วันนี้ (21 ธ.ค.66) นายชัยชนะ เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้เชิญอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ผู้อำนวยการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร
ฟรานซ์ เบคเคนบาวเออร์ ตำนานลูกหนังชาวเยอรมัน ซึ่งเป็นหนึ่งในตำนานที่ยิ่งใหญ่ในโลกฟุตบอล เสียชีวิตแล้
ไทยจัดสัมมนาเรื่องความปลอดภัยทางถนน ครั้งที่ 10 วันนี้จะมีการสัมมนาระดับชาติเรื่องความปลอดภัยทางถนน ครั้งที่ 10 เพื่อเป็นเวทีให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้รับทราบนโยบายของรัฐบาล ในการดำเนินงานป้องกันและแ
การมีกล้ามเนื้อแข็งแรงเปรียบเสมือนการมีเกราะป้องกันร่างกายจากโรคภัยและความเสื่อมถอย แต่เมื่ออายุมากขึ้น กล้ามเนื้อที่เคยแข็งแรงอาจค่อย ๆ สูญสลายไปโดยไม่รู้ตัว ภาวะนี้เรียกว่า "ซาร์โคพิเนีย" ซึ่งไม่เพียงทำให้ร่างกายอ่อนแอ แต่ยังเพิ่มความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บและโรคเรื้อรัง การทำความเข้าใจถึงความสำคัญของกล้ามเนื้อและวิธีรักษามันจึงเป็นกุญแจสู่การมีสุขภาพดีในระยะยาว จากการออกกำลังกายเพื่อสร้างกล้ามเนื้อในวัยหนุ่มสาว สู่การเผชิญหน้ากับความท้าทายของซาร์โคพิเนียในวัยสูงอายุ กล้ามเนื้อเป็นอวัยวะที่ทำงานมากกว่าการเคลื่อนไหวหรือยกของหนัก มีบทบาทสำคัญในการเผาผลาญพลังงาน รักษาสมดุลร่างกาย และสนับสนุนระบบต่าง ๆ เช่น ระบบหัวใจและหลอดเลือด งานวิจัยจาก Journal of Clinical Investigation ปี 2563 กล้ามเนื้อที่แข็งแรงช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ลดการอักเสบในร่างกาย และเพิ่มการเผาผลาญ ซึ่งช่วยป้องกันโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวานชนิดที่ 2 และโรคหัวใจ นอกจากนี้ กล้ามเนื้อยังช่วยพยุงกระดูกและข้อต่อ ลดความเสี่ยงของการหกล้มและกระดูกหักในผู้สูงอายุ การฝึกกล้ามเนื้อ เช่น การยกน้ำหนัก หรือการออกกำลังกายแบบใช้แรงต้าน สามารถกระตุ้นการสร้างโปรตีนในกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้อแข็งแรงและมีขนาดใหญ่ขึ้น Harvard Health Publishing ระบุว่า การฝึกกล้ามเนื้อเพียง 2-3 ครั้ง/สัปดาห์ สามารถเพิ่มมวลกล้ามเนื้อและความแข็งแรงได้ในทุกวัย แม้แต่ผู้สูงอายุที่เริ่มฝึกในวัย 70 ปีก็ยังเห็นผลลัพธ์ที่ดี การมีกล้ามเนื้อแข็งแรงยังสัมพันธ์กับการมีอายุยืนยาว โดยผู้ที่มีมวลกล้ามเนื้อสูงมีอัตราการเสียชีวิตจากทุกสาเหตุต่ำกว่าผู้ที่มีกล้ามเนื้อน้อย โรคซาร์โคพิเนีย (Sarcopenia) คือ ภาวะสูญเสียมวลกล้ามเนื้อ ความแข็งแรง และการทำงานของกล้ามเนื้อที่มักเกิดในผู้สูงอายุ โดยเริ่มตั้งแต่อายุประมาณ 30 ปี ร่างกายจะสูญเสียมวลกล้ามเนื้อร้อยละ 3-5 ทุก 10 ปี และอัตราการสูญเสียจะเพิ่มขึ้นเมื่ออายุเกิน 60 ปี ตามข้อมูลจาก Mayo Clinic โรคซาร์โคพิเนียเกิดจากหลายปัจจัย เช่น การลดลงของฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนและโกรทฮอร์โมน การขาดสารอาหารโดยเฉพาะโปรตีน การไม่ออกกำลังกาย และการอักเสบเรื้อรังในร่างกาย อาการของโรคซาร์โคพิเนียอาจไม่ชัดเจนในออนไลน์ 888ทดลอง เล่น เกม สล็อตช่วงแรก ผู้ป่วยอาจรู้สึกอ่อนแรง เดินช้าลง หรือทำกิจวัตรประจำวันได้ยากขึ้น แต่เมื่อกล้ามเนื้อลดลงมาก อาจนำไปสู่ภาวะเปราะบาง ทำให้เสี่ยงต่อการหกล้ม กระดูกหัก และสูญเสียความสามารถในการดูแลตัวเอง สถาบันแห่งชาติเพื่อการสูงวัยของสหรัฐฯ ระบุว่า โรคซาร์โคพิเนียอาจเพิ่มความเสี่ยงการเสียชีวิตก่อนวัยอันควร และเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของการสูญเสียความเป็นอิสระในผู้สูงอายุ นอกจากนี้ ยังมีผลงานวิจัยจาก Journal of Cachexia, Sarcopenia and Muscle ชี้ว่า โรคซาร์โคพิเนียไม่ใช่แค่ปัญหาของผู้สูงอายุ แต่สามารถเกิดในวัยกลางคนที่ขาดการออกกำลังกายหรือมีโรคเรื้อรัง เช่น มะเร็งหรือโรคไต ภาวะนี้ยังเชื่อมโยงกับการสูญเสียมวลกระดูก ทำให้ร่างกายเปราะบางยิ่งขึ้น การป้องกันและรักษาโรคซาร์โคพิเนียต้องอาศัยการดูแลทั้งด้านการออกกำลังกาย โภชนาการ และวิถีชีวิต ดังนี้ 1.ออกกำลังกายแบบฝึกกล้ามเนื้อการออกกำลังกายแบบใช้แรงต้าน เช่น การยกน้ำหนัก สควอท หรือการใช้ยางยืดออกกำลังกาย เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการสร้างและรักษามวลกล้ามเนื้อ วิทยาลัยการแพทย์กีฬาอเมริกัน องค์กรสมาชิกด้าน เวชศาสตร์การกีฬา และ วิทยาศาสตร์การออกกำลังกายของสหรัฐฯ แนะนำให้ฝึกกล้ามเนื้อ 2-3 ครั้ง/สัปดาห์ โดยเน้นทุกกลุ่มกล้ามเนื้อหลัก เช่น ขา สะโพก หลัง และแขน การออกกำลังกายแบบผสมผสาน เช่น โยคะ หรือพิลาทิส ก็ช่วยเพิ่มความแข็งแรงและสมดุลของร่างกายได้ 2.โภชนาการที่เหมาะสมโปรตีนเป็นสารอาหารสำคัญในการสร้างและซ่อมแซมกล้ามเนื้อ สถาบันแห่งชาติเพื่อการสูงวัยของสหรัฐฯ แนะนำให้ผู้ใหญ่รับประทานโปรตีน 1.2-2.0 กรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม/วัน เช่น คนหนัก 60 กก. ควรได้โปรตีน 72-120 กรัม จากแหล่งโปรตีนคุณภาพสูง เช่น เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน ปลา ไข่ ถั่ว และผลิตภัณฑ์นม วิตามินดีและกรดไขมันโอเมกา-3 จากปลาทะเลหรือน้ำมันปลาก็มีส่วนช่วยลดการอักเสบและสนับสนุนกล้ามเนื้อ 3.เคลื่อนไหวอย่างสม่ำเสมอการนั่งนาน ๆ หรือขาดการเคลื่อนไหว ก็เป็นปัจจัยเร่งให้เกิดโรคซาร์โคพิเนีย การเดิน วิ่ง หรือทำกิจกรรมที่ใช้กล้ามเนื้อทุกวันช่วยรักษามวลกล้ามเนื้อและเพิ่มการไหลเวียนของเลือด องค์การอนามัยโลก แนะนำให้ผู้ใหญ่เคลื่อนไหวร่างกายอย่างน้อย 150 นาที/สัปดาห์ ในระดับปานกลาง เช่น เดินเร็ว หรือ 75 นาทีในระดับหนัก เช่น วิ่ง 4.ตรวจสุขภาพและปรึกษาแพทย์ผู้ที่มีอายุเกิน 50 ปี หรือมีอาการอ่อนแรง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและตรวจหาโรคซาร์โคพิเนีย การใช้ยาหรือฮอร์โมนทดแทนในบางกรณีอาจช่วยได้ แต่ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ 5. ป้องกันปัจจัยเสี่ยงการนอนหลับไม่เพียงพอ ความเครียดเรื้อรัง และการสูบบุหรี่ส่งผลต่อการสูญเสียกล้ามเนื้อ การนอนหลับ 7-9 ชั่วโมง/คืน และการจัดการความเครียดด้วยเทคนิค เช่น การทำสมาธิ ช่วยรักษาสุขภาพกล้ามเนื้อ การสร้างและรักษากล้ามเนื้อ ไม่ใช่เรื่องของนักกีฬาหรือคนหนุ่มสาวเท่านั้น แต่เป็นสิ่งที่ทุกคนควรให้ความสำคัญตั้งแต่วัยรุ่นไปจนถึงวัยชรา โรคซาร์โคพิเนียเป็นภัยเงียบที่สามารถป้องกันได้ด้วยการลงมือปฏิบัติตั้งแต่วันนี้ การลงทุนในกล้ามเนื้อคือการลงทุนเพื่อคุณภาพชีวิตในอนาคต การป้องกันโรคซาร์โคพิเนียไม่เพียงช่วยให้คุณแข็งแรงและเคลื่อนไหวได้ดีเมื่ออายุมากขึ้น แต่ยังลดภาระด้านการดูแลสุขภาพทั้งต่อตัวเองและสังคม การเริ่มต้นอาจง่ายแค่การเดินวันละ 30 นาที หรือยกขวดน้ำเป็นดัมเบลที่บ้าน กล้ามเนื้อที่แข็งแรงคือยาอายุวัฒนะที่ทุกคนเข้าถึงได้ ที่มา : Harvard Health Publishing, สถาบันแห่งชาติเพื่อการสูงวัยของสหรัฐฯ, Mayo Clinic, วิทยาลัยการแพทย์กีฬาอเมริกัน, องค์การอนามัยโลก อ่านข่าวเพิ่ม : กินหวานเสี่ยงเบาหวาน! ภัยเงียบ น้ำตาลในเลือดสูงทำลายไต-หัวใจ สธ.เขต 7 เดินหน้าฟื้นฟู รพ.ขอนแก่น ลดขาดทุน 62 ล้านใน 1 เดือน เปิดประวัติ “เจ้าคุณแย้ม” พระธรรมวชิรานุวัตร เจ้าอาวาสวัดไร่ขิง
การมีกล้ามเนื้อแข็งแรงเปรียบเสมือนการมีเกราะป้องกันร่างกายจากโรคภัยและความเสื่อมถอย แต่เมื่ออายุมากขึ้น กล้ามเนื้อที่เคยแข็งแรงอาจค่อย ๆ สูญสลายไปโดยไม่รู้ตัว ภาวะนี้เรียกว่า "ซาร์โคพิเนีย" ซึ่งไม่เพี
- ออนไลน์ 888ทดลอง เล่น เกม สล็อต
- ช่อง true sport hd3SLOT
- lsm77 เครดิต ฟรี
- ตาราง บอล ผล บอล ทีเด็ด วิเคราะห์ บอล ราคา บอล
- ufa slot 44
- ทีเด็ด 99 บอล