วันนี้ (3พ.ค. 2567) เว็บไซต์ "ฮั่วเซ่งเฮง" รายงานสถานการณ์ทองคำสัปดาห์ ว่า ตลาดไร้ปัจจัยเพิ่ม ราคาทอ
เมื่อวันที่ 5 มี.ค.2568 แคโรลีน เลวิตต์ โฆษกทำเนียบขาว เปิดเผยว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ปธน.สหรัฐฯ สั่งการชะลอการใช้มาตรการภาษีเป็นเวลา 1 เดือน สำหรับยานยนต์บางส่วนที่ผลิตในอเมริกาเหนือ หลังจากพูดคุยกับผู้บร
เมื่อวันที่ 5 มี.ค.2568 แคโรลีน เลวิตต์ โฆษกทำเนียบขาว เปิดเผยว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ปธน.สหรัฐฯ สั่งการชะลอการใช้มาตรการภาษีเป็นเวลา 1 เดือน สำหรับยานยนต์บางส่วนที่ผลิตในอเมริกาเหนือ หลังจากพูดคุยกับผู้บริหารบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ยักษ์ใหญ่ 3 เจ้า ได้แก่ General Motors, Ford F.N และ Stellantis เพื่อให้ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมนี้ไม่เสียเปรียบทางธุรกิจ ขณะที่ยังยืนยันว่ามาตรการภาษีที่จะบังคับใช้ตอบโต้การขึ้นภาษีสินค้าจากสหรัฐฯ ของประเทศอื่นๆ จะยังเริ่มมีผลในวันที่ 2 เม.ย.นี้ 3 บริษัทเรียกร้องให้ทรัมป์ยกเว้นภาษีนำเข้าร้อยละ 25 จากแคนาดาและเม็กซิโก สำหรับรถยนต์ที่เข้าเกณฑ์ตามข้อตกลงสหรัฐฯ-เม็กซิโก-แคนาดา ที่จัดทำขึ้นใหม่เมื่อปี 2563 เพื่อมาใช้แทนข้อตกลงเขตการค้าเสรีอเมริกาเหนือ หรือ NAFTA เดิม ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ผลิตรถยนต์รายอื่น ๆ ในสหรัฐฯ ด้วยหากเข้าเกณฑ์ ก่อนหน้านี้ ผู้ผลิตรถยนต์หลายรายเสนอเพิ่มการลงทุนในสหรัฐฯ แต่ก็ต้องการเห็นความแน่นอนเกี่ยวกับนโยบายภาษีนำเข้าและสิ่งแวดล้อม ซึ่งการเรียกเก็บภาษีนำเข้าเพิ่มเติมที่จะมีผลอีกระลอกในวันที่ 2 เม.ย. ยังอาจส่งผลกระทบอย่างมากต่อการผลิตรถยนต์ในสหรัฐฯ ได้ เนื่องจากห่วงโซ่อุปทานในอุตสาหกรรมยานยนต์ในอเมริกาเหนือเชื่อมโยงกันอย่างเหนียวแน่นระหว่างสหรัฐฯ แคนาดา และเม็กซิโก โดยชิ้นส่วนต่าง ๆ ข้ามพรมแดนในหลายขั้นตอนของการผลิต ซึ่งอาจทำให้บริษัทรถยนต์ต้องเผชิญกับภาษีนำเข้าหลายต่อ นอกจากภาษีรถยนต์แล้ว โฆษกทำเนียบขาว ยังเปิดเผยว่า ทรัมป์ไม่ค่อยพอใจหลังยกหูคุยสายตรงกับจัสติน ทรูโด นายกฯ แคนาดา แม้ว่สมัคร บา คา ร่า ขั้น ต่ํา 100 สมัคร บา คา ร่า ขั้น ต่ํา 100าการสนทนาทางโทรศัพท์จะจบลงด้วยดี แต่ผู้นำสหรัฐฯ ระบุว่า การที่แคนาดาปล่อยให้เฟนทานิลทะลักเข้าพรมแดนสหรัฐฯ ทางตอนเหนือ จะต้องมีมาตรการตอบโต้ เพราะทรัมป์นึกถึงชีวิตที่ต้องสูญเสียไป ท่าทีดังกล่าวมีขึ้น หลังจากก่อนหน้านี้ สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานอ้างแหล่งข่าวในแคนาดา ที่ระบุว่า ทรัมป์และทรูโดหารือกันเป็นเวลาถึง 50 นาทีเมื่อวานนี้ (5 มี.ค.) ขณะที่คณะทำงานจากทั้ง 2 ประเทศจะหารือกันต่อไป แต่ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดอื่น ซึ่งในการสนทนาครั้งนี้ระหว่าง 2 ผู้นำ มี รอง ปธน. เจ.ดี. แวนซ์ และรัฐมนตรีพาณิชย์สหรัฐฯ ร่วมหารือด้วย ท่ามกลางการบังคับใช้มาตรการทางภาษี ที่น่าจะส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคโดยทั่วไป ผลสำรวจที่จัดทำโดย Reuters/Ipsos เผยว่า มีชาวอเมริกันเพียง 1 ใน 3 เท่านั้น ที่พอใจกับการรับมือปัญหาค่าครองชีพของผู้นำสหรัฐฯ ในภาพรวม ทรัมป์คะแนนความพึงพอใจร้อยละ 44 ในการบริหารประเทศ ยังสูงกว่าโจ ไบเดน ในช่วงครึ่งหลังของรัฐบาลชุดที่แล้ว แต่ในประเด็นค่าครองชีพ ความนิยมของทรัมป์ตกลงมาเหลือแค่ร้อยละ 31 ลดลงร้อยละ 3 จากการสำรวจเมื่อวันที่ 21-23 ก.พ. ก่อนบังคับใช้มาตรการภาษีนำเข้า ซึ่งมีผู้ตอบแบบสอบถามถึงร้อยละ 54 ที่ไม่พอใจในเรื่องนี้ ขณะที่ในประเด็นอื่น ๆ เช่น เศรษฐกิจ นโยบายการต่างประเทศ และการทุจริต ทรัมป์ได้คะแนนความพึงพอใจไม่ถึงร้อยละ 40 แต่จะมีเรื่องที่ได้คะแนนสูง คือการปราบปรามผู้อพยพที่ได้ไปถึงร้อยละ 49 ผลสำรวจนี้ใช้เวลาสอบถามผู้เข้าร่วม 2 วัน ช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ไมค์ วอลท์ซ ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า สหรัฐฯ ถอยหลังหนึ่งก้าวในการแบ่งปันข้อมูลข่าวกรองให้แก่ยูเครน โดยตอนนี้กำลังหยุดและกำลังทบทวนความสัมพันธ์ด้านข่าวกรองกับยูเครนในทุกแง่มุม พร้อมทั้งเปิดเผยว่าได้โทรศัพท์คุยกับที่ปรึกษาด้านความมั่นคงของยูเครน และมีการสนทนาที่ดีต่อกันในเรื่องสถานที่และเนื้อหาของการเจรจารอบต่อไป และเชื่อว่าจะมีความเคลื่อนไหวในเร็ว ๆ นี้ วอลท์ซ เปิดเผยกับสำนักข่าวฟ็อกซ์ นิวส์ ด้วยว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ปธน.สหรัฐฯ จะพิจารณากลับไปให้ความช่วยเหลือยูเครนอีกครั้ง หากมีการจัดการเจรจาสันติภาพ และมีการดำเนินมาตรการสร้างความเชื่อมั่น แต่ไม่ได้ระบุรายละเอียด ขณะที่แหล่งข่าวที่มีความใกล้ชิดกับเรื่องนี้ เปิดเผยว่า รัฐบาลทรัมป์ระงับการแบ่งปันข้อมูลข่าวกรองทุกอย่าง ซึ่งรวมถึงข้อมูลที่ยูเครนใช้ในการโจมตีเป้าหมายรัสเซีย ขณะที่แหล่งข่าวอีกแหล่งหนึ่ง ระบุว่า สหรัฐฯ ระงับการแบ่งปันข้อมูลเพียงบางส่วนเท่านั้น แต่ไม่ได้เผยรายละเอียดเพิ่มเติม การสั่งระงับข้อมูลข่าวกรองให้ยูเครนน่าจะกระทบต่อความสามารถในการต่อสู้ของยูเครนอย่างหนัก โดยความเคลื่อนไหวนี้มีขึ้นหลังจากทรัมป์สั่งระงับการให้ความเหลือทางทหารแก่ยูเครนไปก่อนหน้านี้ ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของทรัมป์ที่หันมาใช้วิธีเด็ดขาดกับชาติพันธมิตร หลังเปลี่ยนจุดยืนและเริ่มหันไปปรองดองกับรัสเซียแทน และยังเป็นการเพิ่มแรงกดดันให้ยูเครนยอมเจรจาสันติภาพกับรัสเซียด้วย วิธีนี้ดูเหมือนจะได้ผล หลังทรัมป์เปิดเผยระหว่างแถลงต่อสภาคองเกรสว่าโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ปธน.ยูเครน ส่งจดหมายถึงตน และแสดงความพร้อมที่จะเข้าร่วมโต๊ะเจรจายุติสงครามรัสเซีย-ยูเครน โดยเร็วที่สุด เพื่อนำสันติภาพที่ยั่งยืนมาสู่ประเทศและย้ำว่าไม่มีใครต้องการสันติภาพไปมากกว่ายูเครน และยูเครนพร้อมที่จะลงนามข้อตกลงแร่ธาตุกับสหรัฐฯ ทรัมป์ เปิดเผยด้วยว่า ตนได้หารือกับรัสเซียอย่างจริงจัง และได้รับสัญญาณที่ชัดเจนว่ารัสเซียพร้อมที่จะบรรลุสันติภาพ ขณะที่โฆษกรัฐบาลออกมาระบุว่า รัสเซียมองว่าการที่ผู้นำยูเครนส่งจดหมายถึงผู้นำสหรัฐฯ และแสดงความมุ่งมั่นที่จะเจรจา เป็นเรื่องดี แต่ยังไม่แน่ชัดว่าว่าจะทำได้อย่างไร เนื่องจากยูเครนมีกฎหมายห้ามเจรจากับรัสเซีย ขณะที่ล่าสุด เอมมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ประกาศว่าจะจัดการประชุมผู้บัญชาการทหารยุโรปประเทศต่าง ๆ (European army chiefs) ที่กรุงปารีสในสัปดาห์หน้า พร้อมทั้งระบุว่ายุโรปกำลังอยู่ในยุคใหม่ และจำเป็นต้องเพิ่มการใช้จ่ายด้านกลาโหม อ่านข่าวเพิ่ม : หุ้นร่วงหนัก! ทรัมป์แถลงสภาฯ ยืนยันขึ้นภาษี ตัดงบ จุดยืนยูเครน
ล่าสุด มีการล่อลวงคนจากทวีปแอฟริกามาทำงานเป็นแก็งค์คอลเซนเตอร์ รวมถึงสแกมเมอร์ต่าง ๆ ที่ทางไทยได้ให้การช่วยเหลือออกมา คือคนจากประเทศโมร็อกโก จากการประสานงานขอความช่วยเหลือจากเอกอัครราชทูตแห่งราชอาณาจั