Home
|
ดู บอล สด warpfootball

ในเชิงข้อเท็จจริง ต้องยอมรับว่า ต้นตอหลักเกิดจากกา

ดู บอล สด warpfootball

วันนี้ (12 มิ.ย.2567) นายปิติ ดิษยทัต ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศ ไทย (ธปท.) ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวจากอุปสงค์ในประเทศ

วันนี้ (23 ก.ค.2564) นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะอดีตนายกรัฐมนตรีกล่าวถึงปรากฏการณ์คอลเอาท์ต่อการบริหารรับมือโควิด-19 ต่อรัฐบาลของศิลปินดาราและถูกดำเนินคดีว่า ต้องดูแต่ละกรณี เพราะไทยปกค

ไทยนำเข้าหุ่นยนต์ในโรงงานปีละ 4 พันตัว แก้ลำถูกบีบ“ค่าแรงขั้นต่ำ”มากกว่า 300 บาท ยังคงถกเถียงเพื่อปรับเปลี่ยนและหาทางออกอย่างต่อเนื่อง สำหรับประเด็น “ค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำ 300 บาท” ที่เริ่มไม่สอดคล้องกับค่าครองชีพที่เพิ่มมากขึ้นในปัจจุบัน ซึ่งกลายเป็นคำถามให้ขบคิดว่าจำเป็นหรือไม่กับการขึ้นค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำ 300 บาท หลังจากได้ปรับใช้ขึ้นเมื่อ 2556 ในสมัยของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และหากจะปรับจะมีวิธีการปรับขึ้นอย่างไร เป็นจำนวนเงินเท่าใด จึงจะเหมาะสมกับสถานการณ์และบริบทของประเทศไทย ไทยนำเข้าหุ่นยนต์ในโรงงานปีละ 4 พันตัว แก้ลำถูกบีบ“ค่าแรงขั้นต่ำ”มากกว่า 300 บาท วงเสวนา “ค่าแรงขั้นต่ำ-ข้อเท็จจริงและทิศทางที่ควรจะเป็นในอนาคต” ที่สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) ร่วมกับ มูลนิธิ ฟรีดริค เอแบร์ท จัดขึ้นเพื่อประเมินผลลับที่เกิดขึ้นจากการปรับค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาท ทั่วประเทศ โดยนำข้อมูลทางวิชาการเป็นพื้นฐาน และเพื่อเป็นการเสนอความคิดเห็นถึงแนวทางการเสนอค้าจ้างขั้นต่ำที่เหมาะสมกับสังคมไทยในปัจจุบัน โดยมีนักวิชาการ อาจารย์ และกลุ่มตัวแทนแรงงานเข้าร่วมรับฟัง ดร.สมเกียรติ ตั้งกิจวาณิชย์ ประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) กล่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า ค่าจ้างขั้นต่ำมีขึ้นเพื่อคุ้มครองแรงงาน เพราะอำนาจการต่อรองระหว่างลูกจ้างกับนายจ้างไม่มีความเสมอภาค ประเทศไทยเป็นประเทศที่สหภาพแรงงานไม่เข็มแข็ง การมีอัตราค่าจ้างขั้นต่ำจึงช่วยให้แรงงานได้รับความเป็นธรรมมากขึ้น แต่ที่ผ่านมาการกำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำของสังคมไทย มักถูกระบบการเมืองเข้าแทรกแซง และยังมีปัจจัยอื่นๆ เช่น ค่าครองชีพของลูกจ้าง ความสามารถนายจ้าง กำไรธุรกิจ ประสิทธิภาพแรงงาน การขยายตัวของเศรษฐกิจ ฯลฯ ซึ่งการกำหนดปัจจัยเหล่านี้มากเกินไป อาจทำให้เกิดช่องว่างและหาข้อเท็จจริงได้ยาก ดร.สมเกียรติกล่าวว่า จากการสำรวจภาวะเศรษฐกิจและสังคมของประเทศไทยล่าสุด ปี 2556 พบข้อมูลว่า ครอบครัวทั่วประเทศไทย กว่าร้อยละ 37 อยู่ใต้เส้นความยากจน ขณะที่หัวหน้าครอบครัว 1 คน ต้องหาเลี้ยงสมาชิกอีกหลายคน ดังนั้นเห็นได้ว่า ค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาทต่อคนต่อวัน ไม่ได้ช่วยให้คนไทยพ้นความยากจนไปได้ แต่หากครอบครัวใดมีคนทำงาน 2 คน และได้ค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท ทั้งคู่ พบว่าร้อยละ 90 อยู่บนเส้นความยากจน จึงเป็นอีกประเด็นที่นำไปเป็นหลักคิดในการปรับค่าจ้างแรงงานขึ้นต่ำ ส่วนการจะกำหนดอัตราค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำที่เท่าไรนั้น เวลาในการศึกษาเพื่อตอบโจทย์เป็นสิ่งสำคัญ ที่จะทำให้การกำหนดเป็นไปอย่างถูกต้อง และเมื่อกำหนดฐานขั้นต่ำได้แล้ว จำเป็นต้องออกเป็นกฎหมายบังคับใช้ เพราะที่ผ่านมาสำนักงานสถิติแห่งชาติระบุว่า ผู้ประกอบการไม่สามารถจ่ายค่าจ้างตามอัตราค่าจ้างตามแรงงานขั้นต่ำได้ ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ถึงร้อยละ 40 อีกประเด็นหนึ่งที่ยังไม่พูดถึงกันมากนักในประเทศไทย คือ ค่าจ้างโดยรวมมีแนวโน้มน่าจะสูงขึ้นด้วย 2 ปัจจัย ได้แก่ 1.เศรษฐกิจของประเทศจะขยับสู่ขาขึ้น ในปี 2559 หลังจากถดถอยอยู่ในจุดต่ำสุด และ 2.อุปทานด้านแรงงานลดลง ซึ่งข้อมูลจากสหประชาชาติระบุว่า ในปี 2559 แรงงานไทยจะค่อยๆ ทยอยลดลง เป็นผลให้ค่าจ้างสูงขึ้น เพราะขาดแคลนแรงงาน ถ้าค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำสูงขึ้นและค่าจ้างโดยรวมสูงขึ้นแนวโน้มที่กำลังเกิดขึ้นในประเทศไทยคือ ผู้ประกอบการจะหาทางเลือกใหม่ เช่น เอาหุ่นยนต์มาใช้เพิ่มขึ้น ซึ่งทุกวันนี้ประเทศไทย เป็นประเทศที่นำเข้าหุ่นยนต์ค่อนข้างสูงประเทศหนึ่งในภูมิภาคและในโลก เฉลี่ยปีละ 4,000 ตัว จะเกิดการย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เพราะฉะนั้นการคิดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำจะคิดเฉพาะจุด ณ ตอนนี้ ว่าจะช่วยอย่างเดียวไม่ได้ เพราะมีผลระยะยาวที่ต่อเนื่องไปในอนาคตด้วย นอกจากนี้ ดร.สมเกียรติยังกล่าวอีกว่า การปรับค่าจ้างขั้นต่ำควรมีหลักเกณฑ์การปรับที่ชัดเจน แทนตาม “การเมือง” โดยฐานค่าจ้างควรอิงกับค่าใช้จ่ายจริงของคนงาน และควรที่จะปรับตามเงินเฟ้อบวกกับประสิทธิภาพของแรงงาน โดยที่ไม่ต้องเท่ากันทั่วประเทศ ด้านนางเพชรรัตน์ สินอวย ผู้ช่วยปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า ปัจจุบันนี้ผู้ประกอบการเกิดความวิตกกังวล และมีการมีการพูดถึงเรื่องอัตราค้าจ้างขั้นต่ำกันมาก ในส่วนของคณะกรรมการค่าจ้างใช้ 3 องค์ประกอบหลักในการพิจารณา คือ 1.ค่าจ้างใช้เป็นกลไกในการคุมครองแรงงานของประเทศ 2.มีการกำหนดโดยองค์กรไตรภาคีคือมีทั้ง ลูกจ้าง ผู้ประกอบการและภาครัฐ และ 3. การบริหารค้าจ้างคณะกรรมการค่าจ้างมีการกระจายอำนาจการกำหนดค่าจ้างขั้นต่ำไปยังแต่ละจังหวัด โดยมีกรอบในการพิจารณาค่าจ้างขั้นต่ำ ปี 2559 ของคณะกรรมการค่าจ้างก็คือให้กำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำตามพื้นที่จังหวัด เพราะมองว่าในแต่ละจังหวัดมีค่าครองชีพ สภาพเศรษฐกิจ สังคมที่แตกต่างกัน นายสุชาติ จันทรานาคราช รองประธานอุตสาหกรรม กล่าวถึงอัตราค่าจ้างในปัจจุบันว่า ผู้ใช้แรงงาน มองค่าจ้างขั้นต่ำ คือหลักประกันสังคม และเป็นสวัสดิการของรัฐ ขณะที่ในมุมมองของผู้ประกอบการ มองว่าค้าจ้างคือ ต้นทุนที่ต้องจ่าย สองแนวคิดนี้มันไม่ไปด้วยกัน “ไม่อยากใช้คำว่า ค่าจ้าง อยากใช้คำว่า รายได้ ผู้ใช้แรงงานเขามีรายได้เขาอยู่ดีกินดี อีกอย่างหนึ่งคือ ลูกจ้างอยู่ไม่ได้นายจ้างอยู่ ไม่ได้ 2 สิ่งนี้มันต้องควบคู่กันไป แรงงานก็คือปัจจัยการผลิต ค่าจ้างก็เป็นส่วนหนึ่งของปัจจัยการผลิต หากมองว่าขนาดนั้นนี้ค่าจ้าง 300 บาท เพียงพอหรือไม่เราไม่มีกลไกอื่น ในขนาดนี้ในเชิงวิชาการ มันเป็นการผสมผสานวิธีคิดค่าจ้างขั้นต่ำในทุกมิติ มิติเศษฐศาสตร์ มิติความอยู่รอดของแรงงาน มิติของจีดีพี ควรมีมิติเรื่องผลิตภาพแรงงานเข้าไปอยู่ในนั้นด้วย” นายสุชาติกล่าว รองประธานอุตสาหกรรมกล่าวต่อว่า ในส่วนของธุรกิจยานยนต์มีการจ่ายแรงงานขั้นต่ำเกินมานานแล้ว ไม่ใช่นายจ้างใจดี แต่ภาระสูงมาก มีระบบจัดการที่ดี แต่ทำไม 320 มาตั้งหลายปีไม่ปรับขึ้นสักที ขึ้นอยู่กับทางโรงงานด้วยว่าจะจัดการอย่างไร ต้องถกกันก่อนว่าค่าแรงขั้นต่ำเป็นเรื่องปลอดภัยของสังคมหรือเปล่า ถ้าใช่ต้องคิดอีกอย่างหนึ่ง และรัฐบาลต้องปฏิบัติอีกอย่างหนึ่ง ถ้าไม่ใช่รัฐบาลก็ต้องคิดอีกอย่างหนึ่ง มีนโยบายอีกอย่างหนึ่ง และถ้าหากเป็นหลักวิทยาศาสตร์ตัวไหนเป็นที่ยอมรับ ในเมื่อยังมีข้อขัดแย้งระหว่างผู้ทำงานกับผู้ว่าจ้าง ว่าควรคิดค่าจ้างขั้นต่ำจากอะไร และหากยังมีความขัดแย้ง ก็ต้องมีตัวกลางเป็นตัวชี้ ประเทศไทยพร้อมหรือเปล่าที่จะดูเรื่องของความเป็นมนุษย์ โรงงานที่มีโอทีคนงานเต็ม แต่โรงงานที่ไม่มีโอทีกลับหาคนงานไม่ได้ ถ้าทำงาน 8 ชั่วโมง ได้เงิน 450 บาท ยอมรับได้ไหม ถ้ายอมได้ก็เห็นด้วย ทุกคนได้ประโยชน์ เรายังไม่พร้อมกับแรงงานขั้นต่ำ กลไกที่เรามีทุกวันนี้มันเหมาะสมกับประเทศไทย ด้าน ศาสตราภิชาน แล ดิลกวิทยรัตน์ คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ กล่าวว่า ค่าจ้างขั้นต่ำเป็นมาตรการทางสังคม เป็นหลักประกันทางสังคมขั้นต่ำ ถามว่าควรจะเอาประสิทธิภาพการผลิตเป็นหลักหรือไม่คงไม่ต้อง เอาความสามารถในการรักษาศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์เป็นตัวตั้ง มันจะต้องเอาเรื่องของค่าความเป็นคนเป็นตัวตั้งแล้วกลับไปถามว่าค่าจ้างขั้นต่ำที่ดีควรที่จะเป็นไง ศาสตราภิชานแลกล่าวต่อว่า ค่าจ้างขั้นต่ำในบริบทของสังคมไทย ลูกจ้างในบริบทของคนไทยไม่ได้เป็นแค่ลูกจ้าง ไม่ได้เป็นสินค้าตัวหนึ่ง แต่ลูกจ้างในสังคมไทยเป็นสมาชิกในสังคมที่จะเกี่ยวข้องโดยตลอด เมื่อคุณได้งานทำคุณก็ถูกคาดหวังว่า งานแต่งงาน งานศพ ต้องมีเงินช่วย ต้องมีเวลาไปช่วย มันก็ทำให้รายจ่ายของคนในบริบทของสังคมไทยมันเกินกว่ารายรับที่จะใช้พอประทั่งชีวิตหรือต่อลมหายใจ มันถึงจะอยู่ในบริบทของสังคมไทยได้ ค่าจ้างขั้นต่ำที่ดีที่สุดคือ ควรจะให้ลูกจ้างนั้นมีเวลาอยู่กับครอบครัว ลูกจ้างไม่ติดหนี้เพราะความจำเป็นในการดำรงชีวิต ที่สำคัญก็คือจะต้องมองมิติทางสังคมเป็นหลักไม่ใช้มองมิติทางเศรษฐกิจอย่างเดียว ไม่อย่างนั้นเราไม่จำเป็นต้องมีค้าจ้างขั้นต่ำ ประเทศไทยมีเศรษฐกิจที่โต แต่ที่แย่คือไม่มีการเปลี่ยนแปลงค่าจ้างเลย จะทำยังไงไม่ให้ต่อรองกัน ประเด็นที่เป็นการต่อรองเพราะใช้ตัวแทนผลประโยชน์เข้าไป ถ้าจะไม่ให้เป็นการต่อรอง ต้องเอาคนนอกตัวแทนผลประโยชน์เข้าไป เป็นคนชี้นำ มีการเสนอควรมีแรงงานขั้นต่ำรายอุตสาหกรรมแต่ไม่น่าจะเป็นไปได้ แต่เรื่องของการต่อรองไม่ว่าจะเป็นการเมืองหรือไม่คงหลีกเลี่ยงได้ยาก” นอกจากนี้ยังมีตัวแทนกลุ่มแรงงานร่วมแสดงความคิดเห็นสะท้อนมุมมองคนทำงาน “อยากสะท้อนคำนิยายของค่าจ้าง ตั้งแต่มีการปดู บอล สด warpfootballระกาศใช้เรื่องของค่าจ้างขั้นต่ำตั้งแต่ปี 2515 นิยามเดิมคือค่าจ้างต้องพอต่อการเลี้ยงชีพ 1 คน และครอบครัวอีก 2 คน ก็ไม่เข้าใจว่าพอกฎหมายใหม่มา ไปแก้ให้มันเพียงพอต่อการเลี้ยงชีพคนเดียว ทำให้ไปริดรอนกระบวนการคิดแรงงานขั้นต่ำ เป็นเรื่องที่รู้สึกขัดแย้งกับกรรมกร” การปรับค่าจ้าง 300 มันเหมาะสมแล้วกับการโดนเอาเปรียบมาก แต่ปัญหาอาจจะมีการเมืองเข้ามายุ่งว่ามันก้าวกระโดดเกินไป แต่หากไม่มีการเมืองมาเกี่ยวข้องเลย ใครจะฟื้นฟูสิ่งที่โดนเอาเปรียบไป ระบบไตรภาคีของแต่ละจังหวัดมันใช้ไม่ได้ ให้เหลือไตรภาคีระดับประเทศพอมาคุยกัน การขึ้นค่าจ้างเอาเงินมาคิดมากก็ไม่ได้ เพราะคนคือมนุษย์ต้องกินต้องใช้ มีครอบครัว ต้องมองตรงนั้นด้วย ไม่ใช่มองมนุษย์เป็นปัจจัยการผลิตตัวหนึ่ง จะคำนวนยังไงด้านคุณค่าความเป็นมนุษย์ มองว่าการเอาเส้นคนจนมาวัดค่าแรงดีกว่าที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ ตัวแทนกลุ่มแรงงาน กล่าว ขณะที่ตัวแทนกลุ่มพิพิธภัณฑ์แรงงานไทย ยังแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมอีกว่า “ประสิทธิภาพของคนทำงาน ซึ่งคนทำงานมีอายุ 30 ปีมีมาค่าจ้างที่ได้ทุกวันนี้เกินค่าจ้างขั้นต่ำไปประมาณ 20 บาท แบบนี้ต้องเรียกประสิทธิภาพมันดีหรือไม่ดี ถ้าประสิทธิภาพไม่ได้น่าจะโดนปลดไปแล้วหรือเปล่าอีกอันคือที่บอกว่าไม่ต้องเท่ากันทั่วประเทศ ที่เรารู้ข้าราชการ รวมทั้งรัฐวิสาหกิจเท่ากันทั้งประเทศ แถมถ้าเติมน้ำมันที่เชียงใหม่มันแพงกว่ากรุงเทพ ตรรกะตรงนี้คืออะไร” ยไมพร คงเรือง ผู้สื่อข่าวไทยพีบีเอสออนไลน์ ติดตามข่าวสารผ่านแฟนเพจเฟซบุ๊ค ไทยพีบีเอสออนไลน์ https://www.facebook.com/ThaiPBSNews?ref=hl วงเสวนา “ค่าแรงขั้นต่ำ-ข้อเท็จจริงและทิศทางที่ควรจะเป็นในอนาคต” ที่สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) ร่วมกับ มูลนิธิ ฟรีดริค เอแบร์ท จัดขึ้นเพื่อประเมินผลลับที่เกิดขึ้นจากการปรับค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาท ทั่วประเทศ โดยนำข้อมูลทางวิชาการเป็นพื้นฐาน และเพื่อเป็นการเสนอความคิดเห็นถึงแนวทางการเสนอค้าจ้างขั้นต่ำที่เหมาะสมกับสังคมไทยในปัจจุบัน โดยมีนักวิชาการ อาจารย์ และกลุ่มตัวแทนแรงงานเข้าร่วมรับฟัง ดร.สมเกียรติ ตั้งกิจวาณิชย์ ประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) กล่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า ค่าจ้างขั้นต่ำมีขึ้นเพื่อคุ้มครองแรงงาน เพราะอำนาจการต่อรองระหว่างลูกจ้างกับนายจ้างไม่มีความเสมอภาค ประเทศไทยเป็นประเทศที่สหภาพแรงงานไม่เข็มแข็ง การมีอัตราค่าจ้างขั้นต่ำจึงช่วยให้แรงงานได้รับความเป็นธรรมมากขึ้น แต่ที่ผ่านมาการกำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำของสังคมไทย มักถูกระบบการเมืองเข้าแทรกแซง และยังมีปัจจัยอื่นๆ เช่น ค่าครองชีพของลูกจ้าง ความสามารถนายจ้าง กำไรธุรกิจ ประสิทธิภาพแรงงาน การขยายตัวของเศรษฐกิจ ฯลฯ ซึ่งการกำหนดปัจจัยเหล่านี้มากเกินไป อาจทำให้เกิดช่องว่างและหาข้อเท็จจริงได้ยาก ดร.สมเกียรติกล่าวว่า จากการสำรวจภาวะเศรษฐกิจและสังคมของประเทศไทยล่าสุด ปี 2556 พบข้อมูลว่า ครอบครัวทั่วประเทศไทย กว่าร้อยละ 37 อยู่ใต้เส้นความยากจน ขณะที่หัวหน้าครอบครัว 1 คน ต้องหาเลี้ยงสมาชิกอีกหลายคน ดังนั้นเห็นได้ว่า ค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาทต่อคนต่อวัน ไม่ได้ช่วยให้คนไทยพ้นความยากจนไปได้ แต่หากครอบครัวใดมีคนทำงาน 2 คน และได้ค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท ทั้งคู่ พบว่าร้อยละ 90 อยู่บนเส้นความยากจน จึงเป็นอีกประเด็นที่นำไปเป็นหลักคิดในการปรับค่าจ้างแรงงานขึ้นต่ำ ส่วนการจะกำหนดอัตราค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำที่เท่าไรนั้น เวลาในการศึกษาเพื่อตอบโจทย์เป็นสิ่งสำคัญ ที่จะทำให้การกำหนดเป็นไปอย่างถูกต้อง และเมื่อกำหนดฐานขั้นต่ำได้แล้ว จำเป็นต้องออกเป็นกฎหมายบังคับใช้ เพราะที่ผ่านมาสำนักงานสถิติแห่งชาติระบุว่า ผู้ประกอบการไม่สามารถจ่ายค่าจ้างตามอัตราค่าจ้างตามแรงงานขั้นต่ำได้ ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ถึงร้อยละ 40 อีกประเด็นหนึ่งที่ยังไม่พูดถึงกันมากนักในประเทศไทย คือ ค่าจ้างโดยรวมมีแนวโน้มน่าจะสูงขึ้นด้วย 2 ปัจจัย ได้แก่ 1.เศรษฐกิจของประเทศจะขยับสู่ขาขึ้น ในปี 2559 หลังจากถดถอยอยู่ในจุดต่ำสุด และ 2.อุปทานด้านแรงงานลดลง ซึ่งข้อมูลจากสหประชาชาติระบุว่า ในปี 2559 แรงงานไทยจะค่อยๆ ทยอยลดลง เป็นผลให้ค่าจ้างสูงขึ้น เพราะขาดแคลนแรงงาน ถ้าค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำสูงขึ้นและค่าจ้างโดยรวมสูงขึ้นแนวโน้มที่กำลังเกิดขึ้นในประเทศไทยคือ ผู้ประกอบการจะหาทางเลือกใหม่ เช่น เอาหุ่นยนต์มาใช้เพิ่มขึ้น ซึ่งทุกวันนี้ประเทศไทย เป็นประเทศที่นำเข้าหุ่นยนต์ค่อนข้างสูงประเทศหนึ่งในภูมิภาคและในโลก เฉลี่ยปีละ 4,000 ตัว จะเกิดการย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เพราะฉะนั้นการคิดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำจะคิดเฉพาะจุด ณ ตอนนี้ ว่าจะช่วยอย่างเดียวไม่ได้ เพราะมีผลระยะยาวที่ต่อเนื่องไปในอนาคตด้วย นอกจากนี้ ดร.สมเกียรติยังกล่าวอีกว่า การปรับค่าจ้างขั้นต่ำควรมีหลักเกณฑ์การปรับที่ชัดเจน แทนตาม “การเมือง” โดยฐานค่าจ้างควรอิงกับค่าใช้จ่ายจริงของคนงาน และควรที่จะปรับตามเงินเฟ้อบวกกับประสิทธิภาพของแรงงาน โดยที่ไม่ต้องเท่ากันทั่วประเทศ ด้านนางเพชรรัตน์ สินอวย ผู้ช่วยปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า ปัจจุบันนี้ผู้ประกอบการเกิดความวิตกกังวล และมีการมีการพูดถึงเรื่องอัตราค้าจ้างขั้นต่ำกันมาก ในส่วนของคณะกรรมการค่าจ้างใช้ 3 องค์ประกอบหลักในการพิจารณา คือ 1.ค่าจ้างใช้เป็นกลไกในการคุมครองแรงงานของประเทศ 2.มีการกำหนดโดยองค์กรไตรภาคีคือมีทั้ง ลูกจ้าง ผู้ประกอบการและภาครัฐ และ 3. การบริหารค้าจ้างคณะกรรมการค่าจ้างมีการกระจายอำนาจการกำหนดค่าจ้างขั้นต่ำไปยังแต่ละจังหวัด โดยมีกรอบในการพิจารณาค่าจ้างขั้นต่ำ ปี 2559 ของคณะกรรมการค่าจ้างก็คือให้กำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำตามพื้นที่จังหวัด เพราะมองว่าในแต่ละจังหวัดมีค่าครองชีพ สภาพเศรษฐกิจ สังคมที่แตกต่างกัน นายสุชาติ จันทรานาคราช รองประธานอุตสาหกรรม กล่าวถึงอัตราค่าจ้างในปัจจุบันว่า ผู้ใช้แรงงาน มองค่าจ้างขั้นต่ำ คือหลักประกันสังคม และเป็นสวัสดิการของรัฐ ขณะที่ในมุมมองของผู้ประกอบการ มองว่าค้าจ้างคือ ต้นทุนที่ต้องจ่าย สองแนวคิดนี้มันไม่ไปด้วยกัน “ไม่อยากใช้คำว่า ค่าจ้าง อยากใช้คำว่า รายได้ ผู้ใช้แรงงานเขามีรายได้เขาอยู่ดีกินดี อีกอย่างหนึ่งคือ ลูกจ้างอยู่ไม่ได้นายจ้างอยู่ ไม่ได้ 2 สิ่งนี้มันต้องควบคู่กันไป แรงงานก็คือปัจจัยการผลิต ค่าจ้างก็เป็นส่วนหนึ่งของปัจจัยการผลิต หากมองว่าขนาดนั้นนี้ค่าจ้าง 300 บาท เพียงพอหรือไม่เราไม่มีกลไกอื่น ในขนาดนี้ในเชิงวิชาการ มันเป็นการผสมผสานวิธีคิดค่าจ้างขั้นต่ำในทุกมิติ มิติเศษฐศาสตร์ มิติความอยู่รอดของแรงงาน มิติของจีดีพี ควรมีมิติเรื่องผลิตภาพแรงงานเข้าไปอยู่ในนั้นด้วย” นายสุชาติกล่าว รองประธานอุตสาหกรรมกล่าวต่อว่า ในส่วนของธุรกิจยานยนต์มีการจ่ายแรงงานขั้นต่ำเกินมานานแล้ว ไม่ใช่นายจ้างใจดี แต่ภาระสูงมาก มีระบบจัดการที่ดี แต่ทำไม 320 มาตั้งหลายปีไม่ปรับขึ้นสักที ขึ้นอยู่กับทางโรงงานด้วยว่าจะจัดการอย่างไร ต้องถกกันก่อนว่าค่าแรงขั้นต่ำเป็นเรื่องปลอดภัยของสังคมหรือเปล่า ถ้าใช่ต้องคิดอีกอย่างหนึ่ง และรัฐบาลต้องปฏิบัติอีกอย่างหนึ่ง ถ้าไม่ใช่รัฐบาลก็ต้องคิดอีกอย่างหนึ่ง มีนโยบายอีกอย่างหนึ่ง และถ้าหากเป็นหลักวิทยาศาสตร์ตัวไหนเป็นที่ยอมรับ ในเมื่อยังมีข้อขัดแย้งระหว่างผู้ทำงานกับผู้ว่าจ้าง ว่าควรคิดค่าจ้างขั้นต่ำจากอะไร และหากยังมีความขัดแย้ง ก็ต้องมีตัวกลางเป็นตัวชี้ ประเทศไทยพร้อมหรือเปล่าที่จะดูเรื่องของความเป็นมนุษย์ โรงงานที่มีโอทีคนงานเต็ม แต่โรงงานที่ไม่มีโอทีกลับหาคนงานไม่ได้ ถ้าทำงาน 8 ชั่วโมง ได้เงิน 450 บาท ยอมรับได้ไหม ถ้ายอมได้ก็เห็นด้วย ทุกคนได้ประโยชน์ เรายังไม่พร้อมกับแรงงานขั้นต่ำ กลไกที่เรามีทุกวันนี้มันเหมาะสมกับประเทศไทย ด้าน ศาสตราภิชาน แล ดิลกวิทยรัตน์ คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ กล่าวว่า ค่าจ้างขั้นต่ำเป็นมาตรการทางสังคม เป็นหลักประกันทางสังคมขั้นต่ำ ถามว่าควรจะเอาประสิทธิภาพการผลิตเป็นหลักหรือไม่คงไม่ต้อง เอาความสามารถในการรักษาศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์เป็นตัวตั้ง มันจะต้องเอาเรื่องของค่าความเป็นคนเป็นตัวตั้งแล้วกลับไปถามว่าค่าจ้างขั้นต่ำที่ดีควรที่จะเป็นไง ศาสตราภิชานแลกล่าวต่อว่า ค่าจ้างขั้นต่ำในบริบทของสังคมไทย ลูกจ้างในบริบทของคนไทยไม่ได้เป็นแค่ลูกจ้าง ไม่ได้เป็นสินค้าตัวหนึ่ง แต่ลูกจ้างในสังคมไทยเป็นสมาชิกในสังคมที่จะเกี่ยวข้องโดยตลอด เมื่อคุณได้งานทำคุณก็ถูกคาดหวังว่า งานแต่งงาน งานศพ ต้องมีเงินช่วย ต้องมีเวลาไปช่วย มันก็ทำให้รายจ่ายของคนในบริบทของสังคมไทยมันเกินกว่ารายรับที่จะใช้พอประทั่งชีวิตหรือต่อลมหายใจ มันถึงจะอยู่ในบริบทของสังคมไทยได้ ค่าจ้างขั้นต่ำที่ดีที่สุดคือ ควรจะให้ลูกจ้างนั้นมีเวลาอยู่กับครอบครัว ลูกจ้างไม่ติดหนี้เพราะความจำเป็นในการดำรงชีวิต ที่สำคัญก็คือจะต้องมองมิติทางสังคมเป็นหลักไม่ใช้มองมิติทางเศรษฐกิจอย่างเดียว ไม่อย่างนั้นเราไม่จำเป็นต้องมีค้าจ้างขั้นต่ำ ประเทศไทยมีเศรษฐกิจที่โต แต่ที่แย่คือไม่มีการเปลี่ยนแปลงค่าจ้างเลย จะทำยังไงไม่ให้ต่อรองกัน ประเด็นที่เป็นการต่อรองเพราะใช้ตัวแทนผลประโยชน์เข้าไป ถ้าจะไม่ให้เป็นการต่อรอง ต้องเอาคนนอกตัวแทนผลประโยชน์เข้าไป เป็นคนชี้นำ มีการเสนอควรมีแรงงานขั้นต่ำรายอุตสาหกรรมแต่ไม่น่าจะเป็นไปได้ แต่เรื่องของการต่อรองไม่ว่าจะเป็นการเมืองหรือไม่คงหลีกเลี่ยงได้ยาก” นอกจากนี้ยังมีตัวแทนกลุ่มแรงงานร่วมแสดงความคิดเห็นสะท้อนมุมมองคนทำงาน “อยากสะท้อนคำนิยายของค่าจ้าง ตั้งแต่มีการประกาศใช้เรื่องของค่าจ้างขั้นต่ำตั้งแต่ปี 2515 นิยามเดิมคือค่าจ้างต้องพอต่อการเลี้ยงชีพ 1 คน และครอบครัวอีก 2 คน ก็ไม่เข้าใจว่าพอกฎหมายใหม่มา ไปแก้ให้มันเพียงพอต่อการเลี้ยงชีพคนเดียว ทำให้ไปริดรอนกระบวนการคิดแรงงานขั้นต่ำ เป็นเรื่องที่รู้สึกขัดแย้งกับกรรมกร” การปรับค่าจ้าง 300 มันเหมาะสมแล้วกับการโดนเอาเปรียบมาก แต่ปัญหาอาจจะมีการเมืองเข้ามายุ่งว่ามันก้าวกระโดดเกินไป แต่หากไม่มีการเมืองมาเกี่ยวข้องเลย ใครจะฟื้นฟูสิ่งที่โดนเอาเปรียบไป ระบบไตรภาคีของแต่ละจังหวัดมันใช้ไม่ได้ ให้เหลือไตรภาคีระดับประเทศพอมาคุยกัน การขึ้นค่าจ้างเอาเงินมาคิดมากก็ไม่ได้ เพราะคนคือมนุษย์ต้องกินต้องใช้ มีครอบครัว ต้องมองตรงนั้นด้วย ไม่ใช่มองมนุษย์เป็นปัจจัยการผลิตตัวหนึ่ง จะคำนวนยังไงด้านคุณค่าความเป็นมนุษย์ มองว่าการเอาเส้นคนจนมาวัดค่าแรงดีกว่าที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ ตัวแทนกลุ่มแรงงาน กล่าว ขณะที่ตัวแทนกลุ่มพิพิธภัณฑ์แรงงานไทย ยังแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมอีกว่า “ประสิทธิภาพของคนทำงาน ซึ่งคนทำงานมีอายุ 30 ปีมีมาค่าจ้างที่ได้ทุกวันนี้เกินค่าจ้างขั้นต่ำไปประมาณ 20 บาท แบบนี้ต้องเรียกประสิทธิภาพมันดีหรือไม่ดี ถ้าประสิทธิภาพไม่ได้น่าจะโดนปลดไปแล้วหรือเปล่าอีกอันคือที่บอกว่าไม่ต้องเท่ากันทั่วประเทศ ที่เรารู้ข้าราชการ รวมทั้งรัฐวิสาหกิจเท่ากันทั้งประเทศ แถมถ้าเติมน้ำมันที่เชียงใหม่มันแพงกว่ากรุงเทพ ตรรกะตรงนี้คืออะไร” ยไมพร คงเรือง ผู้สื่อข่าวไทยพีบีเอสออนไลน์ ติดตามข่าวสารผ่านแฟนเพจเฟซบุ๊ค ไทยพีบีเอสออนไลน์ https://www.facebook.com/ThaiPBSNews?ref=hl

ความคืบหน้ากรณีชายอายุ 28 ปี ขับรถยนต์พุ่งชนเสาไฟฟ้าภายในซอยลาดพร้าว 48 เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ เมื่อช่

ไทยนำเข้าหุ่นยนต์ในโรงงานปีละ 4 พันตัว แก้ลำถูกบีบ“ค่าแรงขั้นต่ำ”มากกว่า 300 บาท ยังคงถกเถียงเพื่อปร

กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศประจำวันที่ 9 พ.ค.2566 ใน 24 ชม.ข้างหน้า ประเทศไทยตอนบนมีพายุฤดูร้อนเกิด

ไทยนำเข้าหุ่นยนต์ในโรงงานปีละ 4 พันตัว แก้ลำถูกบีบ“ค่าแรงขั้นต่ำ”มากกว่า 300 บาท ยังคงถกเถียงเพื่อปรับเปลี่ยนและหาทางออกอย่างต่อเนื่อง สำหรับประเด็น “ค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำ 300 บาท” ที่เริ่มไม่สอดคล้องกับค่าครองชีพที่เพิ่มมากขึ้นในปัจจุบัน ซึ่งกลายเป็นคำถามให้ขบคิดว่าจำเป็นหรือไม่กับการขึ้นค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำ 300 บาท หลังจากได้ปรับใช้ขึ้นเมื่อ 2556 ในสมัยของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และหากจะปรับจะมีวิธีการปรับขึ้นอย่างไร เป็นจำนวนเงินเท่าใด จึงจะเหมาะสมกับสถานการณ์และบริบทของประเทศไทย ไทยนำเข้าหุ่นยนต์ในโรงงานปีละ 4 พันตัว แก้ลำถูกบีบ“ค่าแรงขั้นต่ำ”มากกว่า 300 บาท วงเสวนา “ค่าแรงขั้นต่ำ-ข้อเท็จจริงและทิศทางที่ควรจะเป็นในอนาคต” ที่สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) ร่วมกับ มูลนิธิ ฟรีดริค เอแบร์ท จัดขึ้นเพื่อประเมินผลลับที่เกิดขึ้นจากการปรับค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาท ทั่วประเทศ โดยนำข้อมูลทางวิชาการเป็นพื้นฐาน และเพื่อเป็นการเสนอความคิดเห็นถึงแนวทางการเสนอค้าจ้างขั้นต่ำที่เหมาะสมกับสังคมไทยในปัจจุบัน โดยมีนักวิชาการ อาจารย์ และกลุ่มตัวแทนแรงงานเข้าร่วมรับฟัง ดร.สมเกียรติ ตั้งกิจวาณิชย์ ประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) กล่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า ค่าจ้างขั้นต่ำมีขึ้นเพื่อคุ้มครองแรงงาน เพราะอำนาจการต่อรองระหว่างลูกจ้างกับนายจ้างไม่มีความเสมอภาค ประเทศไทยเป็นประเทศที่สหภาพแรงงานไม่เข็มแข็ง การมีอัตราค่าจ้างขั้นต่ำจึงช่วยให้แรงงานได้รับความเป็นธรรมมากขึ้น แต่ที่ผ่านมาการกำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำของสังคมไทย มักถูกระบบการเมืองเข้าแทรกแซง และยังมีปัจจัยอื่นๆ เช่น ค่าครองชีพของลูกจ้าง ความสามารถนายจ้าง กำไรธุรกิจ ประสิทธิภาพแรงงาน การขยายตัวของเศรษฐกิจ ฯลฯ ซึ่งการกำหนดปัจจัยเหล่านี้มากเกินไป อาจทำให้เกิดช่องว่างและหาข้อเท็จจริงได้ยาก ดร.สมเกียรติกล่าวว่า จากการสำรวจภาวะเศรษฐกิจและสังคมของประเทศไทยล่าสุด ปี 2556 พบข้อมูลว่า ครอบครัวทั่วประเทศไทย กว่าร้อยละ 37 อยู่ใต้เส้นความยากจน ขณะที่หัวหน้าครอบครัว 1 คน ต้องหาเลี้ยงสมาชิกอีกหลายคน ดังนั้นเห็นได้ว่า ค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาทต่อคนต่อวัน ไม่ได้ช่วยให้คนไทยพ้นความยากจนไปได้ แต่หากครอบครัวใดมีคนทำงาน 2 คน และได้ค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท ทั้งคู่ พบว่าร้อยละ 90 อยู่บนเส้นความยากจน จึงเป็นอีกประเด็นที่นำไปเป็นหลักคิดในการปรับค่าจ้างแรงงานขึ้นต่ำ ส่วนการจะกำหนดอัตราค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำที่เท่าไรนั้น เวลาในการศึกษาเพื่อตอบโจทย์เป็นสิ่งสำคัญ ที่จะทำให้การกำหนดเป็นไปอย่างถูกต้อง และเมื่อกำหนดฐานขั้นต่ำได้แล้ว จำเป็นต้องออกเป็นกฎหมายบังคับใช้ เพราะที่ผ่านมาสำนักงานสถิติแห่งชาติระบุว่า ผู้ประกอบการไม่สามารถจ่ายค่าจ้างตามอัตราค่าจ้างตามแรงงานขั้นต่ำได้ ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ถึงร้อยละ 40 อีกประเด็นหนึ่งที่ยังไม่พูดถึงกันมากนักในประเทศไทย คือ ค่าจ้างโดยรวมมีแนวโน้มน่าจะสูงขึ้นด้วย 2 ปัจจัย ได้แก่ 1.เศรษฐกิจของประเทศจะขยับสู่ขาขึ้น ในปี 2559 หลังจากถดถอยอยู่ในจุดต่ำสุด และ 2.อุปทานด้านแรงงานลดลง ซึ่งข้อมูลจากสหประชาชาติระบุว่า ในปี 2559 แรงงานไทยจะค่อยๆ ทยอยลดลง เป็นผลให้ค่าจ้างสูงขึ้น เพราะขาดแคลนแรงงาน ถ้าค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำสูงขึ้นและค่าจ้างโดยรวมสูงขึ้นแนวโน้มที่กำลังเกิดขึ้นในประเทศไทยคือ ผู้ประกอบการจะหาทางเลือกใหม่ เช่น เอาหุ่นยนต์มาใช้เพิ่มขึ้น ซึ่งทุกวันนี้ประเทศไทย เป็นประเทศที่นำเข้าหุ่นยนต์ค่อนข้างสูงประเทศหนึ่งในภูมิภาคและในโลก เฉลี่ยปีละ 4,000 ตัว จะเกิดการย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เพราะฉะนั้นการคิดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำจะคิดเฉพาะจุด ณ ตอนนี้ ว่าจะช่วยอย่างเดียวไม่ได้ เพราะมีผลระยะยาวที่ต่อเนื่องไปในอนาคตด้วย นอกจากนี้ ดร.สมเกียรติยังกล่าวอีกว่า การปรับค่าจ้างขั้นต่ำควรมีหลักเกณฑ์การปรับที่ชัดเจน แทนตาม “การเมือง” โดยฐานค่าจ้างควรอิงกับค่าใช้จ่ายจริงของคนงาน และควรที่จะปรับตามเงินเฟ้อบวกกับประสิทธิภาพของแรงงาน โดยที่ไม่ต้องเท่ากันทั่วประเทศ ด้านนางเพชรรัตน์ สินอวย ผู้ช่วยปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า ปัจจุบันนี้ผู้ประกอบการเกิดความวิตกกังวล และมีการมีการพูดถึงเรื่องอัตราค้าจ้างขั้นต่ำกันมาก ในส่วนของคณะกรรมการค่าจ้างใช้ 3 องค์ประกอบหลักในการพิจารณา คือ 1.ค่าจ้างใช้เป็นกลไกในการคุมครองแรงงานของประเทศ 2.มีการกำหนดโดยองค์กรไตรภาคีคือมีทั้ง ลูกจ้าง ผู้ประกอบการและภาครัฐ และ 3. การบริหารค้าจ้างคณะกรรมการค่าจ้างมีการกระจายอำนาจการกำหนดค่าจ้างขั้นต่ำไปยังแต่ละจังหวัด โดยมีกรอบในการพิจารณาค่าจ้างขั้นต่ำ ปี 2559 ของคณะกรรมการค่าจ้างก็คือให้กำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำตามพื้นที่จังหวัด เพราะมองว่าในแต่ละจังหวัดมีค่าครองชีพ สภาพเศรษฐกิจ สังคมที่แตกต่างกัน นายสุชาติ จันทรานาคราช รองประธานอุตสาหกรรม กล่าวถึงอัตราค่าจ้างในปัจจุบันว่า ผู้ใช้แรงงาน มองค่าจ้างขั้นต่ำ คือหลักประกันสังคม และเป็นสวัสดิการของรัฐ ขณะที่ในมุมมองของผู้ประกอบการ มองว่าค้าจ้างคือ ต้นทุนที่ต้องจ่าย สองแนวคิดนี้มันไม่ไปด้วยกัน “ไม่อยากใช้คำว่า ค่าจ้าง อยากใช้คำว่า รายได้ ผู้ใช้แรงงานเขามีรายได้เขาอยู่ดีกินดี อีกอย่างหนึ่งคือ ลูกจ้างอยู่ไม่ได้นายจ้างอยู่ ไม่ได้ 2 สิ่งนี้มันต้องควบคู่กันไป แรงงานก็คือปัจจัยการผลิต ค่าจ้างก็เป็นส่วนหนึ่งของปัจจัยการผลิต หากมองว่าขนาดนั้นนี้ค่าจ้าง 300 บาท เพียงพอหรือไม่เราไม่มีกลไกอื่น ในขนาดนี้ในเชิงวิชาการ มันเป็นการผสมผสานวิธีคิดค่าจ้างขั้นต่ำในทุกมิติ มิติเศษฐศาสตร์ มิติความอยู่รอดของแรงงาน มิติของจีดีพี ควรมีมิติเรื่องผลิตภาพแรงงานเข้าไปอยู่ในนั้นด้วย” นายสุชาติกล่าว รองประธานอุตสาหกรรมกล่าวต่อว่า ในส่วนของธุรกิจยานยนต์มีการจ่ายแรงงานขั้นต่ำเกินมานานแล้ว ไม่ใช่นายจ้างใจดี แต่ภาระสูงมาก มีระบบจัดการที่ดี แต่ทำไม 320 มาตั้งหลายปีไม่ปรับขึ้นสักที ขึ้นอยู่กับทางโรงงานด้วยว่าจะจัดการอย่างไร ต้องถกกันก่อนว่าค่าแรงขั้นต่ำเป็นเรื่องปลอดภัยของสังคมหรือเปล่า ถ้าใช่ต้องคิดอีกอย่างหนึ่ง และรัฐบาลต้องปฏิบัติอีกอย่างหนึ่ง ถ้าไม่ใช่รัฐบาลก็ต้องคิดอีกอย่างหนึ่ง มีนโยบายอีกอย่างหนึ่ง และถ้าหากเป็นหลักวิทยาศาสตร์ตัวไหนเป็นที่ยอมรับ ในเมื่อยังมีข้อขัดแย้งระหว่างผู้ทำงานกับผู้ว่าจ้าง ว่าควรคิดค่าจ้างขั้นต่ำจากอะไร และหากยังมีความขัดแย้ง ก็ต้องมีตัวกลางเป็นตัวชี้ ประเทศไทยพร้อมหรือเปล่าที่จะดูเรื่องของความเป็นมนุษย์ โรงงานที่มีโอทีคนงานเต็ม แต่โรงงานที่ไม่มีโอทีกลับหาคนงานไม่ได้ ถ้าทำงาน 8 ชั่วโมง ได้เงิน 450 บาท ยอมรับได้ไหม ถ้ายอมได้ก็เห็นด้วย ทุกคนได้ประโยชน์ เรายังไม่พร้อมกับแรงงานขั้นต่ำ กลไกที่เรามีทุกวันนี้มันเหมาะสมกับประเทศไทย ด้าน ศาสตราภิชาน แล ดิลกวิทยรัตน์ คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ กล่าวว่า ค่าจ้างขั้นต่ำเป็นมาตรการทางสังคม เป็นหลักประกันทางสังคมขั้นต่ำ ถามว่าควรจะเอาประสิทธิภาพการผลิตเป็นหลักหรือไม่คงไม่ต้อง เอาความสามารถในการรักษาศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์เป็นตัวตั้ง มันจะต้องเอาเรื่องของค่าความเป็นคนเป็นตัวตั้งแล้วกลับไปถามว่าค่าจ้างขั้นต่ำที่ดีควรที่จะเป็นไง ศาสตราภิชานแลกล่าวต่อว่า ค่าจ้างขั้นต่ำในบริบทของสังคมไทย ลูกจ้างในบริบทของคนไทยไม่ได้เป็นแค่ลูกจ้าง ไม่ได้เป็นสินค้าตัวหนึ่ง แต่ลูกจ้างในสังคมไทยเป็นสมาชิกในสังคมที่จะเกี่ยวข้องโดยตลอด เมื่อคุณได้งานทำคุณก็ถูกคาดหวังว่า งานแต่งงาน งานศพ ต้องมีเงินช่วย ต้องมีเวลาไปช่วย มันก็ทำให้รายจ่ายของคนในบริบทของสังคมไทยมันเกินกว่ารายรับที่จะใช้พอประทั่งชีวิตหรือต่อลมหายใจ มันถึงจะอยู่ในบริบทของสังคมไทยได้ ค่าจ้างขั้นต่ำที่ดีที่สุดคือ ควรจะให้ลูกจ้างนั้นมีเวลาอยู่กับครอบครัว ลูกจ้างไม่ติดหนี้เพราะความจำเป็นในการดำรงชีวิต ที่สำคัญก็คือจะต้องมองมิติทางสังคมเป็นหลักไม่ใช้มองมิติทางเศรษฐกิจอย่างเดียว ไม่อย่างนั้นเราไม่จำเป็นต้องมีค้าจ้างขั้นต่ำ ประเทศไทยมีเศรษฐกิจที่โต แต่ที่แย่คือไม่มีการเปลี่ยนแปลงค่าจ้างเลย จะทำยังไงไม่ให้ต่อรองกัน ประเด็นที่เป็นการต่อรองเพราะใช้ตัวแทนผลประโยชน์เข้าไป ถ้าจะไม่ให้เป็นการต่อรอง ต้องเอาคนนอกตัวแทนผลประโยชน์เข้าไป เป็นคนชี้นำ มีการเสนอควรมีแรงงานขั้นต่ำรายอุตสาหกรรมแต่ไม่น่าจะเป็นไปได้ แต่เรื่องของการต่อรองไม่ว่าจะเป็นการเมืองหรือไม่คงหลีกเลี่ยงได้ยาก” นอกจากนี้ยังมีตัวแทนกลุ่มแรงงานร่วมแสดงความคิดเห็นสะท้อนมุมมองคนทำงาน “อยากสะท้อนคำนิยายของค่าจ้าง ตั้งแต่มีการปดู บอล สด warpfootballระกาศใช้เรื่องของค่าจ้างขั้นต่ำตั้งแต่ปี 2515 นิยามเดิมคือค่าจ้างต้องพอต่อการเลี้ยงชีพ 1 คน และครอบครัวอีก 2 คน ก็ไม่เข้าใจว่าพอกฎหมายใหม่มา ไปแก้ให้มันเพียงพอต่อการเลี้ยงชีพคนเดียว ทำให้ไปริดรอนกระบวนการคิดแรงงานขั้นต่ำ เป็นเรื่องที่รู้สึกขัดแย้งกับกรรมกร” การปรับค่าจ้าง 300 มันเหมาะสมแล้วกับการโดนเอาเปรียบมาก แต่ปัญหาอาจจะมีการเมืองเข้ามายุ่งว่ามันก้าวกระโดดเกินไป แต่หากไม่มีการเมืองมาเกี่ยวข้องเลย ใครจะฟื้นฟูสิ่งที่โดนเอาเปรียบไป ระบบไตรภาคีของแต่ละจังหวัดมันใช้ไม่ได้ ให้เหลือไตรภาคีระดับประเทศพอมาคุยกัน การขึ้นค่าจ้างเอาเงินมาคิดมากก็ไม่ได้ เพราะคนคือมนุษย์ต้องกินต้องใช้ มีครอบครัว ต้องมองตรงนั้นด้วย ไม่ใช่มองมนุษย์เป็นปัจจัยการผลิตตัวหนึ่ง จะคำนวนยังไงด้านคุณค่าความเป็นมนุษย์ มองว่าการเอาเส้นคนจนมาวัดค่าแรงดีกว่าที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ ตัวแทนกลุ่มแรงงาน กล่าว ขณะที่ตัวแทนกลุ่มพิพิธภัณฑ์แรงงานไทย ยังแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมอีกว่า “ประสิทธิภาพของคนทำงาน ซึ่งคนทำงานมีอายุ 30 ปีมีมาค่าจ้างที่ได้ทุกวันนี้เกินค่าจ้างขั้นต่ำไปประมาณ 20 บาท แบบนี้ต้องเรียกประสิทธิภาพมันดีหรือไม่ดี ถ้าประสิทธิภาพไม่ได้น่าจะโดนปลดไปแล้วหรือเปล่าอีกอันคือที่บอกว่าไม่ต้องเท่ากันทั่วประเทศ ที่เรารู้ข้าราชการ รวมทั้งรัฐวิสาหกิจเท่ากันทั้งประเทศ แถมถ้าเติมน้ำมันที่เชียงใหม่มันแพงกว่ากรุงเทพ ตรรกะตรงนี้คืออะไร” ยไมพร คงเรือง ผู้สื่อข่าวไทยพีบีเอสออนไลน์ ติดตามข่าวสารผ่านแฟนเพจเฟซบุ๊ค ไทยพีบีเอสออนไลน์ https://www.facebook.com/ThaiPBSNews?ref=hl วงเสวนา “ค่าแรงขั้นต่ำ-ข้อเท็จจริงและทิศทางที่ควรจะเป็นในอนาคต” ที่สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) ร่วมกับ มูลนิธิ ฟรีดริค เอแบร์ท จัดขึ้นเพื่อประเมินผลลับที่เกิดขึ้นจากการปรับค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาท ทั่วประเทศ โดยนำข้อมูลทางวิชาการเป็นพื้นฐาน และเพื่อเป็นการเสนอความคิดเห็นถึงแนวทางการเสนอค้าจ้างขั้นต่ำที่เหมาะสมกับสังคมไทยในปัจจุบัน โดยมีนักวิชาการ อาจารย์ และกลุ่มตัวแทนแรงงานเข้าร่วมรับฟัง ดร.สมเกียรติ ตั้งกิจวาณิชย์ ประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) กล่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า ค่าจ้างขั้นต่ำมีขึ้นเพื่อคุ้มครองแรงงาน เพราะอำนาจการต่อรองระหว่างลูกจ้างกับนายจ้างไม่มีความเสมอภาค ประเทศไทยเป็นประเทศที่สหภาพแรงงานไม่เข็มแข็ง การมีอัตราค่าจ้างขั้นต่ำจึงช่วยให้แรงงานได้รับความเป็นธรรมมากขึ้น แต่ที่ผ่านมาการกำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำของสังคมไทย มักถูกระบบการเมืองเข้าแทรกแซง และยังมีปัจจัยอื่นๆ เช่น ค่าครองชีพของลูกจ้าง ความสามารถนายจ้าง กำไรธุรกิจ ประสิทธิภาพแรงงาน การขยายตัวของเศรษฐกิจ ฯลฯ ซึ่งการกำหนดปัจจัยเหล่านี้มากเกินไป อาจทำให้เกิดช่องว่างและหาข้อเท็จจริงได้ยาก ดร.สมเกียรติกล่าวว่า จากการสำรวจภาวะเศรษฐกิจและสังคมของประเทศไทยล่าสุด ปี 2556 พบข้อมูลว่า ครอบครัวทั่วประเทศไทย กว่าร้อยละ 37 อยู่ใต้เส้นความยากจน ขณะที่หัวหน้าครอบครัว 1 คน ต้องหาเลี้ยงสมาชิกอีกหลายคน ดังนั้นเห็นได้ว่า ค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาทต่อคนต่อวัน ไม่ได้ช่วยให้คนไทยพ้นความยากจนไปได้ แต่หากครอบครัวใดมีคนทำงาน 2 คน และได้ค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท ทั้งคู่ พบว่าร้อยละ 90 อยู่บนเส้นความยากจน จึงเป็นอีกประเด็นที่นำไปเป็นหลักคิดในการปรับค่าจ้างแรงงานขึ้นต่ำ ส่วนการจะกำหนดอัตราค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำที่เท่าไรนั้น เวลาในการศึกษาเพื่อตอบโจทย์เป็นสิ่งสำคัญ ที่จะทำให้การกำหนดเป็นไปอย่างถูกต้อง และเมื่อกำหนดฐานขั้นต่ำได้แล้ว จำเป็นต้องออกเป็นกฎหมายบังคับใช้ เพราะที่ผ่านมาสำนักงานสถิติแห่งชาติระบุว่า ผู้ประกอบการไม่สามารถจ่ายค่าจ้างตามอัตราค่าจ้างตามแรงงานขั้นต่ำได้ ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ถึงร้อยละ 40 อีกประเด็นหนึ่งที่ยังไม่พูดถึงกันมากนักในประเทศไทย คือ ค่าจ้างโดยรวมมีแนวโน้มน่าจะสูงขึ้นด้วย 2 ปัจจัย ได้แก่ 1.เศรษฐกิจของประเทศจะขยับสู่ขาขึ้น ในปี 2559 หลังจากถดถอยอยู่ในจุดต่ำสุด และ 2.อุปทานด้านแรงงานลดลง ซึ่งข้อมูลจากสหประชาชาติระบุว่า ในปี 2559 แรงงานไทยจะค่อยๆ ทยอยลดลง เป็นผลให้ค่าจ้างสูงขึ้น เพราะขาดแคลนแรงงาน ถ้าค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำสูงขึ้นและค่าจ้างโดยรวมสูงขึ้นแนวโน้มที่กำลังเกิดขึ้นในประเทศไทยคือ ผู้ประกอบการจะหาทางเลือกใหม่ เช่น เอาหุ่นยนต์มาใช้เพิ่มขึ้น ซึ่งทุกวันนี้ประเทศไทย เป็นประเทศที่นำเข้าหุ่นยนต์ค่อนข้างสูงประเทศหนึ่งในภูมิภาคและในโลก เฉลี่ยปีละ 4,000 ตัว จะเกิดการย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เพราะฉะนั้นการคิดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำจะคิดเฉพาะจุด ณ ตอนนี้ ว่าจะช่วยอย่างเดียวไม่ได้ เพราะมีผลระยะยาวที่ต่อเนื่องไปในอนาคตด้วย นอกจากนี้ ดร.สมเกียรติยังกล่าวอีกว่า การปรับค่าจ้างขั้นต่ำควรมีหลักเกณฑ์การปรับที่ชัดเจน แทนตาม “การเมือง” โดยฐานค่าจ้างควรอิงกับค่าใช้จ่ายจริงของคนงาน และควรที่จะปรับตามเงินเฟ้อบวกกับประสิทธิภาพของแรงงาน โดยที่ไม่ต้องเท่ากันทั่วประเทศ ด้านนางเพชรรัตน์ สินอวย ผู้ช่วยปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า ปัจจุบันนี้ผู้ประกอบการเกิดความวิตกกังวล และมีการมีการพูดถึงเรื่องอัตราค้าจ้างขั้นต่ำกันมาก ในส่วนของคณะกรรมการค่าจ้างใช้ 3 องค์ประกอบหลักในการพิจารณา คือ 1.ค่าจ้างใช้เป็นกลไกในการคุมครองแรงงานของประเทศ 2.มีการกำหนดโดยองค์กรไตรภาคีคือมีทั้ง ลูกจ้าง ผู้ประกอบการและภาครัฐ และ 3. การบริหารค้าจ้างคณะกรรมการค่าจ้างมีการกระจายอำนาจการกำหนดค่าจ้างขั้นต่ำไปยังแต่ละจังหวัด โดยมีกรอบในการพิจารณาค่าจ้างขั้นต่ำ ปี 2559 ของคณะกรรมการค่าจ้างก็คือให้กำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำตามพื้นที่จังหวัด เพราะมองว่าในแต่ละจังหวัดมีค่าครองชีพ สภาพเศรษฐกิจ สังคมที่แตกต่างกัน นายสุชาติ จันทรานาคราช รองประธานอุตสาหกรรม กล่าวถึงอัตราค่าจ้างในปัจจุบันว่า ผู้ใช้แรงงาน มองค่าจ้างขั้นต่ำ คือหลักประกันสังคม และเป็นสวัสดิการของรัฐ ขณะที่ในมุมมองของผู้ประกอบการ มองว่าค้าจ้างคือ ต้นทุนที่ต้องจ่าย สองแนวคิดนี้มันไม่ไปด้วยกัน “ไม่อยากใช้คำว่า ค่าจ้าง อยากใช้คำว่า รายได้ ผู้ใช้แรงงานเขามีรายได้เขาอยู่ดีกินดี อีกอย่างหนึ่งคือ ลูกจ้างอยู่ไม่ได้นายจ้างอยู่ ไม่ได้ 2 สิ่งนี้มันต้องควบคู่กันไป แรงงานก็คือปัจจัยการผลิต ค่าจ้างก็เป็นส่วนหนึ่งของปัจจัยการผลิต หากมองว่าขนาดนั้นนี้ค่าจ้าง 300 บาท เพียงพอหรือไม่เราไม่มีกลไกอื่น ในขนาดนี้ในเชิงวิชาการ มันเป็นการผสมผสานวิธีคิดค่าจ้างขั้นต่ำในทุกมิติ มิติเศษฐศาสตร์ มิติความอยู่รอดของแรงงาน มิติของจีดีพี ควรมีมิติเรื่องผลิตภาพแรงงานเข้าไปอยู่ในนั้นด้วย” นายสุชาติกล่าว รองประธานอุตสาหกรรมกล่าวต่อว่า ในส่วนของธุรกิจยานยนต์มีการจ่ายแรงงานขั้นต่ำเกินมานานแล้ว ไม่ใช่นายจ้างใจดี แต่ภาระสูงมาก มีระบบจัดการที่ดี แต่ทำไม 320 มาตั้งหลายปีไม่ปรับขึ้นสักที ขึ้นอยู่กับทางโรงงานด้วยว่าจะจัดการอย่างไร ต้องถกกันก่อนว่าค่าแรงขั้นต่ำเป็นเรื่องปลอดภัยของสังคมหรือเปล่า ถ้าใช่ต้องคิดอีกอย่างหนึ่ง และรัฐบาลต้องปฏิบัติอีกอย่างหนึ่ง ถ้าไม่ใช่รัฐบาลก็ต้องคิดอีกอย่างหนึ่ง มีนโยบายอีกอย่างหนึ่ง และถ้าหากเป็นหลักวิทยาศาสตร์ตัวไหนเป็นที่ยอมรับ ในเมื่อยังมีข้อขัดแย้งระหว่างผู้ทำงานกับผู้ว่าจ้าง ว่าควรคิดค่าจ้างขั้นต่ำจากอะไร และหากยังมีความขัดแย้ง ก็ต้องมีตัวกลางเป็นตัวชี้ ประเทศไทยพร้อมหรือเปล่าที่จะดูเรื่องของความเป็นมนุษย์ โรงงานที่มีโอทีคนงานเต็ม แต่โรงงานที่ไม่มีโอทีกลับหาคนงานไม่ได้ ถ้าทำงาน 8 ชั่วโมง ได้เงิน 450 บาท ยอมรับได้ไหม ถ้ายอมได้ก็เห็นด้วย ทุกคนได้ประโยชน์ เรายังไม่พร้อมกับแรงงานขั้นต่ำ กลไกที่เรามีทุกวันนี้มันเหมาะสมกับประเทศไทย ด้าน ศาสตราภิชาน แล ดิลกวิทยรัตน์ คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ กล่าวว่า ค่าจ้างขั้นต่ำเป็นมาตรการทางสังคม เป็นหลักประกันทางสังคมขั้นต่ำ ถามว่าควรจะเอาประสิทธิภาพการผลิตเป็นหลักหรือไม่คงไม่ต้อง เอาความสามารถในการรักษาศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์เป็นตัวตั้ง มันจะต้องเอาเรื่องของค่าความเป็นคนเป็นตัวตั้งแล้วกลับไปถามว่าค่าจ้างขั้นต่ำที่ดีควรที่จะเป็นไง ศาสตราภิชานแลกล่าวต่อว่า ค่าจ้างขั้นต่ำในบริบทของสังคมไทย ลูกจ้างในบริบทของคนไทยไม่ได้เป็นแค่ลูกจ้าง ไม่ได้เป็นสินค้าตัวหนึ่ง แต่ลูกจ้างในสังคมไทยเป็นสมาชิกในสังคมที่จะเกี่ยวข้องโดยตลอด เมื่อคุณได้งานทำคุณก็ถูกคาดหวังว่า งานแต่งงาน งานศพ ต้องมีเงินช่วย ต้องมีเวลาไปช่วย มันก็ทำให้รายจ่ายของคนในบริบทของสังคมไทยมันเกินกว่ารายรับที่จะใช้พอประทั่งชีวิตหรือต่อลมหายใจ มันถึงจะอยู่ในบริบทของสังคมไทยได้ ค่าจ้างขั้นต่ำที่ดีที่สุดคือ ควรจะให้ลูกจ้างนั้นมีเวลาอยู่กับครอบครัว ลูกจ้างไม่ติดหนี้เพราะความจำเป็นในการดำรงชีวิต ที่สำคัญก็คือจะต้องมองมิติทางสังคมเป็นหลักไม่ใช้มองมิติทางเศรษฐกิจอย่างเดียว ไม่อย่างนั้นเราไม่จำเป็นต้องมีค้าจ้างขั้นต่ำ ประเทศไทยมีเศรษฐกิจที่โต แต่ที่แย่คือไม่มีการเปลี่ยนแปลงค่าจ้างเลย จะทำยังไงไม่ให้ต่อรองกัน ประเด็นที่เป็นการต่อรองเพราะใช้ตัวแทนผลประโยชน์เข้าไป ถ้าจะไม่ให้เป็นการต่อรอง ต้องเอาคนนอกตัวแทนผลประโยชน์เข้าไป เป็นคนชี้นำ มีการเสนอควรมีแรงงานขั้นต่ำรายอุตสาหกรรมแต่ไม่น่าจะเป็นไปได้ แต่เรื่องของการต่อรองไม่ว่าจะเป็นการเมืองหรือไม่คงหลีกเลี่ยงได้ยาก” นอกจากนี้ยังมีตัวแทนกลุ่มแรงงานร่วมแสดงความคิดเห็นสะท้อนมุมมองคนทำงาน “อยากสะท้อนคำนิยายของค่าจ้าง ตั้งแต่มีการประกาศใช้เรื่องของค่าจ้างขั้นต่ำตั้งแต่ปี 2515 นิยามเดิมคือค่าจ้างต้องพอต่อการเลี้ยงชีพ 1 คน และครอบครัวอีก 2 คน ก็ไม่เข้าใจว่าพอกฎหมายใหม่มา ไปแก้ให้มันเพียงพอต่อการเลี้ยงชีพคนเดียว ทำให้ไปริดรอนกระบวนการคิดแรงงานขั้นต่ำ เป็นเรื่องที่รู้สึกขัดแย้งกับกรรมกร” การปรับค่าจ้าง 300 มันเหมาะสมแล้วกับการโดนเอาเปรียบมาก แต่ปัญหาอาจจะมีการเมืองเข้ามายุ่งว่ามันก้าวกระโดดเกินไป แต่หากไม่มีการเมืองมาเกี่ยวข้องเลย ใครจะฟื้นฟูสิ่งที่โดนเอาเปรียบไป ระบบไตรภาคีของแต่ละจังหวัดมันใช้ไม่ได้ ให้เหลือไตรภาคีระดับประเทศพอมาคุยกัน การขึ้นค่าจ้างเอาเงินมาคิดมากก็ไม่ได้ เพราะคนคือมนุษย์ต้องกินต้องใช้ มีครอบครัว ต้องมองตรงนั้นด้วย ไม่ใช่มองมนุษย์เป็นปัจจัยการผลิตตัวหนึ่ง จะคำนวนยังไงด้านคุณค่าความเป็นมนุษย์ มองว่าการเอาเส้นคนจนมาวัดค่าแรงดีกว่าที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ ตัวแทนกลุ่มแรงงาน กล่าว ขณะที่ตัวแทนกลุ่มพิพิธภัณฑ์แรงงานไทย ยังแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมอีกว่า “ประสิทธิภาพของคนทำงาน ซึ่งคนทำงานมีอายุ 30 ปีมีมาค่าจ้างที่ได้ทุกวันนี้เกินค่าจ้างขั้นต่ำไปประมาณ 20 บาท แบบนี้ต้องเรียกประสิทธิภาพมันดีหรือไม่ดี ถ้าประสิทธิภาพไม่ได้น่าจะโดนปลดไปแล้วหรือเปล่าอีกอันคือที่บอกว่าไม่ต้องเท่ากันทั่วประเทศ ที่เรารู้ข้าราชการ รวมทั้งรัฐวิสาหกิจเท่ากันทั้งประเทศ แถมถ้าเติมน้ำมันที่เชียงใหม่มันแพงกว่ากรุงเทพ ตรรกะตรงนี้คืออะไร” ยไมพร คงเรือง ผู้สื่อข่าวไทยพีบีเอสออนไลน์ ติดตามข่าวสารผ่านแฟนเพจเฟซบุ๊ค ไทยพีบีเอสออนไลน์ https://www.facebook.com/ThaiPBSNews?ref=hl

วันนี้ (10 ม.ค.2566) นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เตรียมพิ