mafia99 เครดิต ฟรี -apl xo, 128coffee sbobet, ทาง เข้า ww88ผล บอล ต่าง ประเทศ เมื่อ คืน ทุก ลีก

เว็บ เกม ออนไลน์ 2020slotxo899 เข้า สู่ ระบบ

วันนี้ (9 ส.ค.2567) ตำรวจ สภ.รัตนาธิเบศร์ จ.นนทบุรี สอบปากคำนายณัฐวุฒิ อายุ 21 ปี ผู้ต้องหาในคดีฆาตกรรมเผาอำพรางศพนายวิศว อายุ 22 ปี ที่หอพักแห่งหนึ่ง ในซอยประชาชื่น-นนทบุรี 8 ต.บางเขน อ.เมืองนนทบุรี

นอดีตกาลอารยธรรมที่ยิ่งใหญ่เกรียงไกรบนโลกทั้งหลาย ตั้งแต่อียิปต์โบราณไปจนถึงลุ่มแม่น้ำสินธุ ต่างเชื่

นอดีตกาลอารยธรรมที่ยิ่งใหญ่เกรียงไกรบนโลกทั้งหลาย ตั้งแต่อียิปต์โบราณไปจนถึงลุ่มแม่น้ำสินธุ ต่างเชื่อว่าโลกของเราเป็นศูนย์กลางของจักรวาลทั้งสิ้น เนื่องจากในช่วงเวลากลางคืน จุดแสงสว่างสีขาวระยิบระยับที่พวกเขาเรียกว่า “ดาวฤกษ์” นั้นต่างเคลื่อนที่หมุนวนรอบท้องฟ้าอย่างเป็นระบบคืนแล้วคืนเล่า โดยมีดาวเหนือเป็นศูนย์กลางจุดหมุน ซึ่งเป็นหลักฐานชั้นดีในยุคนั้นที่เข้ามาสนับสนุนทฤษฎีว่าด้วยโลกเป็นศูนย์กลาง มิหนำซ้ำ "อริสโตเติล" (Aristotle) นักปรัชญาชาวกรีกโบราณผู้ที่คนให้ความเคารพในฐานะนักวิทยาศาสตร์คนแรกของยุคโบราณ ยังได้สนับสนุนทฤษฎีนี้อีกด้วย โดยตัวเขาได้ให้เหตุผลว่า โลกของเราเป็นศูนย์กลางเพราะโลกนั้นไม่ได้เคลื่อนที่ไปไหน เพราะหากโลกเคลื่อนที่จริงก็คงมีลมพายุพัดไปมาทั่วพื้นผิวไปแล้ว ซึ่งแนวคิดของอริสโตเติลนี้ได้ฝังรากลึกต่อผู้คนยุคโบราณมาหลายพันปี จนกระทั่งในปี ค.ศ. 1543 นักดาราศาสตร์คนหนึ่งที่มีชื่อว่า "นิโคลัส โคเปอร์นิคัส" (Nicolaus Copernicus) ก็ได้ตีพิมพ์ผลงานของเขาว่าด้วยเรื่องดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลางของระบบสุริยะ ก่อนที่เขาจะเสียชีวิตได้ไม่นาน ซึ่งผลงานนี้ก็ได้สร้างแรงกระเพื่อมต่อมุมมองของมนุษย์ที่มีต่อธรรมชาติรอบตัวไปตลอดกาล ชีวิตส่วนตัวและการศึกษาของ "โคเปอร์นิคัส" "นิโคลัส โคเปอร์นิคัส" เกิดที่เมือง Toruń ราชอาณาจักรโปแลนด์ ค.ศ. 1473 ซึ่งเขาได้เดินทางไปยังคาบสมุทรอิตาลี ณ เมืองโบโลญญา และเข้าศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัยช่วงวัย 23 ปี ทางด้านกฎหมายที่เรียกว่า Canon Law ซึ่งคือกฎหมายที่เกี่ยวกับระบบการปกครองของศาสนจักรโรมันคาทอลิก เพื่อที่จะประกอบอาชีพภายใต้ศาสจนจักรในอนาคต โดยการตัดสินใจเรียนกฎหมายของ โคเปอร์นิคัส นั้นมาจากอิทธิพลจากลุงของเขาเอง ขณะที่แท้จริงแล้ว โคเปอร์นิคัส กลับมีความสนใจทางด้านดาราศาสตร์เป็นอย่างมาก ถึงขนาดที่ว่าในระหว่างที่เขาเป็นนักศึกษากฎหมายอยู่ เขาก็ได้ใช้เวลาว่างส่วนใหญ่ไปกับการเรียนคณิตศาสตร์ และเดินทางไปช่วยงาน ศาสตราจารย์โดเมนิโก (Domenico Maria de Novara) อาจารย์ที่สอนวิชาดาราศาสตร์ในมหาวิทยาลัยเดียวกัน ด้านการศึกษาการเคลื่อนที่ของวัตถุบนท้องฟ้า แต่ทว่าเมื่อเขาสำเร็จการศึกษาขั้นสูงทั้งหมดในวัย 30 ปีแล้ว เขาก็ได้เดินทางไปรับหน้าที่เจ้าหน้าที่ของศาสนจักรที่เมือง Warmia ราชอาณาจักรโปแลนด์ ซึ่งเขายังคงใช้เวลาว่างศึกษาเรื่องดาราศาสตร์อยู่ โดยความใกล้ชิดต่อศาสนจักรนี้ได้ทำให้นักวิชาการหลายคนในยุคหลัง ๆ คาดว่านี่คือเหตุผลเบื้องหลังที่ โคเปอร์นิคัส ไม่ยอมตีพิมพ์ผลงานว่าด้วยเรื่องโลกเป็นศูนย์กลางทันทีที่เขาเรียบเรียงเสร็จเรียบร้อยแล้ว ถึงแม้ว่าเขาจะมีความคิดเรื่องนี้อยู่ในหัวตั้งแต่ช่วงวัยรุ่นแล้วก็ตาม เนื่องจากอาจเกิดประเด็นความขัดแย้งที่ตามมาได้ แนวคิดทฤษฎีโลกเป็นศูนย์กลางของระบบสุริยะ ถึงแม้ว่านักดาราศาสตร์ในยุโรปจะเชื่อว่าโลกเป็นศูนย์กลางของระบบสุริยะมาอย่างยาวนานแล้ว แต่แนวคิดนี้ก็คงมีปัญหาหนึ่งที่ได้จุดประกายความสงสัยในตัว โคเปอร์นิคัส ซึ่งก็คือการเคลื่อนที่ของดาวบางดวงที่ไม่มีรูปแบบตายตัวแน่นอนเหมือนกับดาวฤกษ์บนฉากหลังดวงอื่น ๆ ที่หมุนวนรอบดาวเหนือ ชาวกรีกโบราณขนานนามดวงดาวที่เคลื่อนที่ไปมาอย่างแปลกประหลาดนี้ว่า “Planetos” ที่แปลว่า “ผู้พเนจร” หรือ “ดาวเคราะห์” ในภาษาไทย อันได้แก่ ดาวพุธ ดาวศุกร์ ดาวอังคาร ดาวพฤหัสบดี และดาวเสาร์ ทำให้ "ปโตเลมี" นักคณิตศาสตร์ชาวกรีกชื่อดังยุคหลังอริสโตเติล จึงได้พยายามอธิบายรูปแบบการเคลื่อนที่วกกลับของดาวเคราะห์ (Retrograde Motion) นี้ ด้วยวงโคจรแสนซับซ้อนที่วกไปวนมา ส่วนทางโคเปอร์นิคัส คิดว่าการเคลื่อนที่ของดาวเคราะห์ในลักษณะนี้มีความซับซ้อนจนเกินไป ซึ่งเมื่อเขาลองนำดวงอาทิตย์มาเป็นศูนย์กลางตามความคิดของเขาแล้ว เขาจึงค้นพบว่าดาวเคราะห์ดวงอื่น ๆ สามารถโคจรรอบดวงอาทิตย์ได้ในลักษณะเป็นวงกลมอย่างง่าย ๆ ได้ ขณะที่เขาสามารถอธิบายการเคลื่อนที่วกกลับของดาวเคราะห์ได้อีกด้วย โคเปอร์นิคัส กล่าวในงานเขียนของเขาว่า การเคลื่อนที่วกกลับของดาวเคราะห์นี้เกิดขึ้น เนื่องจากโลกโคจรรอบดวงอาทิตย์ด้วยระยะเวลาที่ไม่เท่ากันกับดาวเคราะห์ดวงอื่น ๆ อย่างเช่น ดาวอังคารที่ใช้เวลาโคจรรอบดวงอาทิตย์ช้ากว่าโลก จึงทำให้ตำแหน่งของโลกอยู่นั้นนำหน้าดาวอังคารบ้าง อยู่หลังดาวอังคารบ้าง สลับกันไปในแต่ละช่วงของปี ซึ่งผู้สังเกตบนพื้นโลกจะเห็นดาวอังคารเคลื่อนที่ไปมาในรูปแบบที่คาดเดาได้ยาก ส่วนการที่เราเห็นดาวฤกษ์ในฉากหลังหมุนวนรอบดาวเหนือนั้น เป็นเพราะว่าโลกหมุนรอบตัวเองต่างหาก โดยมีดาวเหนือเป็นดาวที่อยู่ ณ ตำแหน่งแกนหมุนของโลกพอดี เราจึงสังเกตเห็นว่าดาวเหนือนั้น ไม่เคลื่อนที่ไปไหน อีกทั้งการหมุนรอบตัวเองของโลกยังอธิบายเรื่องการเกิดกลางวันกลางคืนได้อย่างดีเยี่ยมอีกด้วย ปัญหากับศาสนจักร และผลกระทบที่ตามมาต่อคนรุ่นหลัง mafia99 เครดิต ฟรีหลังจากที่ โคเปอร์นิคัส เสียชีวิตลงผลงานของก็เขาก็ได้รับความสนใจในหมู่นักวิทยาศาสตร์บางส่วน ซึ่งรวมไปถึง "จิออร์นาโด บรูโน" (Giordano Bruno) บาทหลวงผู้หลงใหลเรื่องดาราศาสตร์ท่านหนึ่งด้วย แต่ทว่าไม่นานหลังจากนั้นแนวคิดเรื่องที่ว่าดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลางของระบบสุริยะนั้นก็กลับถูกศาสนจักรเพ่งเล็งว่าเป็นหนังสือนอกรีต สอนในสิ่งที่ผิดไปจากพระวัจนะของพระเจ้าในคัมภีร์ไบเบิล ผู้คนที่เชื่อในแนวคิดของ โคเปอร์นิคัส อย่าง บรูโน นั้นก็ถูกจับไปประหารด้วยวิธีการเผาทั้งเป็น ภายใต้ฐานความผิดที่เขาประพฤติตัวนอกรีต อีกทั้ง "กาลิเลโอ กาลิเลอี" นักวิทยาศาสตร์ชื่อก้องโลกผู้คิดค้นกล้องโทรทรรศน์ ที่สนับสนุนทฤษฎีของ โคเปอร์นิคัส ก็ต้องถูกกักบริเวณในบ้านพักไปตลอดทั้งชีวิตของเขา ในข้อหาประพฤติตัวนอกรีตเช่นกัน แต่ทว่าในเวลาต่อมา "โยฮันเนส เคปเลอร์" (Johannes kepler) นักคณิตศาสตร์ชาวเยอรมันก็ได้คิดค้นสมการทางคณิตศาสตร์เพื่อใช้อธิบายการเคลื่อนของวัตถุเทหฟากฟ้า โดยอาศัยข้อข้อมูลการสังเกตของ กาลิเลโอ มาใช้ในการเป็นหลักการคำนวณขึ้นมา ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่อิทธิพลของศาสนจักรเริ่มเสื่อมถอยลงจากการปฏิรูปศาสนาในยุโรปอย่างพอดิบพอดี มิหนำซ้ำ "ไอแซค นิวตัน" (Issac Newton) ก็ได้เข้ามาเติมเต็มแนวคิดของโคเปอร์นิคัสด้วย ทฤษฎีแรงโน้มถ่วง ซึ่งเป็นตะปูตอกฝาโลงตัวสุดท้ายที่ได้พังทลายความเชื่อเดิมที่โลกเป็นศูนย์กลางของระบบสุริยะไปจนหมดสิ้น ซึ่งได้ปูทางให้กับวิชาดาราศาสตร์ต่อมาในปัจจุบัน ที่มาข้อมูล: NASA , Britannica , SPACE.COM“รอบรู้ ดูกระแส ก้าวทันโลก” ไปกับ Thai PBS Sci & Tech

วันนี้ (11 มิ.ย.2565) พ.ต.อ.พันษา อมราพิทักษ์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลปทุมวัน (ผกก.สน.ปทุมวัน) ระบุว่า ขณะนี้พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างการสอบปากคำผู้จัดการร้าน ที่ยังไม่รับว่าเป็นเจ้าของร้าน ซึ่งเบื้