อาคารที่พักอาศัยสูง 9 ชั้น ในกรุงเคียฟ ถูกไฟโหมลุกไหม้อย่างหนัก หลังจากถูกรัสเซียโจมตีทางอากาศเมื่อชท รู สปอร์ต 2 ย้อน หลัง
วันนี้ (17 ส.ค.2564) คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานเสนอรับโอน นายบุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้ดำรงตำแ
วันนี้ (14 มิย.2565) น.ส.รสนา โตสิตระกูล โพสต์เฟซบุ๊ก รสนา โตสิตระกูล โดยระบุถึง การส่งหนังสือ ถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โดยผลเจรจาของคณะกรรมการกับบีทีเอสขัดต่อคำสั่งคสช.ที่ 3/2562 ขอให้เพิกถอนและหยุดบีบ กทม.ต่อสัมปทานอีก 30 ปี แลกหนี้รัฐบาล โดยมีเนื้อหา ดังนี้ ดิฉันส่งหนังสือขอให้ท่านนายกรัฐมนตรี พล.อ ประยุทธ์ จันทร์โอชา พิจารณายกเลิกและเพิกถอนผลเจรจาระหว่างคณะกรรมการที่ตั้งขึ้นตามคำสั่งมาตรา 44 ของ คสช.ที่ 3/2562 กับบริษัทผู้รับสัมปทาน(บีทีเอส) ในข้อ 3 วรรคสอง ซึ่งผลการเจรจาดังกล่าวตัดสินให้ กทม.ต้องขยายเวลาสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนหลัก (จากสถานีหมอชิต - สถานีอ่อนนุช) ซึ่งจะหมดอายุในปี 2572 โดยขยายเวลาไปถึงปี 2602 ในราคา 65 บาทตลอดสายเพื่อแลกกับหนี้ค่าเดินรถส่วนต่อขยาย (2) ประมาณ 40,000 ล้านบาท และหนี้ค่าก่อสร้างส่วนต่อขยาย(2) อีกประมาณ 60,000 ล้านบาท (ตามเอกสารแนบ 1) ผลสรุปดังกล่าวเป็นการเจรจาที่ขัดต่อสาระหลักในข้อ 3 วรรคสี่ของคำสั่ง คสช.ที่3/2562 FB : รสนา โตสิตระกูล FB : รสนา โตสิตระกูล FB : รสนา โตสิตระกูล FB : รสนา โตสิตระกูล ข้อ 3 วรรคสี่ ระบุว่า “ในการดําเนินการตามวรรคสองและวรรคสาม ต้องคํานึงถึงประโยชน์ของรัฐและประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนหรือผู้ใช้บริการ ความสะดวกและความปลอดภัยในการใช้บริการ การประหยัดค่าโดยสาร และการแบ่งปันผลประโยชน์ต่อภาครัฐอย่างเหมาะสมและเป็นธรรม” นั้น FB : รสนา โตสิตระกูล FB : รสนา โตสิตระกูล รถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนหลักจะหมดอายุสัมปทานในปี 2572 และตกเป็นสมบัติของ กทม.โดยคนกทม.เป็นผู้จ่ายการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานระบบรางของรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนหลักผ่านค่าโดยสารตลอดอายุสัมปทาน 30 ปี (2542 - 2572) เมื่อรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนหลักตกเป็นสมบัติ กทม.ค่าโดยสารหลังปี 2572 หลังหมดสัญญาสัมปทานแล้วจะไม่มีต้นทุนค่าโครงสร้างระบบรางจะเหลือเพียงค่าใช้จ่ายการเดินรถ และค่าบำรุงรักษา เมื่อพิจารณาจากงบการเงินของบริษัทบีทีเอส พบว่าระหว่างปี 2557-2562 ต้นทุนการเดินรถเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 10 - 16 บาทต่อเที่ยว และในปี 2562 ที่การเดินรถรวมส่วนต่อขยายที่ (1 ) และ (2) มีต้นทุนเพียง 15.70 บาทเท่านั้น (เอกสารแนบที่ 2 ) FB : รสนา โตสิตระกูล FB : รสนา โตสิตระกูล นอกจาก ค่าโดยสารจะถูกลงแล้ว กทม.ยังจะได้รับรายได้ในการเช่าพื้นที่เชิงพาณิชย์ ค่าโฆษณา และ ค่าเช่าการเชื่อมต่อกับพื้นที่เอกชนที่เป็นรายได้ต่อปีอย่างน้อย 5,000 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นรายได้ของ กทม.ในการพัฒนาเมืองกรุงเทพด้านขนส่งสาธารณะให้มีราคาถูกลงทั้งระบบได้ FB : รสนา โตสิตระกูล FB : รสนา โตสิตระกูล ดังนั้นค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียวและส่วนต่อขยาย (1)+(2) จะมีราคาถูกลงกว่า 65 บาทตลอดสาย และ กทม.ยังมีรายได้จากพื้นที่เชิงพาณิชย์และโฆษณาของกิจการรถไฟฟ้าตลอด 30 ปี ไม่ต่ำกว่า 150,000 ล้านบาท โดยคน กทม.ไม่ต้องแบกรับภาระค่าโดยสารแพงถึง 65 บาทอย่างแน่นอน FB : รสนา โตสิตระกูล FB : รสนา โตสิตระกูล การที่คณะกรรมการเจรจาต่อรองกับผู้รับสัมปทาน และให้ขยายเวลาสัมปทานไปอีก 30 ปี ในราคา 65 บาทย่อมขัดต่อคำสั่งคสช.ที่ 3/2562 ในข้อ3 วรรคสี่ระบุว่า “ที่ต้องคํานึงถึงประโยชน์ของรัฐและประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนหรือผู้ใช้บริการ ความสะดวกและความปลอดภัยในการใช้บริการ การประหยัดค่าโดยสาร และการแบ่งปันผลประโยชน์ต่อภาครัฐอย่างเหมาะสมและเป็นธรรม” FB : รสนา โตสิตระกูล FB : รสนา โตสิตระกูล กรณีการนำหนี้การเดินรถ และค่าก่อสร้างระบบรางในส่วนต่อขยาย (2) ที่ไม่ใช่สมบัติของ กทม. แต่ในความเป็นจริงนั้นเป็นสมบัติของ รฟม.กระทรวงคมนาคม ทั้งยังเป็นเส้นทางการเดินรถจาก จ.ปทุมธานี และ จ.สมุทรปราการ ซึ่งอยู่นอกเขตการรับผิดชอบของ กทม.อีกด้วยนั้นมาบีบให้ผู้ว่าฯกทม.ต้องต่อสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนหลักไปอีก 30 ปีในราคา 65บาท เพื่อแลกกับการใช้หนี้ส่วนต่อขยาย (2) ที่ไม่ใช่ทรัพย์สินของ กทม.นั้นจึงขาดความเป็นธรรมอย่างยิ่ง FB : รสนา โตสิตระกูล FB : รสนา โตสิตระกูล รัฐบาลย่อมทราบดีอยู่แล้วว่า การก่อสร้างส่วนต่อขยาย (2) นั้นมีการประเมินผลแลท รู สปอร์ต 2 ย้อน หลัง้วว่าไม่คุ้มค่าเชิงธุรกิจ แม้จะคุ้มค่าทางเศรษฐกิจที่สามารถช่วยให้ประชาชนจาก จ.ปทุมธานี และ จ.สมุทรปราการ เดินทางเข้ามาใน กทม.ได้สะดวก แต่ค่าใช้จ่ายทั้งการเดินรถ และค่าก่อสร้างส่วนต่อขยาย (2) ก็ควรเป็นภาระของรัฐบาล และ หรือกระทรวงคมนาคม ไม่ใช่ภาระของคน กทม.ที่ต้องแบกรับหนี้ก้อนนี้โดยแลกกับการที่คน กทม.ต้องจ่ายค่าโดยสารแพงถึง 65 บาทตลอดสายไปอีก 30 ปี ดิฉันเห็นว่า หนี้ค่าเดินรถส่วนต่อขยาย (2) จำนวน 40,000 ล้านบาท รัฐบาลและ/หรือ รฟม.กระทรวงคมนาคมควรรับผิดชอบจ่ายให้บีทีเอส เพื่อยุติการฟ้องร้องระหว่างบีทีเอส และ กทม. ทั้งนี้ เพื่อมิให้เป็นเงื่อนไขที่จะบีบบังคับผู้ว่า กทม.ให้สมยอมรับผิดชอบขยายสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนหลักไปอีก 30 ปี เพื่อแก้ปัญหาหนี้ให้กับ รฟม.และรัฐบาล FB : รสนา โตสิตระกูล FB : รสนา โตสิตระกูล ดิฉันจึงขอให้ท่านนายกรัฐมนตรีพิจารณายกเลิกข้อเจรจาระหว่างคณะกรรมการที่ตั้งขึ้นตามคำสั่งคสช.ที่ 3/2562 และบริษัท บีทีเอส ซึ่งข้อตกลงขัดต่อสาระหลักในข้อ 3 วรรคสี่ และขอให้รัฐบาลยุติการบีบบังคับให้ กทม.ต้องขยายสัญญาสัมปทานไปอีก 30ปี ในราคา 65 บาท ดิฉันได้ส่งสำเนาหนังสือกราบเรียนนายกรัฐมนตรี พล.อ ประยุทธ์ จันทร์โอชา เรียนพล.อ อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.กระทรวงมหาดไทย และคุณชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯกทม.ด้วยแล้ว
วันนี้ (15 ก.ค.2565) นายอานุภาพ ส.ก.เขตสาทร พรรคก้าวไกล ได้เผยแพร่ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า เพื่อไม
ท รู สปอร์ต 2 ย้อน หลัง -slotv9 pgmgm99f1 สมัคร 918kiss 100www555 เครดิต ฟรี, หวย รัฐบาล ไทยรัฐ, 1 star vegas ได้ เงิน จริง ไหม
อาคารที่พักอาศัยสูง 9 ชั้น ในกรุงเคียฟ ถูกไฟโหมลุกไหม้อย่างหนัก หลังจากถูกรัสเซียโจมตีทางอากาศเมื่อชท รู สปอร์ต 2 ย้อน หลัง
วันนี้ (17 ส.ค.2564) คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานเสนอรับโอน นายบุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้ดำรงตำแ
วันนี้ (14 มิย.2565) น.ส.รสนา โตสิตระกูล โพสต์เฟซบุ๊ก รสนา โตสิตระกูล โดยระบุถึง การส่งหนังสือ ถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โดยผลเจรจาของคณะกรรมการกับบีทีเอสขัดต่อคำสั่งคสช.ที่ 3/2562 ขอให้เพิกถอนและหยุดบีบ กทม.ต่อสัมปทานอีก 30 ปี แลกหนี้รัฐบาล โดยมีเนื้อหา ดังนี้ ดิฉันส่งหนังสือขอให้ท่านนายกรัฐมนตรี พล.อ ประยุทธ์ จันทร์โอชา พิจารณายกเลิกและเพิกถอนผลเจรจาระหว่างคณะกรรมการที่ตั้งขึ้นตามคำสั่งมาตรา 44 ของ คสช.ที่ 3/2562 กับบริษัทผู้รับสัมปทาน(บีทีเอส) ในข้อ 3 วรรคสอง ซึ่งผลการเจรจาดังกล่าวตัดสินให้ กทม.ต้องขยายเวลาสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนหลัก (จากสถานีหมอชิต - สถานีอ่อนนุช) ซึ่งจะหมดอายุในปี 2572 โดยขยายเวลาไปถึงปี 2602 ในราคา 65 บาทตลอดสายเพื่อแลกกับหนี้ค่าเดินรถส่วนต่อขยาย (2) ประมาณ 40,000 ล้านบาท และหนี้ค่าก่อสร้างส่วนต่อขยาย(2) อีกประมาณ 60,000 ล้านบาท (ตามเอกสารแนบ 1) ผลสรุปดังกล่าวเป็นการเจรจาที่ขัดต่อสาระหลักในข้อ 3 วรรคสี่ของคำสั่ง คสช.ที่3/2562 FB : รสนา โตสิตระกูล FB : รสนา โตสิตระกูล FB : รสนา โตสิตระกูล FB : รสนา โตสิตระกูล ข้อ 3 วรรคสี่ ระบุว่า “ในการดําเนินการตามวรรคสองและวรรคสาม ต้องคํานึงถึงประโยชน์ของรัฐและประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนหรือผู้ใช้บริการ ความสะดวกและความปลอดภัยในการใช้บริการ การประหยัดค่าโดยสาร และการแบ่งปันผลประโยชน์ต่อภาครัฐอย่างเหมาะสมและเป็นธรรม” นั้น FB : รสนา โตสิตระกูล FB : รสนา โตสิตระกูล รถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนหลักจะหมดอายุสัมปทานในปี 2572 และตกเป็นสมบัติของ กทม.โดยคนกทม.เป็นผู้จ่ายการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานระบบรางของรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนหลักผ่านค่าโดยสารตลอดอายุสัมปทาน 30 ปี (2542 - 2572) เมื่อรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนหลักตกเป็นสมบัติ กทม.ค่าโดยสารหลังปี 2572 หลังหมดสัญญาสัมปทานแล้วจะไม่มีต้นทุนค่าโครงสร้างระบบรางจะเหลือเพียงค่าใช้จ่ายการเดินรถ และค่าบำรุงรักษา เมื่อพิจารณาจากงบการเงินของบริษัทบีทีเอส พบว่าระหว่างปี 2557-2562 ต้นทุนการเดินรถเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 10 - 16 บาทต่อเที่ยว และในปี 2562 ที่การเดินรถรวมส่วนต่อขยายที่ (1 ) และ (2) มีต้นทุนเพียง 15.70 บาทเท่านั้น (เอกสารแนบที่ 2 ) FB : รสนา โตสิตระกูล FB : รสนา โตสิตระกูล นอกจาก ค่าโดยสารจะถูกลงแล้ว กทม.ยังจะได้รับรายได้ในการเช่าพื้นที่เชิงพาณิชย์ ค่าโฆษณา และ ค่าเช่าการเชื่อมต่อกับพื้นที่เอกชนที่เป็นรายได้ต่อปีอย่างน้อย 5,000 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นรายได้ของ กทม.ในการพัฒนาเมืองกรุงเทพด้านขนส่งสาธารณะให้มีราคาถูกลงทั้งระบบได้ FB : รสนา โตสิตระกูล FB : รสนา โตสิตระกูล ดังนั้นค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียวและส่วนต่อขยาย (1)+(2) จะมีราคาถูกลงกว่า 65 บาทตลอดสาย และ กทม.ยังมีรายได้จากพื้นที่เชิงพาณิชย์และโฆษณาของกิจการรถไฟฟ้าตลอด 30 ปี ไม่ต่ำกว่า 150,000 ล้านบาท โดยคน กทม.ไม่ต้องแบกรับภาระค่าโดยสารแพงถึง 65 บาทอย่างแน่นอน FB : รสนา โตสิตระกูล FB : รสนา โตสิตระกูล การที่คณะกรรมการเจรจาต่อรองกับผู้รับสัมปทาน และให้ขยายเวลาสัมปทานไปอีก 30 ปี ในราคา 65 บาทย่อมขัดต่อคำสั่งคสช.ที่ 3/2562 ในข้อ3 วรรคสี่ระบุว่า “ที่ต้องคํานึงถึงประโยชน์ของรัฐและประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนหรือผู้ใช้บริการ ความสะดวกและความปลอดภัยในการใช้บริการ การประหยัดค่าโดยสาร และการแบ่งปันผลประโยชน์ต่อภาครัฐอย่างเหมาะสมและเป็นธรรม” FB : รสนา โตสิตระกูล FB : รสนา โตสิตระกูล กรณีการนำหนี้การเดินรถ และค่าก่อสร้างระบบรางในส่วนต่อขยาย (2) ที่ไม่ใช่สมบัติของ กทม. แต่ในความเป็นจริงนั้นเป็นสมบัติของ รฟม.กระทรวงคมนาคม ทั้งยังเป็นเส้นทางการเดินรถจาก จ.ปทุมธานี และ จ.สมุทรปราการ ซึ่งอยู่นอกเขตการรับผิดชอบของ กทม.อีกด้วยนั้นมาบีบให้ผู้ว่าฯกทม.ต้องต่อสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนหลักไปอีก 30 ปีในราคา 65บาท เพื่อแลกกับการใช้หนี้ส่วนต่อขยาย (2) ที่ไม่ใช่ทรัพย์สินของ กทม.นั้นจึงขาดความเป็นธรรมอย่างยิ่ง FB : รสนา โตสิตระกูล FB : รสนา โตสิตระกูล รัฐบาลย่อมทราบดีอยู่แล้วว่า การก่อสร้างส่วนต่อขยาย (2) นั้นมีการประเมินผลแลท รู สปอร์ต 2 ย้อน หลัง้วว่าไม่คุ้มค่าเชิงธุรกิจ แม้จะคุ้มค่าทางเศรษฐกิจที่สามารถช่วยให้ประชาชนจาก จ.ปทุมธานี และ จ.สมุทรปราการ เดินทางเข้ามาใน กทม.ได้สะดวก แต่ค่าใช้จ่ายทั้งการเดินรถ และค่าก่อสร้างส่วนต่อขยาย (2) ก็ควรเป็นภาระของรัฐบาล และ หรือกระทรวงคมนาคม ไม่ใช่ภาระของคน กทม.ที่ต้องแบกรับหนี้ก้อนนี้โดยแลกกับการที่คน กทม.ต้องจ่ายค่าโดยสารแพงถึง 65 บาทตลอดสายไปอีก 30 ปี ดิฉันเห็นว่า หนี้ค่าเดินรถส่วนต่อขยาย (2) จำนวน 40,000 ล้านบาท รัฐบาลและ/หรือ รฟม.กระทรวงคมนาคมควรรับผิดชอบจ่ายให้บีทีเอส เพื่อยุติการฟ้องร้องระหว่างบีทีเอส และ กทม. ทั้งนี้ เพื่อมิให้เป็นเงื่อนไขที่จะบีบบังคับผู้ว่า กทม.ให้สมยอมรับผิดชอบขยายสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนหลักไปอีก 30 ปี เพื่อแก้ปัญหาหนี้ให้กับ รฟม.และรัฐบาล FB : รสนา โตสิตระกูล FB : รสนา โตสิตระกูล ดิฉันจึงขอให้ท่านนายกรัฐมนตรีพิจารณายกเลิกข้อเจรจาระหว่างคณะกรรมการที่ตั้งขึ้นตามคำสั่งคสช.ที่ 3/2562 และบริษัท บีทีเอส ซึ่งข้อตกลงขัดต่อสาระหลักในข้อ 3 วรรคสี่ และขอให้รัฐบาลยุติการบีบบังคับให้ กทม.ต้องขยายสัญญาสัมปทานไปอีก 30ปี ในราคา 65 บาท ดิฉันได้ส่งสำเนาหนังสือกราบเรียนนายกรัฐมนตรี พล.อ ประยุทธ์ จันทร์โอชา เรียนพล.อ อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.กระทรวงมหาดไทย และคุณชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯกทม.ด้วยแล้ว
วันนี้ (15 ก.ค.2565) นายอานุภาพ ส.ก.เขตสาทร พรรคก้าวไกล ได้เผยแพร่ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า เพื่อไม