2 ปี นับจากนี้อาจไม่ใช่งานง่าย โดยเฉพาะเมื่อประเมินจากความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับกัมพูชา ขณะที่เวียดนามถือเป็นคู่แข่งสำคัญของไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ การเลือกเดินทางเยือนเวียดนามอย่างเป็นทางการ เป็นประเทศแรกในอาเซียนของ ฮุน มาเนต หลังเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ไม่ถึง 4 เดือน ชี้ชัดเจนถึงการให้ความสำคัญกับเวียดนามมากเป็นพิเศษ ซึ่งการค้าเป็นหนึ่งในประเด็นหารือหลัก นอกเหนือไปจากเรื่องของความมั่นคงและเรื่องที่เกี่ยวข้องกับพรมแดน โดยเวียดนามและกัเฟิร์ส สล็อตแมชชีน วันเกิดมพูชามีความสัมพันธ์ทางประวัติศาสตร์ที่ซับซ้อน โดยเฉพาะกับสมเด็จฮุน เซน อดีตผู้นำที่ยังมีบทบาทในการเมืองกัมพูชาอย่างเข้มข้น จุดที่น่าสนใจ คือ ข้อมูลเปรียบเทียบมูลค่าการค้ากัมพูชากับชาติอาเซียนในปี 2565 กับปี 2566 จะพบว่า การค้าระหว่างกัมพูชากับอินโดนีเซียเติบโตขึ้นถึงร้อยละ 14.6 ตามมาด้วยเวียดนามร้อยละ 7.3, สิงคโปร์ร้อยละ 7.1 และมาเลเซียร้อยละ 1.9 แต่ประเทศไทย ตัวเลขติดลบร้อยละ 17 ดังนั้นน่าจับตามองว่าการหารือของผู้นำทั้ง 2 ประเทศในวันที่ 7 ก.พ.นี้ จะได้เห็นความร่วมมือด้านการค้าออกมาในทิศทางไหน หนึ่งในนโยบายที่ผู้นำของไทยแถลงต่อรัฐสภาเมื่อปี 2023 คือการพัฒนาเศรษฐกิจการค้าชายแดน เพื่อเปิดประตูการค้าทั้ง 4 ด้านของประเทศ ซึ่งกัมพูชาเป็นหนึ่งในนั้น และการเยือนรอบนี้จะมีการพูดคุยถึงประเด็นการพัฒนาเศรษฐกิจในพื้นที่ชายแดนด้วย ข้อมูลจากกรมการค้าต่างประเทศ ชี้ว่า เมื่อปี 2023 มูลค่าการค้าชายแดนและผ่านแดนของไทยรวมมากกว่า 1.7 ล้านล้านบาท ซึ่งในจำนวนนี้เป็นการค้ากับลาวมากที่สุด มากกว่า 700,000 ล้านบาท ตามมาด้วยมาเลเซีย เมียนมาและกัมพูชาน้อยที่สุด ไม่ถึง 200,000 ล้านบาท ซึ่งด่านศุลกากรบริเวณพรมแดนไทย-กัมพูชาที่มีการส่งออกและนำเข้าสูงที่สุดคือ อรัญประเทศ แม้ตัวเลขการค้าประเภทนี้จะไม่ได้สูงมากนัก แต่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจของจังหวัดต่างๆ ตามแนวชายแดน ขณะที่ในปัจจุบันที่มีการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานและการเชื่อมต่อทางคมนาคม ทำให้การส่งออกและนำเข้าสินค้าไปยังประเทศที่สามที่ไม่ได้มีพรมแดนติดกับไทย เช่น จีน สิงคโปร์และเวียดนาม กำลังกลายเป็นช่องทางสร้างรายได้ให้กับประเทศ ที่สำคัญคือ การส่งสินค้าจากไทยผ่านลาวเข้าไปในจีน ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ตัวเลขการค้าชายแดนและผ่านแดนไทย-ลาว เพิ่มสูงขึ้นถึงร้อยละ 21 สวนทางกับประตูการค้าอีก 3 บานคือ มาเลเซีย เมียนมา และกัมพูชา ที่มีตัวเลขการค้าลดลง โดยเฉพาะเมียนมา หลังจากการปะทะกับกลุ่มติดอาวุธทวีความรุนแรงขึ้นทั่วประเทศ แม้วันที่ 7 ก.พ.นี้ ฮุน มาเนต จะเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการครั้งแรก นับตั้งแต่นั่งเก้าอี้ผู้นำกัมพูชา แต่จริงๆ แล้วผู้นำทั้ง 2 คนเคยพบหน้ากันในเวทีระหว่างประเทศหลายเวที รวมถึงการเยือนกัมพูชาของนายกรัฐมนตรีไทย เมื่อช่วงปลายเดือน ก.ย.2023 ข่าวที่เกี่ยวข้อง ไทย-กัมพูชา เร่งเจรจาพื้นที่ทับซ้อนไหล่ทวีปรอบใหม่ 7 ก.พ.นี้ "สุทิน" รอรายงานจับชาวกัมพูชาจ่อเคลื่อนไหวช่วง "ฮุน มาเนต" เยือนไทย
"ฮุน มาเนต" นายกรัฐมนตรีกัมพูชา มีกำหนดการเยือนประเทศไทยในวันที่ 7 ก.พ.นี้ เพื่อพบหารือกับนายเศรษฐา