วันนี้ (26 ก.ย.2567) สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ออกประกาศเฝ้าระวังน้ำทะเลหนุนสูง ช่วงวันที่ 28 ก.ย.-2 ต.ค.2567 เนื่องจากอิทธิพลของน้ำทะเลหนุนสูง และมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงพัดปกคลุมอ่าวไท

นาซ่าคาด ดาวเทียมยูเออาร์เอสของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นดาวเทียมวิจัยชั้นบรรยากาศที่ปลดประจำการแล้ว และ มีอายุเกือบ 20 ปี ได้ตกถึงพื้นโลกแล้ว และ แตกเป็นชิ้นส่วนที่เผาไหม้ไม่หมด 26 ชิ้น แต่นาซ่า คาดว่า ชิ้นส่วนน่าจะตกในมหาสมุทรแปซิฟิก และ ไม่ส่งผลกระทบกับชุมชน ซึ่งชิ้นส่วนเหล่านี้เป็นขยะอวกาศที่ใหญ่ที่สุดในรอบ 30 ปี นาซ่าคาด องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา หรือ นาซ่า ระบุในเว็บไซต์ว่าดาวเทียมยูเออาร์เอส ซึ่งเป็นดาวเทียมวิจัยชั้นบรรยากาศได้ร่วงลงสู่โลกแล้ว คาดว่าเป็นเวลาระหว่าง 11.23 น. -13.09 น.ตามเวลาในประเทศไทย โดยศูนย์ปฏิบัติการอวกาศร่วมในฐานทัพอากาศแวนเดนเบิร์กที่รัฐแคลิฟอร์เนีย ระบุว่า ชิ้นส่วนของดาวเทียมยูเออาร์เอส ได้พุ่งเข้าสู่ชั้นบรรยากาศโลกบริเวณเหนือมหาสมุทรแปซิฟิก แต่ยังไม่สามารถระบุพิกัดและเวลาตกสู่พื้นโลกที่แน่นอนได้ ขณะที่ดาวเทียมยูเออาร์เอสร่วงลงสู่พื้นโลกจะแตกเป็นชิ้นส่วนกว่า 100 ชิ้น และ ส่วนใหญ่ถูกเผาไหม้เมื่อผ่านเข้าสู่ชั้นบรรยากาศ และ เหลือชิ้นส่วนที่ไม่สามารถเผาไหม้ได้หมด 26 ชิ้นเพราะเป็นไทเทเนียม โดยขนาดที่เล็กที่สุดหนักประมาณ 1-2 กิโลกรัม และ ชิ้นส่วนที่ใหญ่ที่สุด หนักประมาณ 158 กิโลกรัม หรือ ขนาด 2 ตารางเมตร โดยขนาดใหญ่มีประมาณ 4 ชิ้น และ ตกกระจายในระสล็อต ที่ เติม วอ เลตยะรัศมี 800 กิโลเมตร แต่องค์การนาซ่า คาดว่า ชิ้นส่วนเหล่านี้น่าจะตกลงในมหาสมุทรเพราะโลกมีน้ำถึงร้อยละ 70  ดาวเทียมยูเออาร์เอส ซึ่งย่อมาจาก Upper Atmosphere Research Sattellite เป็นดาวเทียมวิจัยบรรยากาศชั้นบน หนัก 5.7 ตันที่องค์การนาซ่า ปล่อยในอวกาศเมื่อเดือนกันยายน ปี 2534 ดาวเทียมทำงานอยู่ในวงโคจรรอบโลกที่ความสูงประมาณ 580 กิโลเมตร และ สิ้นสุดภารกิจเมื่อ ปี 2548 เพราะไฟฟ้าลัดวงจรไม่สามารถควบคุมได้ ปัจจุบันยังมีดาวเทียมที่ไม่สามารถควบคุมได้อีกพันกว่าดวงที่โคจรรอบโลก แต่เนื่องจากยังมีพลังงานเหลืออยู่จึงยังไม่ร่วงลงสู่พื้นดิน และขยะอวกาศนี้ตกสู่โลกทุกเดือน แต่เผาไหม้หมดหรือเกือบหมดไปในชั้นบรรยากาศ องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา หรือ นาซ่า ระบุในเว็บไซต์ว่าดาวเทียมยูเออาร์เอส ซึ่งเป็นดาวเทียมวิจัยชั้นบรรยากาศได้ร่วงลงสู่โลกแล้ว คาดว่าเป็นเวลาระหว่าง 11.23 น. -13.09 น.ตามเวลาในประเทศไทย โดยศูนย์ปฏิบัติการอวกาศร่วมในฐานทัพอากาศแวนเดนเบิร์กที่รัฐแคลิฟอร์เนีย ระบุว่า ชิ้นส่วนของดาวเทียมยูเออาร์เอส ได้พุ่งเข้าสู่ชั้นบรรยากาศโลกบริเวณเหนือมหาสมุทรแปซิฟิก แต่ยังไม่สามารถระบุพิกัดและเวลาตกสู่พื้นโลกที่แน่นอนได้ ขณะที่ดาวเทียมยูเออาร์เอสร่วงลงสู่พื้นโลกจะแตกเป็นชิ้นส่วนกว่า 100 ชิ้น และ ส่วนใหญ่ถูกเผาไหม้เมื่อผ่านเข้าสู่ชั้นบรรยากาศ และ เหลือชิ้นส่วนที่ไม่สามารถเผาไหม้ได้หมด 26 ชิ้นเพราะเป็นไทเทเนียม โดยขนาดที่เล็กที่สุดหนักประมาณ 1-2 กิโลกรัม และ ชิ้นส่วนที่ใหญ่ที่สุด หนักประมาณ 158 กิโลกรัม หรือ ขนาด 2 ตารางเมตร โดยขนาดใหญ่มีประมาณ 4 ชิ้น และ ตกกระจายในระยะรัศมี 800 กิโลเมตร แต่องค์การนาซ่า คาดว่า ชิ้นส่วนเหล่านี้น่าจะตกลงในมหาสมุทรเพราะโลกมีน้ำถึงร้อยละ 70 ดาวเทียมยูเออาร์เอส ซึ่งย่อมาจาก Upper Atmosphere Research Sattellite เป็นดาวเทียมวิจัยบรรยากาศชั้นบน หนัก 5.7 ตันที่องค์การนาซ่า ปล่อยในอวกาศเมื่อเดือนกันยายน ปี 2534 ดาวเทียมทำงานอยู่ในวงโคจรรอบโลกที่ความสูงประมาณ 580 กิโลเมตร และ สิ้นสุดภารกิจเมื่อ ปี 2548 เพราะไฟฟ้าลัดวงจรไม่สามารถควบคุมได้ ปัจจุบันยังมีดาวเทียมที่ไม่สามารถควบคุมได้อีกพันกว่าดวงที่โคจรรอบโลก แต่เนื่องจากยังมีพลังงานเหลืออยู่จึงยังไม่ร่วงลงสู่พื้นดิน และขยะอวกาศนี้ตกสู่โลกทุกเดือน แต่เผาไหม้หมดหรือเกือบหมดไปในชั้นบรรยากาศ

วันนี้ (4 พ.ค.2565) พล.ต.ต.อรรถพล อนุสิทธิ์ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 ระบุภายหลังเดินทางเข้าสอบปากคำสองผู้ต้องสงสัยที่ถูกควบคุมตัวมาที่ห้องสืบสวน สน.บางเขน ในช่วงเช้าที่ผ่านมาว่า จากการสอบปากคำผู้ต้อง

นาซ่าคาด ดาวเทียมยูเออาร์เอสของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นดาวเทียมวิจัยชั้นบรรยากาศที่ปลดประจำการแล้ว และ มีอายุ

นิยายชีวิต โดย : reBot
เรื่องและภาพโดย : reBot
[[คลิก]] อ่านเรื่องราว “นิยายชีวิต” ได้ที่นี่..