วันนี้ (17 ก.พ.2566) น.ส.วีรยา โอชะกุล ผู้อำนวยการส่วนอนุรักษ์สัตว์ป่า สบอ.12 ให้สัมภาษณ์ไทยพีบีเอสอ
“บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ พ้นจากตำแหน่ง รอง ผบ.ตร. เมื่อวันที่ 15 ส.ค. 67 เนื่องจาก ถูกกล่าวหา กระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง เหตุต้องหาในคดีอาญา เกี่ยวข้องกับคดีเว็บพนันออนไลน์ และความผิด ตาม พ.ร.บ.การฟ
ย้อนไปร่วมร้อยปีที่ผ่านมา ตั้งแต่สมัย “การรถไฟแห่งประเทศไทย” ยังใช้ชื่อ “กรมรถไฟหลวง” การเดินทางของประชาชนในยุคนั้นต่างก็อาศัยขบวนรถไฟเป็นพาหนะแทบทั้งสิ้น ทั้งการเดินทางข้ามจังหวัด ย้ายที่อยู่ ท่องเที่ยว ทำงาน หรือขนส่งของ รถไฟไทยได้รับความนิยมมาก และเรียกว่าเป็นพาหนะที่ทันสมัยที่สุดของไทยในขณะนั้น ผ่านมาร้อยปี รถไฟไทยเปลี่ยนจากความทันสมัยเป็นล้าสมัยในสายตาขอmafia789thเครดิต ฟรี เล่น ได้ ถอน ไป เลยงคนหลายๆ คน แต่กลับกลายเป็น “เสน่ห์” อีกอย่างหนึ่งในสายตาของคนที่ชื่นชอบการเดินทาง โดยเฉพาะในสายตาชาวต่างชาติ แม้จะไม่ค่อยสะดวก แต่สบายในการเดินทาง นั่งๆ นอนๆ เรื่อยยาวไปสุดทาง ส่วนหนี่งมาจากการจัดการดูแลความเรียบร้อยของ พนักงานรักษารถ พนักงานขับรถ ช่างเครื่อง ห้ามล้อ และพนักงานดูแลความสะอาด จากหน่วยงาน “การรถไฟแห่งประเทศไทย” และอีกส่วนหนึ่ง คือการดูแลเรื่องความปลอดภัยในการเดินทางของผู้โดยสาร ที่อยู่ภายใต้การกำกับดูและและบังคับใช้กฎหมายของ “ตำรวจรถไฟ” ตามราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2565 กรณียุบเลิกกองบังคับการตำรวจรถไฟ (บก.รฟ.) ซึ่งเป็นหน่วยงานหนึ่งของสำนักงานตำรวจสอบสวนกลางภายใน 1 ปี หรือสิ้นสุดภายในเดือน ต.ค. 2566 นั้น ไทยพีบีเอสออนไลน์ลงสำรวจพื้นที่สอบถามความคิดเห็นจากประชาชน เจ้าหน้าที่การรถไฟแห่งประเทศไทย และตำรวจรถไฟเจ้าของเรื่องนี้ เรียกว่าร้อยทั้งร้อยก็ตอบคำตอบเดียวกันว่า “ไม่เห็นด้วยที่จะยุบ” เสียงกังวลจากนักเดินทางทั้งไทยและเทศที่ไม่เห็นด้วยกับ พ.ร.บ.ฉบับนี้ คนไทยมองว่าการเดินทางโดยรถไฟใช้เวลาค่อนข้างนาน หากเกิดเหตุร้ายขึ้น ใครจะเป็นผู้ป้องปรามเหตุ แม้จะมีข่าวว่าจะจัดจ้างบริษัทรักษาความปลอดภัยมาทำหน้าที่แทน แต่ก็มีคำถามตามมาว่า แล้วพนักงานรักษาความปลอดภัยจะมีอำนาจเท่าตำรวจรถไฟหรือไม่? ส่วนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ส่วนใหญ่บอกว่า ที่เลือกมาเที่ยวเมืองไทยนั้น เพราะเมืองไทยสวย อาหารอร่อย ได้เห็นวัฒนธรรมต่างๆ ของคนในพื้นที่ และที่สำคัญหลายคนบอกว่า ที่ไม่ได้รู้สึกว่าการขึ้นรถไฟอันตราย เพราะเชื่อมั่นในการดูแลรักษาความปลอดภัยของพนักงานบนรถไฟและตำรวจรถไฟ พร้อมกันนี้ยังบอกอีกว่า รู้สึกเสียดายถ้าในอนาคตจะไม่มีตำรวจรถไฟอีก โกศล คิดตะเสน พนักงานรักษารถ 6 ขบวน 71/72ก. บอกกับทีมข่าวไทยพีบีเอสออนไลน์ขณะที่กำลังให้ความช่วยเหลือผู้โดยสารหลายๆ คนที่ขึ้นรถไฟสายกรุงเทพฯ - อุบลราชธานี ในช่วงที่มีตำรวจรถไฟ ก็ถือว่าเป็นการทำงานร่วมกันที่ดี ต่างฝ่ายต่างช่วยกันทำหน้าที่เพื่อเป้าหมายเดียวคือ “ความปลอดภัยของผู้โดยสาร” เสียงสะท้อนจาก ชาตรี วังสันต์ พนักงานรักษารถ 5 ที่เล่าให้ฟังว่า ในความคิดส่วนตัวของคนที่ทำงานหน้างาน เห็นทั้งปัญหา และระบบการจัดการ นโยบายที่ผู้บริหารส่งลงมาเป็นเวลานาน มองว่า การมีอยู่ของตำรวจรถไฟนั้นน่าจะส่งผลดีมากกว่าผลเสียต่อการบริการประชาชน รวมถึงปัญหายาเสพติดที่เชื่อว่าจะเพิ่มมากขึ้น และจะส่งผลเสียทั้งทางตรงและทางอ้อม ชาตรีเล่าถึงการจัดการป้องกันการลักลอบขนยาเสพติดผ่านรถไฟว่า ในอดีตนั้น เคยมีนโยบายให้มีสุนัขตำรวจ ขึ้นมาตรวจ ดมหายาเสพติดบนรถไฟก่อนที่จะปล่อยรถ แต่นโยบายนั้นทำได้พักหนึ่งก็ถูกยกเลิกไป เช่นเดียวกันกับความคิดเห็นของพนักงานขับรถไฟ ช่างซ่อม และห้ามล้อ ที่ก็มองว่า ในแง่ของการเป็นผู้บังคับใช้กฎหมาย ยังไงก็ต้องเป็นหน้าที่ของตำรวจ ถ้าไม่มีตำรวจรถไฟ หากมีความผิดเกิดขึ้นบนรถไฟ ก็จะถือว่าเป็น “ความผิดเคลื่อนที่” เช่นนี้แล้ว ตำรวจท้องที่ไหนจะเป็นผู้รับผิดชอบ หรือเข้าระงับเหตุได้ท่วงทัน เมื่อไม่มีตำรวจรถไฟ แต่ในเมื่อนโยบายผู้ใหญ่สั่งมาเป็นเช่นนี้ ในฐานะผู้ปฏิบัติงานก็คงทำได้แค่การน้อมรับและทำตาม ยังไงเสียก็เพื่อผลประโยชน์ของผู้โดยสารเป็นที่ตั้ง หลายคนที่อ่านแล้วอาจจะคิดว่า พูดให้ดูดีหรือเปล่า แต่เมื่อเอาข้อมูลสถิติการเกิดอาชญากรรมบนรถไฟมาเทียบ จะพบได้ว่าความกังวลที่ตำรวจรถไฟนายหนึ่งบอกกับทีมข่าวนั้น ดูไม่ได้ไกลเกินความจริงเลย ปัญหาส่วนใหญ่ที่เจอบนรถไฟ อย่างเช่น คนเมาแล้วอาละวาด เมื่อพนักงานรักษารถเจอ ก็จะแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อให้เชิญตัวลงจากรถไฟเพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดของการเดินทางรถไฟ ที่ไม่อนุญาตให้คนเมา หรือดื่มแอลกอฮอล์จนไม่สามารถควบคุมตัวเองได้โดยสารรถไฟเป็นอันขาด ซึ่งคนที่จะยุติปัญหาแบบนี้ได้เร็วที่สุดก็คือ ตำรวจรถไฟ คำถามต่อมาคือ เมื่อในอีก 1 ปี ไม่มีตำรวจรถไฟ หากมีการประสานขอความช่วยเหลือจากตำรวจท้องที่ จะสามารถส่งกำลังพลมาช่วยเหลือได้หรือไม่ เพราะอย่างที่รู้กันว่ากำลังพลของเจ้าหน้าที่ตำรวจในปัจจุบันนั้น ก็ไม่เพียงพอต่อการบริการประชาชนอยู่แล้ว รวมถึงคดีหรือเรื่องราวต่างๆ ที่ประชาชนในท้องที่มาร้องทุกข์ในแต่ละวัน แต่ละช่วงเวลา แล้วจะเอาตำรวจที่ไหนมาช่วยเหลือประชาชนบนรถไฟ ? และปัญหาใหญ่อีกปัญหาที่น่ากังวลมากที่สุดคือ “การลักลอบขนยาเสพติดหรือสิ่งผิดกฎหมาย” ที่ตรงกับความคิดเห็นจากอีกหลายคน ไม่ว่าจะเป็นประชาชนหรือพนักงานรถไฟว่า ในอนาคตที่ไม่มีตำรวจรถไฟแล้ว จึงทำได้แค่เตือนประชาชนว่า ขอให้ระมัดระวังการเดินทางให้ดี เก็บของมีค่าไว้กับตัว หรือไม่พกพาไปด้วยเลยจะดีที่สุด พร้อมกับย้ำว่าหากเกิดเหตุก็ขอให้รีบแจ้งเจ้าพนักงานบนรถไฟเพื่อแก้ไขปัญหาให้ไวที่สุด ตำรวจรถไฟได้ฝากไว้ หลากหลายมุมมองแต่คำตอบเดียวกัน “ไม่อยากให้ยุบ” ไม่ได้หมายความว่ามีแต่คนรักตำรวจรถไฟมากมายขนาดนั้น แต่ทุกคนต่างกังวลเรื่องความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินกันทุกคน ในอีก 1 ปีข้างหน้า การเดินทางที่ใช้เวลานานโดยปราศจากตำรวจรถไฟ ก็คงเหมือนชีวิตที่ต้องอยู่ในแดนมิคสัญญี ที่ๆ มีกฎหมาย แต่ไร้ซึ่งผู้บังคับใช้ ใครที่ไหนจะเกรงกลัว
ย้อนไปร่วมร้อยปีที่ผ่านมา ตั้งแต่สมัย “การรถไฟแห่งประเทศไทย” ยังใช้ชื่อ “กรมรถไฟหลวง” การเดินทางของประชาชนในยุคนั้นต่างก็อาศัยขบวนรถไฟเป็นพาหนะแทบทั้งสิ้น ทั้งการเดินทางข้ามจังหวัด ย้ายที่อยู่ ท่องเที