วันนี้ (31 ธ.ค.2566) คณะผู้จัดงานเฉลิมฉลองคืนส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2567 ที่ย่านไทม์สแควร์ ในนคร

วันนี้ (1 พ.ค.2565) หน่วยกู้ภัยสว่างพรกุศล ประสานตำรวจและทีมแพทย์เวรโรงพยาบาลระยอง เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุภายในบ้านหลังหนึ่ง ต.เนินพระ อ.เมืองระยอง จะ.ระยอง หลังได้รับแจ้งว่ามีเหตุไฟฟ้าดูด ที่เกิดเหตุล

Negative Income Tax หรือ NIT ได้รับการเสนอโดยนักเศรษฐศาสตร์ชื่อดัง "มิลตัน ฟรีดแมน" เจ้าของประโยคที่โด่งดัง "โลกนี้ไม่มีอะไรที่ได้มาฟรี ๆ" หรือ "There's no such thing as a free lunch" เจ้าของรางวัลโนเบลสาขาเศรษฐศาสตร์ แนวคิดของ Negative Income Tax (NIT) ถูกเสนอขึ้นมาเพื่อแก้ไขปัญหาความยากจนและการกระจายรายได้อย่างไม่เท่าเทียมกัน ฟรีดแมน มองว่าคนที่ทำงานแต่มีรายได้น้อยก็ควรได้รับเงินสนับสนุนเพิ่มเติมจากรัฐ เริ่มจากการกำหนดระดับรายได้พื้นฐานขั้นต่ำ หากบุคคลใดมีรายได้น้อยกว่าระดับนี้ รัฐบาลจะจ่ายเงินชดเชยส่วนที่ขาด เพื่อให้รายได้ของพวกเขาเพิ่มขึ้นไปถึงระดับขั้นต่ำนี้ แนวคิด NIT ถูกนำเสนอและวิจารณ์กันในวงการเศรษฐศาสตร์มาหลายทศวรรษ แต่ในทางปฏิบัติยังไม่มีประเทศใดที่นำระบบ NIT มาใช้อย่างเต็มรูปแบบ แต่ก็มีบางประเทศที่ได้ทดลองใช้แนวคิดนี้ในบางพื้นที่หรือในบางกรณีเฉพาะ สหรัฐอเมริกา ช่วงทศวรรษ 1960-1970 มีการทดลองโครงการ NIT ในหลายรัฐของสหรัฐอเมริกา ผลการทดลองพบว่า มีประชาชนเริ่มลดชั่วโมงการทำงานของตัวเองลง สื่อถึงผู้คนเริ่มรู้ว่า ทำงานน้อย ๆ ก็ได้เพราะมีเงินชดเชยจากรัฐเข้าช่วย จึงเป็นประเด็นที่ทำให้โครงการนี้ไม่ได้ถูกนำมาใช้ในวงกว้าง แคนาดา ในทศวรรษ 1970 แคนาดามีการทดลองโครงการคล้าย NIT ที่เรียกว่า "Mincome" ในเมือง Dauphin ซึ่งก็ได้รับผลการทดลองที่คล้ายกับของสหรัฐฯ คือมีการลดชั่วโมงการทำงานลงเล็กน้อย แต่ในขณะเดียวดู ผล บอล ทุก คู่กันก็มีกำไรทางสังคมในด้านสุขภาพและการศึกษา ฟินแลนด์ ในปี 2017-2018 รัฐบาลฟินแลนด์ได้ทำการทดลองให้เงินสนับสนุนพื้นฐาน (Universal Basic Income หรือ UBI) กับประชาชนกลุ่มหนึ่ง ซึ่งแม้จะไม่ใช่ NIT โดยตรง แต่มีความคล้ายคลึงในแง่ของการให้รายได้พื้นฐานแก่ประชาชนโดยไม่ต้องผ่านกระบวนการสวัสดิการที่ซับซ้อน เนเธอร์แลนด์ เมือง Utrecht ในประเทศเนเธอร์แลนด์ได้ทำการทดลองเกี่ยวกับรายได้พื้นฐานในปี 2017 โดยมุ่งเน้นไปที่การให้รายได้พื้นฐานที่แน่นอนโดยไม่คำนึงถึงรายได้ที่มีอยู่เดิม เพื่อศึกษาเรื่องพฤติกรรมการทำงานและความเป็นอยู่ของประชาชน สหราชอาณาจักร มีโครงการที่คล้ายกับแนวคิด NIT เช่น Working Tax Credit และ Universal Credit ซึ่งเป็นการสนับสนุนรายได้ให้กับผู้ที่ทำงานแต่มีรายได้ต่ำ แม้จะไม่ใช่ NIT ในรูปแบบเต็มที่ แต่ก็เป็นความพยายามที่จะสร้างสวัสดิการที่ตอบสนองต่อรายได้ของประชาชน บราซิล Bolsa Família เป็นโครงการที่จ่ายเงินสนับสนุนให้กับครอบครัวที่มีรายได้น้อย โดยมีเงื่อนไขว่าต้องส่งลูก ๆ ไปเรียนหนังสือและรับการฉีดวัคซีนครบถ้วน แม้โครงการนี้จะไม่ใช่ NIT แต่ก็มีจุดมุ่งหมายในการลดความยากจนและสร้างโอกาสทางการศึกษาที่คล้ายคลึงกับเป้าหมายของ NIT อิตาลี ในปี 2019 อิตาลีได้เริ่มโครงการ "Reddito di Cittadinanza" ซึ่งเป็นระบบช่วยเหลือทางการเงินให้กับผู้ที่มีรายได้น้อยโดยมีเงื่อนไขว่าผู้รับจะต้องหางานทำอย่างต่อเนื่อง แม้จะไม่ใช่ NIT โดยตรง แต่มีองค์ประกอบที่เกี่ยวข้องกับการสนับสนุนรายได้และการกระตุ้นการทำงาน NIT อาจเหมาะกับประเทศที่มีระบบภาษีที่มีประสิทธิภาพ เศรษฐกิจที่มั่นคง ความเหลื่อมล้ำทางรายได้สูง เสถียรภาพทางการเมือง และสังคมที่ยอมรับการปฏิรูปสวัสดิการ หากเงื่อนไขเหล่านี้พร้อม NIT อาจเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการลดความยากจนและส่งเสริมความเท่าเทียมในสังคม ย้อนกลับไปวรรคทองของบิดาแห่ง NIT "มิลตัน ฟรีดแมน" โลกนี้ไม่มีอะไรที่ได้มาฟรี ๆ ซึ่งก็เป็นจริง เพราะเงินชดเชยที่รัฐต้องหามาจ่าย ย่อมต้องแลกมาด้วยคำถามตัวโต ๆ ของ "เดอะ แบก" ชนชั้นที่จ่ายภาษีเงินได้ เพื่อให้คนอื่นได้เงินที่ตัวเองทำงานอย่างเหน็ดเหนื่อย อ่านข่าวอื่น : "ทักษิณ" มั่นใจรัฐบาลแพทองธาร ไม่มีรัฐประหาร 100% 3 องค์กรธุรกิจนัดพบ "แพทองธาร" ถกปัญหาเร่งช่วย SMEs "ทักษิณ" โชว์วิชั่นแก้หนี้-ฟื้นเศรษฐกิจ เฉลยดิจิทัลวอลเล็ตใครได้บ้าง

Negative Income Tax หรือ NIT ได้รับการเสนอโดยนักเศรษฐศาสตร์ชื่อดัง "มิลตัน ฟรีดแมน" เจ้าของประโยคที่โด่งดัง "โลกนี้ไม่มีอะไรที่ได้มาฟรี ๆ" หรือ "There's no such thing as a free lunch" เจ้าของรางวัลโนเ