เวลากระชั้นแล้ว อ่านหนังสือรอเลย ไปพิชิตข้อสอบกัน สำนักงาน ก.พ. เปิดรับสมัครสอบเพื่อวัดความรู้ความสามารถทั่วไป (สอบภาค ก.) ประจำปี 2568 (Paper & Pencil) จำนวน 450,000 ที่นั่งสอบ และมีศูนย์สอบ 14 แห่ง
แพทย์เตือนห้ามกลืนเม็ดกระท้อน เสี่ยงอุดตัน-บาดลำไส้ อันตรายถึงชีวิต ศัลยแพทย์ รพ.สวรรค์ประชารักษ์แนะประชาชนไม่ควรกลืนเม็ดกระท้อน เพราะเม็ดกระท้อนมีลักษณะแข็ง อาจบาดลำไส้และทำให้ลำไส้อุดตัน ล่าสุดพบผู้สูงวัยลำไส้อุดตันเพราะกลืนเม็ดกระท้อน 14 เม็ด แพทย์เตือนห้ามกลืนเม็ดกระท้อน เสี่ยงอุดตัน-บาดลำไส้ อันตรายถึงชีวิต นพ.กรกฤษณ์ เลาหศักดิ์ประสิทธิ์ นายแพทย์ชำนาญการ แผนกศัลยกรรม โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ จ.นครสวรรค์ เปิดเผยกับ "ไทยพีบีเอสออนไลน์" ว่าเมื่อวันที่ 15 ก.ค.2558 ได้มีผู้ป่วยเป็นชายวัย 50 ปี เข้ารับการผ่าตัดฉุกเฉินเนื่องจากกลืนเม็ดกระท้อนจำนวนมาก ซึ่งตนได้ผ่าตัดนำเม็ดกระท้อนจำนวน 14 เม็ด ที่อุดตันลำไส้ออก ขณะนี้คนไข้ปลอดภัยแล้ว นพ.กรกฤษณ์กล่าวว่า กรณีนี้ไม่ใช่กรณีแรก ช่วงที่ผ่านมาพบว่ามีผู้สูงวัยในต่างจังหวัดที่มีพฤติกรรมกลืนกินเม็ดกระท้อน เข้ารับการรักษาด้วยการผ่าตัดต่อเนื่องทุกปี โดยในปี 2558 หลังจากผลผลิตกระท้อนเริ่มวางจำหน่ายเมื่อประมาณเดือนมิถุนายน ทางโรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ผ่าตัดคนไข้แล้ว 4 ราย ซึ่งชายวัย 50 ปีที่กลืนเม็ดกระท้อนมากถึง 14 เม็ดเป็นผู้ป่วยคนล่าสุด สภาพเม็ดกระท้อนไม่เหลือปุยนุ่มลื่นที่อุดตันอยู่ในลำไส้ นพ.กรกฤษณ์กล่าวว่า พฤติกรรมการกลืนเม็ดกระท้อนเป็นพฤติกรรมที่เคยชินของคนสูงวัย เฉลี่ยอายุ 50-60 ปี ที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์คิดว่าไม่อันตรายเพราะเม็ดกระท้อนมีปุยหนาลื่นเคลือบไว้ แต่เมื่อผ่านกระบวนการย่อยแล้วจะเหลือเพียงขั้วหัวท้ายที่คมแข็ง เมื่อลำไส้บีบตัวก็จะปักที่ผนังลำไส้ทำให้ลำไส้ทะลุ นอกจากนี้เปลือกเม็ดกระท้อนไม่สามารถย่อยได้ อีกทั้งผู้สูงวัยมักมีพยาธิสภาพในลำไส้ เช่น ติ่งเนื้อหรือกระเปาะลำไส้ ก็ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงให้เม็ดกระท้อนอุดตันลำไส้ได้ง่าย "หากเม็ดกระท้อนปักลำไส้จนลำไส้ทะลุ เชื้อโรคในลำไส้และอุจจาระจะไหลออกมาปนเปื้อนก่อให้เกิดการติดเชื้อในช่องท้อง ซึ่งเพียงแค่ 1-2 วัน ก็สามารถทำให้คนไข้เสียชีวิตได้ ดังนั้น ผู้ที่ทานเม็ดกระท้อนต้องสังเกตตัวเอง หากปวดท้องรุนแรงและมีไข้ควรรีบมาพบแพทย์ ส่วนกรณีอุดตันลำไส้เพียง 1-2 วัน คนไข้จะเกิดอาการท้องอืดท้องแน่น ไม่ขับถ่าย คลื่นไส้ อาเจียนและจะเกิดภาวะแทรกซ้อนที่อันตรายถึงชีวิตได้ในเวลาต่อมา ดังนั้น เมื่อมีอาการควรรีบมาพบแพทย์เช่นกัน" ศัลยแพทย์ รพ.สวรรค์ประชารักษ์ระบุ นพ.กรกฤษณ์ เลาหศักดิ์ประสิทธิ์ แผนกศัลยกรรม รพ.สวรรค์ประชารักษ์ นพ.กรกฤษณ์เตือนผู้บริโภคทุกช่วงอายุว่าไม่ควรกลืนเม็ดกระท้อน เพราะมีความเสี่ยงถึงชีวิต อีกทั้งวิธีการรักษาต้องผ่าตัดอย่างเดียว หลังจากผ่าตัดแล้วทั้งกรณีลำไส้ทะลุหรืออุดตัน ยังต้องยกลำไส้ใหญ่มาไว้ที่หน้าท้องเพื่อให้อุจจาระผ่านหน้าท้องระยะเวลาหนึ่ง เพื่อให้การอักเสบในช่องท้องดีขึ้น และตรวจสอบไม่ให้เม็ดกระท้อนตกค้าง ซึ่งช่วงระยะเวลาดังกล่าวก็เสี่ยงต่อการติดเชื้อและต้องดูแลอย่างใกล้ชิด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อปี 2557 ชายสูงวัยอายุ 51 ปี ใน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ต้องเข้ารับการผ่าตัดลำไส้ด่วนที่โรงพยาบาลประจวบคีรีขันธ์ เนื่องจากมีการปวดท้องรุนแรงเพราะกลืนเม็ดกระท้อนเข้าไป 25-30 เม็ด โดยอาการปวดท้องเกิดขึ้นหลังจากกลืนเม็ดกระท้อนแล้ว 7-10 วัน นพ.กรกฤษณ์ เลาหศักดิ์ประสิทธิ์ นายแพทย์ชำนาญการ แผนกศัลยกรรม โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ จ.นครสวรรค์ เปิดเผยกับ "ไทยพีบีเอสออนไลน์" ว่าเมื่อวันที่ 15 ก.ค.2558 ได้มีผู้ป่วยเป็นชายวัย 50 ปี เข้ารับการผ่าตัดฉุกเฉินเนื่องจากกลืนเม็ดกระท้อนจำนวนมาก ซึ่งตนได้ผ่าตัดนำเม็ดกระท้อนราคา ไหล จริงจำนวน 14 เม็ด ที่อุดตันลำไส้ออก ขณะนี้คนไข้ปลอดภัยแล้ว นพ.กรกฤษณ์กล่าวว่า กรณีนี้ไม่ใช่กรณีแรก ช่วงที่ผ่านมาพบว่ามีผู้สูงวัยในต่างจังหวัดที่มีพฤติกรรมกลืนกินเม็ดกระท้อน เข้ารับการรักษาด้วยการผ่าตัดต่อเนื่องทุกปี โดยในปี 2558 หลังจากผลผลิตกระท้อนเริ่มวางจำหน่ายเมื่อประมาณเดือนมิถุนายน ทางโรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ผ่าตัดคนไข้แล้ว 4 ราย ซึ่งชายวัย 50 ปีที่กลืนเม็ดกระท้อนมากถึง 14 เม็ดเป็นผู้ป่วยคนล่าสุด สภาพเม็ดกระท้อนไม่เหลือปุยนุ่มลื่นที่อุดตันอยู่ในลำไส้ นพ.กรกฤษณ์กล่าวว่า พฤติกรรมการกลืนเม็ดกระท้อนเป็นพฤติกรรมที่เคยชินของคนสูงวัย เฉลี่ยอายุ 50-60 ปี ที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์คิดว่าไม่อันตรายเพราะเม็ดกระท้อนมีปุยหนาลื่นเคลือบไว้ แต่เมื่อผ่านกระบวนการย่อยแล้วจะเหลือเพียงขั้วหัวท้ายที่คมแข็ง เมื่อลำไส้บีบตัวก็จะปักที่ผนังลำไส้ทำให้ลำไส้ทะลุ นอกจากนี้เปลือกเม็ดกระท้อนไม่สามารถย่อยได้ อีกทั้งผู้สูงวัยมักมีพยาธิสภาพในลำไส้ เช่น ติ่งเนื้อหรือกระเปาะลำไส้ ก็ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงให้เม็ดกระท้อนอุดตันลำไส้ได้ง่าย "หากเม็ดกระท้อนปักลำไส้จนลำไส้ทะลุ เชื้อโรคในลำไส้และอุจจาระจะไหลออกมาปนเปื้อนก่อให้เกิดการติดเชื้อในช่องท้อง ซึ่งเพียงแค่ 1-2 วัน ก็สามารถทำให้คนไข้เสียชีวิตได้ ดังนั้น ผู้ที่ทานเม็ดกระท้อนต้องสังเกตตัวเอง หากปวดท้องรุนแรงและมีไข้ควรรีบมาพบแพทย์ ส่วนกรณีอุดตันลำไส้เพียง 1-2 วัน คนไข้จะเกิดอาการท้องอืดท้องแน่น ไม่ขับถ่าย คลื่นไส้ อาเจียนและจะเกิดภาวะแทรกซ้อนที่อันตรายถึงชีวิตได้ในเวลาต่อมา ดังนั้น เมื่อมีอาการควรรีบมาพบแพทย์เช่นกัน" ศัลยแพทย์ รพ.สวรรค์ประชารักษ์ระบุ นพ.กรกฤษณ์ เลาหศักดิ์ประสิทธิ์ แผนกศัลยกรรม รพ.สวรรค์ประชารักษ์ นพ.กรกฤษณ์เตือนผู้บริโภคทุกช่วงอายุว่าไม่ควรกลืนเม็ดกระท้อน เพราะมีความเสี่ยงถึงชีวิต อีกทั้งวิธีการรักษาต้องผ่าตัดอย่างเดียว หลังจากผ่าตัดแล้วทั้งกรณีลำไส้ทะลุหรืออุดตัน ยังต้องยกลำไส้ใหญ่มาไว้ที่หน้าท้องเพื่อให้อุจจาระผ่านหน้าท้องระยะเวลาหนึ่ง เพื่อให้การอักเสบในช่องท้องดีขึ้น และตรวจสอบไม่ให้เม็ดกระท้อนตกค้าง ซึ่งช่วงระยะเวลาดังกล่าวก็เสี่ยงต่อการติดเชื้อและต้องดูแลอย่างใกล้ชิด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อปี 2557 ชายสูงวัยอายุ 51 ปี ใน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ต้องเข้ารับการผ่าตัดลำไส้ด่วนที่โรงพยาบาลประจวบคีรีขันธ์ เนื่องจากมีการปวดท้องรุนแรงเพราะกลืนเม็ดกระท้อนเข้าไป 25-30 เม็ด โดยอาการปวดท้องเกิดขึ้นหลังจากกลืนเม็ดกระท้อนแล้ว 7-10 วัน
แพทย์เตือนห้ามกลืนเม็ดกระท้อน เสี่ยงอุดตัน-บาดลำไส้ อันตรายถึงชีวิต ศัลยแพทย์ รพ.สวรรค์ประชารักษ์แนะประชาชนไม่ควรกลืนเม็ดกระท้อน เพราะเม็ดกระท้อนมีลักษณะแข็ง อาจบาดลำไส้และทำให้ลำไส้อุดตัน ล่าสุดพบผู้
วันนี้ (26 พ.ย.2567) นายธงชัย ขิมมากทอง นายอำเภอบางมูลนาก จ.พิจิตร และเจ้าหน้าที่ เข้าตรวจสอบภายในวั
- ราคา ไหล จริง
- joker 50 รับ 150
- เครดิต ฟรี กด รับ เอง หน้า เว็บ 2021
- mgm99magnum ดาวน์โหลด jokergame
- mm88 soccer
- ทาง เข้า sbo อัพเดท ล่าสุดต โต้ง วิเคราะห์ บอล
นิยายชีวิต โดย : Komaruddin Bagja
เรื่องและภาพโดย : Komaruddin Bagja
[[คลิก]] อ่านเรื่องราว “นิยายชีวิต” ได้ที่นี่..