วันนี้ (21 ก.ค.2564) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมร่วมกับสภ

วันนี้ (14 ต.ค.2564) นายอนุชา นาคาศรัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เปิดเผยระหว่างเข้าร่วมงานรำลึก 48 ปี 14 ตุลา ถึงกรณีที่มหาเถรสมาคมมีคำสั่งถอดถอนพระสัง

วันนี้ (21 ก.ค.2564) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมร่วมกับสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และ 40 ซีอีโอ เพื่อหารือแนวทางความร่วมมือระหว่างภาครัฐ-เอกชน ในการแก้ไขปัญหาสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ผ่านระบบ Video Conference จากตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรี ขอบคุณเอกชนที่มาร่วมหารือเพื่อช่วยกันบรรเทาสถานการณ์โควิด-19 วันนี้ โดยที่ผ่านมา รัฐบาลและเอกชนได้พูดคุยกันต่อเนื่องมาโดยตลอด รัฐบาลไม่นิ่งนอนใจกับการแพร่ระบาดโควิดที่รุนแรงมากขึ้น ยังเดินหน้าแก้ไขอย่างรอบด้าน ทั้งการเร่งฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้กับประชาชนจนถึง 20 ก.ค.ที่ผ่านมา มีการฉีดวัคซีนแล้วกว่า 14 ล้านโดส กำหนดมาตรการช่วยเหลือเยียวยา ทั้งสนับสนุนการเข้าถึงสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำแก่ผู้ประกอบการ มาตรการกระตุ้นการบริโภคภาคประชาชน ผ่านโครงการต่างๆ เช่น โครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 มียอดการใช้จ่ายแล้วกว่า 33,000 ล้านบาท โครงการภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ และโครงการสมุย โมเดล พลัส เพื่อช่วยอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและธุรกิจที่อยู่ในห่วงโซ่การท่องเที่ยว ที่ผ่านมา สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และภาคเอกชนได้ให้ข้อเสนอแนะนำที่เป็นประโยชน์ต่อการดำเนินงานของรัฐบาลมาตลอด ข้อเสนอแนะที่ทำได้ รัฐบาลดำเนินการทันที ในส่วนที่เป็นอุปสรรครัฐบาลก็พยายามเร่งแก้ไขให้ ทั้งนี้ ทุกมาตรการต้องเป็นตามกฎหมายและหลักการงบประมาณ เพราะเงินที่รัฐบาลที่นำมาใช้จ่ายมาจากภาษีของประชาชน นายกรัฐมนตรีกล่าวอีกว่า ประเทศไทยกำลังเผชิญหน้ากับความท้าทายในระดับสูง ต้องลดความขัดแย้ง ช่วยกันสร้างการรับรู้ เน้นประชาสัมพันธ์เชิงรุก เพราะทั้งรัฐบาลและภาคเอกชนมีเป้าหมายเดียวกัน คือการช่วยกันหาทางออกให้ประเทศผ่านพ้นวิกฤตไปด้วยกัน ทั้งนี้ ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยกล่าวในนาม 40 ซีอีโอพลัส ขอบคุณนายกรัฐมนตรีและคณะที่ได้จัดสรรเวลาเชิญ 40 ซีอีโอพลัสหารือร่วมกันในวันนี้ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทยและภาคเอกชน ได้เตรียมข้อเสนอต่อรัฐบาลไว้ 4 ประเด็นหลัก ได้แก่ 1.การควบคุมการแพร่ระบาด ซึ่งศูนย์ฉีดวัคซีนนอกโรงพยาบาลทั้ง 25 ศูนย์ ของภาคเอกชนที่ร่วมกับ กทม.สามารถแบ่งเบาภาระของโรงพยาบาล โดยมีศักยภาพสามารถให้บริการฉีดวัคซีนได้ถึงวันละ 80,000 คน ซึ่งเอกชนพร้อมสนับสนุนภาครัฐ ในการจัดอุปกรณ์การแพทย์ ทั้ง Rapid Tests ยารักษา เตียงผู้ป่วยหนักและ ICU รวมทั้งมาตรการ Isolation โดยเทคโนโลยีดิจิทัล และจัดแพลตฟอร์มต่างๆ ซึ่ง TeleMed ช่วยสร้างความเชื่อมั่น ลดจำนวนผู้ป่วยได้ 2.การเยียวยาผู้ประกอบการและประชาชน เสนอให้มีการขยายมาตรการช่วยเหลือทั้งกิจการที่ต้องหยุดประกอบตามคำสั่งของราชการ รวมทั้งธุรกิจในห่วงโซ่ต่างๆ รวมทั้งการแก้ปัญหาขาดแคลนแรงงาน 3.การ918kiss roกระตุ้นเศรษฐกิจ แผนระยะสั้น-ระยะกลาง กระตุ้นการใช้จ่ายในกลุ่มผู้มีรายได้และกำลังซื้อสูง กระตุ้นการลงทุนภาคเอกชน ให้เกิดการจ้างงาน รวมทั้งการเตรียมความพร้อมของประเทศในการเข้าสู่ New Economy 4.การฟื้นฟูประเทศไทย เปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาส ตั้งคณะกรรมการร่วมรัฐเอกชน ขับเคลื่อนกิจกรรมที่มี Impact สูงและประชาชนไทยได้ประโยชน์ ได้แก่ เกษตรสมัยใหม่ ท่องเที่ยวคุณภาพ สร้างขีดความสามารถทางเศรษฐกิจด้วย Digital Transformation โดยข้อเสนอทั้ง 4 แนวทางดังกล่าวเป็นการฟื้นฟูประเทศ เปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาส ขณะเดียวกัน ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ยังกล่าวแสดงความเข้าใจดีว่า รัฐบาลมีความยากลำบากในการทำงาน ภายใต้สถานการณ์โรคระบาดและเศรษฐกิจที่ผันผวนและไม่มีความแน่นอนสูง ภาคเอกชนให้กำลังใจนายกรัฐมนตรีและพร้อมให้การสนับสนุนการทำงานของรัฐบาลด้วยความจริงจัง นายกรัฐมนตรีกล่าวขอบคุณและสิ่งที่ได้รับฟังข้อมูลในวันนี้ สอดคล้องกับนโยบายและแนวคิดของรัฐบาล ซึ่งทุกข้อเสนอแนะเป็นประโยชน์ต่อการทำงาน ซึ่งทั้งการช่วยเหลือ การให้สิทธิประโยชน์ รวมทั้งมาตรการเยียวยาต้องอยู่ในกรอบกฎหมาย ยืนยันว่านายกรัฐมนตี คณะรัฐมนตรี และ ศบค.ไม่เคยหยุดคิด หยุดทำงาน นายกรัฐมนตรีรับรายงานทุกวัน เพื่อสั่งการทั้งการรักษา การเยียวยา รวมทั้งการเตรียมมาตรการเรื่องงบประมาณ เพื่อดูแลคน 70 ล้านคน แต่ทุกมาตรการของรัฐต้องอยู่ในกรอบกฎหมาย และได้ย้ำมาตลอดว่า ไทยต้องปรับรูปแบบการบริหารจัดการใหม่ รัฐบาลทำหน้าที่กำหนดนโยบายสร้างโอกาสให้เอกชนเป็นผู้ขับเคลื่อน ที่สำคัญทุกฝ่ายต้องร่วมมือการสื่อสารสร้างความเข้าใจให้กับประชาชน ลดความขัดแย้ง ขอยืนยันการเดินหน้าเปิดประเทศ 120 วัน ซึ่งเริ่มแล้วที่ภูเก็ตและสมุย และจะขยายไปยังพื้นที่อื่นๆ ต่อไป ซึ่งรัฐบาลและเอกชนต่างก็มีความมุ่งมั่นตั้งใจเดินหน้าประเทศ เพื่อความสุขของคนไทยทุกคน พร้อมรับข้อเสนอ ข้อห่วงใยทุกประเด็น ซึ่งจะได้นำไปหารือกับคณะรัฐมนตรี และ ศบค.ต่อไป ทั้งนี้ ก่อนจบการประชุม ภาคเอกชน ประธานหอการค้า ขอบคุณการหารือวันนี้ โดยนายกรัฐมนตรีได้ให้เวลา และรับฟังด้วยความตั้งใจ เพื่อร่วมกันทำงาน สร้างความเชื่อ สร้างสรรค์ ผลักดัน เป้าหมายฟื้นฟู เพื่อบรรลุเป้าหมาย และสุดท้าย ซีอีโอ 40 กว่าบริษัทยังได้กล่าวให้กำลังใจนายกรัฐมนตรี และขอให้ท่านนายกรัฐมนตรีทำหน้าที่ด้วยความเข้มแข็ง เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติต่อไป

กรณีลูกจ้างโพสต์ข้อความในสื่อออนไลน์ว่า ลาไปงานศพพ่อ 8 วัน ถูกนายจ้างเชิญออก ระบุว่าขาดงานหลายวัน ทำงานมาประมาณ 7 เดือน โดยไม่จ่ายค่าชดเชยให้ วันนี้ (18 พ.ย.2565) นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน กล่าวว่า