Home
|
88flix

ตร.หัวหมากจับชายวัยรุ่นต้องสงสัยใช้ปืนชิงทรัพย์ย่า

88flix

วันนี้ (4 พ.ค.2565) ตำรวจ สน.ทองหล่อ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน และแพทย์นิติเวช เข้าตรวจสอบภายในบริษัทผลิตไส้กรอก และแฮม ซอยสุขุมวิท 49 แยก 6 เขตวัฒนา หลังได้รับแจ้งว่า มีเหตุผู้ถูกยิงเสียชีวิ

วันนี้ (2 มิ.ย.2565) นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ลงนามในคำสั่งกรุงเทพมหานคร ที่ 1269/2565 เรื่อง มอบหมายและมอบอำนาจให้รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร สั่งและปฏิบัติราชการแทนผู้ว่าราช

วันนี้ (15 ธ.ค.2566) จากกรณีกรมราชทัณฑ์ออกระเบียบกรมราชทัณฑ์ว่าด้วยการดำเนินการสำหรับการคุมขังในสถานที่คุมขัง พ.ศ.2566 ซึ่งประกาศ ณ วันที่ 6 ธ.ค.2566 ทำให้สังคมตั้งคำถามและเกิดความกังวลว่า จะเป็นการเอื้อประโยชน์ต่อบุคคลใดบุคคลหนึ่งหรือไม่ ต่อมาวันที่ 12 ธ.ค.2566 กรมราชทัณฑ์ได้ชี้แจงว่า ระเบียบดังกล่าว ออกโดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 7 และมาตรา 33 แห่งพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ.2560 และกฎกระทรวงกำหนดสถานที่คุมขัง พ.ศ.2563 รวมถึงข้อเสนอแนะของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) กรณีปัญหาในการดำเนินงานด้านกระบวนการยุติธรรม ที่พบจากการดำเนินโครงการตรวจเยี่ยมสถานที่เสี่ยงต่อการละเมิดสิทธิมนุษยชนเพื่อแก้ไขปัญหาความแออัดของเรือนจำ นั้น คณะกรรมการสิทธิมนุษ88flixยชนแห่งชาติ (กสม.) ขอเรียนว่า ข้อเสนอแนะที่ 1/2562 เมื่อวันที่ 22 พ.ค.2562 กสม. เสนอให้คณะรัฐมนตรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แก้ไขปัญหาความแออัดของเรือนจำ ซึ่งไม่เป็นไปตามมาตรฐานสากลขององค์การสหประชาชาติ โดยการ (1) ใช้นโยบายกระบวนการยุติธรรมทางเลือก เช่น การเบี่ยงเบนคดีอาญาออกจากกระบวนการยุติธรรมกระแสหลัก (Diversion from Criminal Justice Process)(2) การแยกสถานที่คุมขังระหว่างผู้ต้องขังเด็ดขาดกับผู้ต้องขังระหว่างพิจารณา(3) กำหนดสถานที่ควบคุมผู้ต้องขังระหว่างพิจารณาคดีและผู้ถูกกักขังแทนค่าปรับ โดยกำหนดสถานที่อื่นเพื่อการควบคุมตัวนอกเหนือจากการควบคุมตัวในเรือนจำ และต่อมา กสม. ได้มีหนังสือลงวันที่ 25 ก.พ.2565 ถึงนายกรัฐมนตรี เพื่อเน้นย้ำให้กรมราชทัณฑ์ กำหนดสถานที่ที่เหมาะสมกับผู้ต้องขังแต่ละประเภท เพื่อแก้ไขปัญหาความแออัดของเรือนจำ อันเนื่องมาจากการไม่แยกประเภทผู้ต้องขัง กสม. ยังได้ประชุมหารือกับ รมว.ยุติธรรม เมื่อเดือน ก.พ.และมี.ค.2566 ที่ผ่านมา เกี่ยวกับการปฏิบัติต่อผู้ต้องขัง สิทธิของผู้ต้องหาหรือจำเลยระหว่างการพิจารณาคดีตามหลักสันนิษฐานว่าบุคคลทุกคนเป็นผู้บริสุทธิ์ (Presumption of Innocence) ที่ได้รับการรับรองไว้ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 มาตรา 29 วรรคสอง ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน ข้อ 11 (1) และกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (International Covenant on Civil and Political Rights: ICCPR) ข้อ 14 วรรคสอง การแยกคุมขังผู้ต้องขังระหว่างพิจารณาคดีกับผู้ต้องขังเด็ดขาด การแก้ไขกฎกระทรวงออกตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 89/1 การติดอุปกรณ์ติดตามตัวอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Monitoring) หรือกำไล EM และการกำหนดสถานที่คุมขังอื่นสำหรับผู้ต้องขังในคดีความแตกต่างทางความคิดหรือความเห็นต่าง ซึ่งยังไม่มีการพิพากษาว่าเป็นผู้กระทำความผิด กสม.ขอเน้นย้ำกติกา ICCPR ข้อ 10 ที่กำหนดให้ผู้ต้องหาต้องได้รับการจำแนกออกจากผู้ต้องโทษ และต้องได้รับการปฏิบัติที่แตกต่างออกไปให้เหมาะสมกับสถานะที่ไม่ใช่ผู้ต้องโทษ นอกจากนี้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และกติกา ICCPR ยังกำหนดไว้ว่า บุคคลทั้งปวงย่อมเสมอกันในกฎหมาย และมีสิทธิที่จะได้รับความคุ้มครองเท่าเทียมกันตามกฎหมาย โดยปราศจากการเลือกปฏิบัติใด ๆ ดังนั้น สิทธิของผู้ต้องขังทุกคนต้องเสมอภาค เท่าเทียม และไม่ถูกเลือกปฏิบัติ ไม่ว่าจะมีสถานะใด ๆ อ่านข่าวอื่นๆ สหภาพยุโรปเปิดเจรจารับ "ยูเครน-มอลโดวา" เป็นสมาชิก "พิธา" วิเคราะห์ผลงานรัฐบาลเศรษฐา 100 วัน ผ่านกรอบ 5 คิด WHO เผยผลทดลองวัคซีนโควิด "XBB.1.5 โมโนวาเลนต์" รับมือโอไมครอนหลายสายพันธุ์

วันนี้ (18 ม.ค.2565) นางพิณนภา พฤกษาพรรณ หรือ มึนอ ภรรยาของนายพอละจี รักจงเจริญ หรือ บิลลี่ นักปกป้อ

วันที่ 18 ม.ค.2567 เวลา 21.00 น. ตามเวลาประเทศไทย ณ สนามซ้อม อัล เอร์ซาล 4 กรุงโดฮา ประเทศกาตาร์ ฟุต

วันนี้ (25 ส.ค.2567) เกิดเหตุพื้นทางเท้าทรุดเป็นหลุม ลึกประมาณ 2 เมตร บริเวณใต้สถานีรถไฟฟ้า สามแยกไฟ

วันนี้ (15 ธ.ค.2566) จากกรณีกรมราชทัณฑ์ออกระเบียบกรมราชทัณฑ์ว่าด้วยการดำเนินการสำหรับการคุมขังในสถานที่คุมขัง พ.ศ.2566 ซึ่งประกาศ ณ วันที่ 6 ธ.ค.2566 ทำให้สังคมตั้งคำถามและเกิดความกังวลว่า จะเป็นการเอื้อประโยชน์ต่อบุคคลใดบุคคลหนึ่งหรือไม่ ต่อมาวันที่ 12 ธ.ค.2566 กรมราชทัณฑ์ได้ชี้แจงว่า ระเบียบดังกล่าว ออกโดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 7 และมาตรา 33 แห่งพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ.2560 และกฎกระทรวงกำหนดสถานที่คุมขัง พ.ศ.2563 รวมถึงข้อเสนอแนะของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) กรณีปัญหาในการดำเนินงานด้านกระบวนการยุติธรรม ที่พบจากการดำเนินโครงการตรวจเยี่ยมสถานที่เสี่ยงต่อการละเมิดสิทธิมนุษยชนเพื่อแก้ไขปัญหาความแออัดของเรือนจำ นั้น คณะกรรมการสิทธิมนุษ88flixยชนแห่งชาติ (กสม.) ขอเรียนว่า ข้อเสนอแนะที่ 1/2562 เมื่อวันที่ 22 พ.ค.2562 กสม. เสนอให้คณะรัฐมนตรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แก้ไขปัญหาความแออัดของเรือนจำ ซึ่งไม่เป็นไปตามมาตรฐานสากลขององค์การสหประชาชาติ โดยการ (1) ใช้นโยบายกระบวนการยุติธรรมทางเลือก เช่น การเบี่ยงเบนคดีอาญาออกจากกระบวนการยุติธรรมกระแสหลัก (Diversion from Criminal Justice Process)(2) การแยกสถานที่คุมขังระหว่างผู้ต้องขังเด็ดขาดกับผู้ต้องขังระหว่างพิจารณา(3) กำหนดสถานที่ควบคุมผู้ต้องขังระหว่างพิจารณาคดีและผู้ถูกกักขังแทนค่าปรับ โดยกำหนดสถานที่อื่นเพื่อการควบคุมตัวนอกเหนือจากการควบคุมตัวในเรือนจำ และต่อมา กสม. ได้มีหนังสือลงวันที่ 25 ก.พ.2565 ถึงนายกรัฐมนตรี เพื่อเน้นย้ำให้กรมราชทัณฑ์ กำหนดสถานที่ที่เหมาะสมกับผู้ต้องขังแต่ละประเภท เพื่อแก้ไขปัญหาความแออัดของเรือนจำ อันเนื่องมาจากการไม่แยกประเภทผู้ต้องขัง กสม. ยังได้ประชุมหารือกับ รมว.ยุติธรรม เมื่อเดือน ก.พ.และมี.ค.2566 ที่ผ่านมา เกี่ยวกับการปฏิบัติต่อผู้ต้องขัง สิทธิของผู้ต้องหาหรือจำเลยระหว่างการพิจารณาคดีตามหลักสันนิษฐานว่าบุคคลทุกคนเป็นผู้บริสุทธิ์ (Presumption of Innocence) ที่ได้รับการรับรองไว้ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 มาตรา 29 วรรคสอง ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน ข้อ 11 (1) และกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (International Covenant on Civil and Political Rights: ICCPR) ข้อ 14 วรรคสอง การแยกคุมขังผู้ต้องขังระหว่างพิจารณาคดีกับผู้ต้องขังเด็ดขาด การแก้ไขกฎกระทรวงออกตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 89/1 การติดอุปกรณ์ติดตามตัวอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Monitoring) หรือกำไล EM และการกำหนดสถานที่คุมขังอื่นสำหรับผู้ต้องขังในคดีความแตกต่างทางความคิดหรือความเห็นต่าง ซึ่งยังไม่มีการพิพากษาว่าเป็นผู้กระทำความผิด กสม.ขอเน้นย้ำกติกา ICCPR ข้อ 10 ที่กำหนดให้ผู้ต้องหาต้องได้รับการจำแนกออกจากผู้ต้องโทษ และต้องได้รับการปฏิบัติที่แตกต่างออกไปให้เหมาะสมกับสถานะที่ไม่ใช่ผู้ต้องโทษ นอกจากนี้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และกติกา ICCPR ยังกำหนดไว้ว่า บุคคลทั้งปวงย่อมเสมอกันในกฎหมาย และมีสิทธิที่จะได้รับความคุ้มครองเท่าเทียมกันตามกฎหมาย โดยปราศจากการเลือกปฏิบัติใด ๆ ดังนั้น สิทธิของผู้ต้องขังทุกคนต้องเสมอภาค เท่าเทียม และไม่ถูกเลือกปฏิบัติ ไม่ว่าจะมีสถานะใด ๆ อ่านข่าวอื่นๆ สหภาพยุโรปเปิดเจรจารับ "ยูเครน-มอลโดวา" เป็นสมาชิก "พิธา" วิเคราะห์ผลงานรัฐบาลเศรษฐา 100 วัน ผ่านกรอบ 5 คิด WHO เผยผลทดลองวัคซีนโควิด "XBB.1.5 โมโนวาเลนต์" รับมือโอไมครอนหลายสายพันธุ์

วันนี้ (15 ธ.ค.2566) จากกรณีกรมราชทัณฑ์ออกระเบียบกรมราชทัณฑ์ว่าด้วยการดำเนินการสำหรับการคุมขังในสถาน