Home
|
สูตร บา ค่า ร่า 66ufa uc99

วันนี้ (1 มี.ค.2566) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน

สูตร บา ค่า ร่า 66ufa uc99

วันนี้ (17 ก.พ.2565) กรณีน้ำมันรั่วท่อส่งน้ำมันดิบของ บมจ.สตาร์ ปิโตรเลียมฯ ในทะเลมาบตาพุด จ.ระยอง ล่าสุด วันนี้ กรมเจ้าท่านำเรือตรวจการณ์เจ้าท่า 804 พร้อมเจ้าหน้าที่ เฝ้าระวังพื้นที่ทุ่น SPM พร้อมด้ว

วันนี้ (24 ก.ย.2566) ที่ศาลา 5 วัดตรีทศเทพวรวิหาร เขตพระนคร พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานในพิธีรดน้ำศพ ส.ต.อ.เศรษฐการ ลอยขามป้อม หรือ หมู่หนุ่ม ผบ.หมู่ สถานีทางหล

ข้อมูลเบื้องต้นของแม่น้ำโขง แม่น้ำโขงคือหนึ่งในแม่น้ำที่มีความอุดมสมบูรณ์มากที่สุดในโลก จากแผนที่ จุดเริ่มต้นของแม่น้ำโขงมาจากที่ราบสูงทิเบต ไหลผ่านจีน เมียนมา ลาว ไทย กัมพูชา และเวียดนาม ไหลออกสู่ทะเลจีนใต้ ความยาว 4,880 กิโลเมตร คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง (Mekong River Commission : MRC) มีการคาดการณ์ว่าผู้คนราว 65-66 ล้านคนพึ่งพาความอุดมสมบูรณ์ของแม่น้ำโขงในการดำรงชีวิตและทำมาหาเลี้ยงชีพ ปัจจุบัน การไหลของแม่น้ำโขงไม่เป็นไปตามธรรมชาติ ส่งผลให้ปลาท้องถิ่นเริ่มสูญพันธุ์ ชาวประมงจึงไม่สามารถประกอบอาชีพได้เหมือนเดิม น้ำสำหรับทำการเกษตรไม่ไหลตามธรรมชาติ จึงเริ่มส่งผลต่อความมั่นคงทางอาหาร และนำไปสู่การย้ายถิ่นฐาน ปัจจัยที่สร้างความเปลี่ยนแปลงสำคัญคือเขื่อนจากจีน เขื่อนมานวานคือเขื่อนขนาดใหญ่แห่งแรกที่จีนสร้างเสร็จเป็นแห่งแรกในปี 2539 จากนั้นจีนสร้างเขื่อนเพิ่มบนแม่น้ำโขงรวมเป็น 11 เขื่อน นักวิชาการ ประชาชนในพื้นที่และภาคประชาสังคมให้ข้อมูลกับ Thai PBS ว่า เขื่อนจีนทั้ง 11 เขื่อนมีส่วนสำคัญที่ทำให้น้ำในลุ่มแม่น้ำโขงตอนล่างไม่ไหลตามฤดูกาล ก่อนหน้านี้ หมู่เกาะสแปรตลีย์และหมู่เกาะพาราเซลกลายเป็นชนวนความขัดแย้งระหว่างจีน-สหรัฐฯและประเทศในอาเซียนที่มีชายแดนติดกับหมู่เกาะดังกล่าว อาเซียนทุ่มเทเวลากับการจัดการปัญหาในทะเลจีนใต้เป็นหลัก แม่น้ำโขง หนึ่งในแม่น้ำสายหลักที่มีบทบาทเชื่อมประเทศในอาเซียนกลายเป็นสมรภูมิความขัดแย้งใหม่ของจีน-สหรัฐฯ หนึ่งในเกมที่สหรัฐฯ ดำเนินการคือการสร้างความร่วมมือหุ้นส่วนแม่โขง-สหรัฐ (Mekong-US Partnership) โดยมีสมาชิก 5 ประเทศ ได้แก่ สหรัฐ กัมพูชา พม่า ลาว ไทย เวียดนาม เพื่อสนับสนุนให้ประเทศในลุ่มน้ำโขงมีความโปร่งใสในการเผยแพร่ข้อมูลและสนับสนุนความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาค นับว่าเป็นการต่อยอดมาจากนโยบายอินโด-แปซิฟิกของสหรัฐฯในภูมิภาคนี้ จากนั้น ในช่วงปลายปี 2021 แอนโทนี บลิงเคนเดินทางเยือนอินโดนีเซียและมาเลเซีย พร้อมกับแสดงท่าทีกังวลถึงอิทธิพลของจีนในภูมิภาคอาเซียน “การอ้างกรรมสิทธิ์บนพื้นที่ ทั้งในเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือสู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และในแม่น้ำโขงสู่หมู่เกาะแปซิฟิกเป็นการกระทำที่ก้าวร้าวของจีน การปฏิเสธการส่งออกหรือเจรจาทางการค้ากับประเทศที่ไม่ใช่พันธมิตร การมีส่วนร่วมกับการทำประมงที่ไม่มีการรายงานและการควบคุมอย่างผิดกฎหมาย ประเทศในภูมิภาคนี้ต้องการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมเหล่านี้ สหรัฐฯเองก็เช่นกัน” ขณะเดียวกัน อาเซียนเป็นเสมือนประตูบ้านของจีนในทางภูมิรัฐศาสตร์ แม่น้ำโขงจึงกลายเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์สำคัญทั้งด้านเศรษฐกิจและความมั่นคง นับตั้งแต่ปี 1992 จีนมีบทบาทสำคัญในแม่น้ำโขงผ่านกรอบความร่วมมืออนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง (Greater Mekong Sub-region ;GMS) ที่มี 6 ประเทศจีน กัมพูชา พม่า ลาว ไทย เวียดนามเข้าร่วมเป็นสมาชิก มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการขยายตัวทางเศรษฐกิจ การใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพและขีดความสามารถในการแข่งขันบนเวทีโลก หลังจากนั้น ระหว่างการประชุมร่วมระหว่างจีนและอาเซียนในปี 2014 หลี่เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีจีนเสนอให้มีการจัดตั้งกรอบความร่วมมือล้านช้าง-แม่โขง (Lancang-Mekong Cooperation ;LMC) โดยมี 6 ประเทศจีน กัมพูชา พม่า ลาว ไทย เวียดนามเข้าร่วมเป็นสมาชิก มีวัตถุประสงค์ในการสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจ การดูและสิ่งแวดล้อมและการบริหารจัดการแม่น้ำโขงร่วมกัน นอกจากนี้ 5 ประเทศในลุ่มแม่น้ำโขงตอนล่างยังมีกรอบความร่วมมือกันเองทั้งภายในอาเซียน เช่น คณะกรรมธิการแม่น้ำโขง ที่มีกัมพูชา ลาว ไทย เวียดนามเป็นสมาชิก, ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิรวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง (Ayeyawady-Chao Phraya-Mekong Economic Cooperation Strategy ;ACMECS) รวมไปถึงความร่วมมือกับประเทศอื่นๆ เช่น ความร่วมมือลุ่มน้ำโขงกับญี่ปุ่น (Mekong-Japan Cooperation ;MJ), ความร่วมมือลุ่มน้ำโขง-คงคา (Mekong-Ganga Cooperation ;MGC) หรือ ความร่วมมือลุ่มน้ำโขง-สาธารณรัฐเกาหลี (Mekong-Republic of Korea Cooperation หรือ Mekong ;ROK) เป็นต้น ข้อมูลระดับน้ำในแม่น้ำโขง คือตัวจุดชนวนความขัดแย้งที่ชัดเจนที่สุดของจีนและสหรัฐฯ สหรัฐฯ ระบุว่า จีนไม่แบ่งปันข้อมูลการปล่อยน้ำในแม่น้ำโขง ส่งผลให้ประเทศในลุ่มแม่น้ำโขงตอนล่างได้รับผลกระทบอย่างหนัก เดือนมีนาคมที่ผ่านมา โครงการ Mekong Dam Monitoring ของสหรัฐฯ เขียนบทความอ้างข้อมูลจากสถานีวัดระดับน้ำเชียงแสน หนึ่งในสถานีวัดระดับน้ำบนแม่น้ำโขงสายประธาน ที่อยู่ใกล้กับเขื่อนเสี่ยวหวานและเขื่อนนั่วจาตู้ของจีน อธิบายว่า การไหลของแม่น้ำโขงไม่เป็นไปตามธรรมชาติ โดยเฉพาะตั้งแต่เกิดสถานการณ์น้ำแล้งในปี 2019 เขื่อนของจีนกลับยิ่งทำให้สถานการณ์แย่ลง ด้วยการทำให้น้ำแล้งในฤดูน้ำหลาก สำนักข่าว Global Times ของจีนออกบทความตอบโต้ว่า นักวิชาการด้านอุทกวิทยา จากมหาวิทยาลัยชิงหวาของจีน พบความผิดพลาดในการรายงานข้อมูลของ Mekong Dam Monitoring ที่บอกว่าในปี 2019 มีปริมาณน้ำฝนมากกว่าปกติ แต่จีนกักเก็บน้ำจนน้ำแล้ง จีนบอกว่า สหรัฐฯ พยายามสร้างวาทกรรมด้านอุทกวิทยาว่า จีนทำให้น้ำในแม่น้ำโขงแห้ง แต่ในความเป็นจริง จีนพยายามปล่อยน้ำจากเขื่อนเพื่อช่วยให้น้ำในแม่น้ำโขงไหลตามปกติ อีกหนึ่งประเด็นที่จีนจับตาคือสถานทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย และสถานกงสุลสหรัฐฯ ที่เชียงใหม่ได้เชิญบุคคลที่ทำงานเกี่ยวกับแม่น้ำโขงและภาคประชาชนไทยไปหารือถี่ขึ้น ควบคู่ไปกับการให้ทุน NGO นักวิชาการและสื่อมวลชน คณะกรรมมาธิการแม่น้ำโขง หรือ MRC จัดทำรายงานเกี่ยวกับผลกระทบจากโครงการไฟฟ้าพลังน้ำในแม่น้ำโขงสายประธาน ระบุว่า อีก 20 ปีสูตร บา ค่า ร่า 66ufa uc99ข้างหน้า แผนการพัฒนาโครงการเขื่อนไฟฟ้าทั้งในแม่น้ำสายประธาน และแม่น้ำสาขา จะเป็นภัยคุกคามอย่างร้ายแรง ต่อระบบนิเวศและเศรษฐกิจของภูมิภาค นอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการสูญเสียอาชีพทำการเกษตรและการประมง ส่งผลให้เกิดความไม่มั่นคงทางอาหาร พร้อมทั้งยังเป็นการปิดกั้นโอกาสที่ประเทศในลุ่มแม่น้ำโขงตอนล่างจะสามารถหลุดพ้นจากการเป็นประเทศรายได้ระดับต่ำหรือรายได้ปานกลางด้วย คณะกรรมธิการแม่น้ำโขงเสนอให้ประเทศในสมาชิกลุ่มน้ำโขงใช้เทคโนโลยีพลังงานสะอาด เป็นพลังงานทางเลือกทดแทนการใช้ไฟฟ้าจากเขื่อน สุดท้ายแล้ว ไม่ว่าจีนหรือสหรัฐฯเป็นผู้ชนะ เดิมพันที่สำคัญที่สุดในครั้งนี้คือชีวิตและปากท้องของผู้คนราว 65 ล้านคน ที่กำลังส่งเสียงบอกว่าแม่น้ำโขงคือธรรมชาติที่เคยอุดมสมบูรณ์ที่สุดในโลกและเป็นแหล่งรายได้เลี้ยงชีพของพวกเขา Source :https://www.scmp.com/week-asia/opinion/article/3093546/why-asean-should-treat-mekong-south-china-seahttp://www.lmcchina.org/eng/2017-12/13/content_41449851.htmlhttps://readthecloud.co/mekong-subregion/https://www.globaltimes.cn/page/202203/1257016.shtmlhttps://www.internationalaffairs.org.au/australianoutlook/the-inclusive-institutional-balancing-of-the-lancang-mekong-cooperation/

วันศุกร์ที่ 8 พ.ย.2567 ขึ้น 8 ค่ำ เดือน 12วันศุกร์ที่ 15 พ.ย.2567 ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 (วันลอยกระทง)

ข้อมูลเบื้องต้นของแม่น้ำโขง แม่น้ำโขงคือหนึ่งในแม่น้ำที่มีความอุดมสมบูรณ์มากที่สุดในโลก จากแผนที่ จุ

วันนี้ (11 มี.ค.2565) ตำรวจ สภ.องครักษ์ จ.นครนายก เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 13.00 น. ของวันนี้ ได้รับแจ้ง

ข้อมูลเบื้องต้นของแม่น้ำโขง แม่น้ำโขงคือหนึ่งในแม่น้ำที่มีความอุดมสมบูรณ์มากที่สุดในโลก จากแผนที่ จุดเริ่มต้นของแม่น้ำโขงมาจากที่ราบสูงทิเบต ไหลผ่านจีน เมียนมา ลาว ไทย กัมพูชา และเวียดนาม ไหลออกสู่ทะเลจีนใต้ ความยาว 4,880 กิโลเมตร คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง (Mekong River Commission : MRC) มีการคาดการณ์ว่าผู้คนราว 65-66 ล้านคนพึ่งพาความอุดมสมบูรณ์ของแม่น้ำโขงในการดำรงชีวิตและทำมาหาเลี้ยงชีพ ปัจจุบัน การไหลของแม่น้ำโขงไม่เป็นไปตามธรรมชาติ ส่งผลให้ปลาท้องถิ่นเริ่มสูญพันธุ์ ชาวประมงจึงไม่สามารถประกอบอาชีพได้เหมือนเดิม น้ำสำหรับทำการเกษตรไม่ไหลตามธรรมชาติ จึงเริ่มส่งผลต่อความมั่นคงทางอาหาร และนำไปสู่การย้ายถิ่นฐาน ปัจจัยที่สร้างความเปลี่ยนแปลงสำคัญคือเขื่อนจากจีน เขื่อนมานวานคือเขื่อนขนาดใหญ่แห่งแรกที่จีนสร้างเสร็จเป็นแห่งแรกในปี 2539 จากนั้นจีนสร้างเขื่อนเพิ่มบนแม่น้ำโขงรวมเป็น 11 เขื่อน นักวิชาการ ประชาชนในพื้นที่และภาคประชาสังคมให้ข้อมูลกับ Thai PBS ว่า เขื่อนจีนทั้ง 11 เขื่อนมีส่วนสำคัญที่ทำให้น้ำในลุ่มแม่น้ำโขงตอนล่างไม่ไหลตามฤดูกาล ก่อนหน้านี้ หมู่เกาะสแปรตลีย์และหมู่เกาะพาราเซลกลายเป็นชนวนความขัดแย้งระหว่างจีน-สหรัฐฯและประเทศในอาเซียนที่มีชายแดนติดกับหมู่เกาะดังกล่าว อาเซียนทุ่มเทเวลากับการจัดการปัญหาในทะเลจีนใต้เป็นหลัก แม่น้ำโขง หนึ่งในแม่น้ำสายหลักที่มีบทบาทเชื่อมประเทศในอาเซียนกลายเป็นสมรภูมิความขัดแย้งใหม่ของจีน-สหรัฐฯ หนึ่งในเกมที่สหรัฐฯ ดำเนินการคือการสร้างความร่วมมือหุ้นส่วนแม่โขง-สหรัฐ (Mekong-US Partnership) โดยมีสมาชิก 5 ประเทศ ได้แก่ สหรัฐ กัมพูชา พม่า ลาว ไทย เวียดนาม เพื่อสนับสนุนให้ประเทศในลุ่มน้ำโขงมีความโปร่งใสในการเผยแพร่ข้อมูลและสนับสนุนความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาค นับว่าเป็นการต่อยอดมาจากนโยบายอินโด-แปซิฟิกของสหรัฐฯในภูมิภาคนี้ จากนั้น ในช่วงปลายปี 2021 แอนโทนี บลิงเคนเดินทางเยือนอินโดนีเซียและมาเลเซีย พร้อมกับแสดงท่าทีกังวลถึงอิทธิพลของจีนในภูมิภาคอาเซียน “การอ้างกรรมสิทธิ์บนพื้นที่ ทั้งในเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือสู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และในแม่น้ำโขงสู่หมู่เกาะแปซิฟิกเป็นการกระทำที่ก้าวร้าวของจีน การปฏิเสธการส่งออกหรือเจรจาทางการค้ากับประเทศที่ไม่ใช่พันธมิตร การมีส่วนร่วมกับการทำประมงที่ไม่มีการรายงานและการควบคุมอย่างผิดกฎหมาย ประเทศในภูมิภาคนี้ต้องการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมเหล่านี้ สหรัฐฯเองก็เช่นกัน” ขณะเดียวกัน อาเซียนเป็นเสมือนประตูบ้านของจีนในทางภูมิรัฐศาสตร์ แม่น้ำโขงจึงกลายเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์สำคัญทั้งด้านเศรษฐกิจและความมั่นคง นับตั้งแต่ปี 1992 จีนมีบทบาทสำคัญในแม่น้ำโขงผ่านกรอบความร่วมมืออนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง (Greater Mekong Sub-region ;GMS) ที่มี 6 ประเทศจีน กัมพูชา พม่า ลาว ไทย เวียดนามเข้าร่วมเป็นสมาชิก มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการขยายตัวทางเศรษฐกิจ การใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพและขีดความสามารถในการแข่งขันบนเวทีโลก หลังจากนั้น ระหว่างการประชุมร่วมระหว่างจีนและอาเซียนในปี 2014 หลี่เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีจีนเสนอให้มีการจัดตั้งกรอบความร่วมมือล้านช้าง-แม่โขง (Lancang-Mekong Cooperation ;LMC) โดยมี 6 ประเทศจีน กัมพูชา พม่า ลาว ไทย เวียดนามเข้าร่วมเป็นสมาชิก มีวัตถุประสงค์ในการสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจ การดูและสิ่งแวดล้อมและการบริหารจัดการแม่น้ำโขงร่วมกัน นอกจากนี้ 5 ประเทศในลุ่มแม่น้ำโขงตอนล่างยังมีกรอบความร่วมมือกันเองทั้งภายในอาเซียน เช่น คณะกรรมธิการแม่น้ำโขง ที่มีกัมพูชา ลาว ไทย เวียดนามเป็นสมาชิก, ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิรวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง (Ayeyawady-Chao Phraya-Mekong Economic Cooperation Strategy ;ACMECS) รวมไปถึงความร่วมมือกับประเทศอื่นๆ เช่น ความร่วมมือลุ่มน้ำโขงกับญี่ปุ่น (Mekong-Japan Cooperation ;MJ), ความร่วมมือลุ่มน้ำโขง-คงคา (Mekong-Ganga Cooperation ;MGC) หรือ ความร่วมมือลุ่มน้ำโขง-สาธารณรัฐเกาหลี (Mekong-Republic of Korea Cooperation หรือ Mekong ;ROK) เป็นต้น ข้อมูลระดับน้ำในแม่น้ำโขง คือตัวจุดชนวนความขัดแย้งที่ชัดเจนที่สุดของจีนและสหรัฐฯ สหรัฐฯ ระบุว่า จีนไม่แบ่งปันข้อมูลการปล่อยน้ำในแม่น้ำโขง ส่งผลให้ประเทศในลุ่มแม่น้ำโขงตอนล่างได้รับผลกระทบอย่างหนัก เดือนมีนาคมที่ผ่านมา โครงการ Mekong Dam Monitoring ของสหรัฐฯ เขียนบทความอ้างข้อมูลจากสถานีวัดระดับน้ำเชียงแสน หนึ่งในสถานีวัดระดับน้ำบนแม่น้ำโขงสายประธาน ที่อยู่ใกล้กับเขื่อนเสี่ยวหวานและเขื่อนนั่วจาตู้ของจีน อธิบายว่า การไหลของแม่น้ำโขงไม่เป็นไปตามธรรมชาติ โดยเฉพาะตั้งแต่เกิดสถานการณ์น้ำแล้งในปี 2019 เขื่อนของจีนกลับยิ่งทำให้สถานการณ์แย่ลง ด้วยการทำให้น้ำแล้งในฤดูน้ำหลาก สำนักข่าว Global Times ของจีนออกบทความตอบโต้ว่า นักวิชาการด้านอุทกวิทยา จากมหาวิทยาลัยชิงหวาของจีน พบความผิดพลาดในการรายงานข้อมูลของ Mekong Dam Monitoring ที่บอกว่าในปี 2019 มีปริมาณน้ำฝนมากกว่าปกติ แต่จีนกักเก็บน้ำจนน้ำแล้ง จีนบอกว่า สหรัฐฯ พยายามสร้างวาทกรรมด้านอุทกวิทยาว่า จีนทำให้น้ำในแม่น้ำโขงแห้ง แต่ในความเป็นจริง จีนพยายามปล่อยน้ำจากเขื่อนเพื่อช่วยให้น้ำในแม่น้ำโขงไหลตามปกติ อีกหนึ่งประเด็นที่จีนจับตาคือสถานทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย และสถานกงสุลสหรัฐฯ ที่เชียงใหม่ได้เชิญบุคคลที่ทำงานเกี่ยวกับแม่น้ำโขงและภาคประชาชนไทยไปหารือถี่ขึ้น ควบคู่ไปกับการให้ทุน NGO นักวิชาการและสื่อมวลชน คณะกรรมมาธิการแม่น้ำโขง หรือ MRC จัดทำรายงานเกี่ยวกับผลกระทบจากโครงการไฟฟ้าพลังน้ำในแม่น้ำโขงสายประธาน ระบุว่า อีก 20 ปีสูตร บา ค่า ร่า 66ufa uc99ข้างหน้า แผนการพัฒนาโครงการเขื่อนไฟฟ้าทั้งในแม่น้ำสายประธาน และแม่น้ำสาขา จะเป็นภัยคุกคามอย่างร้ายแรง ต่อระบบนิเวศและเศรษฐกิจของภูมิภาค นอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการสูญเสียอาชีพทำการเกษตรและการประมง ส่งผลให้เกิดความไม่มั่นคงทางอาหาร พร้อมทั้งยังเป็นการปิดกั้นโอกาสที่ประเทศในลุ่มแม่น้ำโขงตอนล่างจะสามารถหลุดพ้นจากการเป็นประเทศรายได้ระดับต่ำหรือรายได้ปานกลางด้วย คณะกรรมธิการแม่น้ำโขงเสนอให้ประเทศในสมาชิกลุ่มน้ำโขงใช้เทคโนโลยีพลังงานสะอาด เป็นพลังงานทางเลือกทดแทนการใช้ไฟฟ้าจากเขื่อน สุดท้ายแล้ว ไม่ว่าจีนหรือสหรัฐฯเป็นผู้ชนะ เดิมพันที่สำคัญที่สุดในครั้งนี้คือชีวิตและปากท้องของผู้คนราว 65 ล้านคน ที่กำลังส่งเสียงบอกว่าแม่น้ำโขงคือธรรมชาติที่เคยอุดมสมบูรณ์ที่สุดในโลกและเป็นแหล่งรายได้เลี้ยงชีพของพวกเขา Source :https://www.scmp.com/week-asia/opinion/article/3093546/why-asean-should-treat-mekong-south-china-seahttp://www.lmcchina.org/eng/2017-12/13/content_41449851.htmlhttps://readthecloud.co/mekong-subregion/https://www.globaltimes.cn/page/202203/1257016.shtmlhttps://www.internationalaffairs.org.au/australianoutlook/the-inclusive-institutional-balancing-of-the-lancang-mekong-cooperation/

กรณีเจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือเด็กอายุ 3 เดือนที่พบว่าแม่ติดสารเสพติด กรมอนามัยมีความห่วงใย เพราะสารเส