วันนี้ (30 พ.ค.2564) เวลา 13.30 น. สำนักงานประชาสั

วันนี้ (3 ม.ค.2567) น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.ก้าวไกล อภิปรายร่างงบประมาณรายจ่ายปี 2567 ตั้งคำถามว่า "วิกฤตเศรษฐกิจแบบใด ทำไมงบฯ ไม่เหมือนมีวิกฤต" หลังนายกฯ ย้ำว่าเศรษฐกิจไทยอยู่ในภาวะวิกฤตแล้ว ช่วงหนึ
ฮิตไกลถึงต่างประเทศ สำหรับซีรีส์ดัง Shooting Star หรือ F4 Thailand ที่กระแสดีจนมีแฟนคลับต่างชาติติดตามและสนับสนุนจำนวนมาก นำไปสู่การจัดเอเชียร์ทัวร์ Shooting Star Asia Tour In Taipei ซึ่งล่าสุด นักแสด
วันนี้ (7 มิ.ย.2565) พล.อ.สันติพงศ์ ธรรมปิยะ เสนาธิการทหารบก โฆษกกองทัพบก (ทบ.) ได้เปิดเผยถึงกรณีที่มีการอภิปรายในการตั้งงบประมาณเพื่อการตรวจสอบเครื่องตรวจจับสารเสพติด อาวุธ และวัตถุระเบิด (GT200 Detection Substances) ของกองทัพบก ว่า เรื่องดังกล่าวโฆษกกระทรวงกลาโหม, สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และรองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ได้ชี้แจงสร้างความเข้าใจในข้อมูลที่ถูกต้องต่อสาธารณะในเบื้องต้นไปแล้ว ทบ.ชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติมในภาพรวมของการดำเนินการทางกฎหมายต่อ จีที 200 ดังนี้ หลังจากที่ ทบ.ได้พบข้อมูลเกี่ยวกับประสิทธิภาพของ จีที 200 ที่ไม่เป็นไปตามคุณสมบัติและก่อให้เกิดความเสียหายต่อราชการ ทบ.ได้ยุติการใช้งานและได้ดำเนินการเพื่อประโยชน์ของทางราชการในทุกด้าน สิ่งสำคัญที่สุด คือ ได้ดำเนินการตามกฎหมายต่อบริษัทเอกชนคู่สัญญา โดยตั้งแต่ปี 2559 ได้ดำเนินการฟ้องดำเนินคดีต่อบริษัทเอกชนคู่สัญญาใน 2 ศาล เพื่อให้ครอบคลุมในมิติด้านกฎหมาย คือ คดีอาญาฐานฉ้อโกง และคดีทางปกครองฐานความผิดเกี่ยวกับสัญญา ซึ่งการดำเนินคดีของแต่ศาลมีความคืบหน้ามาอย่างต่อเนื่องตามกระบวนการ ตั้งแต่ปี 2560-2565 คดีอาญา ซึ่งดำเนินการตั้งแต่ปี 2559 ศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ และศาลฎีกา มีคำพิพากษาเป็นที่สุดแล้ว เมื่อ 7 ก.พ.2565 ให้จำเลยร่วมกันคืนเงินให้ ทบ.เป็นจำนวนกว่า 682 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี คดีอาญาเป็นอันสิ้นสุดลงและขณะนี้อยู่ในระหว่างการบังคับคดีให้ชดใช้เงินคืนกับกองทัพบก ในระหว่างการดำเนินคดีอาญา กองทัพบกได้ยื่นฟ้องในคดีทางปกครองควบคู่กัน โดยในคดีทางปกครองซึ่งดำเนินการตั้งแต่ปี 2559 กองทัพบกได้ดำเนินการตามคำแนะนำของสำนักงานอัยการสูงสุด ที่ให้ตรวจ จีที 200 ทุกเครื่อง เพื่อยืนยันว่าไม่มีประสิทธิภาพ และใช้เป็นสาระสำคัญประกอบการพิจารณาคดีทางปกครอง ในการนี้เพื่อให้ได้พยานหลักฐานที่เป็นประโยชน์ในทางคดี กองทัพบกจึงได้ตั้งงบประมาณในปี 2564 เพื่อตรวจสอบเครื่อง จีที 200 จำนวน 757 เครื่อง โดยส่งตรวจที่ศูนย์ทดสอบผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ สวทช. โดยเป็นการตั้งงบประมาณล่วงหน้าในขณะนั้น ก่อนที่คดีทางปกครองจะเป็นอันถึงที่สุดในปีต่อมา คือ มี.ค.2565 กรณีที่ กองทัพบกมอบให้ สวทช.เป็นผู้ดำเนินการตรวจทดสอบ จีที 200 เนื่องจาก สวทช.เป็นหน่วยงานกลาง มีมาตรฐานตามหลักการ อีกทั้งมีความเชี่ยวชาญในงานด้านนี้โดยตรง ผลการตรวจรับรองจะสามารถนำไปใช้เป็นหลักฐานที่มีความน่าเชื่อถือ อันจะเกิดประโยชน์ต่อการดำเนินคดีของทางราชการที่ ทบ.ดำเนินการอยู่ในขณะนั้น จากการวิพากษ์วิจารณ์ว่า ทำไมกองทัพบกต้องตั้งงบประมาณปี 2566 เพื่อใช้ในการตรวจสอบ จีที 200 ทั้งที่ศาลมีคำพิพากษาในคดีดังกล่าวแล้วนั้น เป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน เนื่องจากเป็นการนำข้อมูลปีงบประมาณ 2564 มาเชื่อมโยงกับคำพิพากษาของคดีที่เกิดขึ้นในปี 2565 เป็นการเปรียบเทียบผิดห้วงเวลา ทั้งนี้ ทบ.ไม่ได้ตั้งงบประมาณในปี 2566 ในเรื่องดังกล่าว สำหรับการตั้งงบประมาณเพื่อการตรวจสอบ จีที 200 นั้น หากคดีถึงที่สุดแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องใช้งบประมาณ โดยตามระเบียบราชการหากงบประมาณไม่ถูกใช้ ก็จะถูกส่งคืนตามกระบวนการงบประมาณต่อไป ส่วนข้อสงสัยที่ว่า ทำไมไม่นำคำพิพากษาในคดีอาญามาใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีทางปกครอง เพื่อจะได้ไม่ต้องส่ง จีที 200 ไปตรวจสอบนั้น ในขณะที่ตั้งงบประมาณ เพื่อขอตรวจ จีที 200 ในปี 2564 นั้น คดีอาญายังไม่ถึงที่สุด ไม่อาจรู้ผลทางคดีได้ แต่การตรวจจีที 200 เป็นสิ่งสำคัญต่อคดีทางปกครองในขณะนั้น กองทัพบกชี้แจงว่า การตั้งงบประมาณในการตรวจสอบจีที 200 จำนวน 7.57 ล้านบาท เป็นการตั้งงบประมาณก่อนที่ศาลจะมีคำพิพากษา และเป็นไปตามกระบวนการแสวงหาพยานหลักฐานประกอบคดี ภายใต้ข้อแนะนำจากหน่วยงานที่มีความเชี่ยวชาญด้านกฎหมายและวิทยาศาสตร์ และเมื่อคดีเป็นที่ยุติแล้ว ก็ได้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายเพื่อมุ่งให้ทางราชการได้รับค่าเสียหายชดเชย เพื่อรักษาประโยชน์ของกองทัพและประเทศ ทั้งนี้ นอกจากการดำเนินการตามกฎหมายต่อบริษัทคู่สัญญาแล้ว สำหรับเจ้าหน้าที่ของทางราชการที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดหาจีที 200 ก็ได้ถูกนำเข้าสู่กระบวนการสอบสวนทางวินัยและทางกฎหมายเช่นกัน อ่านข่าวอื่น องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน พร้อมช่วย "ชัชชาติ" แก้ทุจริต "รมว.ดีอีเอส" ย้ำสื่super slot msnอนำเสนอข่าวได้ไม่เข้าข่ายผิดกฎหมาย PDPA "อนุพงษ์" เปิดทาง "ชัชชาติ" ตัดสินใจปมสัมปทานบีทีเอส
วันนี้ (7 มิ.ย.2565) พล.อ.สันติพงศ์ ธรรมปิยะ เสนาธิการทหารบก โฆษกกองทัพบก (ทบ.) ได้เปิดเผยถึงกรณีที่
“เตือนครั้งที่ 1 และจะไม่มีครั้งที่ 2 ควรจะเป็นสัญญากับประชาชนเมื่อตำรวจยืนยันว่านักธุรกิจชาวจีนที่เ
จากกรณีเมื่อเดือน ม.ค.2566 มีเด็ก 6 คน รับประทานไส้กรอกไม่มียี่ห้อ แล้วมีอาหารคลื่นไส้ เวียนศีรษะ หา
วันนี้ (7 มิ.ย.2565) พล.อ.สันติพงศ์ ธรรมปิยะ เสนาธิการทหารบก โฆษกกองทัพบก (ทบ.) ได้เปิดเผยถึงกรณีที่มีการอภิปรายในการตั้งงบประมาณเพื่อการตรวจสอบเครื่องตรวจจับสารเสพติด อาวุธ และวัตถุระเบิด (GT200 Detection Substances) ของกองทัพบก ว่า เรื่องดังกล่าวโฆษกกระทรวงกลาโหม, สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และรองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ได้ชี้แจงสร้างความเข้าใจในข้อมูลที่ถูกต้องต่อสาธารณะในเบื้องต้นไปแล้ว ทบ.ชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติมในภาพรวมของการดำเนินการทางกฎหมายต่อ จีที 200 ดังนี้ หลังจากที่ ทบ.ได้พบข้อมูลเกี่ยวกับประสิทธิภาพของ จีที 200 ที่ไม่เป็นไปตามคุณสมบัติและก่อให้เกิดความเสียหายต่อราชการ ทบ.ได้ยุติการใช้งานและได้ดำเนินการเพื่อประโยชน์ของทางราชการในทุกด้าน สิ่งสำคัญที่สุด คือ ได้ดำเนินการตามกฎหมายต่อบริษัทเอกชนคู่สัญญา โดยตั้งแต่ปี 2559 ได้ดำเนินการฟ้องดำเนินคดีต่อบริษัทเอกชนคู่สัญญาใน 2 ศาล เพื่อให้ครอบคลุมในมิติด้านกฎหมาย คือ คดีอาญาฐานฉ้อโกง และคดีทางปกครองฐานความผิดเกี่ยวกับสัญญา ซึ่งการดำเนินคดีของแต่ศาลมีความคืบหน้ามาอย่างต่อเนื่องตามกระบวนการ ตั้งแต่ปี 2560-2565 คดีอาญา ซึ่งดำเนินการตั้งแต่ปี 2559 ศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ และศาลฎีกา มีคำพิพากษาเป็นที่สุดแล้ว เมื่อ 7 ก.พ.2565 ให้จำเลยร่วมกันคืนเงินให้ ทบ.เป็นจำนวนกว่า 682 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี คดีอาญาเป็นอันสิ้นสุดลงและขณะนี้อยู่ในระหว่างการบังคับคดีให้ชดใช้เงินคืนกับกองทัพบก ในระหว่างการดำเนินคดีอาญา กองทัพบกได้ยื่นฟ้องในคดีทางปกครองควบคู่กัน โดยในคดีทางปกครองซึ่งดำเนินการตั้งแต่ปี 2559 กองทัพบกได้ดำเนินการตามคำแนะนำของสำนักงานอัยการสูงสุด ที่ให้ตรวจ จีที 200 ทุกเครื่อง เพื่อยืนยันว่าไม่มีประสิทธิภาพ และใช้เป็นสาระสำคัญประกอบการพิจารณาคดีทางปกครอง ในการนี้เพื่อให้ได้พยานหลักฐานที่เป็นประโยชน์ในทางคดี กองทัพบกจึงได้ตั้งงบประมาณในปี 2564 เพื่อตรวจสอบเครื่อง จีที 200 จำนวน 757 เครื่อง โดยส่งตรวจที่ศูนย์ทดสอบผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ สวทช. โดยเป็นการตั้งงบประมาณล่วงหน้าในขณะนั้น ก่อนที่คดีทางปกครองจะเป็นอันถึงที่สุดในปีต่อมา คือ มี.ค.2565 กรณีที่ กองทัพบกมอบให้ สวทช.เป็นผู้ดำเนินการตรวจทดสอบ จีที 200 เนื่องจาก สวทช.เป็นหน่วยงานกลาง มีมาตรฐานตามหลักการ อีกทั้งมีความเชี่ยวชาญในงานด้านนี้โดยตรง ผลการตรวจรับรองจะสามารถนำไปใช้เป็นหลักฐานที่มีความน่าเชื่อถือ อันจะเกิดประโยชน์ต่อการดำเนินคดีของทางราชการที่ ทบ.ดำเนินการอยู่ในขณะนั้น จากการวิพากษ์วิจารณ์ว่า ทำไมกองทัพบกต้องตั้งงบประมาณปี 2566 เพื่อใช้ในการตรวจสอบ จีที 200 ทั้งที่ศาลมีคำพิพากษาในคดีดังกล่าวแล้วนั้น เป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน เนื่องจากเป็นการนำข้อมูลปีงบประมาณ 2564 มาเชื่อมโยงกับคำพิพากษาของคดีที่เกิดขึ้นในปี 2565 เป็นการเปรียบเทียบผิดห้วงเวลา ทั้งนี้ ทบ.ไม่ได้ตั้งงบประมาณในปี 2566 ในเรื่องดังกล่าว สำหรับการตั้งงบประมาณเพื่อการตรวจสอบ จีที 200 นั้น หากคดีถึงที่สุดแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องใช้งบประมาณ โดยตามระเบียบราชการหากงบประมาณไม่ถูกใช้ ก็จะถูกส่งคืนตามกระบวนการงบประมาณต่อไป ส่วนข้อสงสัยที่ว่า ทำไมไม่นำคำพิพากษาในคดีอาญามาใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีทางปกครอง เพื่อจะได้ไม่ต้องส่ง จีที 200 ไปตรวจสอบนั้น ในขณะที่ตั้งงบประมาณ เพื่อขอตรวจ จีที 200 ในปี 2564 นั้น คดีอาญายังไม่ถึงที่สุด ไม่อาจรู้ผลทางคดีได้ แต่การตรวจจีที 200 เป็นสิ่งสำคัญต่อคดีทางปกครองในขณะนั้น กองทัพบกชี้แจงว่า การตั้งงบประมาณในการตรวจสอบจีที 200 จำนวน 7.57 ล้านบาท เป็นการตั้งงบประมาณก่อนที่ศาลจะมีคำพิพากษา และเป็นไปตามกระบวนการแสวงหาพยานหลักฐานประกอบคดี ภายใต้ข้อแนะนำจากหน่วยงานที่มีความเชี่ยวชาญด้านกฎหมายและวิทยาศาสตร์ และเมื่อคดีเป็นที่ยุติแล้ว ก็ได้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายเพื่อมุ่งให้ทางราชการได้รับค่าเสียหายชดเชย เพื่อรักษาประโยชน์ของกองทัพและประเทศ ทั้งนี้ นอกจากการดำเนินการตามกฎหมายต่อบริษัทคู่สัญญาแล้ว สำหรับเจ้าหน้าที่ของทางราชการที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดหาจีที 200 ก็ได้ถูกนำเข้าสู่กระบวนการสอบสวนทางวินัยและทางกฎหมายเช่นกัน อ่านข่าวอื่น องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน พร้อมช่วย "ชัชชาติ" แก้ทุจริต "รมว.ดีอีเอส" ย้ำสื่super slot msnอนำเสนอข่าวได้ไม่เข้าข่ายผิดกฎหมาย PDPA "อนุพงษ์" เปิดทาง "ชัชชาติ" ตัดสินใจปมสัมปทานบีทีเอส
วันนี้ (27 ก.ค.2567) เวลา 11.15 น. นางณัฐฏ์จารี อนันตศิลป์ เลขาธิการคณะรัฐมนตรี เป็นผู้เชิญพระบรม