UID: 11312

เครือข่ายแรงงานเตรียมฟ้องศาลรัฐไม่ทำตามสัญญา เครือข่ายแรงงานเรียกร้องให้รัฐบาลปรับค่าจ้างขั้นต่ำเป็น

วันนี้ (14 ธ.ค.2566) นายประยุทธ เพรชคุณ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวถึงความคืบหน้าคดี นายเชาวลิต ท

เครือข่ายแรงงานเตรียมฟ้องศาลรัฐไม่ทำตามสัญญา เครือข่ายแรงงานเรียกร้องให้รัฐบาลปรับค่าจ้างขั้นต่ำเป็นวันละ 300 บาท เท่ากันทั่วประเทศตามที่หาเสียงไว้ ซึ่งหากรัฐบาลไม่ดำเนินการ ก็จะรวบรวมรายชื่อ 5 ล้านรายชื่อ ยื่นฟ้องศาลปกครอง เครือข่ายแรงงานเตรียมฟ้องศาลรัฐไม่ทำตามสัญญา วันพรุ่งนี้ (7 ก.ย.) คณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทยจะเข้าพบ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อทวงถามถึงความชัดเจนกรณีการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท ภายหลังจากที่รัฐบาลจะนำร่องปรับขึ้นค่าแรงใน 7 จังหวัด แทนที่จะปรับขึ้นค่าแรงพร้อมกันทั่วประเทศตามที่ได้หาเสียงไว้   นายชาลี ลอยสูง ประธานคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย ระบุว่า การที่เครือข่ายแรงงานออกมาเคลื่อนไหวครั้งนี้มีสาเหตุมาจากการปรับขึ้นค่าจ้างเพียงบางจังหวัดไม่สอดคล้องต่อความเป็นจริง ซึ่งค่าครองชีพในปัจจุบันมีมูลค่ามากกว่า 300 บาทต่อวันไปแล้ว   จากการสำรวจแบบสอบถามของผู้ใช้แรงงานใน 16 จังหวัด พบว่า มีแรงงานที่ได้ค่าแรงต่ำกว่า 300 บาท สูงถึงร้อยละ 68.61 โดยค่าใช้จ่ายรายวันของผู้ใช้แรงงานคนเดียวเฉลี่ยอยู่ที่วันละ 384.39 บาท ส่วนค่าใช้จ่ายรายวันของผู้ใช้แรงงานและครอบครัวรวม 3 คน เฉลี่ยอยู่ที่วันละ 561.ฟรีเครดิต18879 บาท ซึ่งการคำนวณนี้ยังไม่รวมค่าใช้จ่ายอื่นๆ เช่น ค่าเลี้ยงดูบุตร ส่งเงินให้พ่อแม่ ผ่อนบ้าน และผ่อนรถ ดังนั้น ทางเครือข่ายแรงงานฯ จึงขอยืนยันในจุดยืนที่รัฐบาลจะต้องปรับค่าจ้างขั้นต่ำเป็นวันละ 300 บาท เท่ากันทั่วประเทศตามที่หาเสียงไว้ รวมถึงดำเนินการตามค่าแรงที่เป็นธรรม คือต้องปรับเป็นโครงสร้างค่าจ้าง คือเมื่อคนงานทำงานมาแล้ว 1 ปี ต้องปรับค่าจ้างประจำปีให้กับคนงาน และนักศึกษาที่จบปริญญาตรี ต้องเริ่มต้นที่ 15,000 บาท ซึ่งหากหลังจากนี้ รัฐบาลยังยืนยันที่จะดำเนินการตามเดิม เครือข่ายแรงงานฯ ก็จะรวบรวมรายชื่อแรงงานที่ไม่ได้รับการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำให้ครบ 5 ล้านคน เพื่อยื่นเรื่องให้ศาลปกครองพิจารณาต่อไป   ด้าน นพ.สมเกียรติ ฉายะศรีวงศ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน ระบุว่า การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาทต่อวันนั้น แม้จะเริ่มนำร่องใน 7 จังหวัดก่อน แต่คาดว่าจังหวัดอื่นๆ ก็จะสามารถปรับให้ได้รับค่าจ้างขั้นต่ำที่เท่าเทียมกันได้ภายใน 1 ปี เบื้องต้นได้มอบหมายให้คณะอนุกรรมการค่าจ้างจังหวัดสำรวจค่าครองชีพเพื่อเสนอต่อคณะกรรมการค่าจ้างกลาง โดยในวันที่ 14 ก.ย.นี้ คณะกรรมการค่าจ้างกลางจะมีการประชุม ซึ่งคาดว่าจะมีเรื่องที่ได้ข้อสรุปหลายเรื่องด้วยกัน   ส่วนการประชุมของคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 ฝ่าย (กกร.) ซึ่งประอบไปด้วยสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย, สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย ที่ได้มีการหารือกันถึงการปรับขึ้นค่าแรง โดยระบุว่า ที่ประชุมมีมติร่วมกันที่จะรอดูแนวทางการปฏิบัติของรัฐบาลก่อน ซึ่งเชื่อว่า รัฐบาลได้รับทราบผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับผู้ประกอบการไปบ้างบางส่วนแล้ว ซึ่งผลกระทบหลักๆ จะเกิดขึ้นกับธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ที่ต้องให้ภาครัฐเข้ามาดูแลในเรื่องนี้ โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการด้านการเกษตร เกษตรแปรรูป เซรามิก และสิ่งทอ โดยอาจเปิดทางให้ผู้ประกอบการที่ไม่มีความพร้อมในการขึ้นค่าแรงใช้รูปแบบของการช่วยเหลือด้านสวัสดิการพนักงาน ตามความเหมาะสมของแต่ละพื้นที่แทน เช่น ค่าอาหารกลางวัน ค่ารถรับส่งพนักงาน แต่ที่สำคัญที่สุด คือต้องให้เอกชนได้มีโอกาสใช้เวลาในการปรับตัว เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบมากเกินไป   ส่วนข้อมูลในการเข้าพบ น.ส.ยิ่งลักษณ์ นายกรัฐมนตรีนั้น กกร.ได้เตรียมทำหนังสือขอเข้าพบ เพื่อขอรับฟังนโยบายจากนายกรัฐมนตรีแล้ว โดยได้เตรียมข้อเสนอเกี่ยวกับการทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐและเอกชน ซึ่งจะมุ่งเน้นการพัฒนาอุตสาหกรรมการผลิต การท่องเที่ยว และการเกษตร ซึ่งในภาคการผลิตที่ถือว่าดำเนินการได้ดีอยู่แล้ว แต่ยังต้องการปัจจัยเสริมเพื่ออำนวยความสะดวกเพิ่มเติม และต้องการการวิจัยและพัฒนา เพื่อเพิ่มมูลค่าทางสินค้า โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าเกษตร   นอกจากนี้จะเสนอกฎหมายที่ภาครัฐควรเร่งปรับปรุง 37 ฉบับ มีทั้งเรื่องเร่งด่วนที่รัฐควรดำเนินการ และเรื่องการส่งเสริมการค้า การลงทุน และกฎหมายส่งเสริมกระบวนการผลิต

วันนี้ (25 ม.ค.2566) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วย นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพั